วันเสาร์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2553

A) Word of God : เหตุการณ์ในยุดก่อนพระเยซูเสด็จมาและการเตรียมตัว


สำหรับเนื้อหาที่จะแบ่งปันในสัปดาห์ที่ผ่านมา(ซึ่งเพิ่งจะมีโอกาสได้เอาลงบล็อก) คือเรื่องเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นก่อนที่พระเยซูคริสต์จะเสด็จกลับมา เพื่อเราจะรู้ตัว เตรียมพร้อม และดำเนินชีวิตโดยการระแวดระวัง มัทธิวบทที่ 24 และในหนังสือพระกิตติคุณเล่มอื่นๆ  ได้พูดถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในยุคสุดท้าย ซึ่งเราจำเป็นต้องระมัดระวัง เตรียมตัว เตรียมพร้อมเพื่อไม่ถูกล่อลวงไป  มีเรื่องเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นก่อนพระเยซูคริสต์จะเสด็จมาและเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคใหม่  พระคัมภีร์ใช้คำว่ายุคเก่าและยุคใหม่ในตอนต้นของบท  แสดงว่าการเสด็จมาของพระเยซูจะเป็นเหตุการณ์ตอนสิ้นสุดยุคเก่าซึ่งก็คือยุคที่เราอยู่ในปัจจุบันนี้  ไปสู่ยุคใหม่ซึ่งเป็นยุคพันปี  ยุคที่ไม่มีผีมารซาตานมาล่อลวงอีกต่อไปเพราะถูกคุมขังไว้ในคุกที่บาดาล  ยุคที่คนที่ฟื้นจากความตายครั้งแรกซึ่งก็คือพี่น้องคริสเตียนที่มีความเชื่อแท้จริง ไม่ได้เป็นแต่คริสเตียนในนาม จะได้ครอบครองร่วมกับพระคริสต์พันปี
ที่นี่ในเหตุการณ์ก่อนที่พระเยซูคริสต์จะกลับมาซึ่งอยู่ในยุคเก่านั้นในมัทธิว บทที่ 24 จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง  ผมสรุปความคิดมาได้ 15 ข้อ  บางทีเมื่อพี่น้องอ่านพระคัมภีร์ พี่น้องอาจเห็นประเด็นปลีกย่อยมากกว่าผมก็ได้
1. คนมาอ้างนามว่าตัวเขาเป็นพระคริสต์
2. ข่าวลือเรื่องสงคราม
3. การต่อสู้กันระหว่างประชาชาติและราชอาณาจักร
4. การกันดารอาหารและแผ่นดินไหว
5. การอายัดกันและกัน
6. ประชาชาติเกลียดชัง
7. คนเป็นอันมากจะถดถอย
8. ผู้เผยพระวจนะปลอม ล่อลวงคนให้หลง
9. ความรักของคนส่วนมากจะเยือกเย็นลง
10. ความอธรรมแผ่กว้างออกไป
11. ข่าวประเสริฐเรื่องแผ่นดินพระเจ้าจะได้ประกาศออกไปทั่วโลก
12. เกิดสิ่งอันน่าสะอิดสะเอียนตั้งอยู่ในสถานที่บริสุทธิ์
13. เกิดความทุกข์ลำบากยิ่งใหญ่
14. มีพระคริสต์เทียมเท็จ ผู้ทำนายเทียมเท็จหลายคนเกิดขึ้น ทำหมายสำคัญการอัศจรรย์ ล่อลวงแม้ผู้ที่พระเจ้าทรงเลือกสรรให้หลง
15. เป็นเหมือนสมัยของโนอาห์

