วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

แบ่งปันเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในโลกช่วงจะสิ้นยุคเก่า


เอาพระวจนะที่เคยแบ่งปันมาลงไว้ตรงนี้เพื่อเป็นที่รวบรวมข้อเขียน บทความนี้เอาไว้แบ่งปันในคริสตจักรครับ ซึ่งก็รวบรวมเอามาจากที่เขียนไว้ในบล็อกนี้แหละครับ

จากพระธรรมมัทธิว บทที่ 24
3   เมื่อพระเยซูประทับบนภูเขามะกอกเทศ  พวกสาวกมาเฝ้าส่วนตัวกราบทูลว่า  "ขอทรงโปรดให้ข้าพระองค์ทั้งหลายทราบว่า  เหตุการณ์เหล่านี้จะบังเกิดขึ้นเมื่อไร  สิ่งไรเป็นหมายสำคัญว่าพระองค์จะเสด็จมา  และยุคเก่าจะสิ้นสุดลง"

1.      วีดีทัศน์ 10 คำทำนายสะท้านโลก

1. ชนชาติอิสราเอลจะรวมตัวกันเป็นประเทศขึ้นใหม่  อสค. 37:15-23
2. จะมีผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นพระคริสต์ มธ. 24:5
3. จะเกิดสงครามและข่าวลือเรื่องสงคราม มธ. 24:6
4. จะเกิดแผ่นดินไหวในที่ต่างๆทั่วโลก มธ. 24:7
5. จะเกิดการกันดารอาหาร มธ. 24:7
6. จะมีผู้สอนคำสอนผิดเกิดขึ้นอย่างมากมาย มธ. 24:23-24
7. จะมีโรคระบาดและโรคร้ายที่รุนแรงเกิดขึ้นในโลก ลก. 21:11
8. ความรู้ของมนุษย์จะทวีมากขึ้น ดนล. 12:2-4
9. ความผิดบาปจะทวีความรุนแรงมากขึ้น มธ. 24:12 , 2 ทธ. 3:1-5
10. ข่าวประเสริฐเรื่องของพระเยซูคริสต์จะต้องกระจายไปทั่วโลกและวาระสุดท้ายของโลกก็จะมาถึง และพระเยซูคริสต์ก็จะเสด็จมา มธ. 24:14

คำทำนายทั้ง 9 ประการได้สำเร็จไปแล้ว มีเพียงประการที่ 10 เท่านั้นที่ยังไม่สำเร็จ

2.      แบ่งปันสรุปสิ่งที่จะเกิดขึ้น และที่จะเกิดในช่วงสุดท้ายรุนแรงขึ้น

1.      คนมาอ้างนามว่าตัวเขาเป็นพระคริสต์
2. ข่าวลือเรื่องสงคราม
3. การต่อสู้กันระหว่างประชาชาติและราชอาณาจักร
4. การกันดารอาหารและแผ่นดินไหว
5. การอายัดกันและกัน
6. ประชาชาติเกลียดชัง
7. คนเป็นอันมากจะถดถอย
8. ผู้เผยพระวจนะปลอม ล่อลวงคนให้หลง
9. ความรักของคนส่วนมากจะเยือกเย็นลง
10. ความอธรรมแผ่กว้างออกไป
11. ข่าวประเสริฐเรื่องแผ่นดินพระเจ้าจะได้ประกาศออกไปทั่วโลก
12. เกิดสิ่งอันน่าสะอิดสะเอียนตั้งอยู่ในสถานที่บริสุทธิ์
13. เกิดความทุกข์ลำบากยิ่งใหญ่
14. มีพระคริสต์เทียมเท็จ ผู้ทำนายเทียมเท็จหลายคนเกิดขึ้น ทำหมายสำคัญการอัศจรรย์ ล่อลวงแม้ผู้ที่พระเจ้าทรงเลือกสรรให้หลง
15. เป็นเหมือนสมัยของโนอาห์

 คำเผยพระวจนะ 15 อย่างนี้มาจากมัทธิวบทที่ 24

 อื่นๆอีก เช่น ชนชาติอิสราเอลจะรวมตัวกันเป็นประเทศใหม่ , จะมีโรคระบาดและโรคร้ายที่รุนแรงเกิดขึ้นในโลก , ความรู้ของมนุษย์จะทวีมากขึ้น

 มีที่เขียนเป็นความรู้เชิงวิทยาศาสตร์ เช่น เรื่องโลกร้อน , เรื่องพายุสุริยะระดมถล่มโลก , เรื่องน้ำทะเลสูงขึ้นท่วมที่ดินชายฝั่งหายไป แผ่นที่โลกเปลี่ยน ที่อยู่อาศัยเปลี่ยน เพียงแต่ว่าสิ่งนี้ไม่ใช่ความรู้เท่านั้นแต่เกิดขึ้นจริง

 นอกจากนั้นที่ผมเขียนไว้ในบล็อกไปแล้ว เช่น เรื่องปฏิปักษ์พระคริสต์มาทำการอัศจรรย์ต่างๆนานา , เรื่องสงครามโลกครั้งที่3 , เรื่องเลข666ที่จะบังคับให้อยู่ในร่างกายเรา ถ้าไม่มีก็ซื้อขายไม่ได้

v สุดท้ายก็คงเป็นเรื่องการทำลายโลกธาตุนี้ด้วยไฟ หรือที่คาดเดาว่าเป็นอุกกาบาตพุ่งชนโลก

