วันเสาร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ชีวิตพระเยซูคริสต์ : สอนให้ยินดีในสิ่งถาวรนิรันดร์

 รวมบทความชีวิตพระเยซูคริสต์

แบ่งปันต่อครับ

Luke 10:16 “ผู้​ที่​ฟัง​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ก็​ได้​ฟัง​เรา ผู้​ที่​ไม่​ยอมรับ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ก็​ไม่​ยอมรับ​เรา ผู้​ที่​ไม่​ยอมรับ​เรา​ก็​ไม่​ยอมรับ​ผู้​ที่​ใช้​เรา​มา”
Luke 10:17 ฝ่าย​สาวก​เจ็ด​สิบ​คน​นั้น​กลับมา​ด้วย​ความ​ปรีดี​ทูล​ว่า “​พระ​องค์​เจ้า​ข้า ถึง​ผี​ทั้ง​หลาย​ก็​ได้​อยู่​ใต้​บังคับ​ของ​พวก​ข้า​พระ​องค์​โดย​พระ​นาม​ของ​พระ​องค์”
Luke 10:18 ​พระ​องค์​ตรัส​กับ​เขา​ทั้ง​หลาย​ว่า “เรา​ได้​เห็น​ซาตาน​ ตก​จาก​ฟ้า​เหมือน​ฟ้า​แลบ​
Luke 10:19 ดู​เถิด เรา​ได้​ให้​พวก​ท่าน​มี​อำนาจ​เหยียบ​งู​ร้าย​และ​แมง​ป่อง และ​มี​อำนาจ​ใหญ่​ยิ่ง​กว่า​กำลัง​ศัตรู ไม่​มี​สิ่ง​หนึ่ง​สิ่ง​ใด​จะ​ทำ​อันตราย​แก่​ท่าน​ได้​เลย​
Luke 10:20 แต่​ว่า​อย่า​เปรม​ปรีดิ์​ใน​สิ่ง​นี้ คือ​ที่​พวก​ผี​อยู่​ใต้​บังคับ​ของ​พวก​ท่าน แต่​จง​เปรม​ปรีดิ์ เพราะ​ชื่อ​ของ​ท่าน​จด​ไว้​ใน​สวรรค์”

     ข้อ 16 ได้พูดถึงการต้อนรับหรือไม่ต้อนรับผู้ืที่พระเจ้าใช้ไป ซึ่งได้แก่ผู้ที่พระเยซูใช้ไปคือพวกสาวก 70 คนก่อนหน้านี้ บอกว่าถ้ารับพวกสาวกก็คือต้อนรับพระเยซูคริสต์ หรือในความหมายสมัยนี้ก็คือถ้าผู้ใดได้ต้อนรับเราซึ่งเป็นสาวกพระเยซูในยุคปัจจุบันก็คือได้ต้อนรับพระเยซูด้วย หลังจากนั้นพระองค์ได้พูดต่อว่าผู้ที่ไม่ยอมรับพระเยซูก็คือผู้ที่ไม่ยอมรับพระเจ้าพระบิดาผู้ทรงใช้พระเยซูมาในโลกนี้เมื่อสองพันปีที่แล้วด้วย

     ข้อ 17 เป็นต้นไปพวกสาวก 70 คนนั้นได้รายงานสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากที่พระเยซูใช้ไปเป็นคู่ๆ นี่ก็เป็นข้อคิดแก่เรานะครับว่า เมื่อพระเจ้าใช้เราให้ไปทำอะไรแล้ว ต้องกลับมารายงานผลที่เกิดขึ้นด้วยว่าเป็นอย่างไร พวกเขาได้กลับมารายงานด้วยความยินดีปรีดาว่าผีทั้งหลายอยู่ใต้การบังคับโดยพระนามพระเยซู
ผียำเกรงพระนามพระเยซู และพระเยซูได้เห็นมันตกจากฟ้าเหมือนฟ้าแลบ คือมันอยู่ใต้บังคับโดยพระนามพระเยซู มันหมดฤทธิ์อำนาจของมัน นี่เป็นตอนที่มันยังอยู่ในโลก ณ ปัจจุบัน มันถูกควบคุมเป็นครั้งเป็นคราวโดยพระนามพระเยซูคริสต์ แต่ในวันสุดท้ายมันจะหมดอำนาจของมันตลอดนิรันดร์

