วันเสาร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ชีวิตพระเยซูคริสต์ : ส่งสาวกไปประกาศและรักษา

รวมบทความชีวิตพระเยซูคริสต์
 
     สวัสดีครับพี่น้องทุกท่าน ขอพระเจ้าชูกำลังพี่น้องทุกคนที่ยังประสบสภาวะน้ำท่วมอยู่ในเวลานี้นะครับ มาอ่านพระวจนะกันต่อครับ

Luke 10:1 ภายหลัง​เหตุการณ์​เหล่า​นั้น ​พระ​เยซู​ทรง​ตั้ง​สาวก​อื่น​อีก​เจ็ด​สิบ​คน​ไว้ และ​ใช้​เขา​ออกไป​ที​ละ​สอง​คนๆ ให้​ล่วงหน้า​พระ​องค์​ไป​ก่อน ให้​เข้า​ไป​ทุก​เมือง​และ​ทุก​ตำบล​ที่​พระ​องค์​จะ​เสด็จ​ไป​นั้น​
Luke 10:2 ​พระ​องค์​ตรัส​กับ​เขา​ว่า “ข้าว​ที่​ต้อง​เกี่ยว​นั้น​มี​มาก​แต่​คนงาน​ยัง​น้อย​อยู่ เหตุ​ฉะนั้น พวก​ท่าน​จง​อ้อน​วอน​พระ​องค์​ผู้​ทรง​เป็น​เจ้า​ของ​นา ให้​ส่ง​คนงาน​มา​เ​ก็​บ​เกี่ยว​พืชผล​ของ​พระ​องค์
Luke 10:3 ไป​เถอะ ดู​เถิด เรา​ใช้​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ไป​ดุจ​ลูก​แกะ​อยู่​ท่ามกลาง​ฝูง​สุนัข​ป่า
Luke 10:4 อย่า​เอา​ไถ้​เงิน หรือ​ย่าม หรือ​รองเท้า​ไป และ​อย่า​คำนับ​ผู้ใด​ตาม​ทาง​
Luke 10:5 ถ้า​จะ​เข้า​ไป​ใน​เรือน​ใดๆ จง​พูด​ก่อน​ว่า ‘ให้​ความ​สุข​มี​แก่​เรือน​นี้​เถิด’
Luke 10:6 ถ้า​ลูก​แห่ง​สันติ​สุข​อยู่​ที่​นั่น สันติ​สุข​ของ​ท่าน​จะ​อยู่​กับ​เขา ถ้า​หา​ไม่ สันติ​สุข​ของ​ท่าน​จะ​กลับ​อยู่​กับ​ท่าน​อีก​
Luke 10:7 จง​อาศัย​อยู่​ใน​เรือน​นั้น กิน​และ​ดื่ม​ของ​ซึ่ง​เขา​จะ​ให้​นั้น ด้วย​ว่า​ผู้​ทำงาน​สมควร​จะ​ได้รับ​ค่าจ้าง​ของ​ตน อย่า​เที่ยว​จาก​เรือน​นี้​ไป​เรือน​โน้น​
Luke 10:8 ถ้า​ท่าน​จะ​เข้า​ไป​ใน​เมือง​ใดๆ และ​เขา​รับรอง​ท่าน​ไว้​จง​กิน​ของ​ที่​เขา​ตั้ง​ให้​
Luke 10:9 และ​จง​รักษา​คน​ป่วย​ใน​เมือง​นั้น​ให้​หาย และ​แจ้ง​แก่​เขา​ว่า ‘แผ่นดิน​ของ​พระ​เจ้า​มา​ใกล้​ท่าน​ทั้ง​หลาย​แล้ว​’
Luke 10:10 ถ้า​ท่าน​จะ​เข้า​ไป​ใน​เมือง​ใดๆ และ​เขา​ไม่​รับรอง​ท่าน​ไว้ จง​ออกไป​ที่​กลาง​ถนน​เมือง​นั้น​กล่าว​ว่า​
Luke 10:11 ‘ถึงแม้​ผง​คลี​ดิน​แห่ง​เมือง​ของ​เจ้า​ทั้ง​หลาย​ที่​ติด​อยู่​กับ​เท้า​ของ​เรา เรา​ก็​สะบัด​ออกเป็น​ที่​แสดง​ว่า เรา​ไม่​เห็น​พ้อง​กับ​เจ้า แต่​เจ้า​ทั้ง​หลาย​จง​เข้า​ใจความ​นี้​เถิด คือ​แผ่นดิน​ของ​พระ​เจ้า​มา​ใกล้​แล้ว​’
Luke 10:12 เรา​บอก​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ว่า โทษ​ของ​เมือง​โสโดม​ใน​วัน​นั้น​จะ​เบา​กว่า​โทษ​ของ​เมือง​นั้น

