วันอาทิตย์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2553

C) Experience : ตัวอย่างการประกาศ - ไม่ว่าอย่างไร ฉันจะประกาศ

เอามาให้พี่น้องชม  เป็นแรงบันดาลใจเราในการประกาศพระนามพระเยซูคริสต์ออกไป

วันเสาร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2553

A) Word of God : Rapture

การรับขึ้น

1 เธสะโลนิกา 4:13-17


13 ดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย เราไม่อยากให้ท่านไม่ทราบความจริงเรื่องคนที่ล่วงหลับไปแล้ว เพื่อท่านจะไม่เป็นทุกข์โศกเศร้า อย่างคนอื่นๆที่ไม่มีความหวัง

14 เพราะในเมื่อเราเชื่อว่าพระเยซูทรงสิ้นพระชนม์ และทรงคืนพระชนม์แล้ว โดยพระเยซูนั้น พระเจ้าจะทรงนำบรรดาคนที่ล่วงหลับไปแล้วนั้น มากับพระองค์

15 ในข้อนี้เราขอบอกให้ท่านทราบ ตามพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้าว่า เราผู้ยังเป็นอยู่และคอยองค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จมา จะล่วงหน้าไปก่อนคนเหล่านั้นที่ล่วงหลับไปแล้วก็หาไม่

16 ด้วยว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าจะเสด็จมาจากสวรรค์ ด้วยพระดำรัสสั่ง ด้วยสำเนียงเรียกของเทพบดีและด้วยเสียงแตรของพระเจ้า และคนทั้งปวงในพระคริสต์ที่ตายแล้วจะเป็นขึ้นมาก่อน

17 หลังจากนั้นเราทั้งหลายซึ่งยังเป็นอยู่ จะถูกรับขึ้นไปในเมฆพร้อมกับคนเหล่านั้น และจะได้พบองค์พระผู้เป็นเจ้าในฟ้าอากาศ อย่างนั้นแหละ เราก็จะอยู่กับองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นนิตย์



นี่เป็นข้อพระคัมภีร์ที่เราน่าจะรู้จักกันดีเวลาไปร่วมพิธีไว้อาลัยเวลาผู้หนึ่งผู้ใดที่เรารักได้จากเราไป พระคัมภีร์ข้อนี้ได้หนุนใจให้เราได้ทราบความจริงเกี่ยวกับคนที่ล่วงหลับไปแล้ว และเป็นตอนที่ใช้บอกเราทั้งหลายเกี่ยวกับการเสด็จมารับเราขึ้นไปอยู่กับพระองค์ พระคัมภีร์บอกว่าคนที่ล่วงหลับไปแล้วก่อนหน้านี้จะมากับพระองค์ แล้วคนที่ตายไปแล้วจะเป็นขึ้นมาก่อน คงจะเป็นอย่างนี้ วิญญาณที่ออกจากร่างไปอยู่กับพระเยซูคริสต์จะมารวมตัวกับผงธุลีที่เป็นร่างกายเราในฝ่ายธรรมชาติ เปลี่ยนเป็นกายใหม่ กายแบบพระเยซู และคนที่ยังเป็นอยู่จะถูกเปลี่ยนแปลงใหม่และถูกรับขึ้นไปพบกับพระเยซูในฟ้าอากาศ



คำถามก็คือว่า แล้วจะเป็นเมื่อใดที่พระเยซูจะมา จากพระธรรม 1 เธสะโลนิกา 2:1-12 ได้บอกเราว่า



1 ดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย เรื่องการซึ่งพระเยซูคริสตเจ้าของเราจะเสด็จมา และที่พระองค์จะทรงรวบรวมเราทั้งหลายไปเป็นของพระองค์นั้น เราขอวิงวอนท่านว่า

2 อย่าให้ใจของท่านหวั่นไหวง่าย หรือตื่นตระหนกตกใจ ไม่ว่าจะเป็นโดยทางวิญญาณ หรือโดยทางคำพูด หรือโดยทางจดหมายเป็นเชิงว่ามาจากเรา อ้างว่าวันขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงแล้ว

3 อย่าให้ผู้หนึ่งผู้ใดล่อลวงท่านโดยทางหนึ่งทางใดเลย เพราะว่าวันนั้นจะไม่มาถึงจนกว่าจะมีการทรยศเสียก่อน และคนนอกกฎหมายนั้นจะประจักษ์แจ้ง คือลูกแห่งความพินาศ

4 ผู้กีดกั้นขัดขวางและยกตัวขึ้นต่อสู้อะไรๆที่ได้ชื่อว่าเป็นพระ หรืออะไรๆที่เขาไหว้นมัสการนั้น แล้วมันก็นั่งในพระวิหารของพระเจ้าประกาศตัวว่าเป็นพระเจ้า

5 ท่านทั้งหลายจำไม่ได้หรือว่าเมื่อข้าพเจ้ายังอยู่กับท่าน ข้าพเจ้าได้บอกเรื่องนี้ให้ท่านทราบแล้ว

6 และท่านก็รู้จักสิ่งนั้นที่กำลังหน่วงเหนี่ยวมันไว้ในขณะนี้ เพื่อมันจะปรากฏออกมาได้ต่อเมื่อถึงเวลาของมัน

7 เพราะว่าอำนาจลึกลับนอกกฎหมายนั้นก็เริ่มทำงานอยู่แล้ว แต่ผู้ที่คอยหน่วงเหนี่ยวเดี๋ยวนี้นั้นจะยังหน่วงเหนี่ยวอยู่จนออกไปให้พ้น

8 ขณะนั้นคนนอกกฎหมายนั้นก็จะปรากฏตัวขึ้น และพระเยซูเจ้าจะทรงประหารมันด้วยลมพระโอษฐ์ของพระองค์ และจะทรงผลาญให้สูญไปด้วยการปรากฏและการเสด็จมาของพระองค์

9 คนนอกกฎหมายนั้นจะมาโดยการดลบันดาลของซาตาน พร้อมกับการอิทธิฤทธิ์ต่างๆและหมายสำคัญ และการอัศจรรย์แห่งความเท็จ

10 และอุบายอธรรมต่างๆสำหรับคนเหล่านั้นที่จะต้องพินาศ เพราะเขาทั้งหลายไม่ได้รักความจริงเพื่อจะรอดได้

11 เพราะเหตุนี้พระเจ้าจึงทรงให้ความลุ่มหลงมาครอบงำเขา ให้เขาเชื่อสิ่งที่เท็จ

12 เพื่อคนที่ไม่เชื่อความจริง แต่ยินดีในการอธรรมจะได้ถูกพิพากษาลงโทษสิ้นทุกคน





ข้อนี้บอกว่าการที่พระเยซูจะมาจะขึ้นอยู่กับการทรยศปรากฏขึ้นก่อน และคนนอกกฏหมายนั้นก็ได้นั่งในวิหารของพระเจ้า ประกาศตัวว่าเป็นพระเจ้า