ถ้าดูจากทั้งหมดนี้ มีอะไรบ้างที่เป็นไปได้ ลองเลือกมาเรียงให้ดู  ทั้งนี้ยังมีอีกหลายอย่างที่กล่าวถึงในพระคัมภีร์ที่ยังไม่ได้เขียนที่นี่นะครับ
1.      สงครามโลก  ถ้ามีเกิดขึ้นครั้งนี้คงเป็นสงครามเทคโนโลยี  สงครามชีวภาพ  แบบที่เราไม่เคยเจอมาก่อน
2.      การกันดารอาหารที่จะมีการทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ เพราะประชากรในโลกมากขึ้น แต่อาหารกลับน้อยลง เพราะเอามาทำเชื้อเพลิงส่วนหนึ่ง
3.      แผ่นดินไหวที่จะยิ่งทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นไปอีก จากสภาวะเปลือกโลกที่ไม่คงตัว อันเนื่องมาจากปัจจัยภายในโลก และปัจจัยจากนอกโลก
4.      มีโรคระบาดและโรคร้ายชนิดใหม่ๆรุนแรงมากขึ้นไปอีก
5.      ความเป็นอยู่ในโลกจะยิ่งทวีความยากลำบากมากขึ้นในการดำรงชีวิต ทั้งจากภัยธรรมชาติ  จากสิ่งที่มนุษย์กระทำให้เกิดขึ้นเอง  ผู้คนอยู่ในโลกแออัดมากขึ้น การดำรงชีพยากมากขึ้น
6.      คริสเตียนที่อยู่ในโลกจะลำบากมากขึ้นจากการถูกบังคับให้ประทับตรา 666
7.      ฯลฯ จากสิ่งที่เราเห็นในพระคัมภีร์ แต่ดูแล้วน่าจะเป็นเรื่องที่พระเจ้าทำในหนังสือวิวรณ์  เกี่ยวกับตรา แตร ขัน ในสองช่วง  ช่วงแรกและช่วงหลังซึ่งน่าจะเกี่ยวกับคนที่ไม่เชื่อที่เหลืออยู่ในโลกมากกว่า  วิวรณ์ 6:16-17  วิวรณ์ 7:3 บอกเราว่าอย่าทำอันตรายแก่ต้นไม้ ฯลฯ จนกว่าจะได้ประทับตราไว้ที่หน้าผากผู้รับใช้เสียก่อน

3.      ภาวะโลกร้อน น้ำในโลกเพิ่มขึ้น

ภาพรวม  ต้นไม้ในโลกหายไป การใช้พลังงานในโลกเพิ่มขึ้น  กลายมาเป็นก๊าซคาร์บอนไดออกไซค์  ก่อให้เกิดสภาวะเรือนกระจก  อุณหภูมิสูงขึ้น น้ำแข็งขั้วโลกละลายยิ่งไปเร่งให้แก๊สมีเธนออกมา  โลกต้องปรับตัวให้สมดุลย์ และเกิดแผ่นดินไหวถี่มากขึ้น

แก๊สมีเธน   แก๊สที่เกิดจากการหมักหมม สะสมของสัตว์ ต้นไม้ ฯลฯ  ทางขั้วโลกเหนือสมัยก่อนแกนโลกเปลี่ยนฉับพลัน  สัตว์จึงตายฉับพลัน ฝังไว้ใต้ดินเกิดเป็นแก๊สมีเธน  และมีน้ำแข็งขั้วโลกคลุมไว้อีกที  พอน้ำแข็งขั้วโลกละลาย แก๊สมีเธนซึ่งมีถึง 400 กิ๊กกะตัน  1 กิ๊กกะตัน = 1,000 ล้านตัน  400 กิ๊กกะตัน = 4 แสนล้านตัน จึงออกมา   แก๊สมีเธนก่อให้เกิดสภาวะเรือนกระจกและรุนแรงมากกว่าคาร์บอนไดอ็อกไซค์ 20 เท่า

โลกร้อนขึ้น น้ำแข็งขั้วโลกละลาย อีก 2 ปีจะมีการเดินเรือทะเลจากยุโรปมาเอเชีย มาญี่ปุ่น จีน แทนที่จะอ้อมไปทางใต้ ก็วิ่งผ่านด้านขั้วโลกได้เลย

ตัวอย่างน้ำที่มีมากขึ้นจากอุณหภูมิที่สูงขึ้น
แอนดิส อเมริกาใต้  ธารน้ำแข็งหนา 1 กม. เมื่อ 40 ปีที่แล้วละลายหมด
อลาสก้า  ธารน้ำแข็งหนา 800 เมตรละลาย
ออสเตรีย  ธารน้ำแข็งกลายเป็นทะเลสาบ
น้ำแข็งบนเทือกเขาหิมาลัย ละลาย ต่อไปน้ำในแม่น้ำโขงจะแห้ง  อนาคตน้ำจืดจะไม่พอใช้
ขั้วโลกใต้ น้ำแข็งหลุดออกมา 1 ใน 10 ของที่มีอยู่จริง  