                ผมเชื่อเหลือเกินว่าเราอยู่ในช่วงปลายยุคของยุคเก่าแล้ว และถ้าเรามีความเชื่อ รอคอย เราจะได้เห็นพระเยซูคริสต์เสด็จกลับมาเห็นด้วยตาของเราเป็นแน่  ทำไมผมจึงเชื่อว่าผมจะได้เห็นพระเยซูคริสต์เสด็จกลับมาด้วยตาของผม  เพราะในมัทธิวบทที่ 24 นี้ ได้พูดถึงเรื่องต้นมะเดื่อ  ต้นมะเดื่อนั้นได้แก่ประเทศอิสราเอล
เรารู้ว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นในชั่วอายุเรา เพราะพระคัมภีร์บอกว่าดูจากต้นมะเดื่อเมื่อแตกกิ่งแตกใบ แตกกิ่งแตกใบก็คือต้นไม้นั้นมีชีวิตถึงแตกกิ่งแตกใบได้  เมื่อดูประเทศอิสราเอล เหมือนกับไม่มีชีวิตมาสองพันปีแล้ว  ประเทศอิสราเอลสูญหายไปจากแผนที่โลก  แต่สุดท้ายอิสราเอลได้กลับมารวมกันเป็นประเทศขึ้นมาใหม่ สำเร็จตามคำพยากรณ์ของพระเจ้า เมื่อปี 1948   ต้นมะเดื่อที่เคยเฉาตายไปในศตวรรษแรก ได้กลับมามีชีวิตขึ้นมาใหม่ในศตวรรษที่สิบเก้า    และพระคัมภีร์ได้บอกว่า      คนในชั่วอายุนี้จะไม่ล่วงลับไปก่อนสิ่งทั้งปวงนั้นบังเกิดขึ้น   คนมีอายุอย่างมากก็ร้อยปี  นับจากปี 1948 ไป 100 ปี ก็คือปี 2048  ท่านคิดว่าท่านยังมีชีวิตอยู่ไหม อีก 38 ปี  ดังนั้นสิ่งที่พระคัมภีร์ในบทนี้กำลังพูดถึง ข้าพเจ้าเชื่อเหลือเกินว่าอยู่ในรุ่นยุคเรามีชีวิตอยู่ 

ตอนท้ายของบทนี้พระคริสต์ให้ทำอย่างไร
44   เหตุฉะนั้น  ท่านทั้งหลายจงเตรียมพร้อมไว้  เพราะในโมงที่ท่านไม่คิดไม่ฝันนั้น  บุตรมนุษย์จะเสด็จมา
45   "ใครเป็นทาสสัตย์ซื่อและฉลาด  ที่นายได้ตั้งไว้เหนือพวกบ่าวทาสสำหรับแจกอาหารตามเวลา
46   เมื่อนายมาพบเขากระทำอยู่อย่างนั้น  ทาสผู้นั้นก็จะเป็นสุข
47   เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า  นายจะตั้งเขาไว้ให้ดูแลบรรดาข้าวของของท่าน
48   แต่ถ้าทาสนั้นชั่วและคิดในใจว่า  "นายของข้ามาช้า"
49   แล้วจะตั้งต้นโบยตีเพื่อนทาสและกินดื่มอยู่กับเพื่อนขี้เมา
50   นายของทาสผู้นั้น  จะมาในวันที่เขาไม่คิดในโมงที่เขาไม่รู้
51   และจะทำโทษเขาถึงสาหัส  ทั้งจะขับไล่ให้เขาไปอยู่ในที่ของพวกคนหน้าซื่อใจคด  ซึ่งที่นั่นจะมีแต่การร้องไห้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน

ก. เตรียมพร้อมไว้ รับการเสด็จมา  เราต้องเตรียมชีวิตของเราไว้ รักษาชีวิตของเราให้ดี ไม่หลงไปกับสิ่งยั่วยวนใจในโลกนี้
ข. พระเจ้าตั้งเราไว้เพื่อให้เราเป็นทาสที่สัตย์ซื่อและฉลาด ทำในสิ่งที่ได้มอบหมายให้ทำ  ในบทนี้นายมอบหมายงานให้ทำคือแจกอาหาร   สำหรับเราแล้ว งานที่พระเจ้ามอบหมายให้เราทำคืองานอะไร  ถ้าดูภาพกว้างๆของพระคัมภีร์ เราดูจากคำสั่งสุดท้ายก่อนพระเยซูเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ เช่น มัทธิว28:18-20  สั่งสอนชนทุกชาติให้เป็นสาวกของพระองค์  มาระโก16:15-20  ประกาศออกไปทั่วโลกด้วยหมายสำคัญการอัศจรรย์   ลูกา24:46-49   ประกาศโดยฤทธิ์เดชที่พระบิดาทรงสัญญาไว้  ยอห์น20:21  ใช้เราไป 
ค. ความสุขเป็นของบุคคลที่ได้ทำในบทบาทของตนเอง     เรามีของประทานแตกต่างกันหลากหลายอย่าง เรามีบทบาทแตกต่างกัน  เรามีกิจกรรมและงานรับใช้แตกต่างกัน  เรามีการสำแดงของพระวิญญาณแตกต่างกัน เหมือนดังที่ผมเคยแบ่งปันก่อนหน้านี้   แต่ทุกอย่างที่เรามีนั้นต้องตอบสนองต่อพระมหาบัญชาที่พระเยซูได้สั่งคริสเตียนทุกคนให้ทำ นั่นคือบทบาทของเรา
  นายจะตั้งไว้ให้ดูแลของมาก   เมื่อเราทำในสิ่งที่พระองค์ตรัสสั่งไว้  พระเจ้าจะเพิ่มพูนความรับผิดชอบให้เพิ่มมากขึ้น

                ขอพระเจ้าดูแลพี่น้องทุกคน ให้รู้กาลเวลาของพระเจ้าว่าพระเยซูคริสต์ใกล้จะเสด็จกลับมาแล้ว  ให้ทุกคนหมั่นศึกษาจดจำพระวจนะพระเจ้าไว้ในใจ เพื่อสามารถนำออกมาใช้ได้เมื่อต้องการใช้  ให้หลักการแห่งพระวจนะพระเจ้าเป็นเกราะกำบังเรา ไม่ให้เราถูกล่อลวงให้หลงไปตามคำชักจูงของโลก หรือคำสอนผิดต่างๆ  และให้เรามุ่งเน้นพาคนเข้าสู่อาณาจักรของพระเจ้า  นั่นจึงจะเป็นสิ่งที่เราเตรียมพร้อมไว้รอรับการเสด็จกลับมาขององค์พระเยซูคริสต์ อาเมน... 

วันเสาร์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2553

A) Word of God : ภาชนะที่มีเกียรติในบ้านใหญ่หลังหนึ่ง


                ครั้งก่อนๆ ผมได้แบ่งปันถึงชุมชนคริสเตียนที่อยู่ร่วมกันโดยให้ดูจากพระคัมภีร์ว่า พระเจ้าเปรียบเรากับสิ่งใดบ้าง เราได้ดูมาแล้ว 2 ครั้ง ภาพอวัยวะในพระกาย และภาพของทหารในกองทัพ  ครั้งนี้พระคัมภีร์ได้ให้ภาพตัวเราเปรียบเหมือนเป็นภาชนะที่พระเจ้าต้องการใช้และมีไว้ในบ้านหลังใหญ่หลังหนึ่ง ใน 2 ทิโมธี  ซึ่งใน 2 ทิโมธีนี้ เปรียบเราไว้ในหลายภาพ เช่นภาพทหาร ภาพนักกีฬา ภาพกสิกร และภาพภาชนะ ซึ่งเราจะได้ศึกษากันในวันนี้
2Tim 2:20 แต่ว่าในบ้านใหญ่หลังหนึ่งๆมิได้มีแต่ภาชนะทองและเงินเท่านั้น แต่มีภาชนะไม้และภาชนะดินด้วย บ้างก็มีเกียรติ และบ้างก็ไร้เกียรติ
2Tim 2:21 เหตุฉะนั้นถ้าผู้ใดชำระตัวให้พ้นจากสิ่งเหล่านี้ เขาก็จะเป็นภาชนะที่มีเกียรติ ซึ่งคัดไว้แล้ว เหมาะที่นายจะใช้ให้เป็นประโยชน์ และถูกเตรียมไว้พร้อมสำหรับการดีทุกอย่าง