จากพระคัมภีร์ตอนนี้แสดงว่าต้องมีพระวิหารก่อน และต้องมีการทำสนธิสัญญาสันติภาพก่อน แล้วหลังจากนั้นสามปีครึ่งก็มีการหักพันธสัญญาดังที่ได้เขียนไว้ในบล็อกก่อนหน้านี้แล้ว จากพระคัมภีร์ตอนนี้ท่านจะเห็นได้ว่าพระคัมภีร์พูดถึงผู้หน่วงเหนี่ยวนั่นคือพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระวิญญาณบริสุทธิ์อยู่ในโลกนี้ ทำให้คนในโลกนี้ตาใจเปิดออกกระจ่างแจ้งรับความจริงตามหลักพระวจนะได้ เป็นพระวิญญาณที่คอยหน่วงเหนี่ยวต่อสู้กับอำนาจแห่งความบาปในโลกนี้ คอยทัดทานเตือนใจคนไม่ให้หลงไปกระทำความผิดบาป เมื่อพระวิญญาณอยู่ในโลกนี้พระองค์มีบทบาทต่างๆนานามากมายดังที่เราได้เห็นในพระคัมภีร์ แต่ว่าตอนนี้ผู้หน่วงเหนี่ยวนั้นจะออกจากโลกนี้ไป จะไม่มีพระวิญญาณคอยต่อสู้หน่วงเหนี่ยวอำนาจความผิดบาปในโลกนี้อีกต่อไป หมายความว่าอะไร จะไม่มีอะไรมาเหนี่ยวรั้งมนุษย์อีกต่อไป ผู้ใดทำความผิดบาปก็จะทำหนักขึ้น ความชั่วจะทวีมากขึ้นโดยไม่มีอะไรมาทัดทานอีกต่อไป กลียุคจะมีมากขึ้น และนี่คือเวลาสามปีครึ่งหลังที่จะไม่มีอะไรมาทัดทานอำนาจความชั่วอีกต่อไป สำหรับผู้เชื่อแท้จริงเชื่อว่าพระเยซูคริสต์ได้รับขึ้นไปในช่วงกลางของสัปตะสุดท้ายคือสัปตะที่ 70 ช่วงกลางของสัปตะสุดท้าย 7 ปีนั้น ก็คิอ สามปีครึ่งนี่เอง ผู้ใดที่ประพฤติตามคำขององค์พระผู้เป็นเจ้า หันกลับจากทางแห่งความชั่ว ฟังคำเตือนที่พระเจ้าได้เตือนคริสตจักรทั้งเจ็ดในพระธรรมวิวรณ์ ก็เป็นสุข

• 2:7 ใครมีหูก็ให้ฟังข้อความซึ่งพระวิญญาณตรัสไว้แก่คริสตจักรทั้งหลาย ผู้ใดมีชัยชนะ เราจะให้ผู้นั้นกินผลจากต้นไม้แห่งชีวิต ที่อยู่ในอุทยานสวรรค์ของพระเจ้า"

• 2:11 ใครมีหูก็ให้ฟังข้อความซึ่งพระวิญญาณตรัสไว้แก่คริสตจักรทั้งหลาย ผู้ที่มีชัยชนะจะไม่ได้รับอันตรายจากความตายครั้งที่สองเลย"

• 2:17 ใครมีหูก็ให้ฟังข้อความซึ่งพระวิญญาณได้ตรัสไว้แก่คริสตจักรทั้งหลาย เราจะให้มานา {อาหารที่พระเจ้าทรงประทาน ดูอพย.16:31} ที่ซ่อนอยู่แก่ผู้ที่มีชัยชนะ และจะให้หินขาวแก่เขาด้วย ที่หินนั้นมีชื่อใหม่จารึกไว้ซึ่งไม่มีผู้ใดรู้เลยนอกจากผู้ที่รับเท่านั้น"

• 2:26 ผู้ใดมีชัยชนะและดำรงรักษากิจการของเราไว้จนถึงที่สุด เราจะให้ผู้นั้นมีอำนาจครอบครองบรรดาประชาชาติ

2:27 และผู้นั้นจะบังคับบัญชาคนทั้งหลาย ด้วยกระบองเหล็ก เหมือนกับเมื่อหม้อดินของช่างหม้อที่แตกออกเป็นเสี่ยงๆ ตามที่เราได้รับอำนาจจากพระบิดาของเรา

2:28 และเราจะมอบดาวประจำรุ่งให้แก่ผู้นั้น

2:29 ใครมีหูก็ให้ฟังข้อความซึ่งพระวิญญาณได้ตรัสไว้แก่คริสตจักรทั้งหลายเถิด"

• 3:5 ผู้ใดมีชัยชนะ ผู้นั้นจะสวมเสื้อสีขาว และเราจะไม่ลบชื่อผู้นั้นออกจากหนังสือแห่งชีวิต เราจะรับรองชื่อผู้นั้นต่อพระพักตร์พระบิดาของเรา และต่อหน้าเหล่าทูตสวรรค์ของพระองค์

3:6 ใครมีหูก็ให้ฟังข้อความซึ่งพระวิญญาณได้ตรัสไว้แก่คริสตจักรทั้งหลายเถิด"

• 3:12 ผู้ใดมีชัยชนะ เราจะตั้งให้ผู้นั้นเป็นหลักอยู่ในพระวิหารแห่งพระเจ้าของเรา และผู้นั้นจะไม่ออกไปนอกพระวิหารอีกเลย และที่ตัวของผู้นั้นเราจะจารึกพระนามพระเจ้าของเรา และชื่อเมืองของพระเจ้าของเรา คือนครเยรูซาเล็มใหม่ที่ลงมาจากสวรรค์จากพระเจ้าของเรา และเราจะจารึกนามใหม่ของเราไว้ที่ผู้นั้นด้วย

3:13 ใครมีหูก็ให้ฟังข้อความซึ่งพระวิญญาณได้ตรัสไว้แก่คริสตจักรทั้งหลายเถิด"

• 3:21 ผู้ใดมีชัยชนะ เราจะให้ผู้นั้นนั่งกับเราบนพระที่นั่งของเรา เหมือนกับที่เรามีชัยชนะแล้ว และได้นั่งกับพระบิดาของเราบนพระที่นั่งของพระองค์

3:22 ใครมีหูก็ให้ฟังข้อความซึ่งพระวิญญาณได้ตรัสไว้แก่คริสตจักรทั้งหลายเถิด"



พูดอย่างนี้ว่ามีผู้เชื่อแท้จริง ก็แสดงว่ามีผู้เชื่อไม่แท้ใช่ไหม ใช่ครับ ได้แก่ผู้เชื่อแต่ในนามว่าเชื่อ แต่ไม่ได้เชื่อที่ใจอย่างแท้จริง โรม 10:9 คือว่าถ้าท่านจะรับด้วยปากของท่านว่า พระเยซูทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า และเชื่อในจิตใจว่า พระเจ้าได้ทรงชุบพระองค์ให้เป็นขึ้นมาจากความตาย ท่านจะรอด



ดังนั้นจึงไม่มีคำว่าเชื่อมาตั้งแต่เกิด ไม่มีผู้ใดเชื่อมาแต่เกิดได้แม้เกิดในครอบครัวคริสเตียน ทุกคนต้องยอมรับพระคริสต์ไว้เป็นพระผู้ช่วยให้รอดด้วยตนเอง



