จากที่เราได้เห็นในสัปดาห์ก่อนว่าพระเยซูทรงถูกทดลองโดยมารซาตานก่อนจะเริ่มต้นพระราชกิจ เปรียบเหมือนกับชีวิตเราที่ผมเคยแบ่งปันไปแล้วว่า พระเจ้าให้เราครอบครองดูแลสรรพสิ่งทั้งปวงในโลกนี้ (ปฐก. 1:28) แต่ก่อนจะปกครองดูแลได้ ก็มีบทพิสูจน์ที่ต้องผ่านก่อน ในปฐมกาลบทที่ 3 แต่ว่าอาดัมและฮาวาไม่ผ่าน สิทธิในการมีอำนาจเหนือโลกนี้จึงตกไปเป็นของซาตาน พระเยซูเข้ามาในโลกเพื่อจะไถ่และทำให้แผนการของพระบิดาสำเร็จ ความจริงแล้วน้ำพระทัยของพระเจ้าพระบิดาไม่เคยเปลี่ยนแปลง พระองค์ต้องการให้มนุษย์ที่พระองค์ทรงสร้างปกครองดูแล แต่มนุษย์ดินคนแรกเป็นมนุษย์ดินคืออาดัมไม่สำเร็จ ไม่ผ่าน พระเจ้าจึงใช้มนุษย์จากสวรรค์อีกผู้หนึ่งมาทำให้สำเร็จ (1 คร.15:47) มนุษย์จากสวรรค์ก็ต้องผ่านบททดสอบเช่นกัน การทดลองจากผีมารซาตาน การสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน ล้วนแล้วแต่เป็นบททดสอบที่พระเยซูจะต้องรับไว้ทั้งสิ้น สรรเสริญพระเจ้าที่พระเยซูผ่านบททดสอบนี้ อำนาจการปกครองดูแลโลกมนุษย์นี้จึงมาจากพระองค์ (มธ.28:18) และถูกส่งมอบไว้ให้กับเราผู้เชื่อไปทำให้สำเร็จ จุดเริ่มต้นการไถ่ การปกครองดูแลสรรพสิ่งในโลกเริ่มต้นมาจากพระองค์ และเราเหล่าผู้เชื่อ เราต้องทำให้สิ่งที่พระเยซูเริ่มต้นไว้นั้นให้สำเร็จ (มธ.28:19-20)
อารัมภบทมาเสียยาวเลยครับ กลับมาดูตัวอย่างจากชีวิตพระเยซูคริสต์กันต่อครับ พระเยซูคริสต์มีชัยชนะเหนือบททดสอบต่างๆได้ด้วยพระวจนะ และเมื่อพระองค์เริ่มพระราชกิจของพระองค์ พระองค์ก็เริ่มพระราชกิจแห่งการสั่งสอนพระวจนะเช่นกัน
Luke 4:14 พระเยซูได้เสด็จกลับไปด้วยฤทธิ์เดชแห่งพระวิญญาณยังแคว้นกาลิลี และกิตติศัพท์ของพระองค์เลื่องลือไปตามถิ่นโดยรอบ
จากข้อนี้จะเห็นว่าเมื่อพระเยซูผ่านการทดลองบททดสอบหนึ่ง พระเยซูเสด็จกลับไปด้วยฤทธิ์เดชแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ ดังนั้นการที่เราทั้งหลายผ่านการทดสอบผ่านการทดลอง จะเป็นเหตุให้เราทั้งหลายนั้นมีความเข้มแข็งในฤทธิ์เดชแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์มากขึ้นครับ ขอพระเจ้าทรงนำท่านและช่วยท่านทั้งหลายให้ผ่านบททดสอบการทดลองต่างๆด้วยพระวจนะ เหมือนเช่นที่พระเยซูคริสต์ได้ทำ (จากบทความครั้งที่ผ่านมา)
Luke 4:15 พระองค์ทรงสั่งสอนในธรรมศาลาของเขา และได้รับความสรรเสริญจากคนทั้งปวง