     ข้อ 19 พระเยซูบอกว่าได้ให้เรามีอำนาจเหยียบงูร้ายและแมงป่อง คือสัตว์ที่มีพิษร้ายทั้งสิ้นทำให้ตายได้ เปรียบซาตานเป็นเหมือนสัตว์ร้ายพวกนี้ พระเยซูได้ให้อำนาจแก่เราเหยียบงูร้ายและแมงป่องคือซาตานและพวกของมัน มีอำนาจใหญ่ยิ่งกว่ากำลังของพวกศัตรูคือพวกผีร้ายทั้งหมด แต่พระเยซูบอกว่าอย่าชื่นชมยินดีในสิ่งเหล่านี้ที่ผีเหล่านี้อยู่ใต้อำนาจเราโดยนามพระเยซู แต่ให้ยินดีเพราะชื่อเราจดไว้ในสวรรค์  ให้ยินดีในความมั่นคงถาวรของถิ่นที่อยู่ของเราตลอดไปในสวรรค์ ไม่ให้ยินดีจนหลงลืมสิ่งที่สำคัญที่สุึดคือชีวิตนิรันดร์ บางคนในโลกพระเจ้าใช้แต่เขาหลงลืมไปกับอำนาจของพระเจ้าที่ใช้ผ่านเขาให้คนได้รับการเยียวยาสัมผัสแตะต้องฤทธิ์เดช สุดท้ายเขาหลงลืมพระเจ้าไปเลย

     กลับมาดูอีกนิดในข้อ 19 คำว่า "อำนาจ" นี้คือคำว่า สิทธิอำนาจ exousia นะครับ ผมพูดเรื่องนี้บ่อยแล้ว เปรียบเหมือนตำรวจตัวเล็กแต่บังคับรถบรรทุกคันใหญ่ให้หยุดได้ เพราะอะไร สิทธิอำนาจของฐานะในตัวเขา สำหรับเราฐานะของเราคือเราเป็นลูกพระเยซูคริสต์ ฐานะของเราถูกยกขึ้นเหนือผีมารซาตาน เราจึงมีสิทธิอำนาจเหนือผีมารซาตานเหล่านี้ได้  พระองค์ให้เรามีอำนาจเหยียบงูร้ายและแมงป่อง คำแปลในภาษากรีกคือคำว่า "กระทืบ" ให้ภาพที่เห็นได้ชัดเจนกว่า  พระเยซูให้สิทธิอำนาจแก่เรากระทืบงูร้ายและแมงป่องได้  และมีสิทธิอำนาจ exousia เหนือกำลัง dunamis ของศัตรู คำว่ากำลังก็เหมือนที่ผมเปรียบเทียบละครับ เหมือนรถบรรทุกคันใหญ่มีกำลังมาก แต่ต้องหยุดเมื่อตำรวจยกมือห้ามให้หยุด  ขอบคุณพระเจ้าที่พระเจ้าให้สิทธิอำนาจแก่เรา ห้ามบังคับให้สิ่งชั่วร้ายอันตรายทั้งหลายต้องหยุดพิษสงหรือdunamisหรือฤทธิ์เดชของมัน ในพระนามพระเยซูคริสต์  ไม่มีสิ่งใดทำอันตรายแก่เราได้ เราต้องยืนในจุดยืนนี้ไว้ครับ

     อย่าให้สิ่งใดมาหลอกลวงล่อเราได้ ผีร้ายไม่สามารถทำอันตรายแก่เราได้ แต่สิ่งที่มันทำไ้ด้มีสิ่งเดียวคือล่อลวง เหมือนงูมาล่อลวงฮาวาให้เข้าใจผิดเกี่ยวกับผลแห่งต้นไม้นั้น  นี่เป็นเล่เหลี่ยมของผีมารซาตาน มันพูดความจริงเพียงครึ่งเดียว ทำให้เราเข้าใจผิด สิ่งเดียวที่มันสามารถทำได้ในปัจจุบันนี้คือการล่อลวงเรา ใช้ความจริงเพียงบางส่วนหลอกล่อเรา ทำให้เราทำผิดทำบาปต่อพระเจ้า ไม่จริงหรอก.. ไม่เป็นไรหรอก.. โกหกได้ด้วยใจบริสุทธิ์... คอรัปชั่นได้เพื่อเอาไปช่วยคนอื่น... ฯลฯ นี่คือสิ่งที่ผีมารซาตานชอบใช้พูดล่อลวงให้เราคิดเหมือนที่ฮาวาคิดตามงูนั้น ไม่ตายจริงหรอก ปฐมกาล บทที่ 3

