วันจันทร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ชีวิตพระเยซูคริสต์ : พระทัยเมตตาสงสาร

     กลับมาจากไปค่ายผู้รับใช้พระเจ้า เพิ่งจะมีเวลาได้เขียนต่อไปในวันนี้ครับ

     หลังจากพระเยซูได้พบเห็นความเชื่อที่มีมากของนายร้อยซึ่งเป็นคนต่างชาติแล้ว พระองค์ได้เสด็จเข้าไปในเมืองนาอิน นาอินเป็นหมู่บ้านเล็กๆ 6 ไมล์ทางตะวันออกเฉียงใต้ของนาซาเร็ธ (เมืองที่พระเยซูพำนัก) อยู่ทางด้านซ้ายตอนใต้ของทะเลสาบกาลิลีในแผนที่



Luke 7:11 ต่อมา​พระ​องค์​เสด็จ​ไป​ยัง​เมือง​หนึ่ง​ชื่อ​นา​อิน เหล่า​สาวก​ของ​พระ​องค์​กับ​คน​เป็น​อัน​มาก​ก็​ตาม​พระ​องค์​ไป​
Luke 7:12 เมื่อ​มา​ใกล้​ประตู​เมือง​นั้น ดู​เถิด มี​คน​หาม​ศพ​ชาย​หนุ่ม​คน​หนึ่ง​มา เป็น​ลูก​คน​เดียว​ของ​แม่ และ​นาง​ก็​เป็น​หญิง​ม่าย ชาว​เมือง​เป็น​อัน​มาก​มา​กับ​หญิง​นั้น​
Luke 7:13 เมื่อ​พระ​องค์​ได้​ทรง​เห็น​มารดา​นั้น ​พระ​องค์​ทรง​เมตตา​กรุณา​เขา​และ​ตรัส​ว่า “อย่า​ร้องไห้”
Luke 7:14 แล้ว​พระ​องค์​เสด็จ​เข้า​ไป​ใกล้​ถูกต้อง​โลง คน​หาม​ศพ​นั้น​ก็​หยุด​ยืน​อยู่ ​พระ​องค์​จึง​ตรัส​ว่า “ชาย​หนุ่ม​เอ๋ย เรา​สั่ง​เจ้า​ว่า ลุก​ขึ้น​เถิด”
Luke 7:15 คน​ที่​ตาย​นั้น​ก็​ลุก​นั่ง​เริ่ม​พูด ​พระ​องค์​จึง​ทรง​มอบ​ชาย​หนุ่ม​ให้แก่​มารดา​ของ​เขา​
Luke 7:16 ฝ่าย​คน​ทั้ง​ปวง​มี​ความ​กลัว​และ​สรรเสริญ​พระ​เจ้า​ว่า “ท่าน​ผู้เผย​พระ​วจนะ​ใหญ่​ได้​เกิดขึ้น​ท่ามกลาง​เรา และ​พระ​เจ้า​ได้​เสด็จ​มา​เยี่ยม​เยียน​ชน​ชาติ​ของ​พระ​องค์​แล้ว”
Luke 7:17 และ​กิตติศัพท์​ของ​พระ​องค์​ได้​เลื่อง​ลือ​ไป​ตลอด​ทั่ว​ยูเดีย และ​ทั่ว​แว่น​แคว้น​ล้อม​รอบ​
Luke 7:18 ฝ่าย​พวก​ศิษย์​ของ​ยอห์น​ก็​ได้​เล่า​เหตุการณ์​ทั้ง​ปวง​นั้น​ให้​ท่าน​ฟัง​
Luke 7:19 ​ยอห์น​จึง​เรียก​ศิษย์​ของ​ท่าน​สอง​คน​ใช้​เขา​ไป​หา​พระ​เป็นเจ้า ทูล​ถาม​ว่า “ท่าน​เป็น​ผู้​ที่​จะ​มา​นั้น​หรือ หรือ​จะ​คอย​ผู้อื่น”
Luke 7:20 เมื่อ​คน​ทั้ง​สอง​มาถึง​พระ​องค์​แล้ว เขา​ทูล​ว่า “​ยอห์น​ผู้ให้​รับ​บัพติศมา​ใช้​ข้าพเจ้า​มา​หา​ท่าน​ให้​ถาม​ว่า ‘ท่าน​เป็น​ผู้​ที่​จะ​มา​นั้น​หรือ หรือ​จะต้อง​คอย​ผู้อื่น’ ”
Luke 7:21 ​ใน​เวลา​นั้น ​พระ​องค์​ได้​ทรง​รักษา​คน​เจ็บ​เป็น​อัน​มาก​ให้​หาย​จาก​ความ​เจ็บ​และ​โรค​ต่างๆ และ​ให้​พ้น​จาก​ผี​ร้าย และ​คน​ตา​บอด​หลาย​คน​พระ​องค์​ได้​ทรง​รักษา​ให้​เห็น​ได้​
Luke 7:22 แล้ว​พระ​องค์​ตรัส​ตอบ​ศิษย์​สอง​คน​นั้น​ว่า “จง​ไป​แจ้ง​แก่​ยอห์น​ตาม​ซึ่ง​ท่าน​ได้​เห็น​และ​ได้​ยิน คือ​ว่า​คน​ตา​บอด​ก็​หาย​บอด คน​ง่อย​เดิน​ได้ คน​โรค​เรื้อน​หาย​สะอาด คน​หู​หนวก​ได้​ยิน คน​ตาย​แล้ว​เป็น​ขึ้น​มา และ​ข่าว​ประเสริฐ​ก็​ประกาศ​แก่​คน​อนาถา
Luke 7:23 บุคคล​ผู้ใด​ไม่​เห็น​ว่า​เรา​เป็น​อุปสรรค​ผู้​นั้น​เป็น​สุข”

