จากเรื่องยุคเก่าที่ได้เขียนไปแล้วนั้นจะขอต่อด้วยเรื่องนรกกับสวรรค์ที่มนุษย์ทุกคนต้องไป ทุกคนจะมีผลปลายทางหลังจากจบชีวิตของตนเองไปแล้ว สำหรับคนที่ไม่เชื่อ ปลายทางของเขาคือแดนมรณา ที่คุมขัง แดนคนตาย หรือนรก สำหรับคนที่เชื่อในองค์พระเยซูคริสต์ปลายทางของพวกเขาคือเมืองบรมสุขเกษม หรือแผ่นดินสวรรค์นั่นเอง
แล้วสำหรับคนก่อนสมัยยุคที่พระเยซูคริสต์จะมาบังเกิดและสิ้นพระขนม์เขาต้องเผชิญกับอะไร มาดูจากพระธรรมลูกา บทที่ 16 กัน เรื่องของเศรษฐีกับลาซารัส ข้อ 19-31
19 "ยังมีเศรษฐีคนหนึ่งนุ่งห่มผ้าสีม่วงและผ้าป่านเนื้อดี รับประทานอาหารอย่างประณีตทุกวันๆ
20 และมีคนขอทานคนหนึ่งชื่อลาซารัส เป็นแผลทั้งตัว นอนอยู่ที่ประตูรั้วบ้านของเศรษฐี
21 และเขาใคร่จะกินเศษอาหารที่ตกจากโต๊ะของเศรษฐีนั้น แม้สุนัขก็มาเลียแผลของเขา
22 อยู่มาคนขอทานนั้นตาย และเหล่าทูตสวรรค์ได้นำเขาไปไว้ที่อกของอับราฮัม ฝ่ายเศรษฐีนั้นก็ตายด้วย และเขาก็ฝังไว้
23 แล้วเมื่ออยู่ในแดนมรณาเป็นทุกข์ทรมานยิ่งนัก เศรษฐีนั้นจึงแหงนดูเห็นอับราฮัมอยู่แต่ไกล และลาซารัสอยู่ที่อกของท่าน
24 เศรษฐีจึงร้องว่า "อับราฮัมบิดาเจ้าข้า ขอเอ็นดูข้าพเจ้าเถิด ขอใช้ลาซารัสมา เพื่อจะเอาปลายนิ้วจุ่มน้ำมาแตะลิ้นของข้าพเจ้าให้เย็น ด้วยว่าข้าพเจ้าตรำทุกข์ทรมานอยู่ในเปลวไฟนี้"
25 แต่อับราฮัมตอบว่า "ลูกเอ๋ย เจ้าจงระลึกว่าเมื่อเจ้ายังมีชีวิตอยู่ เจ้าได้ของดีสำหรับตัว และลาซารัสได้ของเลว แต่เดี๋ยวนี้เขาได้รับความเล้าโลม แต่เจ้าได้รับความแสนระทม
26 นอกจากนั้น ระหว่างพวกเรากับพวกเจ้ามีเหวใหญ่ตั้งขวางอยู่ เพื่อว่าถ้าผู้ใดปรารถนาจะข้ามไปจากที่นี่ถึงเจ้าก็ไม่ได้ หรือถ้าจะข้ามจากที่นั่นมาถึงเราก็ไม่ได้"
27 เศรษฐีนั้นจึงว่า "บิดาเจ้าข้าถ้าอย่างนั้นขอท่านใช้ลาซารัสไปยังบ้านบิดาของข้าพเจ้า
28 เพราะว่าข้าพเจ้ามีพี่น้องห้าคน ให้ลาซารัสเป็นพยานแก่เขา เพื่อมิให้เขามาถึงที่ทรมานนี้"
29 แต่อับราฮัมตอบเขาว่า "เขามีโมเสสและพวกผู้เผยพระวจนะนั้นแล้ว ให้เขาฟังคนเหล่านั้นเถิด"
30 เศรษฐีนั้นจึงว่า "มิได้ อับราฮัมบิดาเจ้าข้า แต่ถ้าคนหนึ่งจากหมู่คนตายไปหาเขา เขาคงจะกลับใจเสียใหม่"
31 อับราฮัมจึงตอบเขาว่า "ถ้าเขาไม่ฟังโมเสสและพวกผู้เผยพระวจนะ แม้คนหนึ่งจะเป็นขึ้นมาจากความตาย เขาก็จะยังไม่เชื่อ""
จะเห็นว่าสองคนนี้เมื่อเสียขีวิตพวกเขาไปอยู่ในที่แตกต่างกัน ลาซารัสอยู่ที่อกอับราฮัม เศรษฐีอยู่ที่แดนมรณา ลาซารัสคงเป็นคนที่ดำเนินชีวิตตามธรรมบัญญัติจึงไปอยู่กับอับราฮัมผู้ได้ชื่อว่าเป็นบิดาแห่งความเชื่อ ส่วนเศรษฐีแม้มีชีวิตดีบนโลก มีความสมบูรณ์ แต่ในชีวิตหลังความตายเขาต้องทนทุกข์อยู่ที่แดนมรณา จะเห็นได้ว่าสถานที่สองแห่งนี้คงอยู่ใกล้เคียงกัน มีเพียงหุบเหวขวางกั้นไว้เท่านั้น เพราะเศรษฐีเห็นอับราฮัม และร้องขอให้ช่วย จะเห็นจากอับราฮัมพูดว่าที่อกอับราฮัมนั้นเป็นที่ที่ได้รับความเล้าโลม ส่วนแดนมรณาคนที่อยู่ในนั้นทนทุกข์จากเปลวไฟแผดเผาและหิวกระหายน้ำ จากเรื่องนี้ ข้อคิดสำหรับเราคือสำหรับคนที่ไม่คิดจะเชื่อ ต่อให้คนตายเป็นขึ้นจากตายไปบอกเขา เขาก็ยังไม่เชื่อ
พระคัมภีร์อีกตอนหนึ่งในเอเฟซัส บทที่ 4:8-10 ซึ่งผมได้เทศน์ไปแล้วบอกว่า เมื่อพระเยซูสิ้นพระชนม์พระองค์ได้มาป่าวประกาศข่าวแห่งการปลดปล่อยให้กับเชลยที่ติดอยู่ในแดนคนตายนั้น และนำเชลยที่อยู่ที่อกอับราฮัมไปกับพระองค์ด้วย อีกข้อหนึ่งคือ 1 เปโตร 3:14-19
ดังนั้นในสมัยนี้ อกอับราฮัมไม่มีแล้ว คงมีเพียงแดนมรณาที่สำหรับคนที่ไม่เชื่อ หรือคนที่ทำผิดบาป และเมืองบรมสุขเกษมสำหรับคนที่เชื่อเท่านั้น
สำหรับคนที่ไม่เชื่อหรือคนที่เชื่อแต่หลงไปทำผิดบาป พระคัมภีร์ได้บอกเราว่าทุกคนจะได้ผลแห่งการกระทำที่อยู่ในโลกแล้วแต่จะดีหรือชั่วทุกคน 2 โครินธ์ 5:10
10 เพราะว่าจำเป็นที่เราทุกคนจะต้องปรากฏตัวที่หน้าบัลลังก์ของพระคริสต์ เพื่อทุกคนจะได้รับสมกับการที่ได้ประพฤติในร่างกายนี้ แล้วแต่จะดีหรือชั่ว
เดี๋ยวตอนท้ายผมจะให้ท่านได้รับข่าวสารเรื่องราวของศบ.ดาเนียล ที่ฟื้นขึ้นมาจากความตายหลังจากตายไปแล้ว 2 วัน ว่าเขาได้ไปเห็นอะไรมาบ้างทั้งบนสวรรค์และในแดนมรณานั้น
จะเห็นว่าคนที่อยู่ในแดนมรณานั้น เขาได้รับผลแห่งการกระทำของเขาจริงๆ ทั้งคนที่ได้ชื่อว่าเป็นคริสเตียนแต่ไม่รักษาชีวิตและคนที่ไม่ใช่คริสเตียน
ใครบ้างที่ต้องรับผลไม่เพียงแต่ในแดนมรณาเท่านั้น แต่ในบึงไฟนรกด้วย วิวรณ์ 21:8
8 แต่คนขลาด คนไม่เชื่อคนที่น่าเกลียดน่าชัง คนที่ฆ่ามนุษย์ คนล่วงประเวณี คนใช้เวทมนตร์ คนไหว้รูปเคารพ และคนทั้งปวงที่พูดมุสานั้น มรดกของเขาอยู่ที่ในบึงไฟและกำมะถันที่กำลังไหม้อยู่นั้น นั่นคือความตายครั้งที่สอง"