     เรื่องส่งสาวกเจ็ดสิบคนนี้เป็นตอนที่หลังจากพระองค์่ส่งออกไปสิบสองคนแล้ว ครั้งก่อนใช้ไปประกาศแผ่นดินของพระเจ้าและรักษาคนเจ็บป่วยให้หาย ครั้งนี้ใช้ให้ออกไปคู่ๆเช่นเคย ให้เข้าไปทุกเมืองและทุกตำบลก่อนที่พระองค์จะเสด็จเข้าไป เป็นเหมือนผู้เตรียมทางก่อนพระองค์จะเสด็จมา เป็นเหมือน ยอห์น บัพติศโตมาเตรียมทางก่อนพระเยซูจะมา และว่าข้าวที่ต้องเกี่ยวนั้นมีมากแต่คนงานยังน้อยอยู่ จงขอต่อเจ้าของนาให้ส่งคนงานเข้ามาทำการเก็บเกี่ยว

     ในการใช้เจ็ดสิบคนนี้ดูแตกต่างหน่อยหนึ่งจากการใช้สิบสองคนซึ่งเป็นอัครทูตของพระองค์ สิบสองคนนั้นออกไปประกาศและรักษา พวกเขาก็ออกไปและกลับมาเล่าสิ่งที่ได้เกิดขึ้นระหว่างออกไปกระทำและสั่งสอน แต่ในพวกเจ็ดสิบคนนี้ได้เตือนให้ไปด้วยความระมัดระวังด้วย เหมือนลูกแกะอยู่ท่ามกลางฝูงสุนัขป่า มีความแตกต่างกันหรือไม่ในกลุ่มคนสองกลุ่มนี้ กลุ่มแรกพวกอัครทูต กลุ่มที่สองกลุ่มเจ็ดสิบคน จะเปรียบเหมือนกลุ่มคนที่มีภาระใจห้าวหาญเหมือนอย่างกลุ่มอัครทูต กับกลุ่่มสมาชิกต่างๆได้หรือไม่ ที่เมื่อไปพระเยซูได้เตือนว่าใช้ไปดุจลูกแกะอยู่ท่ามกลางฝูงสุนัขป่า ความจริงแล้วไม่ว่าใคร ไม่ว่าผู้นำระดับไหน ล้วนแล้วแต่ต้องระมัดระวังตัวทั้งสิ้น ไม่ว่าใครล้วนถูกโจมตีจากฝูงสุนัขป่าได้ทั้งสิ้น

     ถัดจากนั้นก็เป็นคำสั่งสอนในเรื่องต่าง เช่น ไปด้วยการพึ่งพาพระเจ้า ไม่เอาสิ่งใดติดตัวไป , ก่อนไปขึ้นเรือนใดให้อวยพรเรือนนั้น , อยู่กินกับผู้ที่ต้อนรับ , ให้รักษาคนเจ็บป่วยและประกาศแผ่นดินของพระเจ้า และสะบัดผงคลีดินแสดงการไม่เห็นด้วยหากเมืองนั้นไม่ต้อนรับ เพราะโทษของเมืองโสโดมที่ถูกไฟพระเจ้าเผายังเบากว่าโทษของเมืองนั้นที่ไม่ต้อนรับสาวกที่ออกไปประกาศ เพราะไม่ต้อนรับคนเล็กน้อยก็เหมือนไม่ต้อนรับองค์พระเยซูด้วย ไฟที่เผาเมืองโสโดมยังอยู่ชั่วคราว แต่ไฟในนรกจะเผาไปตลอดนิรันดร์ นี่คือโทษที่พระเยซูคริสต์กล่าว

วันเสาร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ชีวิตพระเยซูคริสต์ : การติดตามพระเยซู



Luke 9:57 เมื่อ​พระ​องค์​กับ​เหล่า​สาวก​กำลัง​เดินทาง​ไป มี​คน​หนึ่ง​ทูล​พระ​องค์​ว่า “​พระ​องค์​เสด็จ​ไป​ทาง​ไหน ข้า​พระ​องค์​จะ​ตาม​พระ​องค์​ไป​ทาง​นั้น”
Luke 9:58 ​พระ​เยซู​ตรัส​แก่​เขา​ว่า “หมา​จิ้งจอก​ยัง​มี​โพรง​และ​นก​ใน​อากาศ​ก็​ยัง​มี​รัง แต่​บุตร​มนุษย์​ไม่​มี​ที่​ที่​จะ​วาง​ศีรษะ”
Luke 9:59 ​พระ​องค์​ตรัส​แก่​อีก​คน​หนึ่ง​ว่า “จง​ตาม​เรา​มา​เถิด” แต่​คน​นั้น​ทูล​ตอบ​ว่า “​พระ​องค์​เจ้า​ข้า ขอ​ทรง​โปรด​ให้​ข้า​พระ​องค์​ไป​ฝัง​ศพ​บิดา​ข้า​พระ​องค์​ก่อน”
Luke 9:60 ​พระ​เยซู​จึง​ตรัส​กับ​เขา​ว่า “ปล่อย​ให้​คน​ตาย​ฝัง​คน​ตาย​ของ​เขา​เอง​เถิด แต่​ส่วน​ท่าน จง​ไป​ประกาศ​แผ่นดิน​ของ​พระ​เจ้า”
Luke 9:61 อีก​คน​หนึ่ง​ทูล​ว่า “​พระ​องค์​เจ้า​ข้า ข้า​พระ​องค์​จะ​ตาม​พระ​องค์​ไป แต่​ขอ​อนุญาต​ให้​ข้า​พระ​องค์​ไป​ลา​คน​ที่​อยู่​ใน​บ้าน​ของ​ข้า​พระ​องค์​ก่อน”
Luke 9:62 ​พระ​เยซู​ตรัส​กับ​เขา​ว่า “ผู้ใด​เอา​มือ​จับ​คัน​ไถ​แล้ว หัน​หน้า​กลับ​เสีย ผู้​นั้น​ก็​ไม่​สมควร​กับ​แผ่นดิน​ของ​พระ​เจ้า”
   
