รวมเรื่องทริปอินเดีย
วันนี้มาลองสำรวจดูว่าจะได้ไปเจออะไรบ้าง จากประเทศไทยบินไปเปลี่ยนเครื่องที่มุมไบ แล้วไปที่Kottayam อยู่ในรัฐKerala
ข้อแนะนำของอีกท่านหนึ่ง
วันนี้มาลองสำรวจดูว่าจะได้ไปเจออะไรบ้าง จากประเทศไทยบินไปเปลี่ยนเครื่องที่มุมไบ แล้วไปที่Kottayam อยู่ในรัฐKerala
มุมไบเป็นเมืองชายทะเลอยู่ทางด้านซ้าย เปลี่ยนเครื่องเพื่อบินไปต่อที่รัฐKeralaด้านล่างที่เมืองKottayam
ข้อมูลประเทศอินเดียโดยคร่าว มีประชากรมากเป็นอันดับสองของโลกรองจากจีน ประชากรมากกว่าหนึ่งพันล้านคน มีภาษาพูดแปดร้อยภาษาโดยประมาณ(โอ้โห!) แบ่งเขตการปกครองออกเป็น 28 รัฐ และ 7 ดินแดนสหภาพ รายได้ประชาชาติเบื้องต้นต่อหัว 415 ดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับประมาณ 12,450 บาท ต่อปี (เดือนหนึ่งเท่ากับพันกว่าบาทเอง ?) อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยร้อยละ 6 (ไม่น้อยเลยทีเดียว) อัตราการรู้หนังสือร้อยละ 52.1 (น้อยมาก) ประเทศอินเดียมีการแต่งงานโดยการที่ผู้หญิงเป็นฝ่ายสู่ขอผู้ชายแต่งงาน(เอาล่ะ เจอเรื่องที่หนึ่งแล้ว วัฒนธรรมแตกต่างจากเรามาก) ร้อยละ 79 นับถือศาสนาฮินดู ร้อยละ 15 ศาสนาอิสลาม และร้อยละ 2.5 ศาสนาคริสต์ (มากกว่าบ้านเรา บ้านเราร้อยละ 0.5 เอง) ที่เหลือนับถือศาสนาพุทธ
เมืองหลวงคือนิวเดลี เมืองใหญ่สุดคือมุมไบ(บอมเบย์) ที่เครื่องเราจะไปแวะเปลี่ยนเครื่อง
เมืองมุมไบดูใหญ่และเจริญกว่าเมืองKottayamที่เราจะไปมากนัก
ข้อมูลนี้เก็บมาครับ
สิ่งที่ควรทำ
1. การเก็บใบเสร็จทุกใบไว้ เมื่อซื้อของหรือรับบริการต่างๆควรขอใบเสร็จด้วยทุกครั้ง โดยเฉพาะสินค้าที่มีราคาแพงค่ะ
2. เช็คชื่อร้านค้าที่แนะนำจากการท่องเที่ยว โดยสอบถามจากการท่องเที่ยวเมืองนั้นๆ
3. บอกคนขับแท็กซี่ให้เปิดมิเตอร์โดยสารเสมอ
4.อย่าสวมรองเท้าเข้าในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ บางที่ไม่ให้นำสิ่งของที่เป็นหนังเข้าไปด้วย เนื่องจากอินเดียเป็นประเทศที่ให้ความสำคัญกับศาสนามาก คุณควรให้ความสำคัญเป็นพิเศษ
สิ่งที่คุณไม่ควรทำ
1.อย่าแลกเงินตามร้านแลกเงิน
2.อย่าซื้อตั๋วผ่านคนแปลกหน้าหรือบริษัททัวร์ที่ไม่ได้รับอนุญาติ
3.อย่าให้เงินหรือของแก่ขอทาน เพราะพวกเขาจะตามติดคุณ
รู้ไว้ใช่ว่า
การต่อรองราคาสินค้า การซื้อของต้องมากับการต่อราคา สิ่งที่ควรทำคือการต่อราคาลงอย่างน้อย 50 เปอร์เซ็นต์จากป้ายเสมอ ถ้าให้ราคาไม่ถูกใจให้ทำแสร้งเดินออกจากร้านทันที จากนั้นเจ้าของร้านก็จะวิ่งออกมาตาม และเจรจากันอีกรอบจนได้ราคาที่พอใจ
