วันอาทิตย์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2552

A) Word of God : เปรียบเทียบคำสอนดร.โรเบิร์ต กับสิ่งที่คริสตจักรควรเป็น


ผมได้ดูคำสอนของดร.โรเบิร์ตซึ่งอัดไว้เมื่อปี 2008 เห็นว่าน่าจะเป็นประโยชน์  จึงสรุปมาให้ท่านได้รับทราบด้วย ซึ่งในตอนท้ายผมจะสรุปว่า คริสตจักรเราเป็นหรือไม่เป็นแบบที่ดร.โรเบิร์ตได้สอนไว้

คำสอนนี้สอนโดย ดร.โรเบิร์ต ไฮด์เลอร์ ซึ่งเป็นผู้นำร่วมใน Glory of Zion church ในด้านของประทานอาจารย์ ร่วมกับอัครทูตชัคเพียซ  ท่านได้เล่าให้ฟังเกี่ยวกับตำนานของถุงหนัง  คริสตจักรแบบอัครทูตและคริสตจักรแบบศิษยาภิบาล

·        ท่านเล่าว่าคริสตจักรในคศ. 325 เริ่มเข้าสู่ความตาย (ความตายคืออะไร เดี๋ยวท่านจะแบ่งปันต่อไป) และพอคศ.500 ก็เข้าสู่ยุคมืด  หนึ่งพันปี   ถึงปีคศ. 1500 พระวิญญาณจึงเริ่มเคลื่อนไหวในโลกนี้
·        ท่านสอนว่า เราจะเข้าใจงานที่พระเจ้าทำในโลกนี้  ต้องเข้าใจประวัติศาสตร์       คริสตจักรสมัยแรกเติบโตอย่างรวดเร็วในวันเพนเตคอส
·        ใน 1 ปี มีสมาชิกเพิ่มมากขึ้นถึง หนึ่งหมื่นคน ในเยรูซาเล็ม   การเจริญเติบโตเกิดขึ้นในทุกที่ที่ตั้งคริสตจักร กจ.19 บุกเบิกคริสตจักรในเอเฟซัส  2 ปี  ทั่วทั้งเมืองนั้นได้ยินข่าวประเสริฐ    คริสตจักรเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว จนมีผลกระทบกับคนที่ทำกิจการรูปไดอานา (ภาษาอังกฤษ)  คนมาเชื่อ จนมีผลกระทบ
·        คศ. 112  มีเสียงบ่นว่า  คริสเตียนเต็มไปหมด  วัดวาอารามร้าง
·        คริสตจักรในยุคแรกไม่เหมือนคริสตจักรใดในยุคนี้  เพราะคริสตจักรในยุคแรกไม่มีโบสถ์  ไม่มีธรรมมาสถ์ ไม่มีหนังสือเพลง  ไม่มีใครผูกเนคไท  ไม่มีเอกสารพิมพ์  ฯลฯ
·        คริสตจักรในยุคแรก เป็นคริสตจักรที่เต็มด้วยความยินดี  พบกันตามบ้าน ตามเฉลียงพระวิหาร  เต้นโลดสรรเสริญพระเจ้า  พระสิริพระเจ้าอยู่ท่ามกลางเขา   การอัศจรรย์อยู่ท่ามกลางเขา  คริสตจักรที่เต็มไปด้วยความรัก เช่น เป็นอาหารมื้อแห่งความรัก
·        นี่คือคริสตจักรที่คว่ำโลกในยุคนั้น

·        เมื่อครบศตวรรษแรก คริสตจักรได้แผ่ไปทั่วโลกที่รู้จักในสมัยนั้น   กจ.บทที่ 5 พวกปุโรหิตก็บ่นว่า พวกคริสเตียน
·        กจ. 17 บอกว่าคนคว่ำโลก เข้ามาในเมืองนี้แล้ว

·        ในที่สุดคริสตจักรมีอิทธิพลชนะเหนือโรมัน   แต่ คศ.  325 คริสตจักรเริ่มตกต่ำและคศ. 500 สูญพันธุ์
·        จักรพรรดิ์คอนสแตนติน ครองราชญ์ในปีคศ.312  และบอกว่าพระองค์เป็นคริสเตียน  และไม่ให้มีการข่มเหงคริสเตียน  แต่คอนสแตนติน  ควบคุมคริสตจักร และตั้งตัวเป็นมหาปุโรหิตของคริสตจักร  ปีคศ. 325 ก็เรียกคริสเตียนประชุม เป็นครั้งแรก เรียกว่า การประชุมสภาไนเซีย    การเปลี่ยนแปลงที่คอนสแตนตินได้สร้างขึ้นมา เช่น  คริสตจักรตามบ้านผิดกฏหมาย   ต้องมาประชุมในโบสถ์ , การนมัสการต้องเปลี่ยนจากความชื่นชมยินดี เฉลิมฉลอง มาเป็น การนมัสการแบบเงียบๆ ศักดิ์สิทธิ์  เต็มไปด้วยพิธีกรรมทางศาสนา  คริสเตียนธรรมดาห้ามมีส่วน ในการขับผี วางมือ ฯลฯ  มีการสร้างกลุ่มนักบวชขึ้นมา หรือบรรพชิต ขึ้นมา   และตัดคริสตจักรออกจากการเชื่อมโยงกับยิว ไปสู่การเชื่อมโยงกับพวกเพแกน(พวกที่ไม่ได้เชื่อในพระเจ้า)    พระวิญญาณก็ออกจากคริสตจักรไป 1000 ปี   ในศต.14 พระเจ้าเริ่มเคลื่อนไหวในคริสตจักร  ศต.16 เริ่มปฏิรูปคริสตจักร  17 ปฏิรูป  18 กลับคืนสู่สภาพที่ดี  19 ฤทธิ์เดชกลับสู่คริสตจักร

·        ยุคนี้เป็นยุคที่น่าตื่นเต้นที่สุดในประวัติศาสตร์  พระเจ้ากำลังเตรียมคริสตจักรของพระองค์กลับไปสู่สภาพเดิม  เป็นถุงหนังใหม่
·        พระเจ้าอยากเทน้ำองุ่นใหม่  แต่พระเจ้าต้องการถุงหนังใหม่    ถุงหนังใหม่มีความเหนียวและยืดหยุ่น  สามารถรองรับน้ำองุ่นใหม่ได้  พระเยซูจะไม่เทเหล้าองุ่นใหม่ลงไปในถุงหนังเก่า  ซึ่งถุงหนังนั้นคือคริสตจักร

·        พระเจ้าจะสร้างถุงหนังอย่างไร  ในอฟ.4  พระเจ้าให้มีคน 5 ประเภท   เป็นองค์ประกอบในถุงหนังใหม่
·        ทั้ง 5 ทำงานประสานกัน
·        ผู้ประกาศ  นำคนมาหาพระเจ้าด้วยหมายสำคัญ  ชื่นชมยินดีในคนใหม่ และไปหาคนใหม่
·        ศิษยาภิบาล   ทำหน้าที่สำหรับคนที่ต้องการคนดูแล  ปกป้อง เอาใจใส่   (ปัญหาคือคนเป็นทารกยาวนาน)
·        ผู้เผยพระวจนะ   ให้นิมิตและทิศทางของผู้เชื่อในอนาคต จากพระเจ้า ให้มีความเชื่อเคลื่อนไปข้างหน้า  แต่เขาไม่รู้ว่าจะเคลื่อนไปอย่างไร
·        อาจารย์    เข้ามาในบทบาทนี้เพื่อสอนและฝึกอบรม   อธิบายความจริงให้เข้าใจ ให้รู้ว่าจะเคลื่อนไปอย่างไร
·        อัครทูต   เข้ามาจัดระเบียบและส่งคนออกไป    อัครทูตเห็นทั้งกระบวนการตั้งแต่เชื่อใหม่และพัฒนามาเรื่อย และส่งเขาออกไปในการรับใช้

·        เมื่อเขาสะดุดล้มลง  ศิษยาภิบาล ก็เข้าไปอุ้มเขาขึ้นมา หนุนใจว่าคุณจะทำได้ดีในครั้งต่อไป  เสริมกำลังเขา
·        ผู้เผยพระวจนะ  ก็เข้ามาบอกว่าคุณยังมีการทรงเรียก  สมาชิกคนนั้นก็เริ่มมีความเชื่อที่จะก้าวไป
·        ครูก็เข้ามา อธิบายว่าในอดีตผิดพลาดอย่างไร
·        และในที่สุดอัครทูตก็เข้ามา   ส่งเขาออกไปลองใหม่

·        โดยขบวนการเหล่านี้ คริสเตียนก็โตขึ้น

·        ทั้ง 5 ทำงานด้วยกัน ก็จะทำให้ถุงหนังใหม่ครบถ้วน

·        มีประสบการณ์ในความไพบูลย์ของพระเยซูคริสต์

·        ความบริบูรณ์ของพระเยซูคือเหล้าองุ่นที่เทเข้ามาในคริสตจักร


·        คริสตจักรในสหรัฐ  มีฆราวาส มาคริสตจักรทุกอาทิตย์  ไม่ได้ถูกฝึกสอนให้รับใช้
·        แล้วก็มีศิษยาภิบาลเป็นผู้รับใช้ในคริสตจักร   นั่นเป็น  คริสตจักรแบบศิษยาภิบาล  pastoral model church  นี่เป็นคริสตจักรที่เรารู้จักทั่วไป
·        คนเข้ามาจะถามว่าใครเป็นศิษยาภิบาล  แต่ไม่สามารถฟอร์มเป็นถุงหนังใหม่ได้  คริสตจักรในสหรัฐเป็นถุงหนังเก่า
·        สหรัฐเป็นถุงหนังการประกาศที่ใหญ่ที่สุดในโลก 190 ล้านคน  มีเพียง จีน อินเดีย และอินโดนีเซีย ที่มีจำนวนมากกว่า
·        ถุงหนังเก่าไม่ได้ผลอีกต่อไปในสหรัฐ

·        เขากำลังเข้าสู่ยุคอัครทูตยุคที่สอง   การปกครองโดยอัครทูตและของประทานทั้งห้า

·        เป็นเรื่องที่ยากมากที่จะเอาคำสอนใส่เข้าไปในโครงสร้างเดิม  

·        Pastoral church เป็นรูปแบบหนึ่ง  แตกต่างจาก Apostolic church
·        เอารูปแบบศิษยาภิบาล เข้าไปในรูปแบบอัครทูต  มันจะไม่เข้ากัน

·        คริสตจักรที่มีรูปแบบแบบศิษยาภิบาล  จะแก้ไขปัญหาสมาชิก   สมาชิกเป็นฆราวาสเท่านั้น
·        คริสตจักรที่มีรูปแบบแบบอัครทูต จะนำโดยนิมิต  ให้สมาชิกตระหนักถึงการทรงเรียกในชีวิตเขา  ถ้าเราไม่ได้ทำตามการทรงเรียก จะไม่มีวันอิ่มใจ    ทำให้สมาชิกรู้ว่าเขาคือผู้รับใช้พระเจ้า 

นั่นคือทั้งหมดที่ผมสรุปโดยย่อๆที่ท่านได้สอนครับ  ที่นี่ผมก็เอารูปแบบที่เราเป็นในคริสตจักรของเรามาเปรียบเทียบดู แล้วก็ได้ข้อสรุปว่า  เราเป็นคริสตจักรแบบอัครทูต  คริสตจักรของเราถูกสร้างในรูปแบบอัครทูตมานานแล้ว
1.        คริสตจักรที่ทุกคนมีส่วนร่วม  ทุกคนเป็นผู้รับใช้
2.        คริสตจักรที่มีนิมิต  นิมิตเป็นตัวขับเคลื่อนคริสตจักร
3.        คริสตจักรที่ทุกคนรับใช้ตามของประทาน
4.        คริสตจักรแห่งการประกาศและพันธกิจ
5.        คริสตจักรแห่งการสามัคคีธรรม แบบคริสตจักรสมัยแรก
6.        คริสตจักรแห่งการสร้างผู้นำ
7.        คริสตจักรแห่งการอธิษฐานและนมัสการ
8.        คริสตจักรแห่งพระวิญญาณ  เปิดโอกาสให้พระวิญญาณเคลื่อนไหวในคริสตจักรได้
9.        คริสตจักรแห่งการสอนพระวจนะ
9 ข้อนี้ มีอยู่ในคำสอนของคริสตจักรของเราอยู่แล้ว และเราก็เป็นดังนั้น เราจะต้องรักษาไว้ และทำให้บริบูรณ์ขึ้น ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคกี่สมัย  แต่สำหรับข้อที่ 10 เป็นต้นไป นั่นเป็นสิ่งใหม่ ที่กำลังเกิดขึ้นในคริสตจักรของเรา
10.     คริสตจักรที่เชื่อมต่อกับอิสราเอล  ไม่ตัดขาดแบบสมัยแรกที่คอนสแตนตินได้ทำให้คริสตจักรถูกตัดขาดออกจากอิสราเอล         ซึ่งสิ่งนี้ เชื่อว่าเรากำลังรื้อฟื้นอยู่  เราเห็นความสำคัญของแผ่นดินอิสราเอลที่พระเจ้าทรงเลือกสรรไว้  เราอธิษฐานเผื่อ เราเริ่มจับมือร่วมโครงการต่างๆกับอิสราเอล  ฯลฯ
11.     คริสตจักรที่รับใช้ด้วยของประทานทั้ง 5      ผู้ประกาศ ศิษยาภิบาล ผู้เผยพระวจนะ อาจารย์ อัครทูต   สิ่งนี้เรายังไม่ได้เป็น แต่เรามีแนวคิดแบบนี้และเรากำลังมุ่งไปสู่จุดนั้น
12.     คริสตจักรที่ร่วมรับใช้ด้วยกันในพระวรกาย  แม้ว่าจะมาจากต่างคริสตจักร   นั่นคือสิ่งที่เรากำลังทำอยู่   ทั้งในประเทศไทยไทยและในโลก
 
ขอบคุณพระเจ้าสำหรับคำสอนนี้  หวังใจว่าท่านที่ได้อ่านบล็อกนี้จะทราบแล้วว่า คริสตจักรของเราเป็นอย่างไร และเรากำลังก้าวไปสู่ทิศไหน   พบกันใหม่ครั้งหน้าครับ  ชาโลม!


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น