     วันนี้จะมาดูเรื่องการติดตามพระองค์ เพราะมีสาวกของพระองค์มาบอกว่าพระองค์ไปทางไหน เขาจะไปทางนั้นด้วย พระองค์จึงกำลังสอนว่าเมื่อจะติดตามพระองค์นั้นต้องไม่พะวงอยู่กับที่อยู่อาศัย พระองค์บอกว่าแม้สุนัขจิ้งจอกและนกยังมีโพรงมีรังที่พำนักอาศัยแต่พระองค์ไม่มีที่จะพำนักพักผ่อน เพราะพระองค์เดินทางไปตามที่ต่างๆ ไปทำพระราชกิจของพระบิดา

     อีกคนหนึ่งเมื่อพระเยซูเรียกให้ติดตามพระองค์ เขาก็พะวงอยู่กับเรื่องญาติสนิทของเขา สิ่งที่พระเยซูสอนในตอนนี้ให้ละความพะวงนั้นไว้เพื่อไปประกาศแผ่นดินของพระเจ้า


     ส่วนอีกคนหนึ่งก่อนจะติดตามพระองค์ขอไปลาคนในบ้านก่อน คนนี้พะวงอยู่กับเรื่องคนที่อยู่ในบ้านเดียวกัน

     เส้นทางในการติดตามพระเยซูคริสต์ 1. ไม่พะวงอยู่กับเรื่องที่อยู่อาศัย  2. ไม่พะวงอยู่กับเรื่องญาติสนิทของตนเอง  3. ไม่พะวงเกี่ยวกับเรื่องคนที่อาศัยอยู่ด้วยกัน

     พระเยซูถึงได้พูดว่า ถ้าผู้ใดเอามือจับคันไถ เริ่มต้นทำหน้าที่แล้ว แต่หันหน้ากลับเสีย ไม่ทำต่อไปแล้ว เหมือนบริบทในตอนนี้ ถ้าผู้ใดกำลังติดตามเป็นสาวกของพระเยซูคริสต์ ต้องรู้ว่าเขาจะเผชิญสิ่งใด และเขาต้องผ่านสิ่งนั้น บททดสอบนั้นให้ได้ ถ้าผู้ใดหันหน้ากลับเสีย เริ่มแล้วแต่ไม่ไปต่อให้ตลอด ผู้นั้นก็ไม่สมควรกับแผ่นดินของพระเจ้า

     ขอพระเจ้าดูแลเราทั้งหลายทุกคนที่ได้ติดตามพระเจ้า ให้ติดตามด้วยความหนักแน่นมั่นคง ไม่โลเลเหลาะแหละ เดินทางทิ้งชีวิตเก่าออกมาจากโลกนี้แล้ว ให้จุดโฟกัสของเขาเหล่านั้นมุ่งหน้าต่อไป สายตาความสนใจจับจ้องไปที่องค์พระเยซูคริสต์ผู้เป็นความหวังใจของเราทั้งหลาย ผู้เป็นความบริบูรณ์สำหรับเราทั้งหลาย ฯลฯ แล้วก็ก้าวต่อไป ผ่านขวากหนาม ผ่านสิ่งต่างๆที่ต้องเผชิญไปให้ได้โดยพระคุณของพระเจ้าที่ทรงช่วยเรา เราไม่ได้ดำเนินชีวิตอยู่เพียงลำพังแต่เรามีพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่สถิตอยู่กับเราตลอดเวลา เป็นผู้คอยให้กำลัง ความหวัง การช่วยเหลือ การปลอบประโลม ฯลฯ อยู่ตลอดเวลา ในพระนามพระเยซูคริสต์เจ้า อาเมน..