หรือผู้เชื่อที่ยอมรับพระคริสต์แล้วแต่ถอยหลัง ไม่ร้อนไม่เย็น วิวรณ์ 3:16 เพราะเหตุที่เจ้าเป็นแต่อุ่นๆไม่เย็นและไม่ร้อน เราจะคายเจ้าออกจากปากของเรา กรณีนี้ก็น่าเป็นห่วง ด้วยเหตุนี้เราจึงมีเดือนรักและห่วงใย เพื่อจะหนุนใจทุกคนให้ติดตามพระเจ้าอย่างเข้มแข็ง



ขอพระเจ้าเสริมกำลังทุกท่านครับ เรื่องเหตุการณ์ในยุคสุดท้ายนี้ ผมจะนำไปเทศนาในภาคกลางฟื้นฟูเดือนตุลาคมอีกทีครับ เพื่อพี่น้องทุกท่านจะรู้เหตุการณ์และระมัดระวังตนเองอยู่เสมอ พร้อมกับชักชวนทุกคนให้กลับใจใหม่รับความรอดจากองค์พระเยซูคริสต์ นอกจากนั้นแล้วเมื่อผมเขียนในบล็อกเสร็จ จะมาสรุปขมวดปมอีกครั้งหนึ่งครับ

 
สุดท้ายมีclip 2 ชุด มาให้รับชมกันครับ
ชุดแรกเป็นเพลงประกอบการรับขึ้นไป




ชุดสองเป็นเหตุการณ์สมมติครับ

วันเสาร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2553

A) Word of God : 70 weeks

70 สัปตะ




Dan 9:24 “มีเจ็ดสิบสัปตะแห่งปีกำหนดไว้สำหรับชนชาติของท่านและนครบริสุทธิ์ของท่าน เพื่อให้เสร็จสิ้นการทรยศ ให้บาปจบสิ้น และให้ลบมลทิน เพื่อนำความชอบธรรมนิรันดร์เข้ามา เพื่อประทับตราทั้งนิมิตและคำของผู้เผยพระวจนะไว้ และเพื่อจะเจิมสถานศักดิ์สิทธิ์ที่สุด

Dan 9:25 เพราะฉะนั้นจงทราบและเข้าใจว่า นับตั้งแต่การที่ถ้อยคำนั้นออกไป ให้สร้างกรุงเยรูซาเล็มขึ้นใหม่จนถึงสมัยผู้ถูกเจิมไว้ ผู้เป็นประมุขก็เป็นเวลาเจ็ดสัปตะ และเยรูซาเล็มจะถูกสร้างขึ้นพร้อมด้วยลานเมืองและคูเป็นเวลาหกสิบสองสัปตะแต่ในยุคลำบาก

Dan 9:26 หลังจากหกสิบสองสัปตะแล้ว ท่านผู้หนึ่งที่ถูกเจิมไว้จะต้องถูกตัดออกและจะไม่มีอะไรสำหรับท่าน และประชาชนของประมุขผู้หนึ่งที่จะมานั้น จะทำลายกรุง และสถานศักดิ์สิทธิ์เสีย ที่สุดปลายของมันจะมาถึงด้วยน้ำท่วม จนกระทั่งที่สุดจะมีสงคราม มีความวิบัติกำหนดไว้

Dan 9:27 ท่านจะทำพันธสัญญาเข้มแข็งกับคนเป็นอันมากอยู่หนึ่งสัปตะ ท่านจะกระทำให้การถวายสัตวบูชา และเครื่องบูชาอื่นๆ หยุดไปครึ่งสัปตะ ผู้ที่จะกระทำให้เกิดความวิบัตินั้น จะมาบนปีกของสิ่งน่าสะอิดสะเอียน จนความอวสานที่ได้กำหนดไว้จะถูกเทลงเหนือผู้กระทำให้เกิดความวิบัตินั้น”





เรื่องสัปตะก็คือสัปดาห์นั่นเอง ในภาษาแปลเก่าใช้คำว่าสัปดาห์ ในดาเนียลได้เผยพระวจนะเกี่ยวกับระยะเวลาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโลกนี้ ซึ่งเกี่ยวข้องกับอิสราเอล พระคัมภีร์ได้บันทึกว่ามีเวลากำหนดไว้สำหรับชนชาติอิสราเอลคือ 70 สัปตะ หรือ 70 สัปดาห์ แห่งปีกำหนดไว้ หรือ 70 x 7 = 490 วัน ปีแทนวัน = 490 ปี

พระคัมภีร์บอกว่านับจากการที่ถ้อยคำออกไปให้สร้างกรุงเยรูซาเล็มขึ้นใหม่ เป็นเวลา 7 สัปตะ = 49 ปี และกรุงเยรูซาเล็มจะถูกสร้างขึ้นพร้อมลานและคูเมืองเป็นเวลา 62 สัปตะ = 434 ปี รวมเวลาทั้งหมด 69 สัปตะ = 483 ปี หลังจากนั้นท่านผู้หนึ่งที่ถูกเจิมไว้จะถูกตัดออก พระเยซูคริสต์สิ้นพระชนม์ตอนอายุ 33 ปี ถูกตัดออกและไม่มีอะไรสำหรับท่าน นักวิชาการพระคัมภีร์เชื่อว่านั่นคือช่วงที่ยังไม่ได้เริ่มคือสัปตะที่ 70

สัปดาห์สุดท้ายนี่แหละครับที่สำคัญ มีเหตุการณ์อะไรที่เชื่อว่าปีที่ 70 จะเริ่มขึ้น ซึ่งก็คือเหตุการณ์ที่ผมได้เขียนไปก่อนหน้านี้แล้ว เรื่องพระวิหารที่จะถูกสร้างขึ้นมาใหม่

มาชมเรื่องราวบางส่วนของ 70 สัปตะในสารคดีชุดนี้กันบ้าง เผื่อพี่น้องจะเห็นภาพอะไรๆชัดเจนขึ้น ตอนนี้เรากำลังจะเข้าไปอยู่ในช่วงสัปตะสุดท้ายหนึ่งสัปตะนั้น นี่ถึงเป็นสิ่งบอกเหตุได้ว่า เมื่อใดมีการทำสัญญาสันติภาพและพระวิหารถูกสร้างขึ้นมาใหม่ เมื่อนั้นสัปตะที่ 70 ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

ถ้าท่านประสงค์จะชมสารคดีชุดนี้ฉบับสมบูรณ์ ท่านสามารถหาซื้อได้ตามร้านหนังสือคริสเตียนทั่วไปครับ










































วันเสาร์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2553

A) Word of God : Antichrist

ปฎิปักษ์พระคริสต์




ดูความคิดต่างๆก่อนครับ








2 ธส. 2:3-4

2Thess 2:3 อย่าให้ผู้หนึ่งผู้ใดล่อลวงท่านโดยทางหนึ่งทางใดเลย เพราะว่าวันนั้นจะไม่มาถึง เว้นแต่จะมีการล้มลงเสียก่อน และคนแห่งการบาปนั้นจะประจักษ์แจ้ง คือลูกแห่งความพินาศ

2Thess 2:4 ผู้กีดกั้นขัดขวางและยกตัวขึ้นต่อสู้อะไรๆที่ได้ชื่อว่าเป็นพระเจ้า หรืออะไรๆที่เขาไหว้นมัสการนั้น แล้วมันก็นั่งในพระวิหารของพระเจ้าเหมือนอย่างพระเจ้า ประกาศตัวว่าเป็นพระเจ้า