พระคัมภีร์ตอนนี้พูดถึงภาชนะ 2 ประเภท มีเกียรติและไร้เกียรติ  ซึ่งรวมกันอยู่ในบ้านใหญ่หลังหนึ่ง บ้านจะเปรียบได้กับอะไร  ก็คงเปรียบเหมือนกับที่ที่เราอยู่ร่วมกันเช่นเราอยู่ด้วยกันในบ้าน  คริสตจักรก็เป็นที่ที่คนมาอยู่รวมกัน เป็นเหมือนบ้านหลังใหญ่หลังหนึ่ง พระคัมภีร์ได้บอกไว้ชัดเจนว่าเราต้องเข้าใจ เมื่อมีคนมาอยู่รวมกัน ไม่ได้มีเพียงภาชนะเงินหรือทอง ซึ่งเป็นภาชนะที่ดูมีค่ามีราคาเท่านั้น แต่ยังประกอบไปด้วยภาชนะที่ทำจากดินและไม้  ซึ่งนั่นก็เป็นสิ่งที่พระเจ้าทำในแต่ละคน  เราดูถูก เราดูหมิ่นภาชนะต่างๆไม่ได้ ภาชนะในบ้านใหญ่ไม่ได้ประกอบด้วยภาชนะอย่างเดียว แต่ประกอบไปด้วยภาชนะหลายอย่าง  อย่าคิดว่าตัวเองมีค่า พระเจ้าใช้มาก แล้วก็เริ่มไปดูหมิ่นดูถูกคนอื่นๆ แล้วก็คิดว่าพระเจ้าไม่ใช้คนนั้นคนนี้แบบที่เราเป็น  นี่เป็นสิ่งที่พระเจ้าไม่พอพระทัยเรื่องการไปเปรียบเทียบซึ่งกันและกัน

ถ้าผู้ใดชำระตัวให้พ้นจากสิ่งเหล่านี้ ซึ่งเขียนไว้ในข้อที่ 22-26 เขาจะเป็นภาชนะที่มีเกียรติ  ดูเหมือนตอนนี้พระคัมภีร์จะพูดถึงคุณสมบัติชีวิตของเรามากกว่า  สิ่งที่เราเป็นมากกว่าสิ่งที่เราทำ มากกว่าของประทานของเราหรือสิ่งที่เราทำเพื่อพระเจ้า  ดังนั้นสิ่งที่เราควรคำนึงในการที่พระเจ้าจะใช้เรา คือเรื่องชีวิตของเรามากกว่าสิ่งอื่นใด  เราดำเนินชีวิตเป็นที่พอพระทัยพระเจ้าหรือยัง  เราหลุดพ้นจากราคะตัณหาของคนหนุ่มหรือยัง  เราสนใจใฝ่ใจในความชอบธรรม ความเชื่อ ความรัก สันติสุขหรือไม่  เราอยู่ร่วมกับผู้ที่ออกพระนามพระเจ้าด้วยใจบริสุทธิ์หรือยัง  เราหลีกหนีจากปัญหาอันโง่เขลาและไร้สาระที่ก่อให้เกิดการทะเลาะวิวาทหรือยัง เราเป็นผู้รับใช้พระเจ้าที่มีใจอ่อนสุภาพ ไม่ทะเลาะกับใครหรือยัง  เราสอนคนอื่นด้วยใจอดทนเหมาะจะเป็นครูหรือยัง  ด้วยใจอ่อนสุภาพสอนคนทั้งหลาย  นี่แหละคนที่จะถูกเลือกไว้เป็นภาชนะที่มีเกียรติ

ถ้าใครชำระตัวให้พ้นจากสิ่งเหล่านี้ เขาก็จะเป็นภาชนะที่มีเกียรติที่นายหรือพระเจ้าได้คัดไว้แล้ว  คัดไว้แล้วเป็นภาชนะทองคำหรือเงิน เหมาะที่พระเจ้าจะเอาไว้ใช้ประโยชน์และเตรียมพร้อมสำหรับทำการดีทุกอย่าง