Luke 4:16 แล้วพระองค์เสด็จมาถึงเมืองนาซาเร็ธ เป็นที่ซึ่งพระองค์ทรงเจริญวัยขึ้น พระองค์เสด็จเข้าไปในธรรมศาลาในวันสะบาโตตามเคย และทรงยืนขึ้นเพื่อจะอ่านพระธรรม
Luke 4:17 เขาจึงส่งพระคัมภีร์อิสยาห์ผู้เผยพระวจนะให้แก่พระองค์ เมื่อพระองค์ทรงคลี่หนังสือนั้นออก ก็ค้นพบข้อที่เขียนไว้ว่า
Luke 4:18 พระวิญญาณแห่งพระเป็นเจ้าทรงอยู่เหนือข้าพเจ้า เพราะว่าพระองค์ได้ทรงเจิมตั้งข้าพเจ้าไว้ เพื่อนำข่าวดีมายังคนยากจน พระองค์ได้ทรงใช้ข้าพเจ้าให้ร้องประกาศอิสรภาพแก่บรรดาเชลย ให้ประกาศแก่คนตาบอดว่าจะได้เห็นอีก ให้ปล่อยผู้ถูกบีบบังคับเป็นอิสระ
Luke 4:19 และให้ประกาศปีแห่งความโปรดปรานของพระเป็นเจ้า
อารัมภบทมาเสียยาวเลยครับ กลับมาดูตัวอย่างจากชีวิตพระเยซูคริสต์กันต่อครับ พระเยซูคริสต์มีชัยชนะเหนือบททดสอบต่างๆได้ด้วยพระวจนะ และเมื่อพระองค์เริ่มพระราชกิจของพระองค์ พระองค์ก็เริ่มพระราชกิจแห่งการสั่งสอนพระวจนะเช่นกัน
Luke 4:14 พระเยซูได้เสด็จกลับไปด้วยฤทธิ์เดชแห่งพระวิญญาณยังแคว้นกาลิลี และกิตติศัพท์ของพระองค์เลื่องลือไปตามถิ่นโดยรอบ
จากข้อนี้จะเห็นว่าเมื่อพระเยซูผ่านการทดลองบททดสอบหนึ่ง พระเยซูเสด็จกลับไปด้วยฤทธิ์เดชแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ ดังนั้นการที่เราทั้งหลายผ่านการทดสอบผ่านการทดลอง จะเป็นเหตุให้เราทั้งหลายนั้นมีความเข้มแข็งในฤทธิ์เดชแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์มากขึ้นครับ ขอพระเจ้าทรงนำท่านและช่วยท่านทั้งหลายให้ผ่านบททดสอบการทดลองต่างๆด้วยพระวจนะ เหมือนเช่นที่พระเยซูคริสต์ได้ทำ (จากบทความครั้งที่ผ่านมา)
Luke 4:15 พระองค์ทรงสั่งสอนในธรรมศาลาของเขา และได้รับความสรรเสริญจากคนทั้งปวง
Luke 4:16 แล้วพระองค์เสด็จมาถึงเมืองนาซาเร็ธ เป็นที่ซึ่งพระองค์ทรงเจริญวัยขึ้น พระองค์เสด็จเข้าไปในธรรมศาลาในวันสะบาโตตามเคย และทรงยืนขึ้นเพื่อจะอ่านพระธรรม
Luke 4:17 เขาจึงส่งพระคัมภีร์อิสยาห์ผู้เผยพระวจนะให้แก่พระองค์ เมื่อพระองค์ทรงคลี่หนังสือนั้นออก ก็ค้นพบข้อที่เขียนไว้ว่า
Luke 4:18 พระวิญญาณแห่งพระเป็นเจ้าทรงอยู่เหนือข้าพเจ้า เพราะว่าพระองค์ได้ทรงเจิมตั้งข้าพเจ้าไว้ เพื่อนำข่าวดีมายังคนยากจน พระองค์ได้ทรงใช้ข้าพเจ้าให้ร้องประกาศอิสรภาพแก่บรรดาเชลย ให้ประกาศแก่คนตาบอดว่าจะได้เห็นอีก ให้ปล่อยผู้ถูกบีบบังคับเป็นอิสระ
Luke 4:19 และให้ประกาศปีแห่งความโปรดปรานของพระเป็นเจ้า