     ไม่มีสิ่งใดทำอันตรายแก่เราได้ ขอบคุณพระเจ้า แต่สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือการหลอกลวง การล่อลวง การใช้อุบายทำให้คนเข้าใจตีความพระวจนะของพระเจ้าผิด จำไว้นะครับว่า John 8:44 ท่าน​ทั้ง​หลาย​มา​จาก​พ่อ​ของ​ท่าน​คือ​มาร และ​ท่าน​ใคร่​จะ​ทำ​ตาม​ความ​ปรารถนา​ของ​พ่อ​ท่าน มัน​เป็น​ผู้​ฆ่า​คน​ตั้งแต่​ปฐม​กาล และ​มิได้​ตั้งอยู่​ใน​สัจจะ เพราะ​มัน​ไม่​มี​สัจจะ เมื่อ​มัน​พูด​เท็จ​มัน​ก็​พูด​ตาม​สันดาน​ของ​มัน​เอง เพราะ​มัน​เป็น​ผู้​มุสา​และ​เป็น​พ่อ​ของ​การ​มุสา​     มัีนเป็นพ่อของการมุสา เล่เหลี่ยมในการมุสาของมันมีมากมาย และมันก็ต้องการล่อคริสเตียนเสียด้วยให้ไม่ติดตามพระเจ้า ให้ทิ้งทางพระเจ้า ให้หมดความเชื่อในพระเจ้า ให้ไม่ขอบคุณพระเจ้า ให้ไม่ภักดีกับพระเจ้า ให้ชุมชนแตกแยกกัน ให้คนมีเรื่องต่อกัน ให้คนหมดความไว้วางใจกัน ฯลฯ อีกมากมาย


     ขอให้เราทั้งหลายได้ยืนในจุดยืนที่ถูกต้อง ขอพระเจ้าประทานให้ท่านมีความสว่างแก่ใจจะได้รู้ว่าอะไรดี อะไรเป็นที่ชอบพระทัย อะไรถูกต้อง อะไรเป็นการล่อลวงที่มาจากผีมารซาตาน ขอพระเจ้าอวยพระพรท่านในปีใหม่ที่กำลังจะถึงนี้ให้ชีวิตของท่านเจริญขึ้นเป็นเหมือนพระเยซูคริสต์เจ้าอีกปีหนึ่ง ให้ท่านมีพระพรเปี่ยมล้นทั้งต่อชีวิตของท่านเองและต่อเพื่อนบ้านของท่าน ในพระนามพระเยซูเจ้า อาเมน.

วันเสาร์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ชีวิตพระเยซูคริสต์ : เตือนให้รู้ว่าโทษของผู้ที่ได้ยินข่าวประเสริฐแต่ไม่กลับใจใหม่จะหนักกว่า

รวมบทความชีวิตพระเยซูคริสต์

จาำกแผนที่จะเห็นเมืองโคราซิน เบธไซดา และคาเปอรนาอูม อยู่รอบๆไม่ไกลจากทะเลสาบกาลิลี ขณะที่ ไทระอยู่ไกลออกไป

     เมื่อสัปดาห์ที่แล้วไปต่างจังหวัดเลยลืมเขียนไปสัปดาห์หนึ่ง ขอแบ่งปันต่อนะครับ ครั้งนี้เป็นตอนที่ต่อมาจากครั้งที่แล้ว หลังจากพระเยซูส่งสาวกออกไปเจ็ดสิบคนแล้ว ตอนท้ายได้กล่าวถึงเมืองที่ไม่รับรองหรือไม่ต้อนรับพวกสาวกที่มาประกาศแผ่นดินของพระเจ้าว่าโทษของเมืองโสโดมจะเบากว่าโทษของเมืองนั้น เมืองโสโดมคือเมืองที่พระเจ้าทำลายเพราะชาวเมืองโสโดมเป็นคนชั่วช้าทำบาปผิดต่อพระเจ้าเป็นอันมาก ปฐมกาล 13:13 ตอนทูตสวรรค์ของพระเจ้าสององค์ไปที่เมืองนั้น ชาวเมืองก็พากันมารุมล้อมบ้านให้ส่งตัวสองคนนั้นออกมาเพื่อจะได้สมสู่กับพวกเขา ปฐมกาล บทที่ 19 ความบาปผิดช่างชั่วร้ายยิ่ง พระเจ้าได้ให้ไฟและกำมะถันตกมาจากฟ้าทำลายเมืองโสโดมและโกโมราห์เสีย ปฐมกาล 19:24
นี่คือเมืองที่พระเจ้าบอกว่าโทษจะเบากว่าเมืองที่ไม่ต้อนรับคนที่มาประกาศข่าวประเสริฐ ผมว่าก็จริงนะครับ เพราะคนที่ไม่ได้ต้อนรับพระเจ้ามรดกของเขาคือที่บึงไฟตลอดไปเป็นนิตย์ วิวรณ์ 21:8 โสโดมนั้นไฟลงมาครั้งเดียว แต่นี่ไฟไหม้ตลอดไปเป็นนิตย์   ต่อมาพระคัมภีร์ได้พูดถึงชื่อเมืองต่างๆในข้อต่อๆมาอีก