กาลาเทีย 5:19-21
19 การงานของเนื้อหนังนั้นเห็นได้ชัด คือการล่วงประเวณี การโสโครก การลามก
20 การนับถือรูปเคารพ การถือวิทยาคม การเป็นศัตรูกัน การวิวาทกัน การริษยากัน การโกรธกัน การใฝ่สูง การทุ่มเถียงกัน การแตกก๊กกัน
21 การอิจฉากัน การเมาเหล้า การเล่นเป็นพาลเกเร และการอื่นๆในทำนองนี้อีกเหมือนที่ข้าพเจ้าได้เตือนท่านมาก่อน บัดนี้ข้าพเจ้าขอเตือนท่านเหมือนกับที่เคยเตือนมาแล้วว่า คนที่ประพฤติเช่นนั้นจะไม่มีส่วนในแผ่นดินของพระเจ้า
1 โครินธ์ 6:9-10
9 ท่านไม่รู้หรือว่า คนอธรรมจะไม่มีส่วนในแผ่นดินของพระเจ้า อย่าหลงเลย คนล่วงประเวณี คนถือรูปเคารพ คนผิดผัวเมียเขา ลูกสวาท ชายเล่นลูกสวาท
10 คนขโมย คนโลภ คนขี้เมา คนปากร้าย คนฉ้อโกง จะไม่ได้รับส่วนในแผ่นดินของพระเจ้า
เมื่ออ่านดูอย่างนี้แล้วก็ทำให้ต้องตระหนักและให้ความเอาจริงเอาจังในการดำเนินชีวิตมากขึ้น ไม่ปล่อยให้สิ่งต่างๆเหล่านี้เกาะกุมอยู่ในชีวิตเราโดยเราไม่สำนึกในความผิดบาปและเข้าไปหาพระเจ้า ขอพระคุณของพระองค์ทรงโปรดอภัยความผิดบาปเหล่านี้ให้
มนุษย์เราที่ไม่เชื่อเกิดหนึ่งครั้ง แต่ตายสองครั้ง ครั้งแรกวิญญาณจิตแยกออกจากร่าง ถูกนำไปคุมขังไว้ที่แดนมรณานั้น และเมื่อถึงวันพิพากษาหน้าบัลลังภ์พระคริสต์ ทะเลก็ส่งคืนคนตายที่ทะเล ความตายและแดนมรณาก็ส่งคืนคนที่ไม่มีชื่อจดไว้ในหนังสือแห่งชีวิตไปที่บึงไฟ วิวรณ์ 20:13-15
13 ทะเลก็ส่งคืนคนทั้งหลายที่ตายในทะเล ความตายและแดนมรณาก็ส่งคืนคนทั้งหลายที่อยู่ในแดนนั้น และคนทั้งหลายก็ถูกพิพากษาตามการกระทำของตนหมดทุกคน
14 แล้วความตาย และแดนมรณาก็ถูกผลักทิ้งลงไปในบึงไฟ บึงไฟนี่แหละเป็นความตายครั้งที่สอง
15 และถ้าผู้ใดที่ไม่มีชื่อจดไว้ในหนังสือชีวิต ผู้นั้นก็ถูกทิ้งลงไปในบึงไฟ
นี่คือความตายครั้งที่สองซึ่งเป็นความตายนิรันดร์ ซึ่งในตอนนั้นพญามารและสมุนของมันก็ต้องไปที่บึงไฟมรณาด้วยกันทั้งหมด วิวรณ์ 20:10
10 ส่วนพญามารที่ล่อลวงเขาเหล่านั้นก็ถูกโยนลงไปในบึงไฟและกำมะถัน ที่สัตว์ร้ายและคนที่ปลอมตัวเป็นผู้เผยพระวจนะตกอยู่ในนั้น และมันต้องทนทุกข์ทรมานทั้งกลางวันและกลางคืนตลอดไปเป็นนิตย์
ความตายนิรันดร์นี่แหละเป็นความทรมาณตลอดนิรันดร์ มัทธิว 25:40-46
