ครั้งที่แล้วได้กล่าวถึงการประทับตราไว้เมื่อเราเชื่อยอมรับพระคริสต์
และได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นมัดจำในการรับมรดก
เทียบดูได้กับการที่พระเยซูคริสต์ระบายลมหายใจให้พวกสาวกหลังจากพระองค์ฟื้นขึ้นมาจากความตายแล้ว
ยน. 20:19 ค่ำวันนั้นซึ่งเป็นวันอาทิตย์ เมื่อสาวกปิดประตูห้องที่พวกเขาอยู่แล้ว เพราะกลัวพวกยิว พระเยซูได้เสด็จเข้ามาประทับยืนอยู่ท่ามกลางเขาตรัสว่า “สันติสุขจงดำรงอยู่กับท่านทั้งหลายเถิด”
ยน. 20:20 ครั้นพระองค์ตรัสอย่างนั้นแล้ว พระองค์ทรงให้เขาดูพระหัตถ์และสีข้างของพระองค์ เมื่อพวกสาวกเห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าแล้วก็มีความยินดี
ยน. 20:21 พระเยซูตรัสกับเขาอีกว่า “สันติสุขจงดำรงอยู่กับท่านทั้งหลายเถิด พระบิดาทรงใช้เรามาฉันใด เราก็ใช้ท่านทั้งหลายไปฉันนั้น”
ยน. 20:22 ครั้นพระองค์ตรัสดังนั้นแล้วจึงทรงระบายลมหายใจออกเหนือเขา ตรัสกับเขาว่า “จงรับพระวิญญาณบริสุทธิ์เถิด
ยน. 20:22 And G2532 when he had said G2036 this G5124, he breathed on G1720 [them], and G2532 saith G3004 unto them G846, Receive ye G2983 the Holy G40 Ghost G4151:
ในข้อ 22
พระเยซูระบายลมหายใจ แล้วตรัสว่า จงรับพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระวิญญาณในโปรแกรมThe Word อธิบายว่า
G4151 πνεῦμα pneuma (pnyoo`-mah) n.
1. a current of air, i.e. breath
(blast) or a breeze
2. (by analogy or figuratively)
a spirit
3. (humanly) the rational
soul
4. (by implication) vital
principle, mental disposition, etc.
5. (superhumanly) an angel,
demon
6. (divinely) God, Christ's
spirit, the Holy Spirit
[from G4154]
KJV: ghost, life, spirit(-ual, -ually), mind
Root(s): G4154
Compare: G5590
[?]
พระวิญญาณ
หรือ πνεῦμα pneuma แปลว่า ลมหายใจ
พวกสาวกหรือพวกเราเมื่อเชื่อเราได้รับลมหายใจของพระเจ้าหรือรับพระวิญญาณพระเจ้าเข้าสู่ชีวิตเรา
ดังได้อธิบายไว้เมื่อครั้งก่อน ชีวิตใหม่ได้รับการผนึกตราด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นมัดจำในการรับมรดก
ก่อนพระเยซูเสด็จขึ้นสู่สวรรค์
จากคำสั่งพระเยซู หรือพระมหาบัญชาของพระเยซู ได้กล่าวไว้ดังนี้
ลูกา 24:46-49 46 พระองค์ตรัสกับเขาว่า “มีคำเขียนไว้อย่างนั้นว่า
พระคริสต์จะต้องทรงทนทุกข์ทรมาน และทรงเป็นขึ้นมาจากความตายในวันที่สาม 47 และจะต้องประกาศทั่วทุกประชาชาติในพระนามของพระองค์
ให้เขากลับใจใหม่รับการยกบาป
ตั้งต้นที่กรุงเยรูซาเล็ม 48 ท่านทั้งหลายเป็นพยานด้วยข้อความเหล่านั้น 49 และดูเถิด
เราจะส่งซึ่งพระบิดาของเราทรงสัญญานั้นมาเหนือท่านทั้งหลาย
แต่ท่านทั้งหลายจงคอยอยู่ในกรุงจนกว่าท่านจะได้ประกอบด้วยฤทธิ์เดชที่มาจากเบื้องบน”
มาระโก 16:14-18 14 ภายหลังพระองค์ทรงปรากฏแก่สาวกสิบเอ็ดคนนั้นเอง
เมื่อเขานั่งรับประทานอาหารอยู่ พระองค์ทรงติเตียนเขาเพราะเขาสงสัยและใจดื้อดึง