Luke 10:13 “วิบัติ​แก่​เจ้า ​เมือง​โค​รา​ซิน วิบัติ​แก่​เจ้า ​เมือง​เบธ​ไซ​ดา ถ้า​การ​มหัศจรรย์​ซึ่ง​ได้​กระทำ​ท่ามกลาง​เจ้า​ได้​กระทำ​ใน​เมือง​ไท​ระ​และ​เมือง​ไซ​ดอน ​ คน​ใน​เมือง​ทั้ง​สอง​คง​ได้​นุ่ง​ห่ม​ผ้า​กระสอบ นั่ง​บน​ขี้เถ้า กลับ​ใจ​เสีย​ใหม่​นาน​มา​แล้ว​
Luke 10:14 แต่​ใน​วัน​พิพากษา​นั้น โทษ​เมือง​ไท​ระ​และ​เมือง​ไซ​ดอน​จะ​เบา​กว่า​โทษ​ของ​เจ้า​
Luke 10:15 ฝ่าย​เจ้า​เมือง​คาเปอร​นาอุม เจ้า​จะ​ถูก​ยกขึ้น​เทียม​ฟ้า​หรือ มิได้ เจ้า​จะต้อง​ลง​ไป​ถึง​แดน​คน​ตาย​ต่างหาก

     ในตอนนี้ได้พูดถึงโทษของเมืองไทระและเมืองไซดอนว่าจะเบากว่าโทษของเมืองโคราซินและเมืองเบธไซดา เมืองไทระอาจจะมีโทษเพราะชาวเมืองนั้นได้นำสินค้ามาขายในวันสะบาโตที่เยรูซาเล็ม ซึ่งวันสะบาโตเป็นข้อห้ามของชาวยิวในการทำงานในวันนั้น เนหะมีย์ 13:15-17 และพระเจ้าได้กล่าวโทษเมืองไทระไว้ใน เอเสเคียล 26:2-6 เอเสเคียล บทที่ 26-28 เมืองไซดอน คนอิสราเอลก็กระทำชั่วอีก ไปปรนนิบัติพระของเมืองไซดอน ผู้วินิจฉัย 10:6  คำพยากรณ์กล่าวโทษเมืองไซดอน เอเสเคียล 28:21-23  และพระคัมภีร์ยังได้บอกว่าถ้าการอัศจรรย์ที่ได้ทำเช่นเดียวกันในเมืองโคราซินและเมืองเบธไซดาได้ทำในเมืองนี้ คนในเมืองนี้คงกลับใจใหม่นานแล้ว เมืองไทระและเมืองไซดอนเป็นเมืองของคนต่างชาติ อยู่ในฟินีเซีย ทางเหนือของกาลิลี ซึ่งไม่มีโอกาสได้เห็นการอัศจรรย์ของพระเยซูและไม่ได้ยินคำเทศนาของพระองค์อย่างคนที่อยู่ในกาลิลี

     เราจะเห็นว่าหลังจากที่พระเยซูกล่าวในพระคัมภีร์ตอนนี้แล้ว พระองค์ก็เข้าไปที่เมืองไทระและไซดอน มัทธิว 15:21 และเราได้เห็นคนตอบสนองพระกิตติคุณออกมาหาพระเยซูกันมากมายใน มาระโก 3:7-8

     เมืองโคราซินถูกอ้างถึงในพระคัมภีร์เพียงสองครั้ง อยู่ใกล้ทะเลกาลิลี ห่างจากคาเปอรนาอูมไปทางเหนือ 3.2 กม. เมืองเบธไซดา ฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของทะเลกาลิลี แถบดินแดนที่พระเยซูใช้ชีวิตอยู่ พวกเขาย่อมต้องเห็นหมายสำคัญการอัศจรรย์และคำสั่งสอนของพระเยซูมากกว่าเมืองไทระและไซดอนที่ยังไม่เคยได้ยินพระกิตติคุณ พระเยซูถึงบอกว่าถ้าสองเมืองนี้ได้ิยินแล้วไม่กลับใจใหม่ โทษจะหนักกว่าผู้ที่ยังไม่เคยได้ิยินแน่

     ส่วนเมืองคาเปอรนาอูมหมู่บ้านริมทะเลสาบกาลิลียิ่งใกล้พระเยซูเข้าไปใหญ่  เมืองนี้คือเมืองที่พระเยซูใช้บ้านของเปโตร เป็นศูนย์กลางขณะพระองค์ขยายพันธกิจของพระองค์ในกาลิลี


บ้านเปโตรที่คาเปอร์นาอูม ปัจจุบันถูกสร้างโบสถ์คล่อมลงไป
ซากหมู่บ้านคาเปอรนาอูมริมทะเลสาบกาลิลี

     โดยสรุึปของคำเตือนจากพระเยซูก็คือว่าถ้าผู้ใดได้ใกล้ชิดพระวจนะ ได้ใกล้ชิดพระเยซู ได้เห็นการอัศจรรย์ต่างๆแล้วไม่กลับใจใหม่ โทษจะหนักกว่าผู้ที่ยังไม่เคยได้ยินข่าวประเสริฐ