40 แล้วพระมหากษัตริย์จะตรัสกับเขาว่า "เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ซึ่งท่านได้กระทำแก่คนใดคนหนึ่งในพวกพี่น้องของเรานี้ ถึงแม้จะต่ำต้อยเพียงไร ก็เหมือนได้กระทำแก่เราด้วย"
41 พระองค์จะตรัสกับบรรดาผู้ที่อยู่เบื้องซ้ายพระหัตถ์ของพระองค์ว่า "ท่านทั้งหลายผู้ต้องแช่งสาปจงถอยไปจากเรา เข้าไปอยู่ในไฟซึ่งไหม้อยู่เป็นนิตย์ ซึ่งเตรียมไว้สำหรับมารร้ายและสมุนของมันนั้น
42 เพราะว่าเมื่อเราหิวท่านก็มิได้ให้เรากิน เรากระหายน้ำท่านก็มิได้ให้เราดื่ม
43 เราเป็นแขกแปลกหน้า ท่านก็ไม่ได้ต้อนรับเราไว้ เราเปลือยกาย ท่านก็ไม่ได้ให้เสื้อผ้าเรานุ่งห่ม เราเจ็บป่วยและต้องจำอยู่ในพันธนาคาร ท่านไม่ได้เยี่ยมเรา"
44 เขาทั้งหลายจะทูลว่า "พระองค์เจ้าข้า ที่ข้าพระองค์ได้เห็นพระองค์ทรงหิวหรือทรงกระหายน้ำ หรือทรงเป็นแขกแปลกหน้าหรือเปลือยพระกาย หรือประชวร หรือต้องจำอยู่ในพันธนาคาร และข้าพระองค์มิได้ปรนนิบัติพระองค์นั้นแต่เมื่อไร"
45 เมื่อนั้นพระองค์จะตรัสกับเขาว่า "เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ซึ่งท่านมิได้กระทำแก่ผู้ต่ำต้อยที่สุดสักคนหนึ่งในพวกนี้ ก็เหมือนท่านมิได้กระทำแก่เราด้วย"
46 และพวกเหล่านี้จะต้องออกไปรับโทษอยู่เป็นนิตย์ แต่ผู้ชอบธรรมจะเข้าสู่ชีวิตนิรันดร์"
ชีวิตคริสเตียนจึงเป็นชีวิตที่ดำเนินตามพระวิญญาณจริงๆ มีพระวิญญาณคอยเตือนใจเรา มีความสนิทสนมกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระองค์ก็จะสอนเรา ชี้แนะให้กับเรา ปกป้องเราไว้จากสิ่งทั้งหลายที่คอยมาล่อลวงเรา
ชีวิตคริสเตียนที่ดำเนินชีวิตเป็นเหมือนศาสนาๆหนึ่ง จึงเป็นชีวิตที่อันตรายมาก เพราะเราไม่ได้พึงพาพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่คอยสอนเรา เปลี่ยนแปลงเรา แต่เราพึงพาแต่กำลังของเราเอง เห็นเรื่องพระเยซูคริสต์เป็นเหมือนกับศาสนาๆหนึ่งเท่านั้น
ขอพระเจ้าปกป้องเราทั้งหลายไว้ให้พ้นจากมารร้ายทีคอยมาล่อลวงเรา ขอพระเจ้าช่วยเราไม่ทำตามเนื้อหนังหรือความปรารถนาของเนื้อหนัง แต่ขอพระเจ้าช่วยเราให้มีชีวิตที่ดำเนินตามพระวิญญาณบริสุทธิ์
โรม 8:6 ด้วยว่าซึ่งปักใจอยู่กับเนื้อหนัง ก็คือความตาย และซึ่งปักใจอยู่กับพระวิญญาณก็คือชีวิตและสันติสุข
เรื่องราวตอนสอง
เรื่องราวตอนสาม
เรื่องราวตอนสี่
เรื่องราวตอนห้า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น