วันพุธที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2554

C) Experience : ทริปอินเดีย 5

รวมเรื่องทริปอินเดีย

     สวัสดีครับ กลับมาบันทึกการเิดินทางต่อครับ

     วันนี้วันอังคารที่ 2 ตอนเช้าได้คุยกับวิโนจน์เรื่องดร.อับราฮาม เจ้าของบ้าน อายุ 86 ปีแล้ว เป็นเด็กกำพร้าตั้งแต่อายุได้ 2 ขวบ พ่อแม่เสียชีวิตเพราะคำสาปที่มีต่อครอบครัวของเขา ตัวเขาเองได้เกิดอาการปวดท้องอย่างมาก พ่อของเขาตายก็เพราะอาการปวดท้องซึ่งสาเหตุที่เป็นนี้เป็นคำสาป ต่อมาได้มาเชื่อพระเยซู และพระเยซูได้มาที่ห้องและคุยกับเขาอยู่ 40 นาที ดร.ขอดูมือที่ถูกตอกตะปูและเขาได้สัมผัสมือพระเยซู หลังจากเหตุการณ์นี้การรับใช้ของเขาก็เปลี่ยนไป ดร.อับราฮามเปิดสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ได้ลงทุนทุกสิ่งด้วยตนเอง ไม่ได้มีเงินช่วยที่ใดมาจากต่างประเทศ แต่ก่อนเด็กที่อยู่ในบ้านเกเรเป็นวายร้ายมาก ศบ.ที่ดูแลได้พาเด็กมาคจ.ทีละน้อยจนเด็กเปลี่ยนไป ปัจจุบันเด็กทั้งหมดในสถานสงเคราะห์เชื่อพระเจ้าและสัมผัสความรักพระเจ้าได้เร็วมาก ไม่ต้องมีดนตรีหรือคนนำนมัสการ พวกเขาจะแซ่ซร้องสรรเสริญพระเจ้าออกมาจากหัวใจของเขา พี่น้องลองชมดูในวีดีโอนะครับ









     เมื่อผมไปร่วมนมัสการกับเด็กๆก็เห็นพวกเขาหลับตาปี๋แสวงหาพระเจ้ากันใหญ่ อธิษฐานกันเสียงระงมยาวนานทีเดียว เขาบอกว่าวันเสาร์ซึ่งเป็นวันหยุดเรียนพวกเขาจะนมัสการพระเจ้ากันทั้งวัน และนั่นคือสิ่งที่ผมสัมผัสได้จากชีวิตเด็กเมื่อวาน ว่าดูเด็กพวกนี้เต็มล้นด้วยความรักพระเจ้ามาก เป็นอย่างนี้นี่เอง เมื่อวานหลังจากผมถ่ายวีดีโอและร่วมนมัสการพระเจ้ากับเด็กแล้ว ผมก็ออกไปข้างนอก ตอนท้ายเขาให้เด็กๆมาวางมือวิโนจน์ นอกจากนั้นพวกเด็กๆยังมาวางมือบนผู้นำครน.ด้วย พวกเราได้ถามวิโนจน์ในเช้าวันนี้ว่า ถ้าเป็นอ.มัทธิวจะยอมให้เด็กๆวางมือไหม วิโนจน์ตอบว่า ให้วางมือ นี่สร้างความแปลกประหลาดใจให้กับพวกเรามาก เพราะเด็กๆพวกนี้ใสๆมาก และเด็กพวกนี้ก็เผยพระวจนะด้วย ผู้รับใช้พระเจ้าที่ยิ่งใหญ่ยังยอมถ่อมใจให้เด็กๆวางมือได้


     ดังนั้นการที่เราได้สัมผัสความรักพระเจ้า ทำให้คนทั้งคจ.เต็มอิ่มในความรักพระเจ้า จะทำให้เราละทิ้งตัวตนของเราเองและหันออกไปมองดูความต้องการของผู้อื่น ดูว่าจะสามารถช่วยอะไรให้อะไรกับพวกเขาได้บ้าง เหมือนที่ได้เห็นมาแล้วเรื่องโรงทานและสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้

