วันจันทร์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2556

A) Word of God : ชีวิตใหม่มีฤทธิ์เดชพระวิญญาณบริสุทธิ์สถิตอยู่ด้วย




ครั้งที่แล้วได้กล่าวถึงการประทับตราไว้เมื่อเราเชื่อยอมรับพระคริสต์ และได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นมัดจำในการรับมรดก เทียบดูได้กับการที่พระเยซูคริสต์ระบายลมหายใจให้พวกสาวกหลังจากพระองค์ฟื้นขึ้นมาจากความตายแล้ว

ยน. 20:19 ค่ำวันนั้นซึ่งเป็นวันอาทิตย์ เมื่อสาวกปิดประตูห้องที่พวกเขาอยู่แล้ว เพราะกลัวพวกยิว พระเยซูได้เสด็จเข้ามาประทับยืนอยู่ท่ามกลางเขาตรัสว่าสันติสุขจงดำรงอยู่กับท่านทั้งหลายเถิด
ยน. 20:20 ครั้นพระองค์ตรัสอย่างนั้นแล้ว พระองค์ทรงให้เขาดูพระหัตถ์และสีข้างของพระองค์ เมื่อพวกสาวกเห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าแล้วก็มีความยินดี
ยน. 20:21 พระเยซูตรัสกับเขาอีกว่าสันติสุขจงดำรงอยู่กับท่านทั้งหลายเถิด พระบิดาทรงใช้เรามาฉันใด เราก็ใช้ท่านทั้งหลายไปฉันนั้น
ยน. 20:22 ครั้นพระองค์ตรัสดังนั้นแล้วจึงทรงระบายลมหายใจออกเหนือเขา ตรัสกับเขาว่าจงรับพระวิญญาณบริสุทธิ์เถิด


ยน. 20:22 And G2532 when he had said G2036 this G5124, he breathed on G1720 [them], and G2532 saith G3004 unto them G846, Receive ye G2983 the Holy G40 Ghost G4151:


ในข้อ 22 พระเยซูระบายลมหายใจ แล้วตรัสว่า จงรับพระวิญญาณบริสุทธิ์  พระวิญญาณในโปรแกรมThe Word อธิบายว่า
G4151 πνεμα pneuma (pnyoo`-mah) n.
1. a current of air, i.e. breath (blast) or a breeze
2. (by analogy or figuratively) a spirit
3. (humanly) the rational soul
4. (by implication) vital principle, mental disposition, etc.
5. (superhumanly) an angel, demon
6. (divinely) God, Christ's spirit, the Holy Spirit
[from G4154]
KJV: ghost, life, spirit(-ual, -ually), mind
Root(s): G4154
Compare: G5590
[?]

พระวิญญาณ หรือ πνεμα pneuma แปลว่า ลมหายใจ  พวกสาวกหรือพวกเราเมื่อเชื่อเราได้รับลมหายใจของพระเจ้าหรือรับพระวิญญาณพระเจ้าเข้าสู่ชีวิตเรา ดังได้อธิบายไว้เมื่อครั้งก่อน ชีวิตใหม่ได้รับการผนึกตราด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นมัดจำในการรับมรดก

ก่อนพระเยซูเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ จากคำสั่งพระเยซู หรือพระมหาบัญชาของพระเยซู ได้กล่าวไว้ดังนี้

ลูกา 24:46-49    46 พระองค์ตรัสกับเขาว่ามีคำเขียนไว้อย่างนั้นว่า พระคริสต์จะต้องทรงทนทุกข์ทรมาน และทรงเป็นขึ้นมาจากความตายในวันที่สาม 47 และจะต้องประกาศทั่วทุกประชาชาติในพระนามของพระองค์ ให้เขากลับใจใหม่รับการยกบาป ตั้งต้นที่กรุงเยรูซาเล็ม 48 ท่านทั้งหลายเป็นพยานด้วยข้อความเหล่านั้น 49 และดูเถิด เราจะส่งซึ่งพระบิดาของเราทรงสัญญานั้นมาเหนือท่านทั้งหลาย แต่ท่านทั้งหลายจงคอยอยู่ในกรุงจนกว่าท่านจะได้ประกอบด้วยฤทธิ์เดชที่มาจากเบื้องบน

มาระโก 16:14-18        14 ภายหลังพระองค์ทรงปรากฏแก่สาวกสิบเอ็ดคนนั้นเอง เมื่อเขานั่งรับประทานอาหารอยู่ พระองค์ทรงติเตียนเขาเพราะเขาสงสัยและใจดื้อดึง ด้วยเหตุที่เขามิได้เชื่อคนซึ่งได้เห็นพระองค์ เมื่อพระองค์ทรงเป็นขึ้นมาแล้ว 15 ฝ่ายพระองค์จึงตรัสสั่งพวกสาวกว่าเจ้าทั้งหลายจงออกไปทั่วโลก ประกาศข่าวประเสริฐแก่มนุษย์ทุกคน 16 ผู้ใดเชื่อและรับบัพติศมาแล้วผู้นั้นจะรอด แต่ผู้ใดไม่เชื่อจะต้องปรับโทษ 17 มีคนเชื่อที่ไหนหมายสำคัญเหล่านี้จะบังเกิดขึ้นที่นั้น คือเขาจะขับผีออกโดยนามของเรา เขาจะพูดภาษาแปลกๆ            18 เขาจะจับงูได้ ถ้าเขากินยาพิษอย่างใด จะไม่เป็นอันตรายแก่เขา และเขาจะวางมือบนคนไข้คนป่วย แล้วคนเหล่านั้นจะหายโรค
 (ประกาศ)

กจ.1:8 แต่ท่านทั้งหลายจะได้รับพระราชทานฤทธิ์เดช เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์จะเสด็จมาเหนือท่าน และท่านทั้งหลายจะเป็นพยานฝ่ายเราในกรุงเยรูซาเล็ม ทั่วแคว้นยูเดีย แคว้นสะมาเรีย และจนถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลก
(เป็นพยาน)

มัทธิว 28:16-20 16 แต่สาวกสิบเอ็ดคนนั้น ก็ได้ไปยังกาลิลี ถึงภูเขาที่พระเยซูได้ทรงกำหนดไว้ 17 และเมื่อเห็นพระองค์จึงกราบลงนมัสการ แต่บางคนยังสงสัยอยู่ 18 พระเยซูจึงเสด็จเข้ามาใกล้แล้วตรัสกับเขาว่า                     ฤทธานุภาพทั้งสิ้นในสวรรค์ก็ดี ในแผ่นดินโลกก็ดีทรงมอบไว้แก่เราแล้ว            19 เหตุฉะนั้นเจ้าทั้งหลายจงออกไปสั่งสอนชนทุกชาติ ให้เป็นสาวกของเรา  ให้รับบัพติศมาในพระนามแห่งพระบิดา พระบุตรและพระวิญญาณบริสุทธิ์  20 สอนเขาให้ถือรักษาสิ่งสารพัดซึ่งเราได้สั่งพวกเจ้าไว้ นี่แหละเราจะอยู่กับเจ้าทั้งหลายเสมอไป จนกว่าจะสิ้นยุค
(สอนและเป็นสาวก)

ก่อนที่พวกสาวกจะออกไปทำการของพระเจ้า เขาต้องรับการเติมฤทธิ์เดชพระเจ้าให้เต็มล้นในชีวิตของเขาก่อน   พระคัมภีร์บอกว่า  “จะได้รับพระราชทานฤทธิ์เดช” กจ. 1:8    “จงคอยอยู่ในกรุงจนกว่าท่านจะได้ประกอบด้วยฤทธิ์เดชที่มาจากเบื้องบน   ลก. 24:49

กจ. 1:4 เมื่อพระองค์ได้ทรงพำนักอยู่กับอัครทูต จึงกำชับเขามิให้ออกไปจากกรุงเยรูซาเล็ม แต่ให้คอยรับตามพระสัญญาของพระบิดา คือพระองค์ตรัสว่า ตามที่ท่านทั้งหลายได้ยินจากเรานั่นแหละ


พระเยซูบอกให้คอยพวกเขาก็อธิษฐานและรอคอย
กจ. 1:13 เมื่อเข้ากรุงแล้วเขาเหล่านั้นจึงขึ้นไปยังห้องชั้นบนที่เคยพักอยู่นั้น มีเปโตร ยอห์น​ ​ยากอบกับอันดรูว์ ฟีลิปกับโธมัส บารโธโลมิวกับมัทธิว ยากอบบุตรอัลเฟอัส ซีโมน พรรคชาตินิยม กับยูดาสบุตรยากอบ
กจ. 1:14 พวกเขาร่วมใจกันขะมักเขม้นอธิษฐานพร้อมกับพวกผู้หญิง และมารีย์มารดาของพระเยซูและพวกน้องชายของพระองค์ด้วย


เมื่อเวลาของพระเจ้ามาถึง พวกเขาก็ได้รับฤทธิ์เดช
กจ. 2:1 เมื่อวันเทศกาลเพ็นเทคอสต์มาถึง จำพวกศิษย์จึงรวมอยู่ในที่แห่งเดียวกัน
กจ. 2:2 ในทันใดนั้นมีเสียงมาจากฟ้าเหมือนเสียงพายุกล้าสั่นก้องทั่วตึกที่เขานั่งอยู่นั้น
กจ. 2:3 มีเปลวไฟสัณฐานเหมือนลิ้นปรากฏแก่เขากระจายอยู่บนเขาสิ้นทุกคน
กจ. 2:4 เขาเหล่านั้นก็ประกอบด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ จึงตั้งต้นพูดภาษาอื่นๆ ตามที่พระวิญญาณทรงโปรดให้พูด

ฉะนั้นชีวิตใหม่ของชีวิตคริสเตียนของเรานั้น ต้องประกอบด้วยฤทธิ์เดชพระวิญญาณบริสุทธิ์ด้วย – จะทำให้เรากล้าหาญในการเป็นพยานเรื่องพระเยซู ดูตัวอย่างจากเปโตรที่เคยปฏิเสธว่าไม่รู้จักกับพระเยซูถึง 3 ครั้ง ด้วยความกลัว แต่ตอนนี้เมื่อรับฤทธิ์เดชพระวิญญาณบริสุทธิ์แล้ว ลุกขึ้นมาประกาศและเป็นพยานเรื่องพระเยซูคริสต์ต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก

กจ. 2:14 ฝ่ายเปโตรได้ยืนขึ้นกับอัครทูตสิบเอ็ดคน และได้กล่าวแก่คนทั้งปวงด้วยเสียงอันดังว่าท่านชาวยูเดียและบรรดาคนที่อยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม จงทราบเรื่องนี้และฟังถ้อยคำของข้าพเจ้าเถิด

กจ.1:8 แต่ท่านทั้งหลายจะได้รับพระราชทานฤทธิ์เดช เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์จะเสด็จมาเหนือท่าน และท่านทั้งหลายจะเป็นพยานฝ่ายเราในกรุงเยรูซาเล็ม ทั่วแคว้นยูเดีย แคว้นสะมาเรีย และจนถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลก

เป็นพยานขยายแวดวงออกไปจากใกล้ที่สุดไปจนถึงที่ไกลที่สุด

เมื่อเรารับฤทธิ์เดชพระวิญญาณบริสุทธิ์แล้ว ตามพระสัญญาของพระเจ้า
มก. 16:17 มีคนเชื่อที่ไหนหมายสำคัญเหล่านี้จะบังเกิดขึ้นที่นั้น คือเขาจะขับผีออกโดยนามของเรา เขาจะพูดภาษาแปลกๆ            

กจ. 19:6 เมื่อเปาโลได้วางมือบนเขาแล้ว พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็เสด็จลงมาบนเขา เขาจึงพูดภาษาแปลกๆ และได้ทำนายด้วย

เราต้องรักษาชีวิตในฝ่ายฤทธิ์เดชพระวิญญาณไว้ อ.เปาโลกล่าวไว้ในหลายตอนให้สนทนากับพระเจ้าด้วยภาษาของพระวิญญาณ เช่น

1คร. 13:1 แม้ข้าพเจ้าพูดภาษาแปลกๆ ได้ เป็นภาษามนุษย์ก็ดี เป็นภาษาทูตสวรรค์ก็ดี แต่ไม่มีความรัก ข้าพเจ้าเป็นเหมือนฆ้องหรือฉาบที่กำลังส่งเสียง

Ø ภาษาแปลกๆมีทั้งเป็นภาษามนุษย์(ที่เราไม่เคยรู้มาก่อน) และภาษาทูตสวรรค์

1คร. 14:4 ฝ่ายคนที่พูดภาษาแปลกๆ นั้น ก็ทำให้ตนเองเจริญฝ่ายเดียว แต่ผู้เผยพระวจนะนั้นย่อมทำให้คริสตจักรจำเริญขึ้น

Ø ผู้พูดกำลังเสริมสร้างชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณให้เจริญ

1คร. 14:18 ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระเจ้า ข้าพเจ้าพูดภาษาแปลกๆ มากกว่าท่านทั้งหลายอีก
Ø เปาโลเป็นตัวอย่างในการพูด

พระคัมภีร์บอกให้เราอธิษฐานในพระวิญญาณ
ยด. 1:20 แต่ส่วนท่านที่รักทั้งหลายนั้นจงสร้างตัวของท่านขึ้นบนหลักคำสอนอันบริสุทธิ์ของท่านที่เชื่อกันอยู่ และจงอธิษฐานในพระวิญญาณบริสุทธิ์


นี่ก็บอกว่าพระวิญญาณช่วยขอแทนเรา เมื่อเราคร่ำครวญอธิษฐานไม่เป็นคำ
รม. 8:26 ในทำนองเดียวกัน พระวิญญาณก็ทรงช่วยเราเมื่อเราอ่อนกำลังด้วย เพราะเราไม่รู้ว่าเราควรจะอธิษฐานขอสิ่งใดอย่างไร แต่พระวิญญาณทรงช่วยขอแทนเรา ในเมื่อเราคร่ำครวญอธิษฐานไม่เป็นคำ


พระคัมภีร์อีกข้อ
อฟ. 6:18 จงอธิษฐานวิงวอนทุกอย่าง จงขอโดยพระวิญญาณทุกเวลา ทั้งนี้จงระวังตัวด้วยความเพียรทุกอย่าง จงอธิษฐานเพื่อธรรมิกชนทุกคน


อาเมน.



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น