คำแบ่งปันจากพระวจนะ 19 พ.ย. 11


วันเสาร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

คำแบ่งปันจากพระวจนะ 12 พ.ย. 11


ชีวิตพระเยซูคริสต์ : มิได้มาเพื่อทำลายชีวิตแต่เพื่อช่วยมนุษย์ให้รอด

ดูต่อครับ

ฉบับ1971
Luke 9:51 ครั้น​จวน​เวลา​ที่​พระ​องค์​จะ​ทรง​ถูก​รับ​ขึ้น​ไป ​พระ​องค์​ทรง​ตั้ง​พระ​ทัย​แน่ว​ไป​ยัง​กรุง​เยรูซาเล็ม​
Luke 9:52 และ​พระ​องค์​ทรง​ใช้​ทูต​ล่วงหน้า​ไป​ก่อน เขา​ก็​เข้า​ไป​ใน​หมู่​บ้าน​แห่ง​หนึ่ง​ของ​ชาว​สะมาเรีย เพื่อ​จะ​เตรียม​ไว้​ให้​พระ​องค์​
Luke 9:53 ชาว​บ้าน​นั้น​ไม่​รับรอง​พระ​องค์​เพราะ​พระ​องค์​กำลัง​เสด็จ​ไป​ยัง​กรุง​เยรูซาเล็ม​
Luke 9:54 เมื่อ​สาวก​ของ​พระ​องค์ คือ​ยากอบ​และ​ยอห์น​ได้​เห็น​ดังนั้น เขา​ทูล​พระ​องค์​ว่า “​พระ​องค์​เจ้า​ข้า ​พระ​องค์​พอ​พระ​ทัย​จะ​ให้​ข้า​พระ​องค์​ขอ​ไฟ​ลง​มา​จาก​สวรรค์​เผา​ผลาญ​เขา​เสีย​อย่าง​เอลียาห์​ได้​กระทำ​นั้นหรือ”
Luke 9:55 แต่​พระ​องค์​ทรง​เหลียว​มา​ห้าม​ปราม​เขา​​พระ​องค์​ตรัส​ว่า “ท่าน​ไม่​รู้​ว่า ท่าน​มี​จิตใจ​ทำนอง​ใด
Luke 9:56 เพราะ​ว่า​บุตร​มนุษย์​มิ​ได้มา​เพื่อ​ทำลาย​ชีวิต​มนุษย์ แต่​มา​เพื่อ​ช่วย​เขา​ทั้ง​หลาย​ให้​รอด” แล้ว​พระ​องค์​กับ​เหล่า​สาวก​ก็​เลย​ไป​ที่​หมู่​บ้าน​อีก​แห่ง​หนึ่ง​

ฉบับไทยคิงเจมส์
Luke 9:51 ต่อมาครั้นจวนเวลาที่พระองค์จะทรงถูกรับขึ้นไป พระองค์ทรงมุ่งพระพักตร์แน่วไปยังกรุงเยรูซาเล็ม
Luke 9:52 และพระองค์ทรงใช้ผู้ส่งข่าวล่วงหน้าไปก่อน เขาก็เข้าไปในหมู่บ้านแห่งหนึ่งของชาวสะมาเรียเพื่อจะเตรียมไว้ให้พระองค์
Luke 9:53 ชาวบ้านนั้นไม่รับรองพระองค์ เพราะดูเหมือนว่าพระองค์กำลังทรงมุ่งพระพักตร์ไปยังกรุงเยรูซาเล็ม
Luke 9:54 และเมื่อสาวกของพระองค์ คือยากอบและยอห์นได้เห็นดังนั้น เขาทูลว่า "พระองค์เจ้าข้า พระองค์พอพระทัยจะให้ข้าพระองค์ขอไฟลงมาจากสวรรค์ เผาผลาญเขาเสียอย่างเอลียาห์ได้กระทำนั้นหรือ"
Luke 9:55 แต่พระองค์ทรงเหลียวมาห้ามปรามเขา และตรัสว่า "ท่านไม่รู้ว่าท่านมีจิตใจทำนองใด
Luke 9:56 เพราะว่าบุตรมนุษย์มิได้มาเพื่อทำลายชีวิตมนุษย์ แต่มาเพื่อช่วยเขาทั้งหลายให้รอด" แล้วพระองค์กับเหล่าสาวกก็เลยไปที่หมู่บ้านอีกแห่งหนึ่ง

     วันนี้นำทั้งสองเล่มนี้มาดูด้วยกันเพื่อเราจะได้เห็นสิ่งที่พระคัมภีร์เขียนไว้ได้ชัดเจนขึ้นจากการเปรียบดูในแต่ละฉบับ ในข้อ 51 มุ่งพระพักตร์แน่วไปยังกรุงเยรูซาเล็ม คือ มีความตั้งใจแน่วแน่ตรงไปที่กรุงนั้น ความตั้งใจของพระองค์ตรงไปยังกรุงเยรูซาเล็ม สถานที่ที่พระองค์จะสิ้นพระชนม์เพื่อเป็นค่าไถ่แก่มนุษย์เป็นอันมาก สถานที่ที่พระองค์จะถูกรับขึ้นไป