• จากพระคัมภีร์ตอนนี้ ผมได้พูดไปในครั้งก่อนแล้วว่า พระวิหารหลังที่สามคงต้องได้รับการสร้างขึ้นเป็นแน่ แล้วก็จะมีเหตุการณ์ที่ปฏิปักษ์พระคริสต์ได้เข้าไปนั่งในพระวิหาร ซึ่งคนที่จะเข้าไปในพระวิหารได้ต้องเป็นคนยิว ดังนั้นเขาจึงเชื่อกันว่า ปฏิปักษ์พระคริสต์นี้ต้องเป็นคนยิวหรือเชื้อสายยิวแน่นอน



• เรื่องAntichristเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่อยู่ในช่วงยุคสุดท้าย ผมมีความคิดเห็นของคนอเมริกันทั่วไปว่าเขาเชื่อว่าใครคือAntichrist และทำไม เอาไว้เป็นข้อมูลอ้างอิงเพื่อการดูสถานการณ์ต่างๆในโลกครับ



• มาดูบทบาทของAntichristในช่วงยุคสุดท้ายว่าเขามีบทบาทอะไร ทำไมเราต้องสังเกตสิ่งที่จะเกิดขึ้นให้ดี เราก็อาจสามารถประเมินได้ว่า เราอยู่ในช่วงเวลาใดแล้ว

• เราเชื่อว่าคนคนนี้ต้องเป็นคนยิวหรือเชื้อสายยิว มิฉะนั้นเขาจะเข้าไปในพระวิหารไม่ได้ (จำได้ไหมครับว่าทำไมพระวิหารหลังที่สามต้องเกิดมีขึ้น และจะมีสนธิสัญญาสันติภาพทำให้สามารถสร้างพระวิหารขึ้นได้)

• คนคนนี้จะต้องมีความสามารถในการดึงดูดใจคนสูงมากในการพูดชักจูงให้ผู้คนคล้อยตามเขาได้

• เป็นผู้ที่มีอำนาจในโลกนี้

• เป็นผู้ที่ให้หมายเลข 666



• คำที่ใช้ว่า Antichrist ภาษากรีก

G500 ἀντίχριστος antichristos (an-tee'-khris-tos) n.

1. an adversary (or opponent) of the Messiah, the Anointed-One

[from G473 and G5547]

KJV: antichrist

Root(s): G473, G5547

[?]



• คำนี้มีกล่าวไว้ในพระคัมภีร์ไม่กี่ข้อ

2 เปโตร 1:7

7 เพราะว่ามีผู้ล่อลวงเป็นอันมากเที่ยวจาริกไปในโลก คนไหนไม่รับว่าพระเยซูคริสต์ได้เสด็จมาเป็นมนุษย์ คนนั้นแหละเป็นผู้ล่อลวงและเป็นปฏิปักษ์กับพระคริสต์

9 ผู้ใดล่อลวงและไม่อยู่ในพระโอวาทของพระคริสต์ ผู้นั้นก็ไม่มีพระเจ้า ผู้ใดอยู่ในพระโอวาทของพระคริสต์ ผู้นั้นก็มีทั้งพระบิดาและพระบุตร



• แสดงว่าคนธรรมดาก็เป็นAntichristได้ คือคนที่ไม่รับว่าพระเยซูคริสต์มาเป็นมนุษย์ ไม่อยู่ในพระโอวาทและเป็นผู้ล่อลวง



1 ยอห์น 2:18-19

18 ลูกทั้งหลายเอ๋ย บัดนี้เป็นวาระสุดท้ายแล้ว และตามที่ท่านทั้งหลายได้ยินได้ฟังมาว่า ปฏิปักษ์ของพระคริสต์จะมีมา บัดนี้ปฏิปักษ์ของพระคริสต์ก็มีมามากแล้ว ฉะนั้นเราจึงรู้ว่าบัดนี้เป็นวาระสุดท้ายแล้ว

19 เขาเหล่านั้นได้ออกไปจากพวกเรา แต่เขาเหล่านั้นก็ไม่ใช่พวกเรา เพราะว่าถ้าเขาเป็นพวกของเรา เขาก็จะอยู่กับเราต่อไป แต่เขาได้ออกไปแล้ว ซึ่งก็เป็นที่ปรากฏชัดแล้วว่าเขาเหล่านั้นหาใช่พวกของเราไม่



• เรารู้ว่าเป็นวาระสุดท้ายแล้ว เพราะมีAntichristมากแล้ว แสดงว่าคนที่มีวิญญาณแบบพระคริสต์ก็เป็นพวกพระคริสต์ แต่คนที่มีวิญญาณปฏิปักษ์ต่อต้านพระคริสต์เป็นเป็นพวกAntichrist



1 ยอห์น 2:22

22 ใครเล่าเป็นผู้ที่พูดมุสา ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นผู้ที่ปฏิเสธว่าพระเยซูมิใช่พระคริสต์ ผู้ใดที่ปฏิเสธพระบิดาและพระบุตร ผู้นั้นแหละเป็นปฏิปักษ์ของพระคริสต์



1 ยอห์น 4:3

3 และวิญญาณทั้งปวงที่ไม่ยอมรับเชื่อพระเยซู วิญญาณนั้นก็ไม่ได้มาจากพระเจ้า วิญญาณนั้นแหละเป็นปฏิปักษ์ของพระคริสต์ ซึ่งท่านทั้งหลายได้ยินว่าจะมา และบัดนี้ก็อยู่ในโลกแล้ว



• ดังนั้นก็คงมีทั้งตัวAntichristเอง และคนที่มีวิญญาณแบบAntichrist ดังที่เราได้เห็นจากข้อพระคัมภีร์ต่างๆเหล่านี้



• นอกจากข้อพระคัมภีร์เหล่านี้ที่ได้กล่าวถึงปฏิปักษ์พระคริสต์ตรงๆแล้ว คราวนี้มาดูข้อพระคัมภีร์อื่นที่เกี่ยวข้องกับAntichristบ้าง จากที่พบในพระคัมภีร์ เราจะเห็นการใช้ชื่อว่าสัตว์ร้ายซึ่งมีอำนาจต่างๆ นั่นก็ทำให้เราทราบได้ว่านั่นคือAntichristนั่นเอง



วิวรณ์ 13:3

3 หัวๆหนึ่งของมันดูเหมือนถูกฟันปางตาย แต่แผลที่ถูกฟันนั้นรักษาหายแล้ว คนทั้งโลกติดตามสัตว์ร้ายนั้นไปด้วยความอัศจรรย์ใจ



• คนทั้งโลกติดตามสัตว์ร้ายตัวนี้ ถ้าเราอ่านวิวรณ์บทที่ 13 เราก็จะเห็นสิ่งที่มันทำ



• ในภาษากรีกที่กล่าวถึงสัตว์ร้าย

G2342 θηρίον therion (thay-ree'-on) n.

1. a dangerous animal

[diminutive from ther (a wild animal, as game)]

KJV: (venomous, wild) beast

See also: G2339

[?]



