วันเสาร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2554

ชีวิตพระเยซูคริสต์ : พระราชกิจแห่งพระวจนะ

     จากที่เราได้เห็นในสัปดาห์ก่อนว่าพระเยซูทรงถูกทดลองโดยมารซาตานก่อนจะเริ่มต้นพระราชกิจ เปรียบเหมือนกับชีวิตเราที่ผมเคยแบ่งปันไปแล้วว่า พระเจ้าให้เราครอบครองดูแลสรรพสิ่งทั้งปวงในโลกนี้ (ปฐก. 1:28) แต่ก่อนจะปกครองดูแลได้ ก็มีบทพิสูจน์ที่ต้องผ่านก่อน ในปฐมกาลบทที่ 3 แต่ว่าอาดัมและฮาวาไม่ผ่าน สิทธิในการมีอำนาจเหนือโลกนี้จึงตกไปเป็นของซาตาน  พระเยซูเข้ามาในโลกเพื่อจะไถ่และทำให้แผนการของพระบิดาสำเร็จ ความจริงแล้วน้ำพระทัยของพระเจ้าพระบิดาไม่เคยเปลี่ยนแปลง พระองค์ต้องการให้มนุษย์ที่พระองค์ทรงสร้างปกครองดูแล แต่มนุษย์ดินคนแรกเป็นมนุษย์ดินคืออาดัมไม่สำเร็จ ไม่ผ่าน พระเจ้าจึงใช้มนุษย์จากสวรรค์อีกผู้หนึ่งมาทำให้สำเร็จ (1 คร.15:47) มนุษย์จากสวรรค์ก็ต้องผ่านบททดสอบเช่นกัน การทดลองจากผีมารซาตาน การสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน ล้วนแล้วแต่เป็นบททดสอบที่พระเยซูจะต้องรับไว้ทั้งสิ้น สรรเสริญพระเจ้าที่พระเยซูผ่านบททดสอบนี้ อำนาจการปกครองดูแลโลกมนุษย์นี้จึงมาจากพระองค์ (มธ.28:18) และถูกส่งมอบไว้ให้กับเราผู้เชื่อไปทำให้สำเร็จ จุดเริ่มต้นการไถ่ การปกครองดูแลสรรพสิ่งในโลกเริ่มต้นมาจากพระองค์ และเราเหล่าผู้เชื่อ เราต้องทำให้สิ่งที่พระเยซูเริ่มต้นไว้นั้นให้สำเร็จ (มธ.28:19-20)

     อารัมภบทมาเสียยาวเลยครับ กลับมาดูตัวอย่างจากชีวิตพระเยซูคริสต์กันต่อครับ พระเยซูคริสต์มีชัยชนะเหนือบททดสอบต่างๆได้ด้วยพระวจนะ  และเมื่อพระองค์เริ่มพระราชกิจของพระองค์ พระองค์ก็เริ่มพระราชกิจแห่งการสั่งสอนพระวจนะเช่นกัน


Luke 4:14 ​พระ​เยซู​ได้​เสด็จ​กลับไป​ด้วย​ฤทธิ์​เดช​แห่ง​พระ​วิญญาณ​ยัง​แคว้น​กาลิลี และ​กิตติศัพท์​ของ​พระ​องค์​เลื่อง​ลือ​ไป​ตาม​ถิ่น​โดยรอบ​

     จากข้อนี้จะเห็นว่าเมื่อพระเยซูผ่านการทดลองบททดสอบหนึ่ง พระเยซูเสด็จกลับไปด้วยฤทธิ์เดชแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์  ดังนั้นการที่เราทั้งหลายผ่านการทดสอบผ่านการทดลอง จะเป็นเหตุให้เราทั้งหลายนั้นมีความเข้มแข็งในฤทธิ์เดชแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์มากขึ้นครับ ขอพระเจ้าทรงนำท่านและช่วยท่านทั้งหลายให้ผ่านบททดสอบการทดลองต่างๆด้วยพระวจนะ เหมือนเช่นที่พระเยซูคริสต์ได้ทำ (จากบทความครั้งที่ผ่านมา)


Luke 4:15 ​พระ​องค์​ทรง​สั่ง​สอน​ใน​ธรรม​ศาลา​ของ​เขา และ​ได้รับ​ความ​สรรเสริญ​จาก​คน​ทั้ง​ปวง​ 
Luke 4:16 แล้ว​พระ​องค์​เสด็จ​มาถึง​เมือง​นาซาเร็ธ เป็น​ที่​ซึ่ง​พระ​องค์​ทรง​เจริญ​วัย​ขึ้น ​พระ​องค์​เสด็จ​เข้า​ไป​ใน​ธรรม​ศาลา​ใน​วันสะบาโต​ตาม​เคย และ​ทรง​ยืน​ขึ้น​เพื่อ​จะ​อ่าน​พระ​ธรรม​
Luke 4:17 เขา​จึง​ส่ง​พระ​คัมภีร์​อิสยาห์​ผู้เผย​พระ​วจนะ​ให้แก่​พระ​องค์ เมื่อ​พระ​องค์​ทรง​คลี่​หนังสือ​นั้น​ออก ​ก็​ค้นพบ​ข้อ​ที่​เขียน​ไว้​ว่า 
Luke 4:18 ​พระ​วิญญาณ​แห่ง​พระ​เป็นเจ้า​ทรง​อยู่​เหนือ​ข้าพเจ้า  เพราะ​ว่า​พระ​องค์​ได้​ทรง​เจิม​ตั้ง​ข้าพเจ้า​ไว้  เพื่อ​นำ​ข่าว​ดี​มายัง​คน​ยากจน  ​พระ​องค์​ได้​ทรง​ใช้​ข้าพเจ้า​ให้​ร้อง​ประกาศ​อิสรภาพ​แก่​บรรดา​เชลย  ให้​ประกาศ​แก่​คน​ตา​บอด​ว่า​จะ​ได้​เห็น​อีก  ให้​ปล่อย​ผู้​ถูก​บีบ​บังคับ​เป็น​อิสระ  
Luke 4:19 และ​ให้​ประกาศ​ปี​แห่ง​ความ​โปรด​ปราน​ของ​พระ​เป็นเจ้า  


     เราจะเห็นว่าหลังจากนั้นพระองค์เริ่มพระราชกิจของพระองค์ด้วยการสั่งสอนในธรรมศาลาของคนยิว ธรรมศาลาเป็นที่รวบรวมคนมาอ่านพระคัมภีร์อธิษฐานสำหรับคนที่อยู่ห่างไกลจากกรุงเยรูซาเล็ม และพระองค์ได้เข้าไปอ่านพระคัมภีร์ที่นั่น และพบพระคัมภีร์จากพระธรรมอิสยาห์ 61:1-2 พระองค์ได้อ่านในตอนนี้

Luke 4:20 แล้ว​พระ​องค์​ทรง​ม้วน​หนังสือ​ส่งคืน​ให้แก่​เจ้าหน้าที่ แล้ว​ทรง​นั่ง​ลง และ​ตา​ของ​คน​ทั้ง​ปวง​ใน​ธรรม​ศาลา​ก็​เพ่ง​ดู​พระ​องค์​
Luke 4:21 ​พระ​องค์​จึง​เริ่ม​ตรัส​แก่​เขา​ว่า “คัมภีร์​ตอนนี้​ที่​ท่าน​ได้​ยิน​กับ​หู​ของ​ท่าน​ก็​สำเร็จ​ใน​วันนี้​แล้ว”

     แล้วพระเยซูก็บอกว่าพระคัมภีร์ตอนที่อ่านนี้ได้สำเร็จในวันนี้แล้ว คือที่พวกเขาได้เห็นพระเยซูมา และพระคัมภีร์ตอนนี้คือสิ่งที่พระเยซูทำ  นี่เองจึงเป็นเหตุให้ปีนี้ผมอยากจะขอพระเจ้าใช้คริสตจักรของเราทำให้พระวจนะตอนนี้สำเร็จเช่นกัน เหมือนที่ผมเทศนาไปแล้วตอนคริสต์มาสและนำมาลงบล็อกที่ผ่านมาเอาไว้

Luke 4:22 คน​ทั้ง​ปวง​ก็​กล่าว​ชมเชย​พระ​องค์ และ​ประหลาด​ใจ​ด้วย​ถ้อยคำ​อัน​ประกอบด้วย​คุณ ซึ่ง​ออกมา​จาก​พระ​โอษฐ์​ของ​พระ​องค์ และ​ว่า “คน​นี้​เป็น​บุตร​ของ​โยเซฟ​มิใช่​หรือ”

     ตอนนี้เป็นตอนที่ผมประหลาดใจมาก การพูดเพียงสั้นๆในข้อ 21 นั้น เป็นเหตุให้คนทั้งปวงประหลาดใจและกล่าวชมเชยพระองค์ได้เชียวหรือนี่ ถ้าพระเยซูกล่าวสั้นๆแค่นี้จริง หรือว่าพระองค์พูดยาวกว่านี้แต่พระคัมภีร์บันทึกสาระสำคัญไว้แค่นี้ อย่างไรก็ตามแต่ สิ่งที่พระเยซูพูดนั้นเป็นเหมือนถ้อยคำที่เต็มไปด้วยพระคุณ ผมไม่ทราบว่าเป็นอย่างไร ถ้อยคำนั้นจะเป็นเหมือนเสียงที่อ่อนละมุนหนุนจิตชูใจคน ถ้อยคำนั้นจากพระธรรมอิสยาห์ได้ช่วยสร้างกำลังใจให้กับคนที่ฟังอยู่หรือไม่  อย่างไรก็ตามยังมีคนพูดประมาทพระองค์ว่า "คนนี้เป็นบุตรของโยเซฟมิใช่หรือ"   สิ่งที่ออกมาจากคำพูดของพระองค์ก็เพียงมาจากลูกของช่างไม้เท่านั้น

Luke 4:23 ​พระ​องค์​จึง​ตรัส​แก่​เขา​ว่า “ท่าน​ทั้ง​หลาย​คง​จะ​กล่าว​คำ​สุภาษิต​ข้อ​นี้​แก่​เรา​เป็น​แน่ คือ​ว่า ‘หมอ​จง​รักษา​ตัวเอง​เถิด คือ​บรรดา​การ​ซึ่ง​เรา​ได้​ยิน​ว่า ท่าน​ได้​กระทำ​ใน​เมือง​คาเปอร​นาอุม​จง​กระทำ​ใน​เมือง​ของ​ตน​ที่นี่​ด้วย’ ”
Luke 4:24 ​พระ​องค์​ตรัส​อีก​ว่า “เรา​บอก​ความ​จริง​แก่​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ว่า ไม่​มี​ผู้เผย​พระ​วจนะ​คน​ใด​ได้รับ​การ​ต้อนรับ​ใน​เมือง​ของ​ตน
Luke 4:25 แต่​เรา​บอก​ความ​จริง​แก่​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ว่า มี​หญิง​ม่าย​หลาย​คน​ใน​พวก​อิสราเอล ใน​คราว​เอลียาห์​เมื่อ​ท้องฟ้า​ปิด​เสีย​ถึง​สาม​ปี​กับ​หก​เดือน จึง​เกิด​กันดาร​อาหาร​มาก​ทั่ว​แผ่นดิน
Luke 4:26 และ​เอลียาห์​มิได้​รับ​ใช้​ให้​ไป​หา​หญิง​ม่าย​คน​ใด เว้น​แต่​หญิง​ม่าย​คน​หนึ่ง​ใน​บ้าน​ศา​เร​ฟัท​แขวง​เมือง​ไซ​ดอน
Luke 4:27 และ​มี​คน​โรค​เรื้อน​หลาย​คน​ใน​พวก​อิสราเอล​ใน​คราว​เอลีชา​ผู้เผย​พระ​วจนะ แต่​ไม่​มี​ผู้ใด​ได้รับ​การ​รักษา​ให้​หาย​โรค​นั้น​เลย เว้น​แต่​นา​อา​มาน​ชาว​ซีเรีย”
Luke 4:28 เมื่อ​คน​ทั้ง​ปวง​ใน​ธรรม​ศาลา​ได้​ยิน​ดังนั้น​ก็​โกรธ​ยิ่ง​นัก​
Luke 4:29 จึง​ลุก​ขึ้น​ผลัก​พระ​องค์​ออก​จาก​เมือง​ พา​ไป​ยัง​แง่​ของ​เงื้อม​เขา​ที่​เมือง​ของ​เขา​ซึ่ง​ตั้งอยู่​บน​เนิน​นั้น หมาย​จะ​ผลัก​พระ​องค์​ลง​ไป​
Luke 4:30 แต่​พระ​องค์​ทรง​ดำเนิน​ผ่าน​ท่ามกลาง​เขา​พ้น​ไป​ 


     พระเยซูจึงพูดต่อว่าไม่มีผู้เผยพระวจนะคนใดได้รับการต้อนรับในเมืองของต้น  เมืองที่พระเยซูพูดอยู่นั้นคือเมืองนาซาเร็ธ  เมืองที่พระองค์เจริญวัย  ดังนั้นเมื่อเรารับพระวจนะ มีพระคัมภีร์ตอนหนึ่งที่ได้บอกเราว่าให้เรารับพระวจนะเหมือนรับคำที่มาจากพระเจ้า ไม่ได้เหมือนรับคำมาจากมนุษย์   1Thess 2:13 เรา​ขอบ​พระ​คุณ​พระ​เจ้า​เสมอ เพราะ​ว่า​เมื่อ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ได้รับ​พระ​วจนะ​ของ​พระ​เจ้า ซึ่ง​ท่าน​ได้​ยิน​จาก​เรา ท่าน​ไม่ได้​รับ​ไว้​อย่าง​เป็น​คำ​ของ​มนุษย์ แต่​ได้รับ​ไว้​ตาม​ความ​เป็น​จริง คือ​เป็น​พระ​วจนะ​ของ​พระ​เจ้า ซึ่ง​กำลัง​ทำงาน​อยู่​ภาย​ใน​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ที่​เชื่อ​

     พระองค์พูดต่อว่าเมื่อเอลียาห์และเอลีชาไปช่วยเหลือคน เขาทั้งสองไม่ได้รับการทรงนำให้ไปช่วยเหลือใครนอกจากชาวต่างชาติ  นี่เองเป็นเหตุให้คนยิวโกรธโมโห เพราะพวกเขารับความจริงไม่ได้ รับไม่ได้ว่าแทนที่พระเจ้าจะช่วยคนยิว แต่กลับไปช่วยคนต่างชาติจากตัวอย่างของเอลียาห์และเอลีชานี้

     คนยิวทั้งหลายโมโหโกรธาอย่างมากหมายจะผลักพระองค์ให้ตกหน้าผา เพราะพระเยซูพูดเหมือนหมิ่นประมาทพวกเขา ความจริงพระเจ้าช่วยทุกคนได้ ถ้าพวกเขามีความเชื่อ เหตุการณ์นี้เป็นตัวสะท้อนว่าพวกคนยิวไม่ได้วิงวอนอ้อนวอนขอพระเจ้าช่วยเหมือนสองคนนี้

     สิ่งประหลาดอัศจรรย์ใจเกิดขึ้นเมื่อข้อ 30 บอกว่า พระองค์ดำเนินผ่านเขาไป   ในท่ามกลางภาวะฝูงชนที่มากลุ้มรุมกับรอบพระองค์ พากันผลักพระองค์ไปถึงหน้าผา  แต่พระองค์เดินผ่านเขาไปเฉยๆได้ เหมือนกับพวกเขาชะงักงัน ไม่สามารถทำอะไรพระองค์ได้ เหมือนพวกเขาถูกสะกดนิ่งเอาไว้  สรรเสริญพระเจ้า

     ก็ขอจบตอนนี้เอาไว้เพียงแค่นี้นะครับ ครั้งหน้ามาดูต่อกันครับ

1 ความคิดเห็น:

  1. สิ่งที่พระองค์ทำน่าสนใจจริงๆ ..คะ

    ขอพระเจ้าเปิดเผยความล้ำลึกเพื่อข้าพระองค์จะเข้าใจมากกว่านี้..เพราะข้าพระองค์อยากทำทุกอย่างโดยมีความเชื่อพร้อมๆกับมีความเข้าใจในสิ่งที่ทำด้วยคะ...ขอทรงเมตตา

    ตอบลบ