ดังนั้นน้ำในโลกจึงเพิ่มสูงขึ้นในอัตราเร่ง

แผนที่แสดงน้ำท่วม
อเมริกา  น้ำท่วมขนาดนี้ประมาณ 15 เมตร
แต่ว่า 120 ปี ขึ้น 20 ซม. 15 เมตรจะใช้เวลานานขนาดไหน  แต่ก่อนคิดกันว่าขึ้น 6-7 เมตรภายในปลายศตวรรษนี้
แต่เดี๋ยวนี้ สำหรับประเทศไทย คิดว่าสูงขึ้น 7 เมตรพอ  ภายใน 30 ปี น้ำจะขึ้นสูงท่วมทั่วภาคกลาง  จากแผนที่องค์การนาซ่า

ตัวอย่างน้ำขึ้นสูง เกาะวานูอาตู ใกล้นิวซีแลนด์ขอย้ายเพราะน้ำท่วมใต้ถุนบ้านแล้ว
บังคลาเทศ ซึ่งเป็นที่ต่ำ  ประชากร 400 ล้านคนต้องอพยพ

จะรับมืออย่างไร
ประเทศเนเธอร์แลนด์ จะสร้างบ้านบนแพ  เพราะว่าสูบน้ำออกจากเขื่อนที่กั้นน้ำทะเลไว้ไม่ค่อยไหวแล้ว
ประเทศญี่ปุ่น  จะสร้างใต้ทะเล
ประเทศไทย เคยคิดจะสร้างเขื่อนแต่ต้องใช้งบประมาณมหาศาลจนทำให้ไม่มีเงินเหลือไปพัฒนาอย่างอื่นได้  และยากเกินไปด้วยในการสร้าง  น่าจะย้ายเมืองมากกว่ามาเป็นที่อีสานใต้  เพราะบริเวณนั้นไม่มีรอยเลื่อน

แผนที่โลกจะเปลี่ยน
เพราะว่าโลกจะปรับตัวให้สมดุลย์  น้ำที่ละลายนั้นจะไปเพิ่มที่มหาสมุทรแปซิฟิก  โลกจะขาดความสมดุลย์จึงต้องปรับตัวโดยเปลี่ยนแกนโลกไปอยู่ที่อื่น เหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีต  ประเทศไทยอาจจะกลายเป็นประเทศที่มีหิมะก็ได้ขึ้นอยู่กับแกนโลกเปลี่ยนไปเป็นอย่างไร
ปัจจุบันเปลือกโลกเริ่มเคลื่อนไหว  แปซิฟิกเคลื่อนไหวดันเข้าไปตามลูกศร  เปลือกโลกส่วนที่อยู่ทางแคลิฟอร์เนียจะแยก จะเกิดช่องว่างขึ้น

อดีตสิ่งนี้เคยเกิดมาแล้ว และปัจจุบันมนุษย์ไปเร่งทำให้เกิดเร็วขึ้น
นาซ่าคิดจะไปสร้างเมืองนอกโลก อยู่ในอวกาศ ใน 20 ปี สิ่งนี้จะเริ่มเกิด  มนุษย์ต้องเปลี่ยนไปใช้พลังงานแสงอาทิตย์

การที่โลกจะปรับตัวให้กลับมาเป็นเหมือนสมัยก่อน  มนุษย์บนโลกต้องน้อยลง ต้องเลิกใช้น้ำมัน  ต้องเลิกตัดต้นไม้  ปล่อยให้ต้นไม้เติบโตเพิ่มพูนขึ้น อาศัยเวลาสัก 1000 ปีจึงจะกลับมาอยู่ในสภาพเดิมได้   ทุกสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้นั้นมาจากสาเหตุที่โลกร้อน

เพิ่มเติมข้อมูล 


Dan 9:26 หลังจากหกสิบสองสัปดาห์แล้ว พระเมสสิยาห์ก็จะถูกตัดออก แต่มิใช่เพื่อตัวท่านเอง และประชาชนของประมุขผู้หนึ่งที่จะมานั้นจะทำลายกรุงและสถานบริสุทธิ์เสีย ที่สุดปลายของมันจะมาถึงด้วยน้ำท่วม และจนสงครามสิ้นสุดลงก็มีการรกร้างกำหนดไว้

4.      ภาวะความไม่มีเสถียรภาพของเปลือกโลก   บอกเหตุสิ้นยุค

สิ่งนี้องค์การนาซ่ายังไม่ได้เปิดเผยข้อมูล แต่ดร.ก้องภพ อยู่เย็น ซึ่งทำงานที่นั่น ได้นำข่าวมาบอกเรื่องการค้นพบระบบสุริยะเหมือนระบบของเราอีก 20 ระบบ  มีดวงอาทิตย์เหมือนบ้านเราอีก 20 ดวง ซึ่งการเกิดจุดดับสำหรับดวงอาทิตย์ของเราทำให้เกิดลมสุริยะมากระทบโลก ส่งผลให้ระบบการสื่อสารภายในโลกเสียหาย และยังส่งผลให้เปลือกผิวโลกมีการขยับเขยือน  ยิ่งมีดวงอาทิตย์ของระบบสุริยะอื่นๆอีก ถ้าเกิดในช่วงเวลาใกล้กันจะยิ่งมีผลกระทบกับโลก
ยกตัวอย่างแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นปีนี้เป็นบางเหตุการณ์ เช่น เฮติ ชิลี ฟิลิปปินส์ เม็กซิโก อินโดนีเซีย จีน เป็นต้น
ต้องดูอัตราการเกิดแผ่นดินไหวหลังจากนี้ว่ามีอัตราการเกิดถี่ต่อเนื่องกันหรือเปล่า รุนแรงมากขึ้นหรือเปล่า แสดงว่าทฤษฏีนี้เป็นความจริง

คาดการณ์แผ่นดินไหว
9 ก.ย. 1.00 น. 7.5-8.5
21 ก.ย. 17.00 น.  7.0-7.5
7 ต.ค.  11.00 น. 8.0-9.0
http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9530000125111 แผ่นดินไหวที่ไครสเชิรช์ นิวซีแลนด์ 7.0 วันที่ 4 ก.ย.




5.      แผนภูมิช่วงเวลาต่างๆ พร้อมแสดงสิ่งที่จะเกิดขึ้น



       คำพยากรณ์ต่างๆเกิดขึ้น   ช่วง 7 ปีกลียุค           ช่วงพันปี                  ท้องฟ้าใหม่      
                                                                                                 และแผ่นดินโลกใหม่

ทำไมถึงคิดว่าช่วงกลียุคหรือช่วงทุกข์ลำบากใหญ่ยิ่งคือ 7 ปี  เพราะสัปตะสุดท้ายยังไม่เริ่ม สัปตะ = 7  วันแทนปี  7 วัน = 7 ปี
สัปตะสุดท้ายจะเริ่มขึ้นเมื่อพระวิหารถูกสร้างเสร็จ

มัทธิว 24:21-22
21   ด้วยว่าในคราวนั้นจะเกิดความทุกข์ลำบากใหญ่ยิ่ง  อย่างที่ไม่เคยมีตั้งแต่เริ่มโลกมาจนถึงทุกวันนี้  และในเบื้องหน้าจะไม่มีต่อไปอีก
22   ถ้ามิได้ทรงให้วันเหล่านั้นย่นสั้นเข้า  จะไม่มีมนุษย์รอดได้เลย  แต่เพราะทรงเห็นแก่ผู้เลือกสรร  จึงทรงให้วันเหล่านั้นย่นสั้นเข้า

v  7 ปีนั้นจะเป็น 7 ปีแห่งความทุกข์ลำบากใหญ่ยิ่ง  อ่านได้จากหนังสือวิวรณ์  สำหรับคริสเตียนที่รักษาชีวิตไว้อย่างดีเผชิญกลียุคเป็นเวลา สามปีครึ่ง (ให้วันเหล่านั้นย่นสั้นเข้า)

v  พยาน 2 คน เป็นพยานสามปีครึ่ง  (อาจเป็นโมเสสกับเอลียาห์ หรือ อิสราเอลกับคริสตจักร)

วิวรณ์ 11:1-13
1   ท่านผู้หนึ่งจึงเอาไม้อ้อท่อนหนึ่งให้ข้าพเจ้ารูปร่างเหมือนไม้วัด  แล้วสั่งข้าพเจ้าว่า  "จงลุกขึ้นไปวัดพระวิหารของพระเจ้า  และแท่นบูชาและคำนวณคนทั้งหลายซึ่งนมัสการในนั้น
2   แต่ไม่ต้องวัดลานชั้นนอกพระวิหารนั้น  เพราะว่าที่นั่นได้มอบให้แก่คนต่างชาติแล้ว  และเขาจะเหยียบย่ำวิสุทธนคร  ตลอดสี่สิบสองเดือน
3   และเราจะให้ฤทธิ์อำนาจแก่พยานทั้งสองของเรา  เพื่อให้เผยพระวจนะตลอดพันสองร้อยหกสิบวัน  และให้เขาแต่งตัวด้วยผ้ากระสอบ
4   พยานทั้งสองนั้นคือต้นมะกอกเทศสองต้น  และคันประทีปสองคันที่ตั้งอยู่เบื้องหน้าพระเจ้าผู้ทรงเป็นเจ้าแห่งแผ่นดินโลก
5   ถ้าผู้ใดทำร้ายพยานทั้งสองนั้น  ไฟก็จะพลุ่งออกจากปากเผาผลาญศัตรูผู้นั้น  ถ้าผู้ใดทำร้ายพยานทั้งสอง  ผู้นั้นก็จะต้องตาย
6   พยานทั้งสองมีฤทธิ์ปิดท้องฟ้าได้  เพื่อไม่ให้ฝนตกในระหว่างวันเหล่านั้นที่เขากำลังเผยพระวจนะ  และมีฤทธิ์ทำให้น้ำกลายเป็นเลือดได้  และมีฤทธิ์บันดาลให้ภัยพิบัติต่างๆกระหน่ำโลกกี่ครั้งก็ได้ตามความปรารถนา
7   และเมื่อเสร็จสิ้นการเป็นพยานแล้ว  สัตว์ร้ายที่ขึ้นมาจากบาดาลก็จะสู้รบกับเขา  จะชนะเขาและจะฆ่าเขาเสีย
8   และศพของเขาจะอยู่ที่ถนนในมหานครนั้น  ซึ่งตามอุปมาเรียกว่าเมืองโสโดม  และเมืองอียิปต์  อันเป็นเมืองซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าของเขาถูกตรึง
9   คนหลายชาติ  หลายเผ่า  หลายภาษา  หลายประชาชาติ  จะเพ่งดูศพเขาตลอดสามวันครึ่ง  และจะไม่ยอมให้เอาศพนั้นใส่อุโมงค์เลย
10   คนทั้งหลายซึ่งอยู่ในแผ่นดินโลกจะยินดีเพราะเขาและจะสนุกสนานรื่นเริง  จะให้ของขวัญแก่กัน  เพราะว่าผู้เผยพระวจนะทั้งสองนี้ได้ทรมานคนเหล่านั้นที่อยู่ในโลก"
11   เมื่อเวลาผ่านไปสามวันครึ่งแล้ว  ลมปราณจากพระเจ้าก็เข้าสู่ศพของเขาอีก  และเขาก็ลุกขึ้นยืน  คนทั้งหลายที่ได้เห็นเขาก็มีความหวาดกลัวเป็นอันมาก
12   คนทั้งหลายได้ยินพระสุรเสียงดังมาจากสวรรค์  ตรัสแก่เขาว่า  "จงขึ้นมาที่นี่เถิดและพวกศัตรูก็เห็นเขาขึ้นไปในหมู่เมฆสู่สวรรค์
13   และในเวลานั้นก็เกิดแผ่นดินไหวใหญ่  และเมืองนั้นก็ถล่มลงเสียหนึ่งในสิบส่วน  มีคนตายเพราะแผ่นดินไหวเจ็ดพันคน  และคนที่เหลืออยู่นั้นมีความหวาดกลัวยิ่ง  และได้ถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าแห่งสวรรค์

ผู้ที่คอยหน่วงเหนี่ยว

2 เธสะโลนิกา 2:1-12
2Thess 2:1 บัดนี้ พี่น้องทั้งหลาย เรื่องการซึ่งพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราจะเสด็จมา และที่พระองค์จะทรงรวบรวมเราทั้งหลายไปเป็นของพระองค์นั้น เราขอวิงวอนท่านว่า
2Thess 2:2 อย่าให้ใจของท่านหวั่นไหวง่าย หรือเป็นทุกข์ร้อนไป ไม่ว่าจะเป็นโดยทางวิญญาณ หรือโดยทางคำพูด หรือโดยทางจดหมายเป็นเชิงว่ามาจากเรา อ้างว่าวันของพระคริสต์มาถึงแล้ว
2Thess 2:3 อย่าให้ผู้หนึ่งผู้ใดล่อลวงท่านโดยทางหนึ่งทางใดเลย เพราะว่าวันนั้นจะไม่มาถึง เว้นแต่จะมีการล้มลงเสียก่อน และคนแห่งการบาปนั้นจะประจักษ์แจ้ง คือลูกแห่งความพินาศ
2Thess 2:4 ผู้กีดกั้นขัดขวางและยกตัวขึ้นต่อสู้อะไรๆที่ได้ชื่อว่าเป็นพระเจ้า หรืออะไรๆที่เขาไหว้นมัสการนั้น แล้วมันก็นั่งในพระวิหารของพระเจ้าเหมือนอย่างพระเจ้า ประกาศตัวว่าเป็นพระเจ้า
2Thess 2:5 ท่านทั้งหลายจำไม่ได้หรือว่าเมื่อข้าพเจ้ายังอยู่กับท่าน ข้าพเจ้าได้บอกเรื่องนี้ให้ท่านทราบแล้ว
2Thess 2:6 และท่านก็รู้จักผู้นั้นที่กำลังหน่วงเหนี่ยวมันไว้ในขณะนี้ เพื่อมันจะปรากฏออกมาได้ต่อเมื่อถึงเวลาของมัน
2Thess 2:7 เพราะว่าอำนาจลึกลับนอกกฎหมายนั้นก็เริ่มทำงานอยู่แล้ว เพียงแต่ผู้ที่คอยหน่วงเหนี่ยวเดี๋ยวนี้นั้นจะยังหน่วงเหนี่ยวอยู่ จนกว่าผู้ที่คอยหน่วงเหนี่ยวนั้นจะถูกพาออกไปเสีย
2Thess 2:8 ขณะนั้นคนนอกกฎหมายนั้นจะปรากฏตัวขึ้น และองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงประหารมันด้วยลมพระโอษฐ์ของพระองค์ และจะทรงผลาญให้สูญไปด้วยการปรากฏแห่งการเสด็จมาของพระองค์
2Thess 2:9 คือผู้นั้นที่มาโดยการดลบันดาลของซาตาน พร้อมกับบรรดาการอิทธิฤทธิ์และหมายสำคัญ และการมหัศจรรย์แห่งความเท็จ
2Thess 2:10 และอุบายอธรรมทั้งหลายสำหรับคนเหล่านั้นที่พินาศอยู่ เพราะเขาทั้งหลายไม่ได้รับความรักแห่งความจริงไว้เพื่อจะรอดได้
2Thess 2:11 เพราะเหตุนี้พระเจ้าจึงทรงให้ความลุ่มหลงมาครอบงำเขา ให้เขาเชื่อสิ่งที่เท็จ
2Thess 2:12 เพื่อคนทั้งหลายที่ไม่เชื่อความจริง แต่ยินดีในการไม่ชอบธรรม จะได้ถูกลงพระอาชญาทุกคน

6.      เหตุการณ์ก่อนพระเยซูจะมา(ภาพจำลองอุกกาบาตชนโลก)

มัทธิว 24:29-31
29   "แต่พอสิ้นความทุกข์ลำบากแห่งวันเหล่านั้นแล้ว  ดวงอาทิตย์จะมืดไป  และดวงจันทร์จะไม่ส่องแสง  ดวงดาวทั้งปวงจะตกจากฟ้า  และบรรดาสิ่งที่มีอำนาจในท้องฟ้าจะสะเทือนสะท้าน
30   เมื่อนั้นนิมิตแห่งบุตรมนุษย์  จะปรากฏขึ้นในท้องฟ้า  มนุษย์ทุกชาติทั่วโลกจะตีอกร้องไห้  บุตรมนุษย์เสด็จมาบนเมฆในท้องฟ้า  ทรงฤทธานุภาพและพระสิริเป็นอันมาก
31   พระองค์ทรงใช้เหล่าทูตสวรรค์ของพระองค์  มาด้วยเสียงแตรอันดังยิ่งนัก  ให้รวบรวมคนทั้งปวงที่พระองค์ทรงเลือกสรรไว้แล้ว  ทั้งสี่ทิศนั้น  ตั้งแต่ที่สุดฟ้าข้างนี้จนถึงที่สุดฟ้าข้างโน้น

7.      การมารับขึ้น

1 เธสะโลนิกา 4:13-18
1Thess 4:13 แต่พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าไม่อยากให้ท่านไม่ทราบถึงเรื่องคนเหล่านั้นที่ล่วงหลับไปแล้ว เพื่อท่านจะไม่เป็นทุกข์โศกเศร้าอย่างคนอื่นๆที่ไม่มีความหวัง
1Thess 4:14 เพราะถ้าเราเชื่อว่าพระเยซูทรงสิ้นพระชนม์ และทรงคืนพระชนม์แล้ว เช่นเดียวกันบรรดาคนที่ล่วงหลับไปในพระเยซูนั้น พระเจ้าจะทรงนำคนเหล่านั้นมากับพระองค์ด้วย
1Thess 4:15 ในข้อนี้เราขอบอกให้ท่านทราบตามพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้าว่า เราผู้ยังเป็นอยู่และเหลืออยู่จนถึงองค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จมา จะล่วงหน้าไปก่อนคนเหล่านั้นที่ล่วงหลับไปแล้วก็หามิได้
1Thess 4:16 ด้วยว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าเองจะเสด็จมาจากสวรรค์ ด้วยเสียงกู่ก้อง ด้วยสำเนียงของเทพบดี และด้วยเสียงแตรของพระเจ้า และคนทั้งปวงที่ตายแล้วในพระคริสต์จะเป็นขึ้นมาก่อน
1Thess 4:17 หลังจากนั้นเราทั้งหลายซึ่งยังเป็นอยู่และเหลืออยู่ จะถูกรับขึ้นไปในเมฆพร้อมกับคนเหล่านั้น เพื่อจะได้พบองค์พระผู้เป็นเจ้าในฟ้าอากาศ อย่างนั้นแหละเราก็จะอยู่กับองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นนิตย์
1Thess 4:18 เหตุฉะนั้นจงปลอบใจกันและกันด้วยถ้อยคำเหล่านี้เถิด

8.      เหตุการณ์ช่วงต่างๆหลังจากเราถูกรับขึ้นไปแล้ว

v  หลังจากนั้นอีกสามปีครึ่ง
Zech 14:4 ในวันนั้นพระบาทของพระองค์จะยืนอยู่ที่ภูเขามะกอกเทศ ซึ่งอยู่หน้าเมืองเยรูซาเล็มด้านตะวันออก และภูเขามะกอกเทศนั้นจะแยกออกตรงกลางจากทิศตะวันออกไปทิศตะวันตก โดยมีหุบเขากว้างมากคั่นอยู่ ภูเขาครึ่งหนึ่งจึงจะถอยไปทางเหนือ และอีกครึ่งหนึ่งจะถอยไปทางใต้

v  หลังจากนั้นพระเยซูมาที่ภูเขามะกอกเทศเพื่อทำสงคราม   ก่อนโยนพวกผีมารซาตานเข้าไปในที่คุมขัง ขังไว้พันปี  พญามารอยู่ในเหวที่ไม่มีก้นเหว  ส่วนสัตว์ร้ายและผู้พยากรณ์เท็จอยู่ในบึงไฟที่ไหม้ด้วยกำมะถัน

วิวรณ์ 19:19-20
Rev 19:19 และข้าพเจ้าเห็นสัตว์ร้ายนั้น และบรรดากษัตริย์บนแผ่นดินโลก พร้อมทั้งพลรบของกษัตริย์เหล่านั้น มาประชุมกันจะทำสงครามกับพระองค์ผู้ทรงม้า และกับพลโยธาของพระองค์
Rev 19:20 สัตว์ร้ายนั้นถูกจับพร้อมด้วยผู้พยากรณ์เท็จ ที่ได้กระทำการอัศจรรย์ต่อหน้าสัตว์ร้ายนั้น และใช้การอัศจรรย์นั้นล่อลวงคนทั้งหลายที่ได้รับเครื่องหมายของสัตว์ร้ายนั้น และบูชารูปของมัน สัตว์ร้ายและผู้พยากรณ์เท็จถูกทิ้งทั้งเป็นลงในบึงไฟที่ไหม้ด้วยกำมะถัน

วิวรณ์ 20:1-3
Rev 20:1 แล้วข้าพเจ้าเห็นทูตสวรรค์องค์หนึ่งลงมาจากสวรรค์ ท่านถือลูกกุญแจของเหวที่ไม่มีก้นเหวนั้นและถือโซ่ใหญ่
Rev 20:2 และท่านได้จับพญานาค ซึ่งเป็นงูดึกดำบรรพ์ ผู้ซึ่งเป็นพญามารและซาตาน และล่ามมันไว้พันปี
Rev 20:3 แล้วทิ้งมันลงไปในเหวที่ไม่มีก้นเหวนั้น แล้วได้ลั่นกุญแจประทับตรา เพื่อไม่ให้มันล่อลวงบรรดาประชาชาติได้อีกต่อไป จนครบกำหนดพันปีแล้วหลังจากนั้นจะต้องปล่อยมันออกไปชั่วขณะหนึ่ง

v  เหตุการณ์หลังพันปี มีการทำศึกสงครามกันอีกครั้ง ครั้งสุดท้าย และพญามารใช้วิธีการเดิมคือการล่อลวง คนที่อยู่ในโลก

วิวรณ์ 20:7-10
Rev 20:7 ครั้นพันปีล่วงไปแล้ว ก็จะปล่อยซาตานออกจากคุกที่ขังมันไว้
Rev 20:8 และมันจะออกไปล่อลวงบรรดาประชาชาติทั้งสี่ทิศของแผ่นดินโลก คือโกกและมาโกก ให้คนมาชุมนุมกันทำศึกสงคราม จำนวนคนเหล่านั้นมากมายดุจเม็ดทรายที่ทะเล
Rev 20:9 และคนเหล่านั้นยกขบวนออกไปทั่วแผ่นดินโลก และล้อมกองทัพของพวกวิสุทธิชน และเมืองอันเป็นที่รักนั้นไว้ แต่ไฟได้ตกลงมาจากพระเจ้าออกจากสวรรค์ เผาผลาญคนเหล่านั้น
Rev 20:10 ส่วนพญามารที่ล่อลวงเขาเหล่านั้นก็ถูกโยนลงไปในบึงไฟและกำมะถัน ที่สัตว์ร้ายและผู้พยากรณ์เท็จอยู่นั้น และมันต้องทนทุกข์ทรมานทั้งกลางวันและกลางคืนตลอดไปเป็นนิตย์

9.      คริสเตียนควรปฏิบัติตนอย่างไร ควรเตรียมพร้อมอย่างไร

มัทธิว 24:42-51

42   เหตุฉะนั้นท่านทั้งหลายจงเฝ้าระวังอยู่  เพราะท่านไม่รู้ว่า  องค์พระผู้เป็นเจ้าของท่านจะเสด็จมาเวลาไหน
43   จงจำไว้ว่า  ถ้าเจ้าของบ้านล่วงรู้ได้ว่าขโมยจะมายามไหน  เขาจะตื่นอยู่และระวัง  ไม่ให้ทะลวงเรือนของเขาได้
44   เหตุฉะนั้น  ท่านทั้งหลายจงเตรียมพร้อมไว้  เพราะในโมงที่ท่านไม่คิดไม่ฝันนั้น  บุตรมนุษย์จะเสด็จมา
45   "ใครเป็นทาสสัตย์ซื่อและฉลาด  ที่นายได้ตั้งไว้เหนือพวกบ่าวทาสสำหรับแจกอาหารตามเวลา
46   เมื่อนายมาพบเขากระทำอยู่อย่างนั้น  ทาสผู้นั้นก็จะเป็นสุข
47   เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า  นายจะตั้งเขาไว้ให้ดูแลบรรดาข้าวของของท่าน
48   แต่ถ้าทาสนั้นชั่วและคิดในใจว่า  "นายของข้ามาช้า"
49   แล้วจะตั้งต้นโบยตีเพื่อนทาสและกินดื่มอยู่กับเพื่อนขี้เมา
50   นายของทาสผู้นั้น  จะมาในวันที่เขาไม่คิดในโมงที่เขาไม่รู้
51   และจะทำโทษเขาถึงสาหัส  ทั้งจะขับไล่ให้เขาไปอยู่ในที่ของพวกคนหน้าซื่อใจคด  ซึ่งที่นั่นจะมีแต่การร้องไห้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน




มัทธิว 25:1-30

1   "เมื่อถึงวันนั้น  แผ่นดินสวรรค์จะเปรียบเหมือน  หญิงพรหมจารีสิบคนถือตะเกียงของตน  ออกไปรับเจ้าบ่าว
2   เป็นคนโง่ห้าคน  เป็นหญิงมีปัญญาห้าคน
3   ฝ่ายคนโง่นั้นเอาตะเกียงของตนไป  แต่หาได้เอาน้ำมันไปด้วยไม่
4   คนที่มีปัญญานั้นได้เอาน้ำมันใส่กาไปกับตะเกียงของตนด้วย
5   เมื่อเจ้าบ่าวยังช้าอยู่  ก็พากันง่วงเหงาและหลับไป
6   ครั้นเวลาเที่ยงคืนก็มีเสียงร้องมาว่า  "เจ้าบ่าวมาแล้ว  จงออกมารับท่านเถิด"
7   พวกหญิงพรหมจารีเหล่านั้นก็ลุกขึ้นตกแต่งตะเกียงของตน
8   พวกที่โง่นั้นก็พูดกับพวกที่มีปัญญาว่า  "ขอแบ่งน้ำมันของท่านให้เราบ้าง  ตะเกียงของเราจวนจะดับอยู่แล้ว"
9   พวกที่มีปัญญาจึงตอบว่า  "น่ากลัวน้ำมันจะไม่พอสำหรับเราและเจ้า  จงไปหาคนขาย  ซื้อสำหรับตัวเองจะดีกว่า"
10   เมื่อกำลังไปซื้อนั้นเจ้าบ่าวก็มาถึง  ผู้ที่พร้อมอยู่แล้ว  ก็ได้ไปกับท่านในการเลี้ยงเนื่องในงานสมรสแล้วประตูก็ปิด
11   ภายหลังหญิงพรหมจารีอีกห้าคน  ก็มาร้องว่า  "ท่านเจ้าข้าๆขอเปิดให้ข้าพเจ้าเข้าไปด้วย"
12   ฝ่ายท่านตอบว่า  "เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า  เราไม่รู้จักท่าน"
13   เหตุฉะนั้นจงเฝ้าระวังอยู่  เพราะท่านทั้งหลายไม่รู้กำหนดวันหรือโมงนั้น
14   "และยังเปรียบเหมือน  ชายผู้หนึ่งจะออกเดินทางไป  จึงเรียกพวกทาสของตนมาฝากทรัพย์สมบัติไว้
15   คนหนึ่งท่านให้ห้าตะลันต์  {เงินหนึ่งตะลันต์  มีค่าประมาณสองหมื่นบาทคนหนึ่งสองตะลันต์  และอีกคนหนึ่งตะลันต์เดียว  ตามความสามารถของแต่ละคนแล้วท่านก็ไป
16   คนที่ได้รับห้าตะลันต์นั้นก็เอาเงินนั้นไปค้าขายทันที  ได้กำไรเท่าตัว
17   คนที่ได้รับสองตะลันต์นั้นก็ได้กำไรเท่าตัวเหมือนกัน
18   แต่คนที่ได้รับตะลันต์เดียวได้ขุดหลุมซ่อนเงินของนายไว้
19   ครั้นอยู่มาช้านานนายจึงมาคิดบัญชีกับทาสเหล่านั้น
20   คนที่ได้รับห้าตะลันต์ก็เอาเงินกำไรอีกห้าตะลันต์มาชี้แจงว่า  "นายเจ้าข้า  ท่านได้มอบเงินห้าตะลันต์ไว้กับข้าพเจ้า  ดูเถิด  ข้าพเจ้าได้กำไรมาอีกห้าตะลันต์"
21   นายจึงตอบว่า  "ดีแล้ว  เจ้าเป็นทาสดีและสัตย์ซื่อ  เจ้าสัตย์ซื่อในของเล็กน้อย  เราจะตั้งเจ้าให้ดูแลของมาก  เจ้าจงปรีดีร่วมสุขกับนายของเจ้าเถิด"
22   คนที่ได้รับสองตะลันต์มาชี้แจงด้วยว่า  "นายเจ้าข้า  ท่านได้มอบเงินสองตะลันต์ไว้กับข้าพเจ้า  ดูเถิด  ข้าพเจ้าได้กำไรมาอีกสองตะลันต์"
23   นายจึงตอบว่า  "ดีแล้ว  เจ้าเป็นทาสดีและสัตย์ซื่อ  เจ้าสัตย์ซื่อในของเล็กน้อย  เราจะตั้งเจ้าให้ดูแลของมาก  เจ้าจงปรีดีร่วมสุขกับนายของเจ้าเถิด"
24   ฝ่ายคนที่ได้รับตะลันต์เดียวมาชี้แจงด้วยว่า  "นายเจ้าข้า  ข้าพเจ้ารู้อยู่ว่าท่านเป็นคนใจแข็ง  เกี่ยวผลที่ท่านมิได้หว่าน  เก็บส่ำสมที่ท่านมิได้โปรย
25   ข้าพเจ้ากลัวจึงเอาเงินตะลันต์ของท่านไปซ่อนไว้ใต้ดิน  ดูเถิด  นี่แหละเงินของท่าน"
26   นายจึงตอบว่า  "อ้ายข้าชั่วช้าและเกียจคร้าน  เจ้าก็รู้หรือว่าเราเกี่ยวที่เรามิได้หว่าน  เก็บส่ำสมที่เรามิได้โปรย
27   เหตุฉะนั้นเจ้าควรเอาเงินของเราไปฝากไว้ที่ธนาคาร  เมื่อเรามาจะได้รับเงินของเราทั้งดอกเบี้ยด้วย
28   เพราะฉะนั้น  จงเอาเงินตะลันต์เดียวนั้นจากเขาไปให้คนที่มีสิบตะลันต์
29   ด้วยว่าผู้ใดมีอยู่แล้วจะเพิ่มเติมให้ผู้นั้นจนมีเหลือเฟือ  แต่ผู้ที่ไม่มี  แม้ว่าซึ่งเขามีอยู่ก็จะต้องเอาไปจากเขา
30   เอาอ้ายข้าชาติชั่วช้าไปทิ้งเสียที่มืดภายนอก  ซึ่งที่นั่นจะมีการร้องไห้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น