วันเสาร์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2553

C) Experience : อ.มัทธิวที่สิงคโปร์

          วันนี้ที่เขียนบล็อก ผมมาอยู่ที่สิงคโปร์ และได้ไปร่วมงานประชุมพิเศษของคริสตจักรVFCที่เชิญวิทยากรมา 5 ท่าน กระจายไปจัดตามที่ต่างๆของสิงคโปร์ อ.มัทธิวเป็นผู้หนึ่งใน 5 ท่านที่ได้มา งานจัดขึ้นที่กลางเมือง เวลา 19.00 น.เป็นต้นไป  ในงานนี้ที่ผมจะไปร่วม ผมเดาว่า เขาต้องเริ่มงานตรงเวลาแน่ เพราะลักษณะคนสิงคโปร์เป็นเช่นนั้น ซึ่งก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ร้องเพลงนมัสการ แล้วก็จบลงด้วยแนะนำวิทยากรโดยเปิดวีดีทัศน์ที่ทำโดยโบสถ์อ.มัทธิว มีภาพอ.มัทธิวไปเทศนาตามที่ต่างๆ เริ่มต้นด้วยการประกาศในประเทศไทย ภาพการอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นตามจังหวัดต่างๆ  ต่อมาก็เป็นฮ่องกง และประเทศอื่นๆ สุดท้ายก็คือประเทศอินเดียเอง สังเกตุโบสถ์่ท่านอาคารจะธรรมดาๆมาก แต่เต็มไปด้วยผู้คนที่มานมัสการที่นั่น เสร็จแล้วก็เป็นภาพการประชุมรวมกันทั้งหมดของโบสถ์อ.มัทธิว ซึ่งดูเหมือนจะเป็นการประชุมกลางแจ้ง เพราะคนมากมายมหาศาลรวมกันอยู่ที่นั่น
         พอเริ่มต้นเทศนา ผมก็แปลกใจ ทำไมพวกนักดนตรี นักร้องยังอยู่บนเวทีหลังอ.มัทธิว  ผมก็เดาอีกแล้วว่า คงเตรียมร้องเพลงมั๊ง เพราะอ.มัทธิวชอบร้องเพลง  เมื่ออ.มัทธิว พร้อมล่ามภาษาจีนหนุนใจให้ที่ประชุมทำอะไรๆ สังเกตุว่าคนสิงคโปร์ไม่ค่อยแสดงออก ไม่ค่อยตอบสนองสิ่งที่อ.มัทธิวบอกให้ทำ อาจเป็นเพราะคนสิงคโปร์เป็นคนเคร่งเครียดหรือเปล่าก็ไม่ทราบ เลยไม่ค่อยแสดงออกมา (อันนี้ก็เห็นเพียงโบสถ์เดียวนะครับ โบสถ์อื่นไม่รู้จะเป็นอย่างนี้หรือเปล่า) ต่อมาอ.มัทธิวก็นำร้องเพลง  (อ้อ.. นี่เอง ถึงให้นักดนตรี นักร้องอยู่บนเวทีเวลาเทศนา) alive alive.. Jesus is alive.. ต่อด้วย In the name of Jesus  แล้วก็หนุนใจผ่านเพลงที่ร้องนั้น  อาจารย์บอกว่าจะเทศนาหลังจากอธิษฐาน  แล้วท่านก็เชิญคนที่มีปัญหาการนอนไม่หลับออกมาด้านหน้า  คนก็ออกมากันเต็ม  ผมสงสัยว่าคนสิงคโปร์มีปัญหาอย่างนี้กันมาก เพราะความเครียดหรือเปล่า นอกจากนั้นอาจารย์บอกว่า พระเจ้าบอกเรื่องอาการปวดหลังด้วย  แล้วท่านก็นำร้องเพลงอีก In the name of Jesus ๆ we have the victory บอกว่าเวลาที่ร้อง ให้เชื่อในสิ่งที่ร้องด้วย    แล้วก็ถามที่ประชุมว่า ใครรู้ว่ารับการรักษาแล้ว ยกมือขึ้น  อ.