วันเสาร์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2555

ชีวิตพระเยซูคริสต์ : ผู้ที่พระองค์ทรงสำแดงให้รู้จักพระองค์

 รวมบทความชีวิตพระเยซูคริสต์
     
     หายไปนานครับ เพิ่งจะมีโอกาสได้แบ่งปันต่อ ก็ขอพระเจ้าประทานพระพรมากล้นให้กับทุกท่านนะครับ ในปี 2012นี้


ลก. 10:21 ​ใน​โมง​นั้นเอง ​พระ​เยซู​ทรง​มี​ความ​เปรม​ปรีดิ์​ใน​พระ​วิญญาณ​บริสุทธิ์ จึง​ตรัส​ว่า “ข้า​แต่​พระ​บิดา ผู้​เป็น​พระ​เจ้า​แห่ง​ฟ้า​สวรรค์​และ​โลก ข้า​พระ​องค์​สรรเสริญ​พระ​องค์ ที่​พระ​องค์​ได้​ทรง​ปิดบัง​สิ่ง​เหล่า​นี้​ไว้​จาก​ผู้​มี​ปัญญา​และ​ผู้​ฉลาด แต่​ได้​ทรง​สำแดง​ให้​ผู้น้อย​รู้ ข้า​แต่​พระ​บิดา ​พระ​องค์​ทรง​เห็นชอบ​ดังนั้น
ลก. 10:22 “​พระ​บิดา​ของ​เรา​ได้​ทรง​มอบ​สิ่ง​สารพัด​ให้แก่​เรา และ​ไม่​มี​ใคร​รู้​ว่า​พระ​บุตร​เป็น​ผู้ใด​นอก​จาก​พระ​บิดา และ​ไม่​มี​ใคร​รู้​ว่า​พระ​บิดา​เป็น​ผู้ใด​นอก​จาก​พระ​บุตร และ​ผู้​ที่​พระ​บุตร​ประสงค์​จะ​สำแดง​ให้​รู้”
ลก. 10:23 ​พระ​องค์​ทรง​เหลียว​หลัง​ทอด​พระ​เนตร​เหล่า​สาวก ตรัส​เฉพาะ​แก่​พวก​เขา​ว่า “นัยน์ตา​ทั้ง​หลาย​ที่​ได้​เห็น​การณ์​ซึ่ง​พวก​ท่าน​ได้​เห็น​ก็​เป็น​สุข​
ลก. 10:24 เพราะ​เรา​บอก​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ว่า ผู้เผย​พระ​วจนะ​หลาย​คน และ​กษัตริย์​หลาย​องค์​ปรารถนา​จะ​เห็น​ซึ่ง​ท่าน​ทั้ง​หลาย​เห็น​อยู่​นี้ แต่​เขา​มิได้​เคย​เห็น และ​อยากจะ​ได้​ยิน​ซึ่ง​พวก​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ได้​ยิน แต่​เขา​มิ​เคย​ได้​ยิน”



     "นัยน์ตา​ทั้ง​หลาย​ที่​ได้​เห็น​การณ์​ซึ่ง​พวก​ท่าน​ได้​เห็น​ก็​เป็น​สุข" ประโยคนี้ที่พระเยซูตรัสหมายความว่าอย่างไร ได้เห็นสิ่งที่พวกท่านเห็น พวกสาวกได้เห็นอะไร พวกเขาได้เห็นพระเยซูคริสต์และกิจการที่พระองค์กระทำ คำพยากรณ์ได้กล่าวถึงพระองค์ไว้มากมายว่าพระองค์จะเป็นผู้ที่มาช่วยโลกให้รอด พระเยซูคริสต์พระเมสสิยาห์ พระผู้ไถ่ นั่นเป็นสิ่งที่พระเยซูได้กล่าวต่อไปในข้อ 24 ว่าพวกผู้เผยพระวจนะปรารถนาจะได้เห็นพระองค์แต่ไม่ได้เห็น ปรารถนาจะได้ยินพระองค์พูดแต่ไม่ได้ยิน เพราะผู้เผยพระวจนะเหล่านั้นพยากรณ์ถึงพระเมสสิยาห์ที่จะมาในอนาคต ซึ่งก็คือพระเยซู และพวกสาวกได้เห็น