เราจะเห็นว่าหลังจากนั้นพระองค์เริ่มพระราชกิจของพระองค์ด้วยการสั่งสอนในธรรมศาลาของคนยิว ธรรมศาลาเป็นที่รวบรวมคนมาอ่านพระคัมภีร์อธิษฐานสำหรับคนที่อยู่ห่างไกลจากกรุงเยรูซาเล็ม และพระองค์ได้เข้าไปอ่านพระคัมภีร์ที่นั่น และพบพระคัมภีร์จากพระธรรมอิสยาห์ 61:1-2 พระองค์ได้อ่านในตอนนี้
Luke 4:20 แล้วพระองค์ทรงม้วนหนังสือส่งคืนให้แก่เจ้าหน้าที่ แล้วทรงนั่งลง และตาของคนทั้งปวงในธรรมศาลาก็เพ่งดูพระองค์
Luke 4:21 พระองค์จึงเริ่มตรัสแก่เขาว่า “คัมภีร์ตอนนี้ที่ท่านได้ยินกับหูของท่านก็สำเร็จในวันนี้แล้ว”
แล้วพระเยซูก็บอกว่าพระคัมภีร์ตอนที่อ่านนี้ได้สำเร็จในวันนี้แล้ว คือที่พวกเขาได้เห็นพระเยซูมา และพระคัมภีร์ตอนนี้คือสิ่งที่พระเยซูทำ นี่เองจึงเป็นเหตุให้ปีนี้ผมอยากจะขอพระเจ้าใช้คริสตจักรของเราทำให้พระวจนะตอนนี้สำเร็จเช่นกัน เหมือนที่ผมเทศนาไปแล้วตอนคริสต์มาสและนำมาลงบล็อกที่ผ่านมาเอาไว้
Luke 4:22 คนทั้งปวงก็กล่าวชมเชยพระองค์ และประหลาดใจด้วยถ้อยคำอันประกอบด้วยคุณ ซึ่งออกมาจากพระโอษฐ์ของพระองค์ และว่า “คนนี้เป็นบุตรของโยเซฟมิใช่หรือ”
ตอนนี้เป็นตอนที่ผมประหลาดใจมาก การพูดเพียงสั้นๆในข้อ 21 นั้น เป็นเหตุให้คนทั้งปวงประหลาดใจและกล่าวชมเชยพระองค์ได้เชียวหรือนี่ ถ้าพระเยซูกล่าวสั้นๆแค่นี้จริง หรือว่าพระองค์พูดยาวกว่านี้แต่พระคัมภีร์บันทึกสาระสำคัญไว้แค่นี้ อย่างไรก็ตามแต่ สิ่งที่พระเยซูพูดนั้นเป็นเหมือนถ้อยคำที่เต็มไปด้วยพระคุณ ผมไม่ทราบว่าเป็นอย่างไร ถ้อยคำนั้นจะเป็นเหมือนเสียงที่อ่อนละมุนหนุนจิตชูใจคน ถ้อยคำนั้นจากพระธรรมอิสยาห์ได้ช่วยสร้างกำลังใจให้กับคนที่ฟังอยู่หรือไม่ อย่างไรก็ตามยังมีคนพูดประมาทพระองค์ว่า "คนนี้เป็นบุตรของโยเซฟมิใช่หรือ" สิ่งที่ออกมาจากคำพูดของพระองค์ก็เพียงมาจากลูกของช่างไม้เท่านั้น
Luke 4:23 พระองค์จึงตรัสแก่เขาว่า “ท่านทั้งหลายคงจะกล่าวคำสุภาษิตข้อนี้แก่เราเป็นแน่ คือว่า ‘หมอจงรักษาตัวเองเถิด คือบรรดาการซึ่งเราได้ยินว่า ท่านได้กระทำในเมืองคาเปอรนาอุมจงกระทำในเมืองของตนที่นี่ด้วย’ ”
Luke 4:24 พระองค์ตรัสอีกว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ไม่มีผู้เผยพระวจนะคนใดได้รับการต้อนรับในเมืองของตน
Luke 4:25 แต่เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า มีหญิงม่ายหลายคนในพวกอิสราเอล ในคราวเอลียาห์เมื่อท้องฟ้าปิดเสียถึงสามปีกับหกเดือน จึงเกิดกันดารอาหารมากทั่วแผ่นดิน