เครื่องดื่ม น้ำเปล่า ต้องดื่มน้ำขวดที่มีการบรรจุขวดอย่างดีเท่านั้น ไม่ควรรับประทานน้ำแข็งเพราะเราไม่สามารถทราบได้เลยว่าเขาเอาน้ำอะไรมาทำน้ำแข็ง และเสี่ยงต่อการท้องร่วงหรือท้องเสียได้ง่าย ถ้าอยากดื่มน้ำเย็นๆ ควรซื้อน้ำที่แช่เย็นจากตู้แช่ สบายใจกว่า
เตรียมยาประจำตัว มาอินเดียลืมยาสามัญประจำตัวไม่ได้เป็นอันขาด โดยเฉพาะยาแก้ท้องเสีย เพราะอาหารอินเดียมีรสจัดและเครื่องเทศแรง อาจไม่ถูกท้องคนไทย อีกอย่างที่อยากแนะนำคือยาแก้แพ้ (อากาศ) เพราะที่นี่ฝุ่นเยอะมาก อาจทำให้เรามีอาการแพ้อากาศ แพ้ฝุ่นได้ หรืออาจติดผ้าปิดปากมาด้วยก็ได้
1. การเก็บใบเสร็จทุกใบไว้ เมื่อซื้อของหรือรับบริการต่างๆควรขอใบเสร็จด้วยทุกครั้ง โดยเฉพาะสินค้าที่มีราคาแพงค่ะ
2. เช็คชื่อร้านค้าที่แนะนำจากการท่องเที่ยว โดยสอบถามจากการท่องเที่ยวเมืองนั้นๆ
3. บอกคนขับแท็กซี่ให้เปิดมิเตอร์โดยสารเสมอ
4.อย่าสวมรองเท้าเข้าในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ บางที่ไม่ให้นำสิ่งของที่เป็นหนังเข้าไปด้วย เนื่องจากอินเดียเป็นประเทศที่ให้ความสำคัญกับศาสนามาก คุณควรให้ความสำคัญเป็นพิเศษ
สิ่งที่คุณไม่ควรทำ
1.อย่าแลกเงินตามร้านแลกเงิน
2.อย่าซื้อตั๋วผ่านคนแปลกหน้าหรือบริษัททัวร์ที่ไม่ได้รับอนุญาติ
3.อย่าให้เงินหรือของแก่ขอทาน เพราะพวกเขาจะตามติดคุณ
รู้ไว้ใช่ว่า
การต่อรองราคาสินค้า การซื้อของต้องมากับการต่อราคา สิ่งที่ควรทำคือการต่อราคาลงอย่างน้อย 50 เปอร์เซ็นต์จากป้ายเสมอ ถ้าให้ราคาไม่ถูกใจให้ทำแสร้งเดินออกจากร้านทันที จากนั้นเจ้าของร้านก็จะวิ่งออกมาตาม และเจรจากันอีกรอบจนได้ราคาที่พอใจ
เครื่องดื่ม น้ำเปล่า ต้องดื่มน้ำขวดที่มีการบรรจุขวดอย่างดีเท่านั้น ไม่ควรรับประทานน้ำแข็งเพราะเราไม่สามารถทราบได้เลยว่าเขาเอาน้ำอะไรมาทำน้ำแข็ง และเสี่ยงต่อการท้องร่วงหรือท้องเสียได้ง่าย ถ้าอยากดื่มน้ำเย็นๆ ควรซื้อน้ำที่แช่เย็นจากตู้แช่ สบายใจกว่า
เตรียมยาประจำตัว มาอินเดียลืมยาสามัญประจำตัวไม่ได้เป็นอันขาด โดยเฉพาะยาแก้ท้องเสีย เพราะอาหารอินเดียมีรสจัดและเครื่องเทศแรง อาจไม่ถูกท้องคนไทย อีกอย่างที่อยากแนะนำคือยาแก้แพ้ (อากาศ) เพราะที่นี่ฝุ่นเยอะมาก อาจทำให้เรามีอาการแพ้อากาศ แพ้ฝุ่นได้ หรืออาจติดผ้าปิดปากมาด้วยก็ได้
ข้อแนะนำของอีกท่านหนึ่ง
• สิ่งที่ควรเตรียมไป
1.ทิชชู่เปียก โดยเฉพาะถ้าเดินทางหน้าร้อน เพราะอากาศหน้าร้อนอินเดีย ร้อนมากเหมือนกัน
2.กระดาษทิชชู่ ไม่ว่าไปเที่ยวที่ไหนก็ได้ใช้อยู่แล้ว
3.แอลกอฮอล์ล้างมือ เป็นเจลแอลกอฮอล์ที่บีบแล้วเช็ดๆ ถูๆ มันก็จะแห้งไปเองไม่ต้องใช้น้ำ
4.ปากกา เป็นปากกาที่เอาไว้เผื่อแจกเป็นที่ระลึก เห็นคนอินเดียเค้าชอบของที่ระลึกจากนักท่องเที่ยวเป็นปากกา