• นี่คือชื่อในภาษากรีก ซึ่งหมายความถึงสัตว์ร้ายนั้น



• เราจะเห็นสัตว์ร้ายได้ถูกกล่าวถึงในพระธรรมวิวรณ์ถึง 30 ครั้ง ซึ่งมีเพียงในวิวรณ์บทที่ 6 เท่านั้นที่ไม่ได้กล่าวถึงสัตว์ร้ายที่มีอำนาจแบบAntichrist



วิวรณ์ 13:11-13

11 แล้วข้าพเจ้าเห็นสัตว์ร้ายอีกตัวหนึ่งขึ้นมาจากแผ่นดินมีสองเขาเหมือนลูกแกะ และพูดเหมือนพญานาค

12 มันใช้อำนาจของสัตว์ร้ายตัวเดิมนั้นอย่างครบถ้วนและต่อหน้า มันทำให้โลกและคนที่อยู่ในโลกบูชาสัตว์ร้ายตัวเดิมนั้น ที่มีแผลปางตายแต่รักษาหายแล้ว

13 สัตว์ร้ายนี้แสดงหมายสำคัญใหญ่ จนกระทำให้ไฟตกลงมาจากฟ้าสู่แผ่นดินโลกประจักษ์แก่ตามนุษย์ทั้งหลาย



• ตรงนี้เราจะเห็นว่าสัตว์ร้ายไม่ได้มีตัวเดียว แสดงว่าAntichristนั้นอาจมีหลายคนก็ได้



• วิวรณ์ บทที่ 14 คำเตือนหากใครนมัสการสัตว์ร้ายนั้น



วิวรณ์ 16:3-4

13 และข้าพเจ้าเห็นผีโสโครกสามตนรูปร่างคล้ายกบ ออกมาจากปากพญานาค ออกจากปากสัตว์ร้ายนั้น และออกจากปากคนที่ปลอมตัวเป็นผู้เผยพระวจนะ

14 ด้วยว่าผีเหล่านั้นเป็นผีร้ายกระทำหมายสำคัญ มันออกไปหากษัตริย์ทั้งปวงทั่วพิภพ เพื่อให้บรรดากษัตริย์เหล่านั้นร่วมกันทำสงคราม ในวันยิ่งใหญ่ของพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุด



• อีกตอนหนึ่งที่พูดถึงสัตว์ร้าย

• ผีโสโครกสามตนออกมาจากปากของ ก. พญานาค ข. สัตว์ร้าย ค. คนที่ปลอมตัวเป็นผู้เผยพระวจนะ ไปชักชวนผู้มีอำนาจทั่วโลกให้ทำสงความในวันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า



• บทที่ 17 สัตว์ร้ายหรือAntichrist ร่วมมือกับบรรดาผู้ครอบครองโลกนี้ ได้แก่กษัตริย์ 10 องค์นั้น ซึ่งเรื่องนี้จะพูดต่อไปในครั้งหน้า



• บทที่ 19 พูดถึงปลายทางของปฏิปักษ์พระคริสต์

Rev 19:20 สัตว์ร้ายนั้นถูกจับพร้อมด้วยผู้พยากรณ์เท็จ ที่ได้กระทำการอัศจรรย์ต่อหน้าสัตว์ร้ายนั้น และใช้การอัศจรรย์นั้นล่อลวงคนทั้งหลายที่ได้รับเครื่องหมายของสัตว์ร้ายนั้น และบูชารูปของมัน สัตว์ร้ายและผู้พยากรณ์เท็จถูกทิ้งทั้งเป็นลงในบึงไฟที่ไหม้ด้วยกำมะถัน

Rev 19:21 และคนที่เหลืออยู่นั้น ก็ถูกฆ่าด้วยพระแสงที่ออกมาจากพระโอษฐ์ของพระองค์ผู้ทรงม้านั้นเสีย และนกทั้งปวงก็กินเนื้อของคนเหล่านั้นจนอิ่ม



• บทที่ 20 พูดถึงพญามารที่ถูกคุมขังไว้พันปี ถูกปล่อยมาชั่วคราว และไปล่อลวงคนทั้งแผ่นดินโลกให้มาทำสงครามกับองค์พระผู้เป็นเจ้า แสดงว่าสมัยนั้นไม่มีพรรคพวกของมันอยู่อีกต่อไป เพราะยุคพันปีนั้นไม่มีมารร้าย พอมันถูกปล่อยออกมา มันก็อาศัยการล่อลวงซึ่งเป็นวิธีที่มันถนัดตั้งแต่เริ่มสร้างโลก

• จะสังเกตว่าตอนนี้เป็นตอนของพญามารแล้ว ส่วนสัตว์ร้ายและผู้พยากรณ์เท็จถูกขังอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งเรื่องพญามารจะได้นำมาเขียนต่อไป

Rev 20:10 ส่วนพญามารที่ล่อลวงเขาเหล่านั้นก็ถูกโยนลงไปในบึงไฟและกำมะถัน ที่สัตว์ร้ายและผู้พยากรณ์เท็จอยู่นั้น และมันต้องทนทุกข์ทรมานทั้งกลางวันและกลางคืนตลอดไปเป็นนิตย์



• เมื่อมันไปล่อลวงคนทั้งโลกช่วงสุดท้ายในยุคพันปีมาทำสงครามกับพระเจ้า มันพ่ายแพ้และถูกขังไปตลอดกาล



สรรเสริญพระเจ้า... ฮาเลลูยา.... Praise the Lord!

วันเสาร์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2553

A) Word of God : The Holy Temple 3

พระวิหารหลังที่ 3

อีกสิ่งหนึ่งที่เขากำลังทำกันคือเรื่องพระวิหารหลังที่ 3 ซึ่งเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในยุคสุดท้าย เขาจะใช้เงินที่ได้จากการลงทุนขุดบ่อน้ำมันในทะเลตายมาสร้าง ซึ่งอันนี้ก็เป็นชนวนอันหนึ่งที่ก่อให้เกิดการแย่งชิงแหล่งน้ำมันดิบซึ่งเป็นความต้องการในโลกได้ ผมเคยแบ่งปันไปแล้วว่าพระวิหารครั้งหลังจะยิ่งใหญ่กว่าครั้งแรก และวิหารนั้นคือเราทั้งหลายซึ่งเป็นที่สถิตของพระวิญญาณ เป็นวิหารของพระเจ้า มาดูกันว่าพระวิหารครั้งที่สามจะสำเร็จไหม และคนที่น่าสะอิดสะเอียดจะมานั่งในพระวิหารหรือไม่




วีดีโอชุดนี้น่าสนใจ มีข้อพระคัมภีร์และรายละเอียดเครื่องใช้ต่างๆ





อันนี้ก็น่าสนใจ



ภาพแสดงให้เห็นว่าพระวิหารสามารถสร้างคนละตำแหน่งกับDome of the rock


• ผมเข้าใจว่าที่เขาเชื่อว่าจะมีพระวิหารหลังที่สาม เพราะจากพระคัมภีร์ข้อนี้

2เธสะโลนิกา 2:1-4

1 ดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย เรื่องการซึ่งพระเยซูคริสตเจ้าของเราจะเสด็จมา และที่พระองค์จะทรงรวบรวมเราทั้งหลายไปเป็นของพระองค์นั้น เราขอวิงวอนท่านว่า

