วันอาทิตย์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ชีวิตพระเยซูคริสต์ : พระวจนะในใจคน

     แบ่งปันต่อครับ


Luke 8:1 ต่อมา​พระ​องค์​ก็​เสด็จ​ไป​ตาม​บ้าน​ตาม​เมือง​ ทรง​ประกาศ​ข่าว​ประเสริฐ​เรื่อง​แผ่นดิน​ของ​พระ​เจ้า สาวก​สิบ​สอง​คน​นั้น​ก็​อยู่​กับ​พระ​องค์​
Luke 8:2 พร้อม​กับ​ผู้หญิง​บาง​คน​ที่​มี​ผี​ร้าย​ออก​จาก​นาง​และ​ที่​หาย​โรค​ต่างๆ คือ​มารีย์​ที่​เรียก​ว่า​ชาว​มักดาลา ที่​พระ​องค์​ได้​ทรง​ขับ​ผี​ออก​จาก​นาง​เจ็ด​ผี​
Luke 8:3 และ​โย​อัน​นา​ภรรยา​ของ​คู​ซา ต้น​เรือน​ของ​เฮโรด​ และ​สู​สัน​นา​และ​ผู้หญิง​อื่นๆ หลาย​คน​ที่​เคย​ปรนนิบัติ​พระ​องค์​และ​สาวก​ด้วย​ปัจจัย​ของ​เขา
Luke 8:4 เมื่อ​ประชาชน​เป็น​อัน​มาก​อยู่​พร้อม​กัน และ​คน​กำลัง​มา​หา​พระ​องค์​จาก​เมือง​นี้​เมือง​โน้น ​พระ​องค์​จึง​ตรัส​กับ​เขา​เป็น​คำ​อุปมา​ว่า​
Luke 8:5 “มี​คน​หนึ่ง​ออกไป​หว่าน​เมล็ด​พืช​ของ​ตน และ​เมื่อ​เขา​หว่าน เมล็ด​พืช​นั้น​ก็​ตก​ตาม​หนทาง​บ้าง ถูก​เหยียบ​ย่ำ และ​นก​ใน​อากาศ​มา​กิน​เสีย​
Luke 8:6 บ้าง​ก็​ตก​ที่​หิน และ​เมื่อ​งอก​ขึ้น​แล้ว​ก็​เหี่ยว​แห้ง​ไป​เพราะ​ที่​ไม่​ชื้น​
Luke 8:7 บ้าง​ก็​ตก​ที่​กลาง​ต้น​หนาม ต้น​หนาม​ก็​งอก​ขึ้น​มา​ด้วย​ปก​คลุม​เสีย​
Luke 8:8 บ้าง​ก็​ตก​ที่ดิน​ดี จึง​งอก​ขึ้น​เกิดผล​ร้อย​เท่า” ครั้น​พระ​องค์​ตรัส​อย่าง​นั้น​แล้ว จึง​ทรง​ร้อง​ว่า “ใคร​มี​หู จง​ฟัง​เถิด”
Luke 8:9 เหล่า​สาวก​จึง​ทูล​ถาม​พระ​องค์​ว่า คำ​เปรียบ​นั้น​หมาย​ความ​อย่างไร​
Luke 8:10 ​พระ​องค์​จึง​ตรัส​ว่า “ข้อความ​ลึกลับ​แห่ง​แผ่นดิน​ของ​พระ​เจ้า​ทรง​โปรด​ให้​ท่าน​ทั้ง​หลาย​รู้​ได้ แต่​สำหรับ​คน​อื่น​นั้น​ได้​ให้​เป็น​คำ​อุปมา เพื่อ​เมื่อ​เขา​ดู​ก็​ไม่​เห็น และ​เมื่อ​เขา​ได้​ยิน​ก็​ไม่​เข้าใจ
Luke 8:11 “คำ​เปรียบ​นั้น​ก็​อย่าง​นี้ เมล็ด​พืช​นั้น​ได้แก่​พระ​วจนะ​ของ​พระ​เจ้า​
Luke 8:12 ที่​ตก​ตาม​หนทาง​ได้แก่ คน​เหล่า​นั้น​ที่​ได้​ยิน​แล้ว​มาร​มา​ชิง​เอา​พระ​วจนะ​จาก​ใจ​ของ​เขา เพื่อ​ไม่ให้​เชื่อ​และ​รอด​ได้​
Luke 8:13 ซึ่ง​ตก​ที่​หิน​นั้น​ได้แก่​คน​เหล่า​นั้น​ที่​ได้​ยิน​แล้ว ​ก็​รับ​พระ​วจนะ​นั้น​ด้วย​ความ​ปรีดี แต่​ไม่​มี​ราก เชื่อ​ได้​แต่​ชั่วคราว เมื่อ​ถูก​ทดลอง​เขา​ก็​หลง​เสีย​ไป​
Luke 8:14 ที่​ตก​กลาง​หนาม​นั้น​ได้แก่​คน​เหล่า​นั้น​ที่​ได้​ยิน​แล้ว​ออกไป และ​ความ​ปรารภ​ปรารมย์ ทรัพย์​สมบัติ ความ​สนุกสนาน​แห่ง​ชีวิต​นี้​ก็​ปก​คลุม​เขา ผล​ของ​เขา​จึง​ไม่​เติบโต​
Luke 8:15 และ​ซึ่ง​ตก​ที่ดิน​ดี​นั้น ได้แก่​คน​เหล่า​นั้น​ที่​ได้​ยิน​พระ​วจนะ​ด้วย​ใจ​เลื่อมใส​ศรัทธา แล้ว​ก็​จดจำ​ไว้ จึง​เกิดผล​โดย​ความ​เพียร​

     ข้อ 1 พระองค์เสด็จไปทุกเมืองและทุกหมู่บ้าน(ภาษากรีกและไทยคิงเจมส์) เทศนาและประกาศข่าวประเสริฐเรื่องแผ่นดินพระเจ้า  เราจะเห็นว่าทุกเมืองทุกหมู่บ้านอยู่ในความสนใจของพระเยซู พระองค์เข้าไปทุกแห่งหนเพื่อเทศนาและประกาศเรื่องราวเกี่ยวกับแผ่นดินของพระเจ้า ดังนั้นเราก็เช่นกันต้องเทศนาประกาศข่าวประเสริฐไปทุกแห่งหนทุกกลุ่มคนทุกหย่อมหญ้า ให้คนทั้งหลายได้ยินและพวกเขาเหล่านั้นเมื่อได้ยินแล้ว เขาต้องตัดสินใจเองว่าจะตอบสนองพระคำพระเจ้าหรือไม่ ในที่นี้เราเห็นว่าพวกสาวก 12 คนก็ไปด้วย จากบทที่ 6 เราได้เห็นว่าพระเยซูเลือกสาวกของพระองค์ และขณะนี้บทที่ 8 พระเยซูไปที่ไหน พวกเขาก็ไปด้วย พวกเขากำลังเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตแบบพระเยซูคริสต์อยู่เพื่อคนอื่น นี่ไม่เป็นสิ่งที่น่าแปลกใจว่าทำไมโธมัสจึงเดินทางมาไกลถึงอินเดีย เพราะชีวิตพระคริสต์ฝังอยู่ในตัวเขา เขาจะทำทุกอย่างเพื่อให้น้ำพระทัยพระเจ้าสำเร็จผ่านชีวิตเขา เขาตอบสนองพระบัญชาขององค์พระเยซูคริสต์ เช่น โธมัสมาอินเดียปีค.ศ. 52 ใช้ชีวิตอยู่ในอินเดียถึง 20 ปี และเขาได้ถูกฆ่าตายเมื่อปี ค.ศ. 72 ที่อินเดีย

     นอกจากพวกอัครทูตแล้ว ยังมีบุคคลต่างๆอีกที่ติดตามพระเยซูคริสต์ไปด้วย และพวกเขาได้ถวายสิ่งที่จำเป็นต่างๆด้วย

     ประชาชนจากทุกเมืองยังคงตามติดพระเยซูคริสต์ และพระองค์เริ่มสั่งสอนเป็นคำอุปมา เพื่อประชาชนจะดูแล้วก็ไม่เห็น จะฟังแล้วไม่เข้าใจ ยกเว้นแต่พวกสาวกที่ติดตามพระองค์ พระองค์เปิดเผยให้ทราบได้ ดังนั้นในบรรดาสิ่งทั้งปวงในโลกนี้ ผมเชื่อว่าสำหรับคริสเตียน พระเจ้าจะประทานปัญญาและให้ความเข้าใจแก่เรา มากกว่าที่ประชาชนในโลกนี้จะเข้าใจไ้ด้ เพราะพระองค์ประทานพระวิิญญาณบริสุทธิ์ให้อยู่ในเราและคอยสอนเราทุกสิ่ง

     คำอุปมานั้นเป็นข้อความลับลึกเกี่ยวกับแผ่นดินพระเจ้า มีคนที่ตอบสนองต่อพระวจนะของพระเจ้าที่ได้หว่านลงไปในใจคน ที่เปรียบเสมือนดิน 4 ประเภท 

ประเภทที่ 1 ตกตามหนทาง ได้แก่คนที่พญามารได้ชิงพระวจนะไปจากใจเขา ไม่งอกขึ้น ไม่เกิดผล โดนฉกเอาไป ไม่เกิดสิ่งใดแก่ใจของเขา เวลาเราเป็นพยาน หว่านพระวจนะลงไปในใจเขา ไม่เชื่อ ไม่รอด

ประเภทที่ 2 ตกที่หิน ได้แก่คนที่รับพระวจนะแต่พระวจนะนั้นไม่ฝังลงไปในใจ เพราะไม่มีราก รากไม่งอกบนหินได้ ได้ยินพระวจนะแล้วยินดีชั่วคราว เมื่อถูกทดลอง ก็ทนไม่ได้ จึงเสียไป 

ประเภทที่ 3 ตกกลางหนาม  ได้แก่คนที่ได้ยินแล้วออกไปจากพระวจนะ เผชิญกับสิ่งยั่วยวนล่อลวงต่า่งๆที่คอยบีบรัดชีวิตเราเป็นเหมือนหนามที่อยู่รายล้อมชีวิตเรา ความห่วงใย ความร่ำรวย ความสนุึกสนาน มาคอยหลอกล่อเรา ผลของคนประเภทนี้จึงไม่เติบโตได้ แสดงว่า รอดแล้วแต่ชีวิตคริสเตียนไม่เติบโตขึ้นเพราะสิ่งล่อลวงทั้งหลายในโลก ต่างจากประเภทที่ 1 ที่ไม่เชื่อเลย ประเภทที่ 2 ที่เชื่อแต่ทิ้งทางพระเจ้าไปเพราะไม่มีรากฐานพระวจนะอยู่ในใจ

ประเภทที่ 4 ตกในดินดี ได้แก่คนที่ได้ยินพระวจนะ รับเอาไว้ด้วยใจที่สัตย์ซื่อ และใจที่ดี จดจำไว้ ยึดฉวยพระวจนะเอาไว้ และเกิดผลได้ด้วยความพากเพียร คนประเภทสุดท้ายนี้เป็นคนที่ใจเปิด รับพระวจนะ ยึดฉวยพระวจนะ และกระทำตามพระวจนะนั้นด้วยความพากเีพียรอดทน 

     แล้วพบกันใหม่ครับที่กรุงเทพฯ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น