5.ชุดขาว ควรเตรียมเผื่อไปด้วย ท่านอาจได้ใช้วันที่เข้าไปในสังเวชนียสถาน
1.ทิชชู่เปียก โดยเฉพาะถ้าเดินทางหน้าร้อน เพราะอากาศหน้าร้อนอินเดีย ร้อนมากเหมือนกัน
2.กระดาษทิชชู่ ไม่ว่าไปเที่ยวที่ไหนก็ได้ใช้อยู่แล้ว
3.แอลกอฮอล์ล้างมือ เป็นเจลแอลกอฮอล์ที่บีบแล้วเช็ดๆ ถูๆ มันก็จะแห้งไปเองไม่ต้องใช้น้ำ
4.ปากกา เป็นปากกาที่เอาไว้เผื่อแจกเป็นที่ระลึก เห็นคนอินเดียเค้าชอบของที่ระลึกจากนักท่องเที่ยวเป็นปากกา
5.ชุดขาว ควรเตรียมเผื่อไปด้วย ท่านอาจได้ใช้วันที่เข้าไปในสังเวชนียสถาน
• สิ่งที่คุณไม่ควรทำ
1.อย่าแลกเงินตามร้านแลกเงิน
2.อย่าซื้อตั๋วผ่านคนแปลกหน้าหรือบริษัททัวร์ที่ไม่ได้รับอนุญาติ
3.อย่าให้เงินหรือสิ่งของแก่ขอทาน เพราะพวกเขาจะตามติดคุณ
1.อย่าแลกเงินตามร้านแลกเงิน
2.อย่าซื้อตั๋วผ่านคนแปลกหน้าหรือบริษัททัวร์ที่ไม่ได้รับอนุญาติ
3.อย่าให้เงินหรือสิ่งของแก่ขอทาน เพราะพวกเขาจะตามติดคุณ
• เล็กๆน้อยๆที่ควรรู้• การช้อปปิ้ง สำหรับการช้อปปิ้ง ห้ามหยิบของที่ท่านต้องการเป็นชิ้นแรกและห้ามสบตาคนขาย เพราะเขาจะรู้ได้เลยว่าท่านชอบสินค้าชิ้นไหน
• การต่อรองราคาสินค้า แนะนำให้ต่อรองสินค้านะครับ การเจรจาต่อรองก็เป็นเสนย์อินเดีย คนอินเดียเขาไม่โกรธและเจรจากันแบบวัดใจว่าใครจะใจอ่อนก่อน ซึ่งจะได้ราคาเป็นที่พอใจ
• เครื่องดื่ม น้ำเปล่า ต้องดื่มน้ำขวดที่มีการบรรจุขวดอย่างดี ไม่ควรรับประทานน้ำแข็งเพราะอาจเสี่ยงต่อการท้องร่วงหรือท้องเสียได้ง่าย ถ้าอยากดื่มน้ำเย็นๆ ควรซื้อน้ำที่แช่เย็นจากตู้แช่
• เตรียมยาประจำตัว มาเที่ยวอินเดียห้ามลืมยาสามัญประจำตัวไม่ได้เป็นอันขาด โดยเฉพาะยาแก้ท้องเสีย เพราะอาหารอินเดียมีเครื่องเทศแรง อาจไม่ถูกท้องคนไทย อีกอย่างที่อยากแนะนำคือยาแก้แพ้ (อากาศ) เพราะที่นี่ฝุ่นเยอะมาก อาจทำให้เรามีอาการแพ้อากาศ แพ้ฝุ่นได้ หรืออาจติดผ้าปิดปากมาด้วยก็ดีครับ
• การต่อรองราคาสินค้า แนะนำให้ต่อรองสินค้านะครับ การเจรจาต่อรองก็เป็นเสนย์อินเดีย คนอินเดียเขาไม่โกรธและเจรจากันแบบวัดใจว่าใครจะใจอ่อนก่อน ซึ่งจะได้ราคาเป็นที่พอใจ
• เครื่องดื่ม น้ำเปล่า ต้องดื่มน้ำขวดที่มีการบรรจุขวดอย่างดี ไม่ควรรับประทานน้ำแข็งเพราะอาจเสี่ยงต่อการท้องร่วงหรือท้องเสียได้ง่าย ถ้าอยากดื่มน้ำเย็นๆ ควรซื้อน้ำที่แช่เย็นจากตู้แช่
• เตรียมยาประจำตัว มาเที่ยวอินเดียห้ามลืมยาสามัญประจำตัวไม่ได้เป็นอันขาด โดยเฉพาะยาแก้ท้องเสีย เพราะอาหารอินเดียมีเครื่องเทศแรง อาจไม่ถูกท้องคนไทย อีกอย่างที่อยากแนะนำคือยาแก้แพ้ (อากาศ) เพราะที่นี่ฝุ่นเยอะมาก อาจทำให้เรามีอาการแพ้อากาศ แพ้ฝุ่นได้ หรืออาจติดผ้าปิดปากมาด้วยก็ดีครับ