Luke 4:26 และเอลียาห์มิได้รับใช้ให้ไปหาหญิงม่ายคนใด เว้นแต่หญิงม่ายคนหนึ่งในบ้านศาเรฟัทแขวงเมืองไซดอน
Luke 4:27 และมีคนโรคเรื้อนหลายคนในพวกอิสราเอลในคราวเอลีชาผู้เผยพระวจนะ แต่ไม่มีผู้ใดได้รับการรักษาให้หายโรคนั้นเลย เว้นแต่นาอามานชาวซีเรีย”
Luke 4:28 เมื่อคนทั้งปวงในธรรมศาลาได้ยินดังนั้นก็โกรธยิ่งนัก
Luke 4:29 จึงลุกขึ้นผลักพระองค์ออกจากเมือง พาไปยังแง่ของเงื้อมเขาที่เมืองของเขาซึ่งตั้งอยู่บนเนินนั้น หมายจะผลักพระองค์ลงไป
Luke 4:30 แต่พระองค์ทรงดำเนินผ่านท่ามกลางเขาพ้นไป
พระเยซูจึงพูดต่อว่าไม่มีผู้เผยพระวจนะคนใดได้รับการต้อนรับในเมืองของต้น เมืองที่พระเยซูพูดอยู่นั้นคือเมืองนาซาเร็ธ เมืองที่พระองค์เจริญวัย ดังนั้นเมื่อเรารับพระวจนะ มีพระคัมภีร์ตอนหนึ่งที่ได้บอกเราว่าให้เรารับพระวจนะเหมือนรับคำที่มาจากพระเจ้า ไม่ได้เหมือนรับคำมาจากมนุษย์ 1Thess 2:13 เราขอบพระคุณพระเจ้าเสมอ เพราะว่าเมื่อท่านทั้งหลายได้รับพระวจนะของพระเจ้า ซึ่งท่านได้ยินจากเรา ท่านไม่ได้รับไว้อย่างเป็นคำของมนุษย์ แต่ได้รับไว้ตามความเป็นจริง คือเป็นพระวจนะของพระเจ้า ซึ่งกำลังทำงานอยู่ภายในท่านทั้งหลายที่เชื่อ
พระองค์พูดต่อว่าเมื่อเอลียาห์และเอลีชาไปช่วยเหลือคน เขาทั้งสองไม่ได้รับการทรงนำให้ไปช่วยเหลือใครนอกจากชาวต่างชาติ นี่เองเป็นเหตุให้คนยิวโกรธโมโห เพราะพวกเขารับความจริงไม่ได้ รับไม่ได้ว่าแทนที่พระเจ้าจะช่วยคนยิว แต่กลับไปช่วยคนต่างชาติจากตัวอย่างของเอลียาห์และเอลีชานี้
คนยิวทั้งหลายโมโหโกรธาอย่างมากหมายจะผลักพระองค์ให้ตกหน้าผา เพราะพระเยซูพูดเหมือนหมิ่นประมาทพวกเขา ความจริงพระเจ้าช่วยทุกคนได้ ถ้าพวกเขามีความเชื่อ เหตุการณ์นี้เป็นตัวสะท้อนว่าพวกคนยิวไม่ได้วิงวอนอ้อนวอนขอพระเจ้าช่วยเหมือนสองคนนี้
สิ่งประหลาดอัศจรรย์ใจเกิดขึ้นเมื่อข้อ 30 บอกว่า พระองค์ดำเนินผ่านเขาไป ในท่ามกลางภาวะฝูงชนที่มากลุ้มรุมกับรอบพระองค์ พากันผลักพระองค์ไปถึงหน้าผา แต่พระองค์เดินผ่านเขาไปเฉยๆได้ เหมือนกับพวกเขาชะงักงัน ไม่สามารถทำอะไรพระองค์ได้ เหมือนพวกเขาถูกสะกดนิ่งเอาไว้ สรรเสริญพระเจ้า
ก็ขอจบตอนนี้เอาไว้เพียงแค่นี้นะครับ ครั้งหน้ามาดูต่อกันครับ
สิ่งที่พระองค์ทำน่าสนใจจริงๆ ..คะ
ตอบลบขอพระเจ้าเปิดเผยความล้ำลึกเพื่อข้าพระองค์จะเข้าใจมากกว่านี้..เพราะข้าพระองค์อยากทำทุกอย่างโดยมีความเชื่อพร้อมๆกับมีความเข้าใจในสิ่งที่ทำด้วยคะ...ขอทรงเมตตา