แบ่งปันต่อครับ วันนี้สั้นๆ
Luke 8:16 “ไม่มีผู้ใดเมื่อจุดตะเกียงแล้วจะเอาภาชนะครอบไว้ หรือวางไว้ใต้เตียงแต่ตั้งไว้ที่เชิงตะเกียง เพื่อคนทั้งหลายที่เข้ามา จะเห็นแสงสว่างได้
Luke 8:17 ด้วยว่าไม่มีสิ่งใดที่ซ่อนไว้ซึ่งจะไม่ปรากฏแจ้ง และไม่มีสิ่งใดที่ปิดบังไว้ซึ่งจะไม่รู้ จะไม่ต้องแพร่งพราย
Luke 8:18 เหตุฉะนั้นท่านทั้งหลายจะฟังอย่างไรก็จงเอาใจจดจ่อ เพราะว่าผู้ใดมีอยู่แล้ว จะทรงเพิ่มเติมให้แก่ผู้นั้นอีก แต่ผู้ใดไม่มี แม้ซึ่งเขาคิดว่ามีอยู่นั้น จะทรงเอาไปจากเขา”
หลังจากพระเยซูสอนเรื่องพระวจนะที่พระเจ้าได้หว่านลงไปในใจคนแล้ว พระเยซูได้พูดต่อว่าสำหรับคนที่รับพระวจนะนั้น และพระวจนะนั้นได้งอกงามในชีวิตผู้นั้นแล้ว เปรียบเหมือนคนที่จุดตะเกียงชีวิตแล้ว ไม่เหมือนคนที่อยู่ในความมืดเช่นเมื่อก่อน ไม่มีแสงสว่างออกมาจากชีวิตเขา พระเยซูคริสต์ได้บอกว่าโดยปกติแล้วแสงสว่างต้องส่องออกไปในความมืดมิด เป็นแสงสว่างที่สองออกไปให้คนต่างๆเห็นความสว่าง รู้ว่าตรงไหนเป็นหลุมเป็นบ่อ เป็นหุบเขา เป็นเหว ตรงไหนอันตรายไม่ควรไป ตรงไหนปลอดภัย ฯลฯ แสงสว่างนั้นก็ทำหน้าที่นี้ ไม่มีใครที่จุดตะเกียงแห่งแสงสว่างแล้วจะเอาภาชนะครอบไว้เพื่อไม่ให้มีแสง หรือเอาไปไว้ใต้เตียงเพื่อแสงจะไม่ส่องออกไป แต่เขาจะเอาตั้งไว้ในที่ที่จะแพร่กระจายแสงสว่างนั้นออกไปได้่คือที่เชิงตะเกียง
ชีวิตคริสเตียนก็เช่้นกัน เราเป็นดวงสว่างแห่งโลกใบนี้ ดวงสว่างนั้นต้องส่องให้คนทั้งหลายได้เห็นพระคริสต์ในเรา มิใช่ส่องให้คนทั้งหลายเห็นมุมมืดมิดในเรา มุมมืดมิดในเราต้องถูกขจัดออกไป ต้องให้พระวจนะเป็นกระจกส่องให้เรารู้ตัวเห็นมุมมืดมิดนั้น และขอพระคุณพระเจ้าแห่งพระโลหิตพระคริสต์ชำระชีวิตเราเพื่อเราจะไม่กลับไปทำสิ่งผิดบาปนั้นอีก
นอกจากนั้นพระเยซูยังพูดต่อไปว่า มุมมืดมิดในเราจะไม่สามารถซ่อนไว้ได้ เพราะพระคัมภีร์บอกว่า ไม่มีสิ่งใดที่ซ่อนไว้ซึ่งจะไม่ปรากฏแจ้ง แม้ท่านคิดจะซ่อนไว้จากมนุษย์ แต่ท่านอย่าลืมพระเจ้าอยู่เบื้องบน ทรงเห็นทุกสรรพสิ่งในชีวิตเรา ทรงเห็นทุกอิริยาบท ทรงเห็นทุกความคิดในเรา ฯลฯ ให้เราถ่อมใจเข้ามาพึ่งพระคุณของพระองค์สารภาพรับการยกโทษบาปดีกว่า
สิ่งที่พระเยซูพูดสอนนั้น พระองค์บอกให้ฟังให้ดี จดจ่อที่จะฟัง อย่าฟังแล้วเลยผ่านไป แล้วลืมว่าพระองค์บอกว่ากระไร เพราะคนที่มีพระวจนะนั้นในใจ พระองค์จะเพิ่มเติมพระวจนะ แสงสว่างแห่งชีวิตนั้นให้อีก แต่คนที่คิดว่าตนเองมีแสงสว่างแห่งชีวิต แล้วไม่เคยคิดสำรวจตัวเอง คอยจ้องมองแต่ผู้อื่น ความผิดของผู้อื่น ฯลฯ พระเยซูบอกว่าแม้สิ่งที่เขาคิดว่าเขามี ก็จะต้องเอาไปจากเขา
ขอพระเจ้าประทานทุกสรรพสิ่งในสวรรค์สถานให้มีบริบูรณ์ในชีวิตของท่านทั้งหลายทุกท่านครับ