ข้อแนะนำอีกเจ้าครับ
สิ่งที่คุณควรรู้..ก่อนไปเที่ยวอินเดีย"อินเดีย" อีกหนึ่งประเทศที่นักท่องเที่ยวอยากไป เพราะเป็นเมืองต้นกำเนิดอารยธรรมเก่าแก่สมัยพุทธกาล ที่คงไว้ซึ่งเอกลักษณ์วัฒนธรรม |
หากคุณเป็นอีกคนหนึ่งที่มีแผนจะไปเที่ยวอินเดีย การเรียนรู้วัฒนธรรมและวิถีชีวิตของคนที่นี่ ถือเป็นสิ่งที่จำเป็นมากเลยทีเดียว และแน่นอนว่าวันนี้กระปุกดอทคอมจะพาคุณไปดูว่า คุณควรเตรียมตัวอย่างไรก่อนไปเยือนดินแดนแห่งอารยธรรมแห่งนี้ 1. หนุ่มสาวอินเดียไม่แสดงความรักต่อกันในที่สาธารณะ หากคุณมาถึงอินเดียแล้วเห็นชายหนุ่มหลายคู่เดินจับมือถือแขนหรือโอบไหล่กัน ขอให้คุณรู้ว่าพวกเขาไม่ใช่คู่เกย์หรือคู่รักร่วมเพศแต่อย่างใดหรอกค่ะ เพราะคนอินเดียเพศเดียวกันเค้าทำกันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว แต่กลับกัน สิ่งที่ไม่ปกติและไม่เป็นที่ยอมรับของคนที่นี่เลยก็คือ การที่คู่หนุ่มสาวเดินจูงมือหรือโอบไหล่กันในที่สาธารณะ ดังนั้น หนุ่มสาวที่ไปเยือนอินเดีย ควรระวังเรื่องการแสดงออกในที่สาธารณะให้มากหน่อยนะจ๊ะ เพราะคนที่นี่เค้ามองว่าการกระทำแบบนี้เป็นเรื่องน่าเกลียดค่ะ 2. สำหรับผู้ชายที่อยากสร้างมิตรภาพดี ๆ กับเพื่อนชาวอินเดียซักคน คุณควรมีความรู้เรื่องคริกเก็ต กีฬายอดฮิตของคนที่นี่ไว้บ้าง ซึ่งไม่ว่าจะไปที่ไหน คุณก็จะเห็นหนุ่ม ๆ อินเดียเล่นคริกเก็ตกันตามข้างถนน หรือสวนสาธารณะ ซึ่งยิ่งคุณทำความเข้าใจเกี่ยวกับกีฬาชนิดนี้และร่วมเล่นกับพวกเขาได้ คุณก็จะมีเพื่อนอินเดียได้อย่างง่าย ๆ เลยล่ะ 3. รู้จักการกินโดยไม่ใช้ช้อน แน่นอนหมายถึงการกินอาหารด้วยมือเปล่านั่นเอง อ๊ะ แต่ต้องใช้มือขวานะ เพราะมือซ้ายเค้าถือว่าเป็นมือที่ใช้ทำธุระในห้องน้ำ ซึ่งการทานอาหารด้วยมือเปล่าของคนที่นี่ เริ่มตั้งแต่อาหารจานหลักอย่างข้าวกันเลย คุณต้องใช้เทคนิคนิดหน่อยสำหรับการปั้นข้าวกับกับข้าวให้เป็นคำ ๆ เพื่อหยิบมันเข้าปากได้อย่างสบาย เพราะที่นี่อาหารบางอย่างก็ไม่ได้มีช้อนให้เสมอไปค่ะ 4. พกกระดาษชำระและไฟฉายไว้ตลอดเวลา เพราะห้องน้ำสาธารณะในอินเดีย ไม่ว่าจะเป็น ในรถไฟ จุดบริการนักท่องเที่ยว หรือที่ไหนก็ตามแต่ ไม่มีกระดาษชำระไว้ในนั้นหรอกค่ะ รวมถึงไฟฉายก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยด้วย เพราะที่อินเดียไฟดับเป็นเรื่องปกติ ก็คงลำบากไม่น้อยหากคุณกำลังทำธุระอยู่แล้วจู่ ๆ ไฟก็ดับไปซะดื้อ ๆ 5. คุณต่อรองสินค้าได้กับทุกคน ในอินเดียการค้าขายเป็นเหมือนลมหายใจของพวกเขาเลยทีเดียว หากมีใครเสนอขายสินค้าให้คุณในราคา 1200 รูปี มูลค่าจริง ๆ ของมันไม่ได้แพงถึงขั้นนั้นหรอกค่ะ คุณอาจต่อราคาลงเหลือ 600 รูปี โดยที่พวกเขาก็ยอมรับด้วยนะ เพราะนั่นเป็นราคาที่เค้าตั้งมาเผื่อต่อนั่นเอง เพราะฉะนั้น คุณไม่ควรควักกระเป๋าซื้อสินค้าโดยไม่มีการต่อรองอะไรเลย โดยเฉพาะในมุมไบ และตลาดใหญ่ ๆ ต่าง ๆ 6. ศึกษาเรื่องป้ายบอกทางและตารางการเดินรถไฟให้ดี ๆ หากคุณเที่ยวอินเดียแบบแบคแพกเกอร์แล้วล่ะก็ การขึ้นรถไฟผิดขบวนเพราะรถไฟแต่ละขบวนมาไม่ตรงเวลา จะทำให้คุณเสียเวลาไปทั้งวันเลยก็ได้ 7. พกยาต้านมาลาเรียไปด้วยทุกครั้ง โดยเฉพาะหากคุณเดินทางไปเยี่ยมชมเมืองชนบทของอินเดียแล้วล่ะก็ ยาต้านมาลาเรียเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยล่ะ เพราะอินเดียมียุงที่เป็นพาหพนำเชื้อมาลาเรียเยอะเหลือเกิน แม้แต่ในเมืองก็ตามที และจำไว้ว่าเมื่อคุณกลับมาแล้ว อย่าลืมไปพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพของตัวเอง 2 เดือนครั้ง เพื่อความแน่ใจว่าคุณไม่ได้ติดเชื้ออะไรกลับมา 8. คุณไม่ควรพลาดที่จะผ่อนคลายความเมื่อยล้า ด้วยการนวดแบบ Ayurvedic การนวดและวิธีรักษาโรคแบบ Ayurvedic นั้นมีชื่อเสียงมาก ๆ ในอินเดีย ที่ใครหลาย ๆ คนยอมรับถึงสรรพคุณในการบำบัดอาการเจ็บป่วยต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี โดยการนวดที่นี่นั้น จะไม่เหมือนเมืองไทยตรงที่ผู้ชายจะนวดให้ผู้ชาย และผู้หญิงก็จะนวดให้ผู้หญิงเท่านั้น เนื่องจากวัฒนธรรมของอินเดีย ถือเรื่องของการถูกเนื้อต้องตัวกันระหว่างเพศตรงข้ามมาก 9. ระมัดระวังเรื่องรองเท้าคู่เก่งของคุณให้ดี ๆ โดยเฉพาะเวลาที่คุณเข้าวัดอินเดีย จะต้องถอดรองเท้าไว้นอกวัดเสมอ และมันจะหายเอาได้อย่างง่าย ๆ ยิ่งเป็นรองเท้าหนังหรือผ้าใบคู่เก๋สะดุดตาแล้ว ยิ่งมีสิทธิ์หายได้ง่ายขึ้นมาก ๆ เลยค่ะ ดังนั้น ขอแนะนำว่าหากจะเข้าวัดอินเดีย ควรใส่รองเท้าแตะถูก ๆ ที่ใส่ง่ายถอดง่ายไปดีกว่า หรืออีกทางหนึ่งคือจับผ้าใบคู่เก่งของคุณใส่ถุงยัดใส่กระเป๋าไปด้วยนั่นแหละ 10. หากคุณชื่นชอบการเที่ยววัดวาอาราม แนะนำให้คุณไปอินเดียใต้ เพราะที่นั่นเป็นศูนย์รวมของวัดวาอาราม วัง และสถาปัตยกรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของอินเดีย ซึ่งเป็นที่ที่คุณจะสัมผัสได้ถึงความเป็นอินเดียได้อย่างแท้จริง นอกจากนี้ ยังเป็นที่ที่รวบรวมเอาของฝากจากทั่วทุกภาคของอินเดียไว้อีกด้วย ที่มาและภาพประกอบ : kapook Content by VoiceTV |
ปลั๊กไฟในอินเดีย
India | 230 V | 50 Hz | * A variety of electrical plugs are found throughout India, so an all-around adaptor plug set is recommended. Type D is most common. Some hotels have desks and workstations which accept a variety of plug types. But no matter what type of plug, voltage in India is 230V 50 Hz. |