     ใจของพระองค์แน่วแน่ไปที่นั่น ในอีกข้อหนึ่งได้บอกไว้  Luke 18:31 ​พระ​องค์​จึง​ทรง​พา​สาวก​สิบ​สอง​คน​ไป​แล้ว​ตรัส​กับ​เขา​ว่า “ดู​เถิด เรา​ทั้ง​หลาย​จะ​ขึ้น​ไป​ยัง​กรุง​เยรูซาเล็ม​และ​จะ​สำเร็จ​ตาม​สิ่ง​สารพัด ซึ่ง​เหล่า​ผู้เผย​พระ​วจนะ​ได้​เขียน​ไว้​ว่า​ด้วย​บุตร​มนุษย์​

     ในข้อ 52, 53 เราจะเห็นว่าพระองค์ส่งคนเข้าไปในหมู่บ้านชาวสะมาเรีย ซึ่งไม่ถูกกับชาวกรุงเยรูซาเล็ม เพื่อจะเตรียมไว้ให้พระองค์ เตรียมสิ่งใดพระคัมภีร์ไม่ได้บอกไว้ ข้าพเจ้าเชื่อว่าคือเตรียมปัสกาไว้สำหรับพระองค์เพื่อจะกินร่วมกับพวกสาวก ดังได้ปรากฏในพระธรรม  Luke 22:8 ​พระ​องค์​จึง​ทรง​ใช้​เปโตร​และ​ยอห์น​ไป สั่ง​เขา​ว่า “จง​ไป​จัดเตรียมปัสกา​ให้​เรา​ทั้ง​หลาย​กิน”    กินเพื่อระลึกถึงพระองค์ที่จะมอบร่างกายและเลือดเพื่อคนทั้งปวง  พระองค์บอกว่าจะไม่กินปัสกาอีกจนกว่าจะสำเร็จความหมายของปัสกา  Luke 22:16 ด้วย​เรา​บอก​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ว่า​เรา​จะ​ไม่​กินปัสกา​นี้​อีก จนกว่า​จะ​สำเร็จ​ความ​หมาย​ของปัสกา​นั้น​ใน​แผ่นดิน​ของ​พระ​เจ้า”   ทุกสิ่งในความตั้งใจของพระองค์ล้วนทำเพื่อจะให้สิ่งที่พระบิดาใช้พระองค์เข้ามาในโลกได้สำเร็จ  ในฉบับ 1971 บอกว่า "ตั้งพระทัยแน่ว"  ในฉบับไทยคิงเจมส์ บอกว่า "มุ่งพระพักตร์แน่ว" อ่านแล้วได้ใจความ ได้ความรู้สึก ได้สัมผัสถึงความแน่วแน่ในจุดประสงค์ที่พระองค์เข้ามาในโลกนี้เพื่อจะทำให้สิ่งนั้นที่เป็นจุดประสงค์การเข้ามาในโลกสำเร็จ    ขอพระเจ้าได้ทรงประทานความตั้งใจแบบนี้ให้สำเร็จในตัวข้าพเจ้าและคนทั้งหลายเช่นกัน  พระองค์ใช้ข้าพเจ้าและคนทั้งหลายในชีวิตนี้อย่างไร ขอพระองค์ทรงกระทำให้สำเร็จ  สำหรับข้าพระองค์สิ่งที่พระองค์บอกข้าพระองค์ไว้ว่า เตรียมข้าพระองค์ไว้สำหรับการฟื้นฟูประเทศไทย ข้าพระองค์ขอมอบชีวิตนี้ให้อยู่ในน้ำพระทัยและเวลาของพระองค์ ขอถวายพระเกียรติแด่พระองค์ด้วยชีวิตนี้ในพระนามพระเยซูคริสต์เจ้า อาเมน.. 

     ที่นี้พอชาวสะมาเรียรู้ว่าใจพระองค์แน่วแน่ไปยังกรุงเยรูซาเล็ม พวกเขาเลยไม่ต้อนรับพระองค์ ยากอบและยอห์นก็ช่างใจร้อนดีแท้ เห็นว่าพวกเขาไม่ต้อนรับพระคริสต์พระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ ก็จะขอไฟจากสวรรค์ลงมาทำลายพวกเขาเหมือนกับที่เอลียาห์ได้ทำ ใน 2พงศ์กษัตริย์ 1:10, 12 ที่กษัตริย์ได้ใช้ทหารไปตามเอลียาห์มีนายห้าสิบและทหารอีกห้าสิบคน บอก "ลงมา" แต่เอลียาห์บอกว่าถ้าท่านเป็นคนของพระเจ้าให้ไฟลงมาจากสวรรค์เผาผลาญพวกเขา และก็เป็นเช่นนี้ถึงสองครั้ง ที่นี่พวกสาวกจะเอาแบบนี้บ้าง ทูลถามพระเยซูจะให้เรียกไฟลงมาจากสวรรค์ไหม