ด้วยเหตุที่เขามิได้เชื่อคนซึ่งได้เห็นพระองค์
เมื่อพระองค์ทรงเป็นขึ้นมาแล้ว 15 ฝ่ายพระองค์จึงตรัสสั่งพวกสาวกว่า “เจ้าทั้งหลายจงออกไปทั่วโลก
ประกาศข่าวประเสริฐแก่มนุษย์ทุกคน 16 ผู้ใดเชื่อและรับบัพติศมาแล้วผู้นั้นจะรอด แต่ผู้ใดไม่เชื่อจะต้องปรับโทษ 17 มีคนเชื่อที่ไหนหมายสำคัญเหล่านี้จะบังเกิดขึ้นที่นั้น คือเขาจะขับผีออกโดยนามของเรา เขาจะพูดภาษาแปลกๆ 18 เขาจะจับงูได้
ถ้าเขากินยาพิษอย่างใด จะไม่เป็นอันตรายแก่เขา
และเขาจะวางมือบนคนไข้คนป่วย
แล้วคนเหล่านั้นจะหายโรค”
(ประกาศ)
กจ.1:8
แต่ท่านทั้งหลายจะได้รับพระราชทานฤทธิ์เดช
เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์จะเสด็จมาเหนือท่าน
และท่านทั้งหลายจะเป็นพยานฝ่ายเราในกรุงเยรูซาเล็ม
ทั่วแคว้นยูเดีย
แคว้นสะมาเรีย
และจนถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลก”
(เป็นพยาน)
มัทธิว 28:16-20 16
แต่สาวกสิบเอ็ดคนนั้น ก็ได้ไปยังกาลิลี ถึงภูเขาที่พระเยซูได้ทรงกำหนดไว้ 17 และเมื่อเห็นพระองค์จึงกราบลงนมัสการ แต่บางคนยังสงสัยอยู่ 18 พระเยซูจึงเสด็จเข้ามาใกล้แล้วตรัสกับเขาว่า
“ฤทธานุภาพทั้งสิ้นในสวรรค์ก็ดี
ในแผ่นดินโลกก็ดีทรงมอบไว้แก่เราแล้ว 19 เหตุฉะนั้นเจ้าทั้งหลายจงออกไปสั่งสอนชนทุกชาติ ให้เป็นสาวกของเรา
ให้รับบัพติศมาในพระนามแห่งพระบิดา
พระบุตรและพระวิญญาณบริสุทธิ์ 20 สอนเขาให้ถือรักษาสิ่งสารพัดซึ่งเราได้สั่งพวกเจ้าไว้ นี่แหละเราจะอยู่กับเจ้าทั้งหลายเสมอไป
จนกว่าจะสิ้นยุค”
(สอนและเป็นสาวก)
ก่อนที่พวกสาวกจะออกไปทำการของพระเจ้า
เขาต้องรับการเติมฤทธิ์เดชพระเจ้าให้เต็มล้นในชีวิตของเขาก่อน พระคัมภีร์บอกว่า “จะได้รับพระราชทานฤทธิ์เดช”
กจ. 1:8
“จงคอยอยู่ในกรุงจนกว่าท่านจะได้ประกอบด้วยฤทธิ์เดชที่มาจากเบื้องบน” ลก. 24:49
กจ. 1:4 เมื่อพระองค์ได้ทรงพำนักอยู่กับอัครทูต จึงกำชับเขามิให้ออกไปจากกรุงเยรูซาเล็ม แต่ให้คอยรับตามพระสัญญาของพระบิดา คือพระองค์ตรัสว่า ตามที่ท่านทั้งหลายได้ยินจากเรานั่นแหละ
พระเยซูบอกให้คอยพวกเขาก็อธิษฐานและรอคอย
กจ. 1:13 เมื่อเข้ากรุงแล้วเขาเหล่านั้นจึงขึ้นไปยังห้องชั้นบนที่เคยพักอยู่นั้น มีเปโตร ยอห์น ยากอบกับอันดรูว์ ฟีลิปกับโธมัส บารโธโลมิวกับมัทธิว ยากอบบุตรอัลเฟอัส ซีโมน พรรคชาตินิยม กับยูดาสบุตรยากอบ
กจ. 1:14 พวกเขาร่วมใจกันขะมักเขม้นอธิษฐานพร้อมกับพวกผู้หญิง และมารีย์มารดาของพระเยซูและพวกน้องชายของพระองค์ด้วย
เมื่อเวลาของพระเจ้ามาถึง
พวกเขาก็ได้รับฤทธิ์เดช
กจ. 2:1 เมื่อวันเทศกาลเพ็นเทคอสต์มาถึง จำพวกศิษย์จึงรวมอยู่ในที่แห่งเดียวกัน
กจ. 2:2 ในทันใดนั้นมีเสียงมาจากฟ้าเหมือนเสียงพายุกล้าสั่นก้องทั่วตึกที่เขานั่งอยู่นั้น
กจ. 2:3 มีเปลวไฟสัณฐานเหมือนลิ้นปรากฏแก่เขากระจายอยู่บนเขาสิ้นทุกคน
กจ. 2:4 เขาเหล่านั้นก็ประกอบด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ จึงตั้งต้นพูดภาษาอื่นๆ ตามที่พระวิญญาณทรงโปรดให้พูด
ฉะนั้นชีวิตใหม่ของชีวิตคริสเตียนของเรานั้น