    หลังจากนั้นเราได้ออกมาจากบ้านตอน 10.30 น. เปลี่ยนแผนนิดหน่อยเพราะอ.มัทธิวที่เพิ่งกลับมาจากคูเวตชวนไปบ้านตอน 15.00 น. ระหว่างทางวิ่งกลับไปKottayamก็ได้แวะชมวิว ชมเมฆบนภูเขา ฯลฯ

     ที่ท่านเห็นเป็นหย่อมๆนั้นคือต้นชานะครับ ชาจากอินเดียรสชาติดีมากครับ


     อีกรูปครับ





     การเดินทางกลับนี้ใช้คนละเส้นทางกับขามา ถนนขรุขระวกไปวกมาพับไปพับมาขึ้นๆลงๆเขา วิ่งมาจนเจอป้ายบอกทางว่าเหลือระยะทางอีก 40 กม. โอ้โห... อีกแล้ว... วิ่งออกมา 10.30 น. ตอนนี้ 14.40 น. ระยะทาง 105 กม. เหลืออีก 40 กม. ก็เท่ากับวิ่งมาสี่ชั่วโมงได้ระยะทาง 65 กม. Oh. My God! จอดแวะทานอาหารเที่ยงแล้ววิ่งต่อ กว่าจะไปถึงบ้านอ.มัทธิวก็ห้าโมงเย็น รวมแล้วหกชั่วโมงได้ระยะทางมาแค่ร้อยโล ???





บ้านนักธุรกิจและศบ.


นี่ฝนตกอยู่นอกบ้านนะครับ แต่อาจารย์สร้างบ้านให้ฝนตกลงมาในบ่อน้ำในบ้านด้วย


     ที่บ้านอ.มัทธิวได้สอบถามเรื่องต่างๆ เช่น อ.มัทธิวมีระบบการบริหารงาน วันจันทร์ประชุมศบ.ต่างๆ วันอังคารประชุมผู้นำ 700 คน เพื่อรับคำสอนออกไปสอนต่อในHome group พุธ พฤหัส ศุกร์ เราสอบถามกันว่าแล้วพวกเขาทำงานยังไงกันมาวันอังคาร อาจารย์ตอบว่า 90% เป็นแม่บ้าน ว๊าว...  เมื่อก่อนวันอังคารมี 2800 ผู้นำ แต่เดี๋ยวนี้มี 700 เพราะได้ให้พวกเขาอยู่ในที่ที่ของเขา ไม่ต้องเดินทางมา


     อ.มัทธิวมีคจ.ลูก(แต่ว่าอาจารย์ไม่มีconceptคจ.ลูก ทุกแห่งขึ้นตรงต่อคจ.แม่ ศบ.ถูกส่งไปจากคจ.แม่สลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป) 300 กว่าแห่งทั่วโลก และมี 70-80 แห่งในKerala เชนไนท์และทางตอนเหนือ เห็นบอกว่าสิ้นปีนี้จะมีวันรวมญาติ(ภาษาเราเอง)จากทุกหนทุกแห่ง อาจารย์บอกว่าควรมีวันรวมเพื่อคนในคจ.จะได้มีกำลังใจรู้ว่าไม่ใช่มีแต่เราเท่านั้น ศบ.เบนนี่จะเป็นคนวางแผนให้อ.มัทธิว อ.โธมัสว่าต้องทำอะไร  ในคจ.จะมีคนที่ร่วมกันตัดสินใจ 5 คน และทั้งหมดฟังกันและกัน


     ผมถามว่าคจ.youthก็มีแล้ว ไม่ทำคจ.นักธุรกิจบ้างหรือ อาจารย์ตอบว่ามีเป็นclub ไม่ได้เป็นchurch การทำงานของอาจารย์เป็นไปแบบธรรมชาติ ไม่ได้ไปแสวงหาวิธีการมาจากโบสถ์ไหนหรือไปแสวงหามาจากพระเจ้า