     พระเยซูออกจากเมืองคาเปอนาอุึมริมทะเลสาบกาลิลีไปยังเมืองนาอินซึ่งอยู่ทางด้านตะวันตกตอนใต้ของทะเลสาบ มีประชาชนเป็นอันมากตามไป ณ ที่นั้น พระเยซูได้พบศพชายหนุ่มที่ปากประตูเมือง เป็นลูกคนเดียวของแม่ แม่ร้องไห้เศร้าโศกเสียใจเป็นอันมาก พระเยซูเห็นและสงสาร จึงพูดว่า "อย่าร้องไห้" 
เสร็จแล้วพระเยซูก็แตะต้องโลงศพและสั่งให้ชายหนุ่มคนนั้นลุกขึ้น

     คำนี้ "เมตตากรุณา"  G4697 σπλαγχνίζομαι splagchnizomai (splangkh-nid'-zom-ai) v.
1. to have the bowels yearn
2. (figuratively) feel sympathy, to pity
[middle voice from G4698]
KJV: have (be moved with) compassion 
Root(s): G4698 
[?]
     มีความสงสารอย่างมากด้วยความรักใคร่

     คำนี้ปรากฏในที่อื่นๆอีก เช่น

Matt 9:36 และ​เมื่อ​พระ​องค์​ทอด​พระ​เนตร​เห็น​ประชาชน​ก็​ทรง​สงสาร​เขา ด้วย​เขา​ถูก​รัง​ควาน​และ​ไร้​ที่​พึ่ง​ดุจ​ฝูง​แกะ​ไม่​มี​ผู้​เลี้ยง

Matt 14:14 ครั้น​พระ​เยซู​เสด็จ​ขึ้น​จาก​เรือ​แล้ว ​ก็​ทรง​เห็น​ประชาชน​หมู่​ใหญ่ ​พระ​องค์​ทรง​สงสาร​เขา จึง​ได้​ทรง​รักษา​คน​ป่วย​ของ​เขา​ให้​หาย​

Matt 15:32 ฝ่าย​พระ​เยซู​ทรง​เรียก​พวก​สาวก​ของ​พระ​องค์​มา ตรัส​ว่า “เรา​สงสาร​คน​เหล่า​นี้ เพราะ​เขา​ค้าง​อยู่​กับ​เรา​ได้​สาม​วัน​แล้ว และ​ไม่​มี​อาหาร​จะ​กิน เรา​ไม่​อยาก​ให้​เขา​ไป​เมื่อ​ยัง​อด​อาหาร​อยู่ กลัว​ว่า​เขา​จะ​หิว​โหย​สิ้น​แรง​ลง​ตาม​ทาง”

Matt 20:34 ​พระ​เยซู​มี​พระ​ทัย​สงสาร ​ก็​ทรง​ถูกต้อง​นัยน์ตา​เขา ใน​ทันใด​นั้น​ตา​ของ​เขา​ก็​เห็น​ได้ และ​เขา​ทั้ง​สอง​ได้​ติดตาม​พระ​องค์​ไป​ 

Mark 1:41 ​พระ​เยซู​ทรง​สงสาร​เขา​จึง​ทรง​ยื่น​พระ​หัตถ์​ถูกต้อง​คน​นั้น ตรัส​แก่​เขา​ว่า “เรา​พอใจ​แล้ว จง​หาย​เถิด”

Mark 6:34 ครั้น​พระ​เยซู​เสด็จ​ขึ้น​จาก​เรือ​แล้ว ​ก็​ทรง​เห็น​ประชาชน​หมู่​ใหญ่ และ​พระ​องค์​ทรง​สงสาร​เขา เพราะ​ว่า​เขา​เป็น​เหมือน​ฝูง​แกะ​ไม่​มี​ผู้​เลี้ยง ​พระ​องค์​จึง​ทรง​สั่ง​สอน​เขา​เป็น​หลาย​ข้อ​หลาย​ประการ​

Mark 8:2 “เรา​สงสาร​คน​เหล่า​นี้ เพราะ​เขา​ค้าง​อยู่​กับ​เรา​ได้​สาม​วัน​แล้ว และ​ไม่​มี​อาหาร​จะ​กิน​

Luke 10:33 แต่​ชาว​สะมาเรีย​คน​หนึ่ง เมื่อ​เดินทาง​มาถึง​คน​นั้น ครั้น​เห็น​แล้ว​ก็​มี​ใจ​เมตตา​

Luke 15:20 แล้ว​เขา​ก็​ลุก​ขึ้น​ไป​หา​บิดา​ของ​ตน แต่​เมื่อ​เขา​ยัง​อยู่​แต่​ไกล บิดา​แล​เห็น​เขา​ก็​มี​ความ​เมตตา จึง​วิ่ง​ออกไป​กอด​คอ​จุบ​เขา​

     นี่คือทั้งหมดของคำคำนี้ ลองสังเกตุดูว่าใจทีีเมตตาสงสารในพระคัมภีร์ข้อต่างๆเหล่านี้เป็นเหตุให้พระเยซูคริสต์กระทำสิ่งต่างๆ เช่นในลูกาตอนนี้ พระเยซูกระทำให้ชายหนุ่มที่ตายแล้วเป็นขึ้นมา ได้กลับไปอยู่กับมารดาของเขา

     เสียงล่ำลือ กิตติศัพท์ (คือคำว่าLogos)ของพระองค์ก็ได้ไปทั่วยููเดียและแว่นแคว้นแถบนั้น ในเวลานั้นศิษย์ของยอห์น บัพติศโต ก็ได้เล่าเหตุการณ์นี้ให้ยอห์นฟัง ยอห์นจึงใช้ให้ไปถามว่าเป็นพระคริสต์หรือว่าต้องรอผู้อื่น พระเยซูบอกให้กลับไปแจ้งแก่ยอห์นตามที่พวกศิษย์ของยอห์นได้ยินและได้เห็น คือ คนตาบอดเห็นได้ คนง่อยเดินได้ คนโรคเรื้อนหายสะอาด คนหูหนวกได้ยิน คนตายฟื้น และข่าวประเสริฐได้ประกาศออกไปแก่คนยากจน

     ด้วยพระทัยเมตตาสงสารของพระเยซูคริสต์ ขอให้ใจสิ่งนี้ได้บังเกิดขึ้นในเรามากๆขึ้นไปด้วยเถิด ในพระนามพระเยซูคริสตเจ้า อาเมน! 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น