ต้องประกอบด้วยฤทธิ์เดชพระวิญญาณบริสุทธิ์ด้วย –
จะทำให้เรากล้าหาญในการเป็นพยานเรื่องพระเยซู
ดูตัวอย่างจากเปโตรที่เคยปฏิเสธว่าไม่รู้จักกับพระเยซูถึง 3 ครั้ง ด้วยความกลัว
แต่ตอนนี้เมื่อรับฤทธิ์เดชพระวิญญาณบริสุทธิ์แล้ว
ลุกขึ้นมาประกาศและเป็นพยานเรื่องพระเยซูคริสต์ต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก
กจ. 2:14 ฝ่ายเปโตรได้ยืนขึ้นกับอัครทูตสิบเอ็ดคน และได้กล่าวแก่คนทั้งปวงด้วยเสียงอันดังว่า “ท่านชาวยูเดียและบรรดาคนที่อยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม จงทราบเรื่องนี้และฟังถ้อยคำของข้าพเจ้าเถิด
กจ.1:8
แต่ท่านทั้งหลายจะได้รับพระราชทานฤทธิ์เดช
เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์จะเสด็จมาเหนือท่าน
และท่านทั้งหลายจะเป็นพยานฝ่ายเราในกรุงเยรูซาเล็ม
ทั่วแคว้นยูเดีย
แคว้นสะมาเรีย
และจนถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลก”
เป็นพยานขยายแวดวงออกไปจากใกล้ที่สุดไปจนถึงที่ไกลที่สุด
เมื่อเรารับฤทธิ์เดชพระวิญญาณบริสุทธิ์แล้ว
ตามพระสัญญาของพระเจ้า
มก. 16:17 มีคนเชื่อที่ไหนหมายสำคัญเหล่านี้จะบังเกิดขึ้นที่นั้น คือเขาจะขับผีออกโดยนามของเรา เขาจะพูดภาษาแปลกๆ
กจ. 19:6 เมื่อเปาโลได้วางมือบนเขาแล้ว พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็เสด็จลงมาบนเขา เขาจึงพูดภาษาแปลกๆ และได้ทำนายด้วย
เราต้องรักษาชีวิตในฝ่ายฤทธิ์เดชพระวิญญาณไว้
อ.เปาโลกล่าวไว้ในหลายตอนให้สนทนากับพระเจ้าด้วยภาษาของพระวิญญาณ เช่น
1คร. 13:1 แม้ข้าพเจ้าพูดภาษาแปลกๆ ได้
เป็นภาษามนุษย์ก็ดี เป็นภาษาทูตสวรรค์ก็ดี แต่ไม่มีความรัก ข้าพเจ้าเป็นเหมือนฆ้องหรือฉาบที่กำลังส่งเสียง
Ø
ภาษาแปลกๆมีทั้งเป็นภาษามนุษย์(ที่เราไม่เคยรู้มาก่อน)
และภาษาทูตสวรรค์
1คร. 14:4 ฝ่ายคนที่พูดภาษาแปลกๆ นั้น
ก็ทำให้ตนเองเจริญฝ่ายเดียว แต่ผู้เผยพระวจนะนั้นย่อมทำให้คริสตจักรจำเริญขึ้น
Ø ผู้พูดกำลังเสริมสร้างชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณให้เจริญ
1คร. 14:18 ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระเจ้า ข้าพเจ้าพูดภาษาแปลกๆ มากกว่าท่านทั้งหลายอีก
Ø เปาโลเป็นตัวอย่างในการพูด
พระคัมภีร์บอกให้เราอธิษฐานในพระวิญญาณ
ยด. 1:20 แต่ส่วนท่านที่รักทั้งหลายนั้นจงสร้างตัวของท่านขึ้นบนหลักคำสอนอันบริสุทธิ์ของท่านที่เชื่อกันอยู่ และจงอธิษฐานในพระวิญญาณบริสุทธิ์
นี่ก็บอกว่าพระวิญญาณช่วยขอแทนเรา
เมื่อเราคร่ำครวญอธิษฐานไม่เป็นคำ
รม. 8:26 ในทำนองเดียวกัน พระวิญญาณก็ทรงช่วยเราเมื่อเราอ่อนกำลังด้วย เพราะเราไม่รู้ว่าเราควรจะอธิษฐานขอสิ่งใดอย่างไร แต่พระวิญญาณทรงช่วยขอแทนเรา ในเมื่อเราคร่ำครวญอธิษฐานไม่เป็นคำ
พระคัมภีร์อีกข้อ
อฟ. 6:18 จงอธิษฐานวิงวอนทุกอย่าง จงขอโดยพระวิญญาณทุกเวลา ทั้งนี้จงระวังตัวด้วยความเพียรทุกอย่าง จงอธิษฐานเพื่อธรรมิกชนทุกคน
อาเมน.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น