ครับ ถ้าใครประสงค์จะถวายตัวให้พระเจ้าใช้ได้มากๆ  เราก็ต้องเอาจริงเอาจังในการรักษาชีวิตของเราไว้ให้เป็นภาชนะที่พร้อมจะให้พระเจ้าใช้ได้มากได้   ขอพระเจ้าอวยพระพรทุกท่านครับ

วันเสาร์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2553

C) Experience : อ.มัทธิวที่สิงคโปร์

          วันนี้ที่เขียนบล็อก ผมมาอยู่ที่สิงคโปร์ และได้ไปร่วมงานประชุมพิเศษของคริสตจักรVFCที่เชิญวิทยากรมา 5 ท่าน กระจายไปจัดตามที่ต่างๆของสิงคโปร์ อ.มัทธิวเป็นผู้หนึ่งใน 5 ท่านที่ได้มา งานจัดขึ้นที่กลางเมือง เวลา 19.00 น.เป็นต้นไป  ในงานนี้ที่ผมจะไปร่วม ผมเดาว่า เขาต้องเริ่มงานตรงเวลาแน่ เพราะลักษณะคนสิงคโปร์เป็นเช่นนั้น ซึ่งก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ร้องเพลงนมัสการ แล้วก็จบลงด้วยแนะนำวิทยากรโดยเปิดวีดีทัศน์ที่ทำโดยโบสถ์อ.มัทธิว มีภาพอ.มัทธิวไปเทศนาตามที่ต่างๆ เริ่มต้นด้วยการประกาศในประเทศไทย ภาพการอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นตามจังหวัดต่างๆ  ต่อมาก็เป็นฮ่องกง และประเทศอื่นๆ สุดท้ายก็คือประเทศอินเดียเอง สังเกตุโบสถ์่ท่านอาคารจะธรรมดาๆมาก แต่เต็มไปด้วยผู้คนที่มานมัสการที่นั่น เสร็จแล้วก็เป็นภาพการประชุมรวมกันทั้งหมดของโบสถ์อ.มัทธิว ซึ่งดูเหมือนจะเป็นการประชุมกลางแจ้ง เพราะคนมากมายมหาศาลรวมกันอยู่ที่นั่น
         พอเริ่มต้นเทศนา ผมก็แปลกใจ ทำไมพวกนักดนตรี นักร้องยังอยู่บนเวทีหลังอ.มัทธิว  ผมก็เดาอีกแล้วว่า คงเตรียมร้องเพลงมั๊ง เพราะอ.มัทธิวชอบร้องเพลง  เมื่ออ.มัทธิว พร้อมล่ามภาษาจีนหนุนใจให้ที่ประชุมทำอะไรๆ สังเกตุว่าคนสิงคโปร์ไม่ค่อยแสดงออก ไม่ค่อยตอบสนองสิ่งที่อ.มัทธิวบอกให้ทำ อาจเป็นเพราะคนสิงคโปร์เป็นคนเคร่งเครียดหรือเปล่าก็ไม่ทราบ เลยไม่ค่อยแสดงออกมา (อันนี้ก็เห็นเพียงโบสถ์เดียวนะครับ โบสถ์อื่นไม่รู้จะเป็นอย่างนี้หรือเปล่า) ต่อมาอ.มัทธิวก็นำร้องเพลง  (อ้อ.. นี่เอง ถึงให้นักดนตรี นักร้องอยู่บนเวทีเวลาเทศนา) alive alive.. Jesus is alive.. ต่อด้วย In the name of Jesus  แล้วก็หนุนใจผ่านเพลงที่ร้องนั้น  อาจารย์บอกว่าจะเทศนาหลังจากอธิษฐาน  แล้วท่านก็เชิญคนที่มีปัญหาการนอนไม่หลับออกมาด้านหน้า  คนก็ออกมากันเต็ม  ผมสงสัยว่าคนสิงคโปร์มีปัญหาอย่างนี้กันมาก เพราะความเครียดหรือเปล่า นอกจากนั้นอาจารย์บอกว่า พระเจ้าบอกเรื่องอาการปวดหลังด้วย  แล้วท่านก็นำร้องเพลงอีก In the name of Jesus ๆ we have the victory บอกว่าเวลาที่ร้อง ให้เชื่อในสิ่งที่ร้องด้วย    แล้วก็ถามที่ประชุมว่า ใครรู้ว่ารับการรักษาแล้ว ยกมือขึ้น  อ.มัทธิวบอกว่า ผมไม่ได้แตะตัองตัวคุณใช่ไหม คนในห้องประชุมร้องเพลงนี้ และเชื่อในสิ่งที่ร้องใช่ไหม และเขาก็หายโรค  อาจารย์เชิญคนที่ยกมือมาด้านหน้า เพื่อจะเช็คอาการ  แล้วก็นำร้องเพลงอีก แด่พระองค์ผู้ประทับบนบัลลังภ์ Worthy worthy is the lamb  อาจารย์บอกว่า เมื่อเห็นการอัศจรรย์ ก็พิสูจน์ว่าพระเยซูอยู่ที่นี่  มีคนหนึ่งเป็นผู้ชายเจ็บที่ขามา 2 ปี ขึ้นมาบนเวที บอกว่า เมื่อร้องเพลง ก็หาย  แล้วอาจารย์ก็นำร้องเพลงนมัสการต่อ (ผมคิดว่า อาจารย์ไม่ต้องการให้คนติดกับอาจารย์ แต่ติดกับพระเยซู)  แล้วก็มีคนขึ้นมาเป็นพยานกันเต็มไปหมด ผู้หญิงคนหนึ่งร้องไห้ดีใจ ความเจ็บปวดหายไป อีกคนหนึ่งผู้ชายปวดหลัง 3 เดือน หาย อาจารย์บอกว่าอาจารย์ไม่ได้อธิษฐานเผื่อใช่ไหม  คุณร้องเพลงในพระนามพระเยซู แล้วก็หาย  อีกคนเป็นผู้หญิงเจ็บขา กระโดดได้  อีกคนผู้หญิงปวดหลัง 15 ปี  เมื่อร้องเพลงไม่ปวดอีกต่อไป  อีกคนก็ปวดหลังเป็นมามากกว่า 10 ปี ก็หาย  อีกคนคนแก่ปวดหลังหาย อีกคนชายที่ขึ้นมาพร้อมกับไม้ค้ำก็กระโดดโลดเต้นได้  สุดท้ายอาจารย์ลงไปข้างล่างอธิษฐานวางมือทีละคนอย่างรวดเร็ว  แล้วก็ขึ้นไปบนเวทีใหม่ สรุปว่า 3 คืน ให้มาดู Gospel in action, healing , miracle  แล้วอาจารย์ก็เทศนาต่อ และเล่าประสบการณ์ของท่านว่า 13 ปีที่แล้ว ท่านเป็นอัมพาตและพระเจ้ารักษาท่าน  ฯลฯ  สุดท้ายก็เรียกคนต้อนรับพระเยซู
          ครับ ก็เล่าให้ท่านทั้งหลายฟัง เพื่อท่านจะรู้จักอ.มัทธิว ก่อนที่ท่านจะมาค่ายเรา  ผมว่าท่านชอบการที่คนตอบสนอง ชอบหนุนใจคนให้มีความเชื่อ  และพบพระเจ้าเป็นส่วนตัวทุกคน  คนที่จัดโปรแกรมก็คงต้องเตรียมนักดนตรี นักร้อง ไว้ให้พร้อม  และมีเวลาให้ท่านมากพอควรด้วย เมื่อคืน อ.มัทธิวบรรยาย เริ่มจากทุ่มกว่าไปถึงสามทุ่มกว่า ทั้งบรรยายหนุนใจและนำคนมีประสบการณ์กับพระเจ้าหายโรคไปด้วย  ขอพระเจ้าได้รับพระเกียรติในทุกสิ่ง  ขอพระเจ้าลงมาทำการในคริสตจักรของเราเช่นกัน ให้เป็นคริสตจักรแห่งการอัศจรรย์  ให้พระนามพระเยซูคริสต์ไ้ด้รับการยกชูสูงขึ้น อาเมน..