วันอังคารที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2554

C) Experience : ทริปอินเดีย 3

รวมเรื่องทริปอินเดีย

     วันนี้ไปเยี่ยมโบสถ์ที่Kottayam จากโรงแรมเข้าไปในเมือง จากที่ไปเยี่ยมมาเมื่อวานก็เข้าใจว่าวันนี้ไปโบสถ์แม่ก็คงคล้ายๆกัน เพียงแต่ใหญ่กว่า แต่ว่าพอรถเลี้ยวเข้าโบสถ์มา ไม่ใช่แฮะ เข้าใจผิด อย่างแรกคือเขาพามาดูโบสถ์youthก่อนซึ่งเพิ่งแยกมาได้สองอาทิตย์เอง 



     อย่างที่สองคือที่โบสถ์youthนี้ hitechครับ ใช้เทคโนโลยีทุกชนิด ทั้งแสง สี เสียง multimedia ทันสมัยมาก ดนตรีก็แบบวัยรุ่น ร้องเพลงภาษาอังกฤษที่ได้ยินบ่อยที่มีชื่อเสียงในโลก ที่ประชุมน่าจะจุดคนได้สักพันคน แต่เห็นบอกว่ามีคนมาเจ็ดแปดร้อยคน คนที่นี่ก็มีแต่วัยรุ่น นั่งแยกหญิงชายกันคนละฝั่ง ร้องเพลงสรรเสริญนมัสการไปพร้อมกับใช้คอมพ์ช่วยฉายประกอบเรื่องบนจอ เช่น ข้อพระคัมภีร์ ฯลฯ ขณะร้องเพลง




     การต้อนรับของที่นี่ก็มี ตลอดทางตั้งแต่ปากประตู ระหว่างทาง จนถึงหน้าห้องประชุม นักเทศน์หรือคนกล่าวต้อนรับก็ไม่รู้ ฟังภาษาอินเดียไม่ได้ ไม่รู้ว่าพูดอะไร อยู่ที่นี่ได้สักพัก เขาก็พาไปโบสถ์แม่ 

     โบสถ์ผู้ใหญ่ซึ่งเมื่อก่อนวัยรุ่นก็นมัสการที่นี่ เพิ่งแยกออกไป โบสถ์แม่อยู่ไม่ไกลจากโบสถ์youth คนเต็มไปหมดจนยืนอยู่ด้านหลังก็มี 

     เขาเริ่มนมัสการกันตั้งแต่ 8.45 น. แล้วเทศนา แล้วนำตอบสนอง อธิษฐาน เป็นพยานขอบคุณพระเจ้า มหาสนิท แล้วถึงจะจบ




     ทีแรกก็คิดว่าจะจบสักบ่ายสองเหมือนเมื่อวาน แต่ไม่ใช่ครับ จบเที่ยง สำหรับที่นี่ที่ประชุมก็ดูคล้ายกับเมื่อวานเพียงแต่ใหญ่กว่า ทราบมาว่าเคยถูกปิดไปปีหนึ่ง เพราะพวกฮินดูด้านหน้าคจ.ไปแจ้งรัฐบาลให้มาเอาเรื่องที่นี่ บอกกางเต็นท์เต็มพื้นที่ ไม่ถูกต้องผิดกฏหมาย

     จนเดี๋ยวนี้ได้กลับมาใช้อีกครั้งแต่อยู่ได้ชั่วคราวอีกหกเดือนต้องย้ายไปที่อื่นทั้งๆที่นี่เป็นที่ดินของตนเอง อ.โธมัสฝากอธิษฐานเผื่อด้วย ที่ประชุมปัจจุบันทำพื้นที่ได้ประมาณ 60% ของพื้นที่ ผลจากการถูกปิดครั้งนั้น ทำให้ไปเกิดการกระจายที่ประชุมในหลายๆที่  คนที่นี่ส่วนมากเป็นคนยากจน มีคนมีรถขับมาไม่กี่คัน ที่นี่เป็นเหมือนโรงทานด้วย เลี้ยงอาหารเมื่อเสร็จการประชุม



     และมีการเลี้ยงอาหารสำหรับคนยากจนทุกวัน เราคุยกันว่าสำหรับอินเดียแล้วก็ต้องทำแบบนี้เพราะคนยากจนมีมาก และสร้างคจ.ด้วยหมายสำคัญการอัศจรรย์แบบที่ที่นี่ทำ

     กลับมาที่โบสถ์ต่อ การถวายทรัพย์เขาใช้ถุงมีด้ามยาวด้วยผ่านถุงถวาย นอกจากนั้นก็มีการแจกซองถวายสำหรับการประกาศที่Ernakulamที่จะจัดขึ้นในไม่กี่วันด้วย สิ่งที่เห็นอีกอย่างคือขนมปังมหาสนิท เป็นแผ่นใหญ่ๆ เมื่อรับแล้วก็ทานเลยเพราะว่าคนมาก