อุณหภูมิช่วงนี้ที่Kottayam 30 องศาเซลเซียส ที่Cochinก็เหมือนกัน 30 องศาเซลเซียส เข้าใจว่าช่วงนี้เป็นหน้าฝน อาจารย์ที่จะไปในทริปนี้เตรียมร่มกันฝนไปด้วยก็ดีนะครับ เท่าที่ผมอ่านเจอเตรียมทิชชูไปด้วยครับ ที่นั่นแพงครับ แต่น้ำราคาเท่าบ้านเราครับ ทานน้ำบรรจุขวดนะครับ อย่าทานน้ำใ่ส่น้ำแข็ง เราไม่รู้ว่าเขาเอาน้ำอะไรมาทำน้ำแข็ง ท้องเราจะเสียไ้ด้ง่ายครับ ยาสามัญประจำบ้านสำหรับแพ้อาหารอินเดียครับ ถ้าใครแพ้ฝุ่น เอาผ้ากันฝุ่นไปด้วยก็ดีครับ ฝุ่นเยอะครับ
เวลาที่อินเดียเร็วกว่าบ้านเราครึ่งชั่วโมงครับ ค่าเงินบาทไทย เท่ากับ 1.46 รูปีตอนนี้นะครับ หรือ เท่ากับ .68 บาทไทยครับ ผมแลกเงินต่างประเทศเสมอที่ super rich ครับ สาขาที่ขอนแก่นก็มี กดดูี่เว็บลิงค์ครับ เงินไทยแลกอินเดียวันก่อนเห็นราคาประมาณนี้ครับ
ถ้าอยากจะดูประสบการณ์ของคนที่เคยไปอินเดีย ก็ต้องนี่ครับเว็บของ วุฒิ+เคท เขาไปตอนปี 09 ผ่านมาแค่สองปีเอง อะไรๆก็เปลี่ยนแปลงได้ เช่นการยื่นวีซ่าเมื่อก่อน ยื่นที่สถานทูต เดี๋ยวนี้ยื่นที่ตัวแทนจัดทำวีซ่าอินเดียพร้อม+ค่าบริการจัดทำเพิ่มอีกเล็กน้อย
มาดูเมืองที่ผมจะไปบ้างครับ Kottayam , Cochin
นี่ถ้าผมเดินทางมาเที่ยว ผมคงไปพักในนี้แน่เลย Houseboat Cruise
นี่เขาบอกว่า Kottayam District เป็นแค่อำเภอเองเหรอ?
เอ.. นี่หมอกหรือควันรถกันแน่เนี่ย ?
อีกที่ที่เขาจะให้ไปคือ Kumali หลังจากไป Kottayam แล้ว Kumali คืออะไร เป็นยังไง ไม่ทราบเลยครับ จะลองหาข้อมูลดูก่อนว่าคือเมืองอะไร เห็นแต่รูป แต่ไม่มีข้อมูลเลยว่าคือเมืองอย่างไร
มีที่หนึ่งที่เขาบอกว่า Kumali คือ gateway สำหรับนักท่องเที่ยว เป็นศูนย์กลางของนักท่องเที่ยว Kumali เหมาะสำหรับนักปีนเขา
สุดท้าย ดูแล้วก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่า Kumaliคืออะไร เดาเอาว่าคงเป็นเมืองที่มีภูเขาเอาไว้ปีนป่ายมั๊งครับ แต่ดูจากในภาพyoutube นี้แล้ว ไม่ใช่ป่าแบบบ้านเรา ไม่ค่อยมีต้นไม้ ฯลฯ เดี๋ยวเอาไว้ไปดูของจริงดีกว่าว่าไปทำอะไรกันที่นั่น
ต่อมาก็ไปที่ Cochin/Ernakulam เป็นอำเภอหนึ่งในรัฐนี้
ที่นี่มีงานประกาศ มาดูกันว่าเขาทำงานกันอย่างไรบ้าง
Ernakulumเป็นอำเภอหนึ่ง ชื่อของอำเภอเอามาจากชื่อวิหารที่มีชื่อเสียง
เข้าใจว่าเมืองนี้คงจะเจริญไม่น้อยเลย
คริสเตียนในอินเดีย
มาดูเรื่องคริสเตียนที่อยู่ในอินเดียบ้างครับ เขาบอกว่าเป็นศาสนาที่ใหญ่เป็นอันดับที่สามในอินเดีย มีคนติดตามพระคริสต์ประมาณ 24 ล้านคน ประมาณ 2.3% ของประชากรอินเดีย (ไม่มากนะครับ2.3% แต่เมื่อเทียบกับประชากรพันล้านแล้ว ก็หลายสิบล้านคนทีเดียว) คริสเตียนเริ่มต้นในอินเดียโดยการประกาศของอัครทูตโธมัส ในปีค.ศ. 52 ซึ่งมาเยี่ยมที่ Muziris ในรัฐ Kerala (ว๊าว.. เป็นรัฐที่เราจะไปเสียด้วย) เพื่อเผยแพร่ข่าวประเสริฐในหมู่ชาวยิวในรัฐ Kerala
ปัจจุบันคริสเตียนพบทั่วไปทั่วอินเดียโดยเฉพาะในเมืองหลักๆที่มีประชากรเช่น อินเดียตอนใต้ (ก็คือส่วนที่เราจะไปนั่นเอง) , ชายฝั่ง Konkan และทางตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนใหญ่ของผู้เชื่อในอินเดียคือโรมันคาทอลิค
ตามประเพณีคริสเตียนในอินเดีย,อัครทูตโธมัสมาถึงKodungallur(ซึ่งก็คือMuziris) ในKerala ได้สถาปนาเจ็ดคริสตจักรและประกาศ ซึ่งในปัจจุบันก็คือKeralaและTamil Nadu ในสมัยจักรวรรด์โรมัน คริสเตียนกลับใจใหม่จากกลุ่มชาวยิว Cochin Jews ซึ่งเชื่อว่ามาถึงอินเดียราวๆค.ศ. 562
คริสตจักรที่เก่าแก่ที่สุดในโลกซึ่งเชื่อว่าสร้างโดยอัครทูตโธมัสในปี ค.ศ. 57 ซึ่งเรียกว่า Thiruvithamcode Arappally or Thomaiyar Kovil ตั้งอยู่ที่ Thiruvithancode ในอำเภอ Kanyakumari ของ Tamil Nadu ซึ่งตอนนี้เรียกว่า international St. Thomas pilgrim center.
มาดูภาพเปอร์เซ็นคริสเตียนในอินเดียบ้างครับ
ดูเปอร์เซ็นครับ ดูว่ารัฐไหน จำนวนคริสเตียนเป็นอย่างไร จะเห็นว่ารัฐTamil Nadu จำนวนคริสเตียนมากที่สุด รองลงมาคือรัฐKerala ที่ผมจะไปนี่แหละครับ
สังเกตุว่ารัฐTamil Naduอยู่ติดกับรัฐKeralaทางด้านขวา
สรุปว่าทริปที่เราไปคราวนี้ไปทางแถบที่มีความเจริญของคริสเตียนโดยเฉพาะรัฐTamil Nadu จำนวนคริสเตียนมากที่สุด แต่สำหรับรัฐKerala ที่เราจะไป มีจำนวนคริสเตียนหนาแน่นมากกว่ารัฐTamil Nadu แต่ถ้ามีจำนวนคริสเตียนเยอะที่สุดคงต้องเป็นซีกตะวันออกเฉียงเหนือครับ
เวลาที่อินเดียเร็วกว่าบ้านเราครึ่งชั่วโมงครับ ค่าเงินบาทไทย เท่ากับ 1.46 รูปีตอนนี้นะครับ หรือ เท่ากับ .68 บาทไทยครับ ผมแลกเงินต่างประเทศเสมอที่ super rich ครับ สาขาที่ขอนแก่นก็มี กดดูี่เว็บลิงค์ครับ เงินไทยแลกอินเดียวันก่อนเห็นราคาประมาณนี้ครับ
ถ้าอยากจะดูประสบการณ์ของคนที่เคยไปอินเดีย ก็ต้องนี่ครับเว็บของ วุฒิ+เคท เขาไปตอนปี 09 ผ่านมาแค่สองปีเอง อะไรๆก็เปลี่ยนแปลงได้ เช่นการยื่นวีซ่าเมื่อก่อน ยื่นที่สถานทูต เดี๋ยวนี้ยื่นที่ตัวแทนจัดทำวีซ่าอินเดียพร้อม+ค่าบริการจัดทำเพิ่มอีกเล็กน้อย
มาดูเมืองที่ผมจะไปบ้างครับ Kottayam , Cochin
นี่ถ้าผมเดินทางมาเที่ยว ผมคงไปพักในนี้แน่เลย Houseboat Cruise
นี่เขาบอกว่า Kottayam District เป็นแค่อำเภอเองเหรอ?
เอ.. นี่หมอกหรือควันรถกันแน่เนี่ย ?