มัทธิวบอกว่า ผมไม่ได้แตะตัองตัวคุณใช่ไหม คนในห้องประชุมร้องเพลงนี้ และเชื่อในสิ่งที่ร้องใช่ไหม และเขาก็หายโรค  อาจารย์เชิญคนที่ยกมือมาด้านหน้า เพื่อจะเช็คอาการ  แล้วก็นำร้องเพลงอีก แด่พระองค์ผู้ประทับบนบัลลังภ์ Worthy worthy is the lamb  อาจารย์บอกว่า เมื่อเห็นการอัศจรรย์ ก็พิสูจน์ว่าพระเยซูอยู่ที่นี่  มีคนหนึ่งเป็นผู้ชายเจ็บที่ขามา 2 ปี ขึ้นมาบนเวที บอกว่า เมื่อร้องเพลง ก็หาย  แล้วอาจารย์ก็นำร้องเพลงนมัสการต่อ (ผมคิดว่า อาจารย์ไม่ต้องการให้คนติดกับอาจารย์ แต่ติดกับพระเยซู)  แล้วก็มีคนขึ้นมาเป็นพยานกันเต็มไปหมด ผู้หญิงคนหนึ่งร้องไห้ดีใจ ความเจ็บปวดหายไป อีกคนหนึ่งผู้ชายปวดหลัง 3 เดือน หาย อาจารย์บอกว่าอาจารย์ไม่ได้อธิษฐานเผื่อใช่ไหม  คุณร้องเพลงในพระนามพระเยซู แล้วก็หาย  อีกคนเป็นผู้หญิงเจ็บขา กระโดดได้  อีกคนผู้หญิงปวดหลัง 15 ปี  เมื่อร้องเพลงไม่ปวดอีกต่อไป  อีกคนก็ปวดหลังเป็นมามากกว่า 10 ปี ก็หาย  อีกคนคนแก่ปวดหลังหาย อีกคนชายที่ขึ้นมาพร้อมกับไม้ค้ำก็กระโดดโลดเต้นได้  สุดท้ายอาจารย์ลงไปข้างล่างอธิษฐานวางมือทีละคนอย่างรวดเร็ว  แล้วก็ขึ้นไปบนเวทีใหม่ สรุปว่า 3 คืน ให้มาดู Gospel in action, healing , miracle  แล้วอาจารย์ก็เทศนาต่อ และเล่าประสบการณ์ของท่านว่า 13 ปีที่แล้ว ท่านเป็นอัมพาตและพระเจ้ารักษาท่าน  ฯลฯ  สุดท้ายก็เรียกคนต้อนรับพระเยซู
          ครับ ก็เล่าให้ท่านทั้งหลายฟัง เพื่อท่านจะรู้จักอ.มัทธิว ก่อนที่ท่านจะมาค่ายเรา  ผมว่าท่านชอบการที่คนตอบสนอง ชอบหนุนใจคนให้มีความเชื่อ  และพบพระเจ้าเป็นส่วนตัวทุกคน  คนที่จัดโปรแกรมก็คงต้องเตรียมนักดนตรี นักร้อง ไว้ให้พร้อม  และมีเวลาให้ท่านมากพอควรด้วย เมื่อคืน อ.มัทธิวบรรยาย เริ่มจากทุ่มกว่าไปถึงสามทุ่มกว่า ทั้งบรรยายหนุนใจและนำคนมีประสบการณ์กับพระเจ้าหายโรคไปด้วย  ขอพระเจ้าได้รับพระเกียรติในทุกสิ่ง  ขอพระเจ้าลงมาทำการในคริสตจักรของเราเช่นกัน ให้เป็นคริสตจักรแห่งการอัศจรรย์  ให้พระนามพระเยซูคริสต์ไ้ด้รับการยกชูสูงขึ้น อาเมน..

2 ความคิดเห็น:

  1. อาเมน อาเมน
    เหมือนได้อยู่ในบรรยากาศการประุชุมด้วยเลยค่ะ
    อาเมน อาเมน
    พระเ้จ้าใหญ่ยิ่งนัก

    ตอบลบ
  2. ขอบพระคุณพระเจ้าค่ะ

    ตอบลบ