     การอัศจรรย์ สิ่งต่างๆที่พระเยซูทรงกระทำ คำสอนของพระองค์ ชีวิตของพระเยซูคริสต์ การได้ใช้ชีวิตร่วมกับพระองค์ เป็นสาวกของพระองค์ สิ่งต่างๆเหล่านี้ผู้พยากรณ์ในสมัยโบราณใคร่จะได้เห็นแต่พวกเขาไม่ได้เห็น มีแต่พวกสาวกในสมัยพระเยซูที่ได้เห็น​ และแม้แต่ประชาชนในสมัยพระเยซูจะได้เห็นก็ต้องเห็นด้วยลักษณะชีวิตที่ถูกต้อง คือจะไม่ได้เห็น จะไม่ได้เข้าใจหากเขาเหล่านั้นเป็นคนที่คิดว่าตัวเองฉลาดและมีปัญญา ดังได้กล่าวไว้ในข้อ 21  จะเห็นได้ จะพบได้ จะประจักษ์ได้เมื่อพวกเขาเหล่านั้นมีความถ่อมใจแสวงหาพระคริสต์และพวกเขาจะได้พบพระองค์ ข้อ 21ตอนปลายบอกว่าพระองค์จะสำแดงพระองค์แก่ผู้น้อยได้รู้


     ฉันใดก็ฉันนั้นเรื่องราวของพระคริสต์ในสมัยปัจจุบันนี้ การที่คนจะพบได้เมื่อพวกเขามาด้วยความถ่อมใจ แสวงหาพระเจ้า อยากรู้จักพระองค์ และพวกเขาจะได้พบพระองค์ พระเยซูคริสต์จะสำแดงให้พวกเขาได้พบพระองค์ 
     
     ผมนึกถึงคนที่ผมพามาหาพระเจ้าในงานประกาศในขณะที่ผมยังไม่ได้ต้อนรับพระคริสต์ด้วยความเป็นห่วง เขาป่วยเป็นโรค แต่เขาไม่เห็นอะไร ผมซึ่งได้เห็นการอัศจรรย์ต่างๆในคืนแรก คนหายโรคมากมายเต็มสนามกีฬา คนต้อนรับพระคริสต์มากมาย เด็กที่เป็นอัมพาตนั่งอยู่ใกล้ๆผม แต่เขาแสวงหาพระเจ้า เขาต้อนรับพระคริสต์ และพระเจ้ารักษาเขาให้หายจากการเป็นอัมพาตที่เดินไม่ได้ เขาเดินได้ ด้วยความดีใจ ผมจึงไปชวนพ่อของเพื่อนมาในคืนต่อไป เพราะเขาป่วยเป็นโรคอยู่ แต่เพราะเขาไม่มีความหิวกระหายที่จะพบพระองค์ แม้มีการอัศจรรย์เกิดขึ้นมากมาย แต่เขาไม่เห็นอะไร ใจเขาปิด เขาต่อว่าผมหาว่าผมพามาดูการหลอกลวง  นี่แหละครับตัวอย่างเรื่องจิตใจคน ดังนั้นการจะให้พระเจ้าใช้เรานำดวงวิญญาณของคนในสังคม ก่อนสิ่งอื่นใด เราควรต้องอธิษฐานเผื่อเขาผู้นั้นเขาเหล่านั้น จะไม่มีสิ่งใดปิดบังตาใจเขาอยู่ เพื่อผีมารซาตานจะไม่ผูกมัดเขาเอาไว้ เพื่อเมื่อเราชวนเขาไปหาพระเจ้า ใจของเขาจะเปิดและพบพระคริสต์ได้ง่ายๆ อาเมนไหมครับ