Luke 8:16 “ไม่มีผู้ใดเมื่อจุดตะเกียงแล้วจะเอาภาชนะครอบไว้ หรือวางไว้ใต้เตียงแต่ตั้งไว้ที่เชิงตะเกียง เพื่อคนทั้งหลายที่เข้ามา จะเห็นแสงสว่างได้
Luke 8:17 ด้วยว่าไม่มีสิ่งใดที่ซ่อนไว้ซึ่งจะไม่ปรากฏแจ้ง และไม่มีสิ่งใดที่ปิดบังไว้ซึ่งจะไม่รู้ จะไม่ต้องแพร่งพราย
Luke 8:18 เหตุฉะนั้นท่านทั้งหลายจะฟังอย่างไรก็จงเอาใจจดจ่อ เพราะว่าผู้ใดมีอยู่แล้ว จะทรงเพิ่มเติมให้แก่ผู้นั้นอีก แต่ผู้ใดไม่มี แม้ซึ่งเขาคิดว่ามีอยู่นั้น จะทรงเอาไปจากเขา”
หลังจากพระเยซูสอนเรื่องพระวจนะที่พระเจ้าได้หว่านลงไปในใจคนแล้ว พระเยซูได้พูดต่อว่าสำหรับคนที่รับพระวจนะนั้น และพระวจนะนั้นได้งอกงามในชีวิตผู้นั้นแล้ว เปรียบเหมือนคนที่จุดตะเกียงชีวิตแล้ว ไม่เหมือนคนที่อยู่ในความมืดเช่นเมื่อก่อน ไม่มีแสงสว่างออกมาจากชีวิตเขา พระเยซูคริสต์ได้บอกว่าโดยปกติแล้วแสงสว่างต้องส่องออกไปในความมืดมิด เป็นแสงสว่างที่สองออกไปให้คนต่างๆเห็นความสว่าง รู้ว่าตรงไหนเป็นหลุมเป็นบ่อ เป็นหุบเขา เป็นเหว ตรงไหนอันตรายไม่ควรไป ตรงไหนปลอดภัย ฯลฯ แสงสว่างนั้นก็ทำหน้าที่นี้ ไม่มีใครที่จุดตะเกียงแห่งแสงสว่างแล้วจะเอาภาชนะครอบไว้เพื่อไม่ให้มีแสง หรือเอาไปไว้ใต้เตียงเพื่อแสงจะไม่ส่องออกไป แต่เขาจะเอาตั้งไว้ในที่ที่จะแพร่กระจายแสงสว่างนั้นออกไปได้่คือที่เชิงตะเกียง
ชีวิตคริสเตียนก็เช่้นกัน เราเป็นดวงสว่างแห่งโลกใบนี้ ดวงสว่างนั้นต้องส่องให้คนทั้งหลายได้เห็นพระคริสต์ในเรา มิใช่ส่องให้คนทั้งหลายเห็นมุมมืดมิดในเรา มุมมืดมิดในเราต้องถูกขจัดออกไป ต้องให้พระวจนะเป็นกระจกส่องให้เรารู้ตัวเห็นมุมมืดมิดนั้น และขอพระคุณพระเจ้าแห่งพระโลหิตพระคริสต์ชำระชีวิตเราเพื่อเราจะไม่กลับไปทำสิ่งผิดบาปนั้นอีก
นอกจากนั้นพระเยซูยังพูดต่อไปว่า มุมมืดมิดในเราจะไม่สามารถซ่อนไว้ได้ เพราะพระคัมภีร์บอกว่า ไม่มีสิ่งใดที่ซ่อนไว้ซึ่งจะไม่ปรากฏแจ้ง แม้ท่านคิดจะซ่อนไว้จากมนุษย์ แต่ท่านอย่าลืมพระเจ้าอยู่เบื้องบน ทรงเห็นทุกสรรพสิ่งในชีวิตเรา ทรงเห็นทุกอิริยาบท ทรงเห็นทุกความคิดในเรา ฯลฯ ให้เราถ่อมใจเข้ามาพึ่งพระคุณของพระองค์สารภาพรับการยกโทษบาปดีกว่า
สิ่งที่พระเยซูพูดสอนนั้น พระองค์บอกให้ฟังให้ดี จดจ่อที่จะฟัง อย่าฟังแล้วเลยผ่านไป แล้วลืมว่าพระองค์บอกว่ากระไร เพราะคนที่มีพระวจนะนั้นในใจ พระองค์จะเพิ่มเติมพระวจนะ แสงสว่างแห่งชีวิตนั้นให้อีก แต่คนที่คิดว่าตนเองมีแสงสว่างแห่งชีวิต แล้วไม่เคยคิดสำรวจตัวเอง คอยจ้องมองแต่ผู้อื่น ความผิดของผู้อื่น ฯลฯ พระเยซูบอกว่าแม้สิ่งที่เขาคิดว่าเขามี ก็จะต้องเอาไปจากเขา
ขอพระเจ้าประทานทุกสรรพสิ่งในสวรรค์สถานให้มีบริบูรณ์ในชีวิตของท่านทั้งหลายทุกท่านครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น