    คำตอบสุดท้ายของพระเยซูในข้อ 55, 56 ได้บอกให้เราเห็นถึงพระทัยเมตตากรุณาของพระองค์ พระองค์ห้ามปรามเขา และได้บอกให้รู้จิตใจของพวกเขาว่าเป็นเช่นไร แต่สำหรับพระเยซูคริสต์แล้วพระองค์ไม่ได้มาทำลายมนุษย์ แต่พระองค์มาเพื่อช่วยมนุษย์ให้รอดได้ นี่คือจุดประสงค์ของพระองค์ที่พระบิดาใช้พระองค์เข้ามาในโลก

     ขอพระเยซูคริสต์ได้ประทานให้ใจข้าพเจ้าและใจพวกท่านทั้งหลายเป็นดั่งเช่นใจของพระเยซูคริสต์ครับ ขอพระเจ้าเสริมกำลังท่านทั้งหลายทุกคน แล้วพบกันใหม่ครับ

วันศุกร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

น้ำเริ่มเอ่อซอยในบ้าน

     น้องน้ำค่อยๆเอ่อขึ้นในมาซอยบ้านถนนศรีนครินทร์มาหลายวันแล้วครับ สังเกตุได้ว่าเพิ่มวันละเล็กละน้อย แต่ที่แปลกคือน้ำที่ขึ้นมาที่ซอยไหลลงไปในท่อระบายน้ำ แสดงว่าน้ำีที่ในท่อต่ำกว่า



ประตูระบายน้ำแถวบ้าน ฝั่งนี้ยังต่ำกว่าฝั่งโน้นอยู่เป็นฟุต แต่ว่าผมคิดว่าไม่มีประโยชน์หรอกครับ ถ้าน้ำมาเต็มที่แล้ว น้องน้ำก็วิ่งมาตามถนนได้

ถนนศรีนครินทร์แถวบ้านหน้าปากซอย มีน้ำเพิ่มขึ้นเรื่อยๆทุกวัน วันนี้เริ่มมีน้ำเอ่อเ่ข้าไปที่ถนน

สรุปว่าได้ยินคนต่างๆพูดกันว่าน้ำมาตามท่อระบายน้ำ แต่ที่บ้านผมนี่น้ำมาบนซอยแล้วบ่าไปลงท่อระบายน้ำ ไหลลงไปตามที่ต่ำตรงไหนต่ำกว่าที่อื่นน้ำถึงผุดขึ้นมาจากท่อระบายน้ำ ผมเข้าใจว่าน้ำนี้คงมาจากคลองระบายน้ำเช่นคลองประเวศบุรีรมย์ที่อยู่ไม่ไกลจากแถวนี้  เพราะหัวน้ำยังอยู่อีกไกลพอควรคือคลองบางซื่อและถนนเสรีไทย แต่นี้มีน้ำท่วมเอ่อขึ้นมาแล้วแสดงว่าน้ำมาจากคลองผันน้ำ  จบข่าวครับ รายงานจากถนนศรีนครินทร์ บริเวณสี่แยกมอเตอร์เวย์

วันเสาร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

คำแบ่งปันจากพระวจนะ 5 พ.ย.

     อย่างที่ท่านทั้งหลายได้ทราบไปแล้วนะครับถ้าไม่ได้โทรไปหาท่าน ถ้าผมแบ่งปันพระวจนะในวันเสาร์ ก็หมายความว่าคริสตจักรยังมีได้ปกติในวันรุ่งขึ้น



ชีวิตพระเยซูคริสต์ : สอนให้มีความคิดที่ถูกต้อง

     ต่อครับ


(Luke 9:46 [TBS1971])
แล้ว​เหล่า​สาวก​ก็​เกิด​เถียง​กัน​ว่า​ใน​พวก​เขา​ใคร​เป็น​ใหญ่

(Luke 9:47 [TBS1971])
ฝ่าย​พระ​เยซู​ทรง​หยั่ง​รู้​ความ​คิด​ใน​ใจ​ของ​เขา​จึง​ให้​เด็ก​คน​หนึ่ง​ยืน​อยู่​ใกล้​พระ​องค์​

(Luke 9:48 [TBS1971])
แล้ว​ตรัส​กับ​เขา​ว่า “ถ้า​ผู้ใด​จะ​รับ​เด็ก​เล็กๆ คน​นี้​ใน​นาม​ของ​เรา ผู้​นั้น​ก็​ได้รับ​เรา และ​ผู้ใด​ได้รับ​เรา ผู้​นั้น​ก็​ได้รับ​พระ​องค์​ผู้​ทรง​ใช้​เรา​มา เพราะ​ว่า​ใน​พวก​ท่าน​ทั้ง​หลาย ผู้ใด​เป็น​ผู้น้อย​ผู้​นั้น​แหละ​เป็น​ผู้ใหญ่”

(Luke 9:49 [TBS1971])
ฝ่าย​ยอห์น​ทูล​พระ​องค์​ว่า “​พระ​อาจารย์​เจ้า​ข้า พวก​ข้า​พระ​องค์​เห็น​ผู้​หนึ่ง​ขับ​ผี​ออก​ใน​พระ​นาม​ของ​พระ​องค์​และ​ข้า​พระ​องค์​ห้าม​เขา​เสีย เพราะ​เขา​ไม่​ตาม​พวก​เรา​มา”


