วันเสาร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

C) Experience : ทริปอินเดีย 1

รวมเรื่องทริปอินเดีย


     วันนี้ออกเดินทางแต่เช้าไปสนามบินสุวรรณภูมิคิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างเรียบ พอจะไปเช็คอิน พบว่าเอาพาสปอร์ตมาผิดเล่ม ต้องให้อ.โซ่ยวิ่งเอามาให้ ขอบคุณพระเจ้าเรียบร้อยไปหนึ่ง พอเดินเข้าpassport control โอ้โห..คิวยาวเหยียดแบบพับไปพับมาเลยครับ สงสัยคงกำลังปรับปรุงบริเวณนั้น แถวของคนไทยก็ไม่มีแล้ว รวมกันหมด เมื่อเข้าไปข้างในแล้วก่อนจะเข้าไปรอในห้องก่อนขึ้นเครื่อง ก็ให้สงสัยขึ้นมาว่าทำไมอินเดียจึงเข้มงวดจัง มีด่านด้านหน้าตรวจก่อนเข้าห้องอีกรอบด้วย ทำอย่างกับพวกเดินทางไปอิสราเอลเลย วันนี้เห็นการตรวจตราเข้มแข็งแบบนี้ ก็นึกว่าพวกอาจารย์จะผ่านด่านต่างๆไม่ทันเสียแล้ว สุดท้ายก็เข้ามาได้ เกือบไป การมาเที่ยวนี้ผมแยกนั่งกับคนอื่นๆ เพราะรอพาสปอร์ตอยู่

     และแล้วการเดินทางก็เริ่มต้นขึ้น เราบินจากกรุงเทพฯไปเปลี่ยนเครื่องที่มุมไบ ตอนเช็คอินเขาก็บอกว่าต้องถือกระเป๋าไปเปลี่ยนเครื่องเอง มีเพียงสองประเทศเท่านั้นที่ทำอย่างนี้คือจีนและอินเดีย การบินนี้ใช้เวลานานมากครับ ประมาณสี่ชั่วโมงกว่าๆ กว่าจะถึงมุมไบ ระหว่างนั่งอยู่บนเครื่องก็นึกถึงโธมัสอัครทูต เดินทางอย่างไรหนอ ล่องเรือข้ามน้ำข้ามแผ่นดินไปไกลมากๆ เมื่อบินไปถึงมุมไบเห็นคล้ายควันแบบภาพที่ลงไว้ครั้งก่อนให้ดูที่ผมถามว่านี่อะไรกันหมอกหรือควันรถกันแน่ มาถึงนี้แล้วตอนนี้ก็เข้าใจผิดนึกว่าควันรถ แต่ไม่ใช่ครับ หมอกฝนเต็มไปหมด เมื่อถึงimmigrationก็ทำตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่เช็คอินคนก่อน รับกระเป๋ามาแล้วก็ไปตรวจกระเป๋าเพื่อเอาไปโหลดขึ้นเครื่อง แถวยาวอีกแล้วครับ ขอบคุณพระเจ้าอีกครั้ง เจ้าหน้าที่มาเรียกคนที่ไปKochi ก็คือเรา เราก็เลยไปสแกนกระเป๋าอย่างรวดเร็ว เสร็จก็ออกไปขึ้นรถบัส ผมก็นึกว่าจะได้ไปขึ้นเครื่องบิน ที่ไหนได้ พาไปimigrationอีกทีในประเทศ แล้วก็ต้องลากกระเป๋าไปตรวจเช็คอีกแล้วก็ฝากกระเป๋าไว้ ส่วนเราก็ไปต่อคิวรอที่จะได้ขึ้นเครื่อง ที่ไหนได้ ยังไม่ใช่ ต้องไปต่อคิวสแกนอีกรอบ ตอนนั้นเข้าใจว่าพวกเราคงจะเบลอๆแล้วครับ ปรากฏว่าต่อแถวผิด เครื่องบินที่จะไปไม่ใช่อยู่ตรงนี้ รีบเอาสัมภาระที่กำลังสแกนอยู่ออกมาวิ่งขึ้นไปชั้นบน เจอแถวสแกนคิวยาวอีกแล้ว เหลือเวลาขึ้นเครื่องอีกเพียงครึ่งชั่วโมง กว่าจะผ่านตรงนี้ได้เหลืออีกไม่ถึงยี่สิบนาที เจ้าหน้าที่เรียกใหญ่ “ประกาศครั้งสุดท้ายๆ” วิ่งแน่บครับ เฮ่อ.. เหนื่อยครับ เหนื่อยมากๆ ความที่มีระเบิดที่สนามบินนี้ช่วงที่ผ่านมา เขาเลยเข้มงวดกันมาก

     ที่ตรงนี้ที่มีการสแกนกัน สังเกตุว่าเขาแยกผู้หญิงกับผู้ชายออกจากกัน ไปสแกนกันคนละที่ เออ..แปลกดีแหะ นั่งเครื่องบินต่อไปลงที่Kochi เที่ยวบินนี้แปลก เป็นเหมือนlow cost ไม่มีแจกน้ำอาหาร ต้องซื้อ ส่วนเที่ยวที่มาทีแรกแจกน้ำและอาหาร ทั้งๆที่เป็นสายการบินเดียวกัน มีสองระบบหรืออย่างไร บินไปชั่วโมงกว่าๆแต่ว่าถึงlateมากครับ เพราะผู้โดยสารกว่าจะผ่านด่านตรวจมาขึ้นเครื่องได้ก็สาย สรุปว่ามาถึงเอาเกือบสี่โมงเย็น เดินทางทั้งวันเลยครับกว่าจะมาถึง ที่สายพานรอกระเป๋าก็เห็นความแปลกอีกอย่าง ผู้หญิงเป็นเจ้าหน้าที่ลำเลียงกระเป๋า?? แปลกดี ใช้ผู้หญิง?? พอออกมาก็พบศบ.ที่มารอรับและส่งเราขึ้นรถที่อ.ประกาศิตบอกว่ารถแท๊กซี่ แต่ว่าดีมากๆ ค่อยยังชั่วหน่อย
     นี่ถ่ายตอนออกมาจากสนามบิน ระหว่างทางไม่มีอารมณ์ถ่ายเลย ไม่ได้เก็บภาพแม้แต่รูปเดียว แค่ต้องเอาตัวให้รอดให้ได้เท่านั้น


ระหว่างทางจากสนามบินไปที่พัก 75 กม. มีแต่ต้นไม้เต็มไปหมด


    ศบ.คนนี้เขาบอกว่าให้เราไปเข้าที่พักเถิด ทางนี้เขาจัดการรอรับเอง(ขณะที่ผมกำลังพิมพ์อยู่นี้ก็ยังมาไม่ถึงครับ สี่ทุ่มครึ่งแล้ว บ้านเราเที่ยงคืน วันนี้อินเตอร์เน็ตโรงแรมเสีย ส่งบทความไม่ได้) เมื่อขึ้นมานั่งบนรถ ระยะทางจากสนามบินไปKottayam 75 กม. แต่พี่น้องเชื่อไหมครับ ใช้เวลาเดินทาง 3 ชั่วโมง 20 นาที จาก 16.00 น. ออกมาจากที่นั่น มาถึงโรงแรม 19.20 น. ถนนที่วิ่งเลนเดียว และวิ่งวกไปวกมา ถนนเป็นหลุมเป็นบ่อ ผมให้คะแนนเป็นรองอัฟริกานิดเดียว อ.อารมณ์ที่ไปด้วยกันอาเจียรแล้วอาเจียรอีกเพราะถนนที่วกวนนี่แหละครับ ขอบคุณพระเจ้า มาถึงเสียที ผจญภัยมานานมาก นึกถึงอ.มัทธิว เลยครับ ขยันไปประกาศที่ประเทศไทยมาก นึกถึงความยากลำบากในการเดินทางแล้ว ใช้เวลามากแล้วนับถือเลยครับ อ้อ.. ขอบคุณพระเจ้าเรื่องโรงแรมหน่อยครับ ห้องของผมพัก 3 คน แขกมาพักเต็มหมด เขาเลยให้พวกเรา 3 คน พักห้องสูทคิดราคาเดิม Praise the Lord! พรุ่งนี้คงได้ไปพบอ.มัทธิวกับอ.โธมัส แล้วคงได้เห็นโบสถ์ด้วย

     สำหรับที่นี่ก็เหมือนภาคใต้+ภาคเหนือบ้านเราครับ เต็มไปด้วยต้นไม้ ป่าเต็มไปหมด ชุ่มชื้น ยังนึกอยู่เลย คนพันล้านคนแต่ยังมีป่าอยู่ในประเทศด้วย ทำได้ไงเนี่ย ที่ที่มาก็คล้ายๆอำเภอๆหนึ่งในบ้านเราครับ

1 ความคิดเห็น: