วันเสาร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ชีวิตพระเยซูคริสต์ : คำสอนให้มีความเมตตากรุณาปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างที่อยากให้เขาปฏิบัติต่อท่าน

     แบ่งปันต่อครับ


Luke 6:27 “แต่​เรา​บอก​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ที่​กำลัง​ฟัง​อยู่​ว่า จง​รัก​ศัตรู​ของ​ท่าน จง​ทำ​ดี​แก่​ผู้​ที่​เกลียด​ชัง​ท่าน​
Luke 6:28 จง​อวย​พร​แก่​คน​ที่​แช่ง​ด่า​ท่าน จง​อธิษฐาน​เพื่อ​คน​ที่​เคี่ยวเข็ญ​ท่าน​
Luke 6:29 ผู้ใด​ตบ​แก้ม​ของ​ท่าน​ข้าง​หนึ่ง จง​หัน​อีก​ข้าง​หนึ่ง​ให้​เขา​ด้วย และ​ผู้ใด​ริบ​เอา​เสื้อ​คลุม​ของ​ท่าน​ไป ถ้า​เขา​จะ​เอา​เสื้อ​ด้วย​ก็​อย่า​หวง​ห้าม​
Luke 6:30 จง​ให้แก่​ทุก​คน​ที่​ขอ​จาก​ท่าน และ​ถ้า​ใคร​ได้​ริบ​ของ​ของ​ท่าน​ไป อย่า​ทวง​เอา​คืน​
Luke 6:31 จง​ปฏิบัติ​ต่อ​ผู้อื่น​อย่าง​ที่​ท่าน​ปรารถนา​ให้​เขา​ปฏิบัติ​ต่อ​ท่าน
Luke 6:32 “แม้ว่า​ท่าน​ทั้ง​หลาย​รัก​ผู้​ที่​รัก​ท่าน จะ​ทรง​นับว่า​เป็น​คุณ​อะไร​แก่​ท่าน ถึงแม้​คน​บาป​ก็​ยัง​รัก​ผู้​ที่​รัก​เขา​เหมือน​กัน​
Luke 6:33 ถ้า​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ทำ​ดี​แก่​ผู้​ที่​ทำ​ดี​แก่​ท่าน จะ​ทรง​นับว่า​เป็น​คุณ​อะไร​แก่​ท่าน เพราะ​ว่า​คน​บาป​ก็​กระทำ​เหมือน​กัน​
Luke 6:34 ถ้า​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ให้ยืม​เฉพาะ​แต่​ผู้​ที่​ท่าน​หวัง​จะ​ได้​คืน​จาก​เขา​อีก จะ​ทรง​นับว่า​เป็น​คุณ​อะไร​แก่​ท่าน ถึงแม้​คน​บาป​ก็​ยัง​ให้​คน​บาป​ยืม โดย​หวัง​ว่า​จะ​ได้รับ​คืน​จาก​เขา​เท่ากัน​
Luke 6:35 แต่​จง​รัก​ศัตรู​ของ​ท่าน​ทั้ง​หลาย และ​ทำ​การ​ดี​ต่อ​เขา จง​ให้​เขา​ยืม​โดย​ไม่​หวัง​ที่​จะ​ได้​คืน​อีก บำเหน็จ​ของ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​จึง​จะ​มี​บริบูรณ์ และ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​จะ​เป็น​บุตร​ของ​พระ​เจ้า​สูงสุด เพราะ​ว่า​พระ​องค์​ยัง​ทรง​โปรด​แก่​คน​อกตัญญู​และ​คน​ชั่ว​
Luke 6:36 ท่าน​ทั้ง​หลาย​จง​มี​ความ​เมตตา​กรุณา เหมือน​อย่าง​พระ​บิดา​ของ​ท่าน​มี​พระ​ทัย​เมตตา​กรุณา​

     คำสอนของพระเยซูในข้อ 31 บอกเราว่า  "จง​ปฏิบัติ​ต่อ​ผู้อื่น​อย่าง​ที่​ท่าน​ปรารถนา​ให้​เขา​ปฏิบัติ​ต่อ​ท่าน"  ยกตัวอย่างเช่น

     ต้องการให้ศัตรูรักท่าน ก็ต้องรักศัตรู  ต้องการเปลี่ยนใจคนที่เกลียดชังท่าน ก็ต้องรักเขา คือว่าอยากให้เขาทำอะไรแก่เรา  เราต้องทำสิ่งนั้นก่อน

     คนที่แช่งด่า คนที่เคี่ยวเข็ญท่าน อยากเปลี่ยนให้เขาอวยพรท่าน ก็ต้องอวยพรเขาก่อน

     ต้องการให้เขาให้แก่เรา เราก็ต้องให้แก่เขาก่อน เช่น ตบแก้ม ให้แก้มอีกข้าง  เรื่องเกี่ยวกับร่างกายของเราต้องการให้เขาทำอะไรแก่เรา เราก็ให้สิ่งนั้นก่อน ในที่นี้คงไม่ได้หมายถึงต้องการให้เขาทำร้ายร่างกายท่าน ก็ต้องทำร้ายร่างกายเขาก่อน  คงไม่ใช่สิ่งนี้  แต่หมายถึงในทางกลับกัน อยากให้เขาทำดี อยากให้เขาปรารถนาดี อยากให้เขาเป็นมิตร อยากให้เขาพูดคุยกับท่านด้วยดี  อยากให้เขามีมิตรไมตรี ฯลฯ เราก็ควรทำสิ่งนั้นก่อน  อยากจะยกตัวอย่างของนักศึกษาพยาบาลที่มาขอคำปรึกษาจากผมเนื่องด้วยว่า นักศึกษาในหอพักนั้นไม่มีใครพูดคุยด้วยกับเขา เพราะเข้าใจเขาผิด ทำอย่างไรดี  ผมตอบไปว่าทำดีตอบแก่คนที่เคี่ยวเข็ญท่าน   แม้เขาไม่คุย แต่เราก็คุย ทักทาย ปฏิบัติอย่างดีต่อเขา แม้เขาไม่ปฏิบัติต่อเรา ทั้งหอพักเลยนะครับที่ทำเช่นนี้กับเขา  หลังจากนั้นเขาก็ทำตามที่ผมแนะนำ  ขอบคุณพระเจ้า ได้ผล เปลี่ยนจิตเปลี่ยนใจคนในหอพักนั้นให้เข้าใจเขา ไม่เข้าใจผิด และกลับมาเป็นเพื่อนเหมือนเดิม

     หรือเรื่องเกี่ยวกับเครื่องนุ่งห่ม เครื่องใช้ข้าวของของท่านก็เช่นกัน แบบเดียวกัน

     พระเจ้าได้พูดต่อไปว่า ถ้าเราทำดี แก่ผู้ที่ทำดีต่อเรา  ให้ยืมเมื่อหวังจะได้คืน ฯลฯ จะเป็นคุณอะไรแก่เรา จะมีประโยชน์อะไรแก่เรา คนทั่วๆไปก็ทำเช่นนี้เหมือนกัน

     สรุปความจากพระคัมภีร์ตอนนี้ ในข้อ 34 จากทั้งหมดที่กล่าวมา  จงรักศัตรู ทำการดีต่อเขา และจงให้โดยไม่หวังจะได้คืน  แล้วบำเหน็จของพระเจ้าจะมีแก่เราในสวรรค์ แล้วท่านทั้งหลายจะเป็นบุตรของพระเจ้า เพราะพระลักษณะของพระเจ้าคือมีความเมตตากรุณา ถ้าเราได้กระทำดังนี้แล้ว เราจะเป็นลูกของพระเจ้าที่มีพระลักษณะเหมือนพระเจ้า คือมีความเมตตากรุณา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น