2 อย่าให้ใจของท่านหวั่นไหวง่าย หรือตื่นตระหนกตกใจ ไม่ว่าจะเป็นโดยทางวิญญาณ หรือโดยทางคำพูด หรือโดยทางจดหมายเป็นเชิงว่ามาจากเรา อ้างว่าวันขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงแล้ว

3 อย่าให้ผู้หนึ่งผู้ใดล่อลวงท่านโดยทางหนึ่งทางใดเลย เพราะว่าวันนั้นจะไม่มาถึงจนกว่าจะมีการทรยศเสียก่อน และคนนอกกฎหมายนั้นจะประจักษ์แจ้ง คือลูกแห่งความพินาศ

4 ผู้กีดกั้นขัดขวางและยกตัวขึ้นต่อสู้อะไรๆที่ได้ชื่อว่าเป็นพระ หรืออะไรๆที่เขาไหว้นมัสการนั้น แล้วมันก็นั่งในพระวิหารของพระเจ้าประกาศตัวว่าเป็นพระเจ้า



• ข้อนี้บอกว่าจะมีคนนั่งในพระวิหาร ถ้ามีคนนั่งในพระวิหาร แสดงว่าต่อไปในอนาคตจะต้องมีพระวิหารแน่นอน ตอนนี้ยังไม่มีเพราะที่นั่นยังเป็นDome of the rockอยู่



• หรือวิวรณ์ 11:1-2 มัทธิว 24:15 บอกเรื่องพระวิหารในฝ่ายกายภาพ บล็อกครั้งก่อนผมเขียนเรื่องพระวิหารที่อยู่ภายในเราที่จะยิ่งใหญ่กว่าพระวิหารสมัยแรก ที่ผมอ้างอิงมาจาก ฮักกัย 2:9 พระเจ้าจอมโยธาตรัสว่า สง่าราศีของพระนิเวศครั้งหลังนี้จะยิ่งกว่าครั้งเดิมนั้น พระเจ้าจอมโยธาตรัสว่า และเราจะให้เกิดความสมบูรณ์พูนสุขในสถานที่นี้'" ซึ่งผมเชื่อว่าพูดถึงพระวิหารในเราที่พระวิญญาณสถิตอยู่ด้วย ย่อมยิ่งใหญ่กว่าครั้งแรกแน่นอน



• แต่ในตอนนี้เรากำลังดูถึงพระวิหารหลังที่สามในฝ่ายกายภาพที่เขาคิดจะสร้างกันเพื่อให้สำเร็จตามคำพยากรณ์

• ในสถาบันพระวิหารหลังที่สามที่ผมเคยไปถ่ายภาพมาให้ดู เราจะเห็นว่าเขาเตรียมการทุกอย่างไว้พร้อมแล้ว รอว่าจะลงมือสร้างเมื่อไรเท่านั้น เพราะที่เดิมนั้นเป็นของมุสลิมอยู่ นี่เองจะเป็นเวลาแห่งสัญญาสันติภาพได้ไหม ที่เขาจะสร้างพระวิหารไม่ตรงกับDome of the rock เพราะตำแหน่งพระวิหารนั้นอยู่ห่างไปห้าสิบเมตร ไม่ต้องรื้อของเก่า ถ้าต้องรื้อของเดิมออก เรื่องนี้คงอีกยาวนาน คงจะเป็นปัญหาไปทั่วโลกแน่ ดังนั้น ผมเชื่อว่าเขาคงเลือกใช้วิธีรอมชอมสันติภาพมากกว่า








ดาเนียล 9:27 ท่านจะทำพันธสัญญาเข้มแข็งกับคนเป็นอันมากอยู่หนึ่งสัปตะ ท่านจะกระทำให้การถวายสัตวบูชา และเครื่องบูชาอื่นๆ หยุดไปครึ่งสัปตะ ผู้ที่จะกระทำให้เกิดความวิบัตินั้น จะมาบนปีกของสิ่งน่าสะอิดสะเอียน จนความอวสานที่ได้กำหนดไว้จะถูกเทลงเหนือผู้กระทำให้เกิดความวิบัตินั้น"



• สัญญาสันติภาพนั้นจะดำเนินไปได้ช่วงหนึ่งถึงกลางทางคือครึ่งสัปตะก็มีการละเมิดสัญญานี้ และผู้ละเมิดก็จะนั่งบนวิหารนั้น



• วิวรณ์ 11:1-2 ท่านจะเห็นว่า ลานชั้นนอกไม่ต้องวัด เพราะเป็นDome of the rockอยู่

1 ท่านผู้หนึ่งจึงเอาไม้อ้อท่อนหนึ่งให้ข้าพเจ้ารูปร่างเหมือนไม้วัด แล้วสั่งข้าพเจ้าว่า "จงลุกขึ้นไปวัดพระวิหารของพระเจ้า และแท่นบูชาและคำนวณคนทั้งหลายซึ่งนมัสการในนั้น

2 แต่ไม่ต้องวัดลานชั้นนอกพระวิหารนั้น เพราะว่าที่นั่นได้มอบให้แก่คนต่างชาติแล้ว และเขาจะเหยียบย่ำวิสุทธนคร ตลอดสี่สิบสองเดือน



มัทธิว 24:15 "เหตุฉะนั้นเมื่อท่านทั้งหลายเห็นสิ่งอันน่าสะอิดสะเอียน ซึ่งกระทำให้เกิดความวิบัติ ตามพระวจนะที่ตรัสโดยดาเนียลผู้เผยพระวจนะนั้นตั้งอยู่ในสถานบริสุทธิ์ (ให้ผู้อ่านเข้าใจเอาเถิด)

• สิ่งอันน่าสะอิดสะเอียนนี่ได้แก่ผู้ละเมิดสนธิสัญญาสันติภาพ และได้นั่งอยู่ในพระวิหารด้วย ผู้นั่นได้แก่แอนตี้ใครส์ใข่หรือไม่ โอ้ว..นี่คงเป็นสิ่งที่ต้องติดตามดูกันต่อไปครับ