อีกที่ที่เขาจะให้ไปคือ Kumali หลังจากไป Kottayam แล้ว Kumali คืออะไร เป็นยังไง ไม่ทราบเลยครับ จะลองหาข้อมูลดูก่อนว่าคือเมืองอะไร เห็นแต่รูป แต่ไม่มีข้อมูลเลยว่าคือเมืองอย่างไร
มีที่หนึ่งที่เขาบอกว่า Kumali คือ gateway สำหรับนักท่องเที่ยว เป็นศูนย์กลางของนักท่องเที่ยว Kumali เหมาะสำหรับนักปีนเขา
สุดท้าย ดูแล้วก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่า Kumaliคืออะไร เดาเอาว่าคงเป็นเมืองที่มีภูเขาเอาไว้ปีนป่ายมั๊งครับ แต่ดูจากในภาพyoutube นี้แล้ว ไม่ใช่ป่าแบบบ้านเรา ไม่ค่อยมีต้นไม้ ฯลฯ เดี๋ยวเอาไว้ไปดูของจริงดีกว่าว่าไปทำอะไรกันที่นั่น
ต่อมาก็ไปที่ Cochin/Ernakulam เป็นอำเภอหนึ่งในรัฐนี้
ที่นี่มีงานประกาศ มาดูกันว่าเขาทำงานกันอย่างไรบ้าง
Ernakulumเป็นอำเภอหนึ่ง ชื่อของอำเภอเอามาจากชื่อวิหารที่มีชื่อเสียง
เข้าใจว่าเมืองนี้คงจะเจริญไม่น้อยเลย
คริสเตียนในอินเดีย
มาดูเรื่องคริสเตียนที่อยู่ในอินเดียบ้างครับ เขาบอกว่าเป็นศาสนาที่ใหญ่เป็นอันดับที่สามในอินเดีย มีคนติดตามพระคริสต์ประมาณ 24 ล้านคน ประมาณ 2.3% ของประชากรอินเดีย (ไม่มากนะครับ2.3% แต่เมื่อเทียบกับประชากรพันล้านแล้ว ก็หลายสิบล้านคนทีเดียว) คริสเตียนเริ่มต้นในอินเดียโดยการประกาศของอัครทูตโธมัส ในปีค.ศ. 52 ซึ่งมาเยี่ยมที่ Muziris ในรัฐ Kerala (ว๊าว.. เป็นรัฐที่เราจะไปเสียด้วย) เพื่อเผยแพร่ข่าวประเสริฐในหมู่ชาวยิวในรัฐ Kerala
ปัจจุบันคริสเตียนพบทั่วไปทั่วอินเดียโดยเฉพาะในเมืองหลักๆที่มีประชากรเช่น อินเดียตอนใต้ (ก็คือส่วนที่เราจะไปนั่นเอง) , ชายฝั่ง Konkan และทางตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนใหญ่ของผู้เชื่อในอินเดียคือโรมันคาทอลิค
ตามประเพณีคริสเตียนในอินเดีย,อัครทูตโธมัสมาถึงKodungallur(ซึ่งก็คือMuziris) ในKerala ได้สถาปนาเจ็ดคริสตจักรและประกาศ ซึ่งในปัจจุบันก็คือKeralaและTamil Nadu ในสมัยจักรวรรด์โรมัน คริสเตียนกลับใจใหม่จากกลุ่มชาวยิว Cochin Jews ซึ่งเชื่อว่ามาถึงอินเดียราวๆค.ศ. 562
คริสตจักรที่เก่าแก่ที่สุดในโลกซึ่งเชื่อว่าสร้างโดยอัครทูตโธมัสในปี ค.ศ. 57 ซึ่งเรียกว่า Thiruvithamcode Arappally or Thomaiyar Kovil ตั้งอยู่ที่ Thiruvithancode ในอำเภอ Kanyakumari ของ Tamil Nadu ซึ่งตอนนี้เรียกว่า international St. Thomas pilgrim center.
มาดูภาพเปอร์เซ็นคริสเตียนในอินเดียบ้างครับ
Christianity in India | ||||
---|---|---|---|---|
Denomination | Percent | |||
Roman Catholicism | 67.4% | |||
Protestantism | 18.3% | |||
Eastern Orthodoxy | 14.3% |
Church Name | Population | Orientation |
---|---|---|
Catholic Church | 11,800,000 | Roman Catholic-Latin Rite |
Syro-Malabar Church | 3,947,396[134] | Roman Catholic-East Syrian Rite |
Syro-Malankara Church | 500,000 | Roman Catholic-East Syrian Rite |
Malankara Jacobite Syrian Orthodox Church | 900,000 | Oriental Orthodox |
Malankara Orthodox Syrian Church | 1,600,000 | Oriental Orthodox |
Malabar Independent Syrian Church | 35,000 | Oriental Orthodox |
Chaldean Syrian Church | 30,000 | Church of the East |
Malankara Mar Thoma Syrian Church | 900,000 (Approx)[135] | Oriental Reformed |
Church of South India | 3,800,000 | Protestant |
Church of North India | 1,250,000 | Protestant |
Methodist Church in India | 648,000 | Protestant |
Baptist | 2,392,694 | Protestant |
Lutheran | 1,267,786[125] | Protestant |
Indian Brethren | 1,000,000 | Protestant |