     คนในคจ.ถูกฝึกให้มีความเคารพนบนอบสูง ถ้าไม่เชื่อฟังกันก็ให้ไปอยู่โบสถ์อื่น อาจารย์จะให้เฉพาะคนที่ร่วมกับคจ.เท่านั้น อาจารย์ไม่อนุญาตให้คนคจ.อื่นมาเป็นสมาชิกที่นี่ ไม่อนุญาตให้เข้ากลุ่มเซล แต่มาโบสถ์ได้ ถ้าผ่านไปสัก 2-3 ปี แล้วเขายังมาอยู่ ถึงจะอนุญาตให้เข้ากลุ่มเซลได้ ดังนั้นทุกคนในคจ.รับความรอดจากพระเจ้าผ่านที่นี่ จึงเป็นครอบครัวใหญ่


     อาจารย์ไม่ให้คนที่อื่นหรือมิชชั่นจากอเมริกาอังกฤษมาทำอะไรในคจ. เพราะพวกเขาไม่รู้อะไร คนท้องถิ่นย่อมรู้ว่าอะไรดีที่สุดสำหรับคนของเขา และอาจารย์จะไม่เปิดให้ใครต่อใครมาสอนมาเทศนาที่นี่ได้ เพราะจะทำให้สับสนไม่มีทิศทางเพราะเขาเหล่านั้นต่างคนต่างจะมาสอนกันไปคนละทิศละทาง ดังนั้นที่นี่จึงไม่มีนักเทศน์รับเชิญ  ส่วนคจ.อื่นสามารถมาเรียนรู้งานจากคจ.อาจารย์ได้และถ้ามีคนเชิญ อาจารย์ก็จะไปช่วยคจ.อื่นด้วย


     อาจารย์มองว่าคจ.อาจารย์เป็นNew generation        Visionต้องชัดเจน อาจารย์มองว่าการร่วมมือทำงานเป็นสิ่งที่ดื แต่แต่ละโบสถ์ต้องมีVisionของตนเองด้วย เช่นVisionเพิ่มพูนสมาชิก 500 ไปสู่ 1000 คน อาจารย์ก็จะมีความชัดเจนในการให้สมาชิกนำคนมาหาพระเจ้า เป็นต้น


     สำหรับการนำคนรับเชื่อสำหรับโบสถ์อาจารย์จะนำรับเชื่อในกลุ่มเซล แล้วไปโบสถ์ และการรับบัพติศมาในน้ำเป็นการแสดงตนในการติดตามพระเจ้า ในรัฐKeralaจะมีคนเชื่อประมาณ 500 คนต่อสัปดาห์ บัพติศมาในน้ำจะมีทุกเช้าวันเสาร์เวลา 9.00 น.


     ตัวอาจารย์เองเป็นนักธุรกิจใหญ่เพื่อพระเจ้า อาจารย์มีธุรกิจอยู่ทุกรัฐก่อนมาเชื่อพระเจ้า เมื่ออาจารย์มาเชื่ออาจารย์ก็ใช้สิ่งที่อาจารย์มีเพื่อพระเจ้า เช่น ใช้บ้านสำหรับประชุมวันจันทร์ วันอังคาร เป็นต้น ดังนั้นการมาทำคจ. ก็มีรูปแบบจากที่ทำธุรกิจมาอยู่แล้ว


     เวลามีคนมาถามอาจารย์ว่าทำคจ.อย่างไร อาจารย์ตอบว่า “รักพระเยซู” สุดท้ายอาจารย์ก็อธิษฐานขอพระเจ้าอวยพระพรพวกเรา ผมจำคำอธิษฐานของอาจารย์ได้ว่า อาจารย์ขอพระเจ้าให้มีLaborer ไม่ใช่มีLeader ในประเทศไทย อาเมน.


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น