• แอนตี้ไครส์จะเป็นใคร สงสัยต้องหาข้อมูลมาเขียนต่อซะแล้ว



• ตอนนี้ขอสรุปสิ่งที่เขียนไปแล้วก่อนนะครับ เราได้ดู 10 คำทำนายสะท้านโลก อธิบายว่าคำพยากรณ์ส่วนใหญ่ 9 ประการนั้นสำเร็จไปแล้ว เหลือเพียงการประกาศออกไปทุกชาติทุกภาษา (แต่ในส่วนที่ผมพิจารณาตามพระคัมภีร์ภาษากรีก ผมว่าต้องประกาศออกไปแก่คนต่างชาติทุกชาติพันธุ์ด้วย) เมื่อดูแล้วมีแค่นี้เองหรือ อย่างนี้คริสเตียนก็ไม่เห็นต้องดำเนินชีวิตด้วยความระวังระไวอะไรมากมาย 9 ประการก็สำเร็จไปหมดแล้ว ผมถึงเริ่มดูพระคัมภีร์แล้วก็เห็นพระคัมภีร์พูดถึง Tribulation ความทุกขเวทนา ซึ่งไม่เคยมีมาก่อนและต่อไปภายหน้าก็จะไม่มีแบบนี้ พอสิ้น Tribulation ก็จะมีดวงดาวมืด ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ตกจากฟ้า ที่ผมเอาวิดีทัศน์ชุด 2 มาให้ดูว่าจะเป็นแบบนี้ได้หรือเปล่าคืออุกกาบาตพุ่งมาชนโลก แล้วพระคัมภีร์บอกว่าเมื่อนั้นบุตรมนุษย์ก็จะเสด็จมาในท้องฟ้า ซึ่งตรงนี้พระคัมภีร์เขียนว่ามนุษย์จะร่ำไห้ แต่ผมดูในภาษากรีกใช้คำว่าPhule ซึ่งเป็นคำที่ใช้กับอิสราเอลเท่านั้นแปลว่าเผ่าต่างๆ ผมถึงถามว่านี่จะเป็นคนอิสราเอลได้หรือเปล่าที่อาจมีบางพวกไม่เชื่อถือเหมือนพวกฟาริสีและธรรมาจารย์ เสียใจ ไม่ได้ไปด้วย ร้องไห้คร่ำครวญ

• ที่นี่กลับมาตรง Tribulation ผมก็เริ่มยกเรื่องต่างๆมาให้พิจารณา เช่น เรื่องภูมิอากาศของโลกที่เปลี่ยนไป โลกอนาคตคงไม่เหมิอนแบบปัจจุบัน ฤดูกาลเปลี่ยนไป น้ำในทะเลสูงมากขึ้นจนภายใน 30 ปี ไม่มีกรุงเทพฯเหลืออีกต่อไป แกนโลกคงเปลี่ยนเพราะความไม่สมดุลย์ของน้ำในมหาสมุทร ซึ่งเรื่องนี้เป็นไปตามหลักวิทยาศาสตร์ซึ่งเป็นไปตามคำพยากรณ์ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วเป็นจริงในปัจจุบัน , เรื่องเลข 666 ซึ่งก็เกิดขึ้นแล้วในปัจจุบันเพียงแต่รอให้ทั้งโลกเคยชินอยู่กับระบบตัวเลข แล้วต่อไปก็ฝังชิพคุมประชากรทั้งโลก ผมถึงบอกว่าถ้าเราจะรอดจากระบบแบบนี้ไปได้เราคงต้องอยู่แบบทฤษฏีเศรษฐกิจพอเพียง , เรื่องสงครามโลกครั้งที่สามจะเป็นแบบสู้รบกันด้วยอาวุธนิวเคลียร์หรืออาวุธชีวภาพ หรือไม่ก็สงครามอามารเกดโดน ครับนี่คือเรื่องที่เสนอมาแล้ว ครั้งต่อๆไปก็คงนำเสนอ เรื่อง ปฏิปักษ์พระคริสต์ เรื่องรัฐบาลโลก ฯลฯ ที่จะเป็นประโยชน์ในการดำเนินชีวิตด้วยการเตรียมพร้อม ระวังระไว รู้สิ่งที่กำลังเกิดขึ้น ไม่ดำเนินชีวิตไปเรื่อยๆ แต่ดำเนินขีวิตด้วยการเตรียมตัว

วันพุธที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2553

A) Word of God : World War 3

สงครามโลกครั้งที่ 3



หลังจากเขียนเรื่องต่างๆไปแล้ว ก็ค้นหาเรื่องอื่นๆอีก แล้วก็คิดว่าเอาขึ้นบนบล็อกให้รับทราบเลยดีกว่า ไม่ต้องรอจนถึงวันเสาร์

อีกเรื่องหนึ่งในยุคสุดท้าย จะเกิดแบบนี้ได้หรือไม่ คือ สงครามโลกครั้งที่ 3





พระคัมภีร์บอกว่าคนในยุคสุดท้าย 2 ทิโมธี 3:1-5 จะมีนิสัยแบบนี้

1 แต่จงเข้าใจข้อนี้ คือว่าในสมัยจะสิ้นยุคนั้น จะเกิดเหตุการณ์กลียุค

2 เพราะมนุษย์จะเห็นแก่ตัว เห็นแก่เงิน เย่อหยิ่ง ยโส ชอบด่าว่า ไม่เชื่อฟังคำบิดามารดา อกตัญญู ไร้ศีลธรรม

3 ไร้มนุษยธรรม ไม่ให้อภัยกัน ใส่ร้ายกัน ไม่ยับยั้งชั่งใจ ดุร้าย เกลียดชังความดี

4 ทรยศ มุทะลุ หัวสูง รักความสนุกยิ่งกว่ารักพระเจ้า

5 ถือศาสนาแต่เปลือกนอก ส่วนแก่นแท้ของศาสนาเขาไม่ยอมรับ คนเช่นนั้นท่านอย่าคบ



• ดังนั้นเมื่อคนเป็นแบบนี้ ประเทศต่อจะประเทศจะเป็นอย่างไร เพราะความบาปทวีขึ้น นอกจากสิ่งที่อาจมาจากนอกโลกที่มาทำลายโลกแบบที่เราได้ดูกันไปแล้ว แต่คราวนี้นี่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากน้ำมือของมนุษย์โลกด้วยกันเอง



สงครามอารมาเกดโดน ในวิวรณ์ บทที่ 16 นี่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

1 แล้วข้าพเจ้าก็ได้ยินเสียงดังออกมาจากพระวิหาร สั่งทูตสวรรค์ทั้งเจ็ดองค์นั้นว่า "จงไปเถิด เอาขันทั้งเจ็ดใบ ที่เต็มไปด้วยพระพิโรธของพระเจ้าเทลงบนแผ่นดินโลก"

2 ทูตสวรรค์องค์แรกจึงออกไป และเทขันของตนลงบนแผ่นดินโลก และคนทั้งหลายที่มีเครื่องหมายของสัตว์ร้าย และบูชารูปของมันก็เกิดเป็นแผลร้ายที่เป็นหนองทั่วตัว

3 ทูตสวรรค์องค์ที่สองก็เทขันของตนลงในทะเล และทะเลก็กลายเป็นเลือดเหมือนเลือดของคนตาย และบรรดาสิ่งที่มีชีวิตอยู่ในทะเลนั้นก็ตายหมดสิ้น

4 ทูตสวรรค์องค์ที่สามเทขันของตนลงที่แม่น้ำและบ่อน้ำพุทั้งปวง และน้ำเหล่านั้นก็กลายเป็นเลือด

5 และข้าพเจ้าได้ยินทูตสวรรค์แห่งน้ำร้องว่า "พระองค์ผู้บริสุทธิ์เจ้าข้า ผู้ดำรงอยู่บัดนี้ และผู้ได้ทรงดำรงอยู่ในกาลก่อน พระองค์ทรงเป็นผู้ชอบธรรมในการทรงพิพากษาเหตุการณ์เหล่านั้น

6 เพราะเขาทั้งหลาย ได้กระทำให้โลหิตของพวกธรรมิกชนและของผู้เผยพระวจนะไหลออก และพระองค์ได้ประทานโลหิตให้เขาดื่ม สมควรแก่กรรมของเขาแล้ว"