(Luke 9:50 [TBS1971])
​พระ​เยซู​ตรัส​แก่​เขา​ว่า “อย่า​ห้าม​เขา​เลย เพราะ​ว่า​ผู้ใด​ไม่​เป็น​ฝ่าย​ต่อสู้​ท่าน ​ก็​เป็น​ฝ่าย​ท่าน​แล้ว”


     ข้อพระคัมภีร์ตอนนี้พูดถึงเหตุการณ์สองเหตุการณ์ เหตุการณ์แรกเรื่องใครเป็นใหญ่ สิ่งที่พวกสาวกพูดเถึยงกันนั้นเป็นส่ิงที่ขัดแย้งกับชีวิตในแผ่นดินพระเจ้า ชีวิตในพระเจ้าไม่มาคอยกังวลว่าใครจะใหญ่กว่าใคร นั่นเป็นความคิดแบบมนุษย์ที่สนใจเรื่องชื่อเสียง เกียรติยศ อำนาจ ฯลฯ เหมือนตอนนี้ที่สนใจว่าในบรรดาสาวก 12 คนนั้น ใครเป็นใหญ่กว่าใคร แต่ในแผ่นดินพระเจ้าสนใจท่าทีที่ถูกต้องในใจของมนุษย์มากกว่าสนใจว่าใครจะใหญ่กว่าใคร ดังนั้นพี่น้องที่อ่านพระคัมภีร์มาถึงตอนนี้แล้ว จะได้มีความสนใจในสิ่งที่ถูกต้องมากกว่าการสนใจในอำนาจ หน้าที่ ฯลฯ พระเยซูได้สอนไว้ว่าให้ดูเด็กเล็กๆ ถ้าเราอยากให้พระเจ้าใช้มากๆให้เราเป็นเหมือนเด็กเล็กๆ  เด็กเล็กๆใสซื่อใช่ไหมครับ เด็กเล็กๆไม่ได้คิดอะไรซับซ้อนไม่เหมือนอย่างพวกผู้ใหญ่เหล่านี้ใช่ไหมครับ ที่คอยคิดถึงกันแต่เรื่องเกียรติและอำนาจ สิ่งที่ควรคิดกลับไม่คิด ทำอย่างไรจะนำคนกลับมาหาพระเจ้า อธิษฐานขอพระเจ้านำคนกลับมาหาพระองค์ อธิษฐานขอให้เราต้อนรับคนทั้งหลายได้ เหมือนเราต้อนรับเด็กเล็กๆที่ดูด้อยกว่าเราในสายตามนุษย์ พระเยซูได้บอกไว้ในตอนท้ายของข้อ 48 ว่าใครผู้ใดเป็นผู้น้อยผู้นั้นแหละเป็นผู้ใหญ่  ขอให้เราเป็นดั่งเช่นนั้นแหละ ขอให้เราสนใจผู้อื่นแทนที่จะสนใจแต่ตัวเองว่าใครจะใหญ่กว่าใคร เราจะเป็นอะไรก็ได้ในแผ่นดินพระเจ้าขอบคุณพระเจ้า เพราะพระเจ้าเป็นผู้มอบหมายบทบาทหน้าที่ที่สมกับตลันท์และของประทานที่พระเจ้าใส่ไว้ในชีวิตเรา เราจะเป็นอะไรก็ได้ ขอพระเจ้าทรงนำหน้าชีวิตของเรา อย่ามั่วมุ่งแต่สนใจตัวเราว่าใครมีอำนาจหน้าที่ใหญ่กว่าใคร แต่ให้เราสนใจว่าจะมีคนเข้าแผ่นดินพระเจ้าอย่างไร สนใจว่าคนมากมายจะมาหาพระเจ้าได้อย่างไร เราได้ทำในสิ่งที่เป็นที่ถวายพระเกียรติพระเจ้าอย่างสมควรหรือยัง เราถ่อมจิตถ่อมใจยกผู้อื่นขึ้นหรือยัง ฯลฯ

     อีกเหตุการณ์หนึ่งคือคำสอนว่าด้วยเรื่องการแสดงความยินดีกับคนอื่นที่ไม่ใช่พวกเดียวกับเรา แต่เขาได้รับใช้พระเจ้าด้วยพระนามพระเยซูเช่นเดียวกับเรา พระเยซูสอนให้รู้ว่าผู้ใดไม่ต่อสู้เราก็เป็นฝ่ายเราแล้ว ดังนั้นจากเรื่องนี้เราควรมีความยินดีที่เห็นแผ่นดินพระเจ้าแพร่ขยายออกไปแม้เขาไม่ได้มาร่วมงานกับเรา แต่ถ้าเขานั้นทำสิ่งดีเช่นเดียวกับเราแล้ว ก็ให้ขอบคุณพระเจ้าเพราะเขาเป็นฝ่ายเราแล้ว มีใครกลุ่มใดพวกใดคริสตจักรใดกำลังใช้พระนามพระเยซูเพื่อประโยชน์แก่แผ่นดินพระเจ้าแล้ว แม้ไม่ตามเรามา แม้ไม่มารวมเป็นพวกเดียวกับเรา แต่เขาเหล่านั้นก็เป็นฝ่ายเดียวกับเราแล้ว ขอบคุณพระเจ้า

     ทั้งสองเรื่องดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความคิดที่ถูกต้องของเรา ขอพระเยซูอวยพรเราให้มีความคิดที่เปลี่ยนไปเป็นแบบพระวจนะมากขึ้นเรื่อยๆครับ

วันศุกร์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

เยี่ยมเยียนสมาชิกน้ำท่วม

     วันนี้ได้ไปเยี่ยมสมาชิกที่อยู่กับน้ำที่บางศรีเมือง จ.นนทบุรี มีภาพและวีดีโอบางส่วนมาลงให้ดูครับ
ทางที่เราจะไปบางศรีเมืองนั้น เราใช้ทางด่วนลงที่งามวงศ์วาน แล้วไปนนทบุุรี ข้ามสะพานพระราม7 ซึ่งถ้ามาทางแยกเกษตร-งามวงศ์วานเราคงไปไม่ได้แน่  ระหว่างทางไปก็เห็นรถจอดกันเต็มไปหมดบนทางด่วน
เมื่อเราลงทางด่วนที่งามวงศ์วานเราก็แปลกใจมาก ไม่เห็นมีน้ำท่วมที่นนทบุรี จนกระทั่งเราข้ามสะพานพระราม7มาแล้ว ถึงเริ่มเห็นน้ำบนถนน
เราเลี้ยวตามรถคันนี้เข้ามาในซอยนี้ น้ำแค่นี้สบายมาก รถที่เรามานั้นเป็นรถโฟร์วีลยกสูงครับ ผู้ร่วมเดินทางคือคุณแต๋น คุณเจี๊ยบสารถี อ.จำเนียรและผม 4 คนครับ
สิ่งมีชีวิตที่อยู่บนถนนในซอยนี้ครับ ถ้าเวลามีน้ำท่วมขึ้นมาแล้ว และท่านมีรถขับ ท่านต้องระมัดระวังการขับของท่านให้มากๆครับ ช้าถึงช้าที่สุดเพราะแรงขับเคลื่อนรถจะทำให้เกิดคลื่นกระทบบ้านคนแถวนั้นครับ คนละแวกนี้ยังอยู่กันในบ้านนะครับ น้ำอาจจะไม่สูงมากอีกทั้งในเมืองมีตลาดให้ไปจับจ่ายซื้อของได้ คนยังอยู่กันเต็ม แ่ต่ว่าอาชีพใหม่คือเรือครับ มีทั้งเรือมีเครื่อง เรือลาก โฟมลอยน้ำ กาละมัง ฯลฯ ตามแต่ที่จะหาได้
วิ่งมาพักใหญ่ๆก็มาถึงถนนทางเอกที่แห้ง เราจอดรถไว้ตรงบริเวณนี้ แล้วขนของสัมภาระต่า่งๆเท่าที่จำได้ เชื้อชีวภาพกำจัดกลิ่น ขนม อาหาร ฯลฯ แล้วก็ไปต่อเรือ


ก็นั่งเรือกันไปแบบนี้ละครับ

รูปนี้เอามาจากกล้องคุณแต๋นครับ นั่งเรือกันไปคนละลำ ผมไปกับคุณเจี๊ยบ คุณแต๋นไปกับอ.จำเนียร

นั่งเรือมาเสร็จก็มาถึงที่นี่แหละครับร้านคุณJacky ที่เรานั่งเรือมาก็นั่งมาตามถนนที่มีแต่น้ำนี่แหละครับ เวลามาก็ต้องรู้เวลาน้ำขึ้นน้ำลงด้วยนะครับ ถ้าเรามาผิดเวลาแล้วน้ำขึ้นเต็มที่ละ็ก็ เราก็คงต้องติดอยู่ในนี้แหละครับ
บริเวณหน้าบ้านครับ จะเห็นว่าน้ำยังไม่มี พอเวลาน้ำขึ้นแล้วตรงนี้ก็เต็มไปด้วยน้ำครับ
ขากลับครับ นั่งออกมา น้ำเริ่มขึ้นแล้วครับ ผมนั่งหันหน้าเข้ามาเจอเรือเจอรถสวน ตูม.. น้ำเต็มแผ่นหลังผมละครับ มานี่ก็ได้รู้ได้ทราบอะไรหลายๆอย่าง ได้ลงพื้นที่จริง ฯลฯ ขอบคุณพระเจ้าครับ
บริเวณที่เราจอดรถไว้แถวนี้ที่แห้งครับ  

ครับ มีโอกาสไปที่อื่นๆอีกแล้วจะนำรูปต่างๆมาให้ชมอีกครับ