     จนถ้วยมหาสนิทถึงทานพร้อมกัน เมื่อรับมหาสนิทแล้ว ก็จุบกัน ที่นี่เขาจุบกันด้วยแก้มครับ มหาสนิทแห่งความชื่นชมยินดี แล้วก็ลากัน ปิดการประชุม  สำหรับห้องน้ำที่นี่มีน้อยมากครับ ผู้ชายมีสองโถเท่านั้นกับคนเกือบหมื่น


     พอจบเขาก็ชวนเราไปทานข้าวของเขาแบบที่คนที่นี่กินกัน เห็นคนยืนถือถาดต่อคิวกันรับอาหารยาวเหยียด ค่าใช้จ่ายของคจ.ที่นี่คงหมดไปกับการช่วยเหลือคนยากจน การออกไปบุกเบิกตามที่ต่างๆ ระหว่างทานอาหารก็ได้ถามถึงMuzirisที่โธมัสมาถึง เขาบอกว่าอยู่ขึ้นไปทางเหนือไกลเป็นร้อยกิโล ตอนบ่ายพอไปเก็บของที่พักกลับมาก็มานั่งฟังอ.โธมัสอธิบายว่าอัครทูตโธมัสมาประกาศกับคนยิว แล้วต่อก็ถูกฆ่าตายที่เชนไนคือที่อินเดียนี่แหละ สร้างโบสถ์ไว้ 7 โบสถ์ครึ่ง? ตอนนี้คนยิวเหลืออยู่เพียง2-3ครอบครัว นอกนั้นกลับไปอิสราเอลหมดแล้ว เดี๋ยววันอังคารจะได้ไปเยี่ยมธรรมศาลาของพวกเขากัน


     นั่งคุยกันถึงบ่ายสามก็ได้เวลาเดินทางต่อไปที่Kumaliที่อ.โธมัสจัดไว้ให้พวกเราได้ไปพักผ่อนกัน เป็นHome stayของพ่อฝ่ายวิญญาณที่เป็นด็อกเตอร์หมอฟันซึ่งตอนที่เราไป ท่านไม่อยู่ ถามคนรถว่ากี่กิโล เขาบอกว่า 105 กม. (โอ้โห..) 75 กม.ยังเดินทางเกือบสี่ชม. นี่ 105 แถมเป็นภูเขาอีก อ.พรทิพย์กับอ.อารมณ์ทานยาแก้เมาของอ.สิทธิชัยกันไว้ก่อนเลยครับ พอออกเดินทางไปแล้ว ถึงรู้ว่าถนนดี ไม่ขรุขระเหมือนเส้นเมื่อวาน เลยค่อยยังชั่วหน่อย 

     วิ่งๆไปก็ได้บทสรุปสำหรับอินเดียคือ “ไม่มีที่ไหนที่ไม่มีคน” ทุกที่มีแต่คนไม่ว่าบนดิน บนเนิน บนภูเขา ระหว่างทางที่เดินทางสูงขึ้นไปสูงขึ้นไป 

     เห็นน้ำตกหลายสายมากเทลงมาเห็นแต่ไกล นี่ถ้าเป็นประเทศไทย คนไทยคงเอาไปทำรีสอร์ทที่ท่องเที่ยวหมด วิ่งขึ้นไปอยู่บนยอดภูเขา น่าจะสูงกว่าภูเขาในประเทศไทย อ.สิทธิชัยบอกภูเขาหิมาลัยก็อยู่ในอินเดีย ดังนั้นภูเขาต้องสูงอยู่แล้ว


     เมฆหมอกปกคลุมเขาเต็มไปหมด ที่บนเขามีวิทยาลัยมาตั้งอยู่ด้วย และมีเมืองตลอดทาง มีคน มีบ้านตลอดทาง  ทางสุดท้ายเลี้ยวออกไปจากถนนใหญ่เข้าที่พัก ที่นี่แหละครับเหมือนเขาของพี่น้องชนเผ่าเลย สูงชัน หักพับศอก  ที่ผ่านมานี่ขับรถค่อยๆไต่ระดับไปเรื่อยๆไม่เหมือนเขาประเทศไทย มีแต่ช่วงสุดท้ายนี่แหละครับ เหมือนเขาของชนเผ่าครับ มาถึงนี่แล้วถึงรู้ว่าคนอินเดียวทานข้าวมื้อเย็นเอาตอนสามทุ่มครึ่ง ดังนั้นกว่าเราจะได้ทานก็สามทุ่มครับ พรุ่งนี้ค่อยไปชมเมือง ฯลฯ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น