7 และข้าพเจ้าได้ยินแท่นบูชาร้องว่า "จริงอย่างนั้น พระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุด การพิพากษาของพระองค์เที่ยงตรงและยุติธรรมแล้ว"

8 ทูตสวรรค์องค์ที่สี่เทขันของตนลงที่ดวงอาทิตย์ และให้ดวงอาทิตย์คลอกมนุษย์ด้วยไฟ

9 ความร้อนแรงกล้าได้คลอกคนทั้งหลาย และพวกเขาสาปแช่งพระนามพระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์ เหนือภัยพิบัติเหล่านั้น และพวกเขาไม่ได้กลับใจและไม่ได้ถวายพระเกียรติแด่พระองค์

10 ทูตสวรรค์องค์ที่ห้าเทขันของตนลงบนที่นั่งของสัตว์ร้ายนั้น และอาณาจักรของมันก็มืดไป คนเหล่านั้นได้กัดลิ้นของตนด้วยความระทม

11 และสาปแช่งพระเจ้าแห่งสวรรค์เพราะความเจ็บปวด และเพราะแผลตามตัวของเขา แต่เขาไม่ได้สำนึกในการประพฤติผิดของตน

12 ทูตสวรรค์องค์ที่หกเทขันของตนลงที่แม่น้ำใหญ่ คือแม่น้ำยูเฟรติสทำให้น้ำในแม่น้ำนั้นแห้ง เพื่อเตรียมมรรคาไว้สำหรับบรรดากษัตริย์ที่มาจากทิศตะวันออก

13 และข้าพเจ้าเห็นผีโสโครกสามตนรูปร่างคล้ายกบ ออกมาจากปากพญานาค ออกจากปากสัตว์ร้ายนั้น และออกจากปากคนที่ปลอมตัวเป็นผู้เผยพระวจนะ

14 ด้วยว่าผีเหล่านั้นเป็นผีร้ายกระทำหมายสำคัญ มันออกไปหากษัตริย์ทั้งปวงทั่วพิภพ เพื่อให้บรรดากษัตริย์เหล่านั้นร่วมกันทำสงคราม ในวันยิ่งใหญ่ของพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุด

15 (นี่แน่ะ เราจะแอบย่องมาเหมือนขโมย ผู้ที่ตื่นอยู่และรักษาเสื้อผ้าของตนไว้อย่างดีจะเป็นสุข เพราะว่าเขาไม่ต้องเดินเปลือยกายให้คนทั้งหลายเห็น)

16 และมันทั้งสามได้ชุมนุมพวกกษัตริย์ที่ตำบลหนึ่ง ซึ่งภาษาฮีบรูเรียกว่าอารมาเกดโดน

17 ทูตสวรรค์องค์ที่เจ็ดได้เทขันของตนลงในอากาศ และมีพระสุรเสียงดังออกมาจากพระที่นั่งในพระวิหารนั้นว่า "สำเร็จแล้ว"

18 และเกิดมีฟ้าแลบ มีเสียงต่างๆมีฟ้าร้อง และเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ซึ่งตั้งแต่มีมนุษย์เกิดมาบนแผ่นดินโลก ไม่เคยมีแผ่นดินไหวร้ายแรงเช่นนี้เลย

19 มหานครนั้นก็แยกออกเป็นสามส่วน และบ้านเมืองของนานาประชาชาติก็ล่มจม พระเจ้ามิได้ทรงลืมมหานครบาบิโลน พระองค์ทรงให้นครนั้นดื่มถ้วยแห่งพระพิโรธอันใหญ่หลวงของพระองค์

20 และบรรดาเกาะต่างๆก็หนีหายไปและภูเขาทั้งหลายก็ไม่มีผู้ใดพบ

21 และมีลูกเห็บใหญ่ ตกลงมาจากฟ้าถูกคนทั้งปวง แต่ละก้อนหนักประมาณห้าสิบกิโลกรัม คนทั้งหลายจึงสาปแช่งพระเจ้า เพราะภัยพิบัติที่เกิดจากลูกเห็บนั้น เพราะว่าภัยพิบัติจากลูกเห็บนั้นร้ายแรงยิ่งนัก



• จะเห็นว่าผู้มีอำนาจในประเทศต่างๆทั่วโลกมาร่วมชุมนุมกันทำสงคราม และสถานที่ตรงนั้นอยู่ในอิสราเอลตอนเหนือ เป็นที่ราบเรียกว่าอารมาเกดโดน


แถบนี่แหละครับที่เรียกว่าอามารเกดโดน เป็นที่ราบ  ผมอยู่บนยอดภูเขาแล้วถ่ายลงมา




พื้นที่ส่วนใหญ่ในอิสราเอลเป็นภูเขาครับ มีตรงนี้ที่เป็นที่ราบกินอาณาเขตกว้างใหญ่ และที่ตรงนี้แหละครับที่คนทั้งหลายจะมาชุมนุมกันทำสงคราม



• จากวีดีโอที่เราได้ดูไปแล้วนั้น เป็นจินตนาการของผู้จัดทำว่าจะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 ขึ้นแบบนี้ แต่เมื่อดูจากพระคัมภีร์ เราเห็นว่าชนวนที่จะทำให้เกิดสงครามดูท่าจะหนีไม่พ้นอิสราเอล ดังนั้นประเทศอิสราเอลเป็นประเทศที่ต้องจับตามองครับ ดูเหมือนจะเป็นจุดโฟกัสที่น่าสนใจมาก อย่างไรก็ตามเราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต อาจมีทั้งสองอย่างก็ได้ ทั้งภาพการยิงอาวุธนิวเคลียร์เข้าใส่กันเหมือนวีดีโอชุดนี้ หรือว่าการไปชุมนุมกันทำสงครามที่อารมาเกดโดน



อารมาเกดโดนในภาษากรีก มีกล่าวถึงครั้งเดียวในวิวรณ์ 16:16

G717 Ἀρμαγεδδών Armageddon (ar-mag-ed-down') n/l.

1. Armageddon (or Har-Meggiddon), a symbolic name

[of Hebrew origin (H2022 and H4023)]

KJV: Armageddon

Root(s): H2022, H4023



• ในพระคัมภีร์เดิมเมืองนี้เรียกว่าเมกิดโดหรือว่าที่ราบเมกิดโด

เศคาริยาห์ 12:11 ในวันนั้น การไว้ทุกข์ในเยรูซาเล็มจะใหญ่โตอย่างการไว้ทุกข์เพื่อฮาดัดริมโมน ณ ที่ราบเมกิดโด



• ก่อนจะไปถึงทะเลตายและกรุงเยรูซาเล็มได้ก็ต้องเดินทัพผ่านที่ราบเมกิดโดหรืออารมาเกดโดนก่อน อือม.. น่าสนใจมากครับ






นี่เป็นอีกทัศนะหนึ่งของสงครามโลกครั้งที่สาม



ครับ คงมีความคิดกันหลายๆความคิด หลายๆการตีความพระคัมภีร์ หลายๆมุมมอง จะอย่างไรก็แล้วแต่ ขอให้คริสเตียนเป็นคนที่รักพระเจ้า และเตรียมตนเองพร้อมอยู่เสมอไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม