วันเสาร์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2553

A) Word of God : การอยู่ร่วมกันเป็นชุมชน

          วันนี้มีความคิดที่จะแบ่งปันลักษณะแบบอย่างที่พระเจ้่าได้ให้ไว้กับเราสำหรับชุมชนคริสเตียน  เพราะว่าเมื่อคนมาอยู่รวมกัน โดยปกติในสังคมทั่วไปมักสร้างปัญหาขึ้น ยิ่งมีคนมากเท่าไรก็ยิ่งมีปัญหามากขึ้นเป็นเงาตามตัว เหมือนสังคมไทยเราในปัจจุบันนี้  สำหรับชุมชนคริสเตียนพระเจ้าให้แบบอย่างไว้อย่างไรบ้าง  เพื่อเราจะสามารถอยู่ร่วมกันได้โดยไม่มีปัญหาและสามารถเป็นพรต่อคนทั้งหลายทั่วไปด้วย เราจะมาลองสำรวจพระคัมภีร์ดูนะครับ

         ผมเชื่อว่ารูปแบบหนึ่งที่พระเจ้่าวางไว้ให้คือเรื่องอวัยวะในพระกาย (อาจมีรูปแบบอื่นๆอีกเช่น รูปแบบกองทัพ รูปแบบครอบครัว ฯลฯ) ดังที่ปรากฏใน  โรม 12   1โครินธ์ 12  เอเฟซัส 4

         ในโรม บทที่ 12 ตั้งแต่ข้อ 1-2 พระเจ้าได้บอกว่า ให้เราถวายตัวเราเสียก่อน เพื่อจะได้ไม่มีตัวตนของเราในการตัดสินใจสิ่งอื่นใด สิ่งใดที่เราตัดสินใจทำ เราล้วนถวายตัวให้พระเจ้าแล้ว การตัดสินใจ การกระทำของเราล้วนปรารถนาอยู่ในน้ำพระทัยพระเจ้าทั้งสิ้น  ในข้อ 3 ความคิดของเราก็เช่นกัน ต้องไม่คิดถือตัว ต้องไม่คิดว่าเราแน่ เราเก่ง เราดียอดเยี่ยม แต่คิดให้ถ่อมสุขุม สมกับขนาดความเชื่อของเรา   เพราะว่า ข้อ 4-5 ไ้ด้บอกว่าในร่างกายอันเดียวนั้น มีอวัยวะหลายอย่าง  ไม่เหมือนกัน พระกายพระเยซูองค์เดียว แต่มีอวัียวะในพระกายหลายอย่าง ไม่เหมือนกัน   นี่เองพระคัมภีร์จึงบอกให้เราถวายตัวก่อน เพื่อเราจะไม่มีตัวตนเราอีกต่อไป  เพื่อเราจะได้คิดถ่อมใจได้   หลังจากนั้น ข้อ 6-8 จึงพูดถึงของประทานหลายอย่างที่แตกต่างกัน

          ใน 1 โครินธ์ บทที่ 12 ก็เช่นกัน เปาโลพูดถึงของประทาน ในข้อ 1-3 ถ้าผู้ที่มีพระวิญญาณพระคริสต์อยู่ภายใน จะไม่สามารถทำอะไรที่ขัดกับวิญญาณพระคริสต์ได้   ข้อ 4-7 เรื่องของพระวิญญาณที่พระเจ้าให้กับเรา ก็มีหลายอย่างแตกต่างกันไป เช่น ของประทานต่างๆกัน  งานรับใช้ต่างๆกัน  กิจกรรมต่างๆกัน  การสำแดงของพระวิญญาณต่างๆกัน  แต่ทั้งหมดเหล่านี้มาจากพระวิญญาณองค์เดียวกัน  ดังนั้นเราต้องเข้าใจว่า เราในฐานะอวัยวะในพระกาย เราต้องรู้และตระหนักว่า เราแต่ละคนล้วนแล้วแต่มีบทบาท ความรับผิดชอบ ของประทาน  การรับใช้ ฯลฯ แตกต่างกันทั้งสิ้น เพราะเราเป็นอวัยวะที่ไม่เหมือนกัน  เช่นข้อ 8-10 บอกเราว่าของประทานมีแตกต่างกันดังที่ยกมาในข้อเหล่านี้ แต่ข้อ 11 บอกว่าพระวิญญาณประทานแก่แต่ละคนตามชอบพระทัย  เป็นพระวิญญาณประทานให้  ไม่ใช่เราสร้างขึ้นมาให้มีเอง  เป็นพระเจ้ากระทำตามที่พระองค์เห็นว่าสมควร    คริสเตียนหลายคนอาจลืมข้อนี้ไป แล้วเริ่มคิดเปรียบเทียบว่า ของประทานเรา งานรับใช้เรา กิจกรรมที่เราทำ การสำแดงพระวิญญาณของเรา  ดีกว่าของคนอื่น  อันตราย ความคิดแบบนี้อันตรายมาก  เขากำลังเย่อหยิ่ง เขากำลังแย่งเกียรติพระเจ้า เขากำลังกลายเป็นพวกมาร  ต้องกลับมาเป็นแบบที่โรม 12 บอกคือต้องถวายตัวแด่พระเจ้า  
          ตั้งแต่ข้อที่ 12 เป็นต้นไป จึงเริ่มต้นอธิบายภาพอวัยวะในพระกาย   กายเดียวแต่มีอวัยวะหลายส่วน  เราจะเป็นยิวหรือต่างชาติ ทาสหรือเป็นไท  เราก็มีพระวิญญาณองค์เดียวกันบัพติศมาเข้าเป็นกายเดียวกัน  ร่างกายมิไ้ด้ประกอบด้วยอวัยวะเดียวฉันใด คริสตจักรก็ไม่ได้ประกอบด้วยคนคนเดียวฉันนั้น  คริสตจักรประกอบไปด้วยคนหลายประเภท ทั้งที่มีของประทานบางอย่างและไม่มีของประทานบางอย่าง  ทั้งที่มีการสำแดงบางอย่างและไม่มีการสำแดงบางอย่าง  ทั้งที่รับใช้บางอย่างและไม่ได้รับใช้บางอย่าง  ทั้งที่ทำกิจกรรมบางอย่างและไม่ได้ทำกิจกรรมบางอย่าง  เราจะให้ทุกๆคนเป็นเหมือนเราไม่ได้  คริสตจักรก็ต้องประำกอบไปด้วยบุคคลหลายๆประเภท  เหมือนร่างกายประกอบไปด้วยอวัยวะหลายๆอวัยวะ  เราจะดูหมิ่นกันไม่ได้  เราจะคิดว่าคนอื่นนั้นไม่สำคัญไม่ได้ เราจะคิดว่าคนอื่นนั้นเป็นอวัยวะที่ด้อยค่าไม่ได้   ข้อ 18 กลับมาพูดอีกครั้งแล้วว่า พระองค์ตั้งอวัยวะคือเราไว้ในร่างกายตามชอบพระทัย  ดังนั้นที่เราเป็นเราแบบทุกวันนี้  เป็นเพราะพระเจ้าตั้งเราไว้  ถ้าท่านคิดจะให้ผมเป็นเหมือนผู้นำคนอื่นๆ ผมคงจะไม่สามารถเป็นแบบนั้นได้  เพราะพระเจ้าตั้งผมไว้อย่างนี้  ท่านทั้งหลายก็เช่นกัน  ข้อ 19 ถึงบอกว่า ถ้าอวัยวะทั้งหมดเป็นอวัยวะเดียว ร่างกายจะมีได้อย่างไร    แต่เรามีหลายอวัยวะ และต่างคนต่างจะมาพูดกันว่า เราไม่ต้องการเจ้า เราไม่ต้องการอวัยวะนี้  เราไม่ต้องการหู เราไม่ต้องการปาก เราไม่ต้องการเท้า เราไม่ต้องการใบหู  เราไม่ต้องการจมูก  เราไม่ต้องการกระเพาะอาหาร  เราไม่ต้องการตับ เราไม่ต้องการเล็บเท้า  ไม่ได้!  แม้ดูแล้วว่าอวัยวะนั้น อ่อนแอ  แต่เราก็ขาดอวัยวะนั้นไม่ได้  แม้ดูแล้วว่าอวัยวะนั้น มีเกียรติน้อย พระคัมภีร์บอกว่าเราก็ต้องทำให้อวัยวะนั้นมีเกียรติขึ้น  แม้ดูแล้วว่าอวัยวะนั้นไม่น่าดู แต่เราก็ต้องตกแต่งอวัยวะนั้นให้น่าดูขึ้น  พระเจ้าต้องการให้ทุกอวัยวะในร่างกายเสมอภาคกัน  ให้อวัยวะที่ต่ำต้อยเป็นที่นับถือมากขึ้น  สิ่งนี้แหละครับ ที่เราจะต้องทำในคริสตจักรของเรา ให้ทุกอวัยวะเสมอภาคกัน ให้ทุกอวัยวะไม่กินแหนงแคลงใจกัน ให้ทุกอวัยวะนับถือกัน ให้ทุกอวัยวะห่วงใยกัน  เจ็บก็เจ็บด้วยกัน ชื่นชมยินดีก็ชื่นชมยินดีด้วยกัน ฯลฯ   พอเข้าใจดังนั้นแล้ว ข้อ 27 จึงพูดต่อไปเรื่องของประทานต่างๆในคริสตจักรว่าไม่ใช่ทุกคนเป็นแบบนั้นทุกคน

          ที่นี้ใน เอเฟซัส บทที่ 4 พูดถึงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน  ทำอะไรทำด้วยกัน ประสานกัน เหมือนอวัยวะที่มีข้อต่อเส้นเอนต่างๆยึดเหนี่ยวกันเอาไว้

          ก็เชื่อว่าพระเจ้าจะสร้างคริสตจักรนี้ขึ้นมาเป็นคริสตจักรที่มีการประสานอวัยวะในพระกาย ทุกคนในคริสตจักรดำเนินชีวิตร่วมกันด้วยความสุข  ทุกคนในคริสตจักรจะทำหน้าที่ของตนเองตามที่พระเจ้ามอบหมายให้ ขอพระเจ้าได้รับพระเกียรติทั้งสิ้น อาเมน.

1 ความคิดเห็น:

  1. ตามความเข้าใจของข้าพเจ้าคือ
    การอยู่ร่วมกันของคริสเตียน คือ การไม่มีตัวตน หรือมีตัวตนของเราให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะตัวตนของเรานั้นทำให้เกิดปัญหามากที่สุด
    การอยู่ร่วมกันของคริสเตียน คือ การเห็นคุณค่ากันและกัน การรับผิดชอบต่อกันและกัน การมีอารมณ์และความรู้สึกร่วม เป็นเหมือนอย่างอวัยวะในร่างกายของเรา
    ดังนั้น การอยู่ร่วมกันของคริสเตียนที่ดีที่สุด คือ การถวายตัวให้พระเจ้าก่อน หลังจากนั้นให้เราน้อมนำความคิดของเราให้อยู่ในน้ำพระทัยพระเจ้า หลังจากนั้นให้ชีวิตเรามีผลพระวิญญาณเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อย ๆ ที่สำคัญที่สุด คือ ความรักที่มีต่อกันนั้น ให้เป็นความรักแบบพระเจ้า ไม่ใช่แบบที่เราคิดขึ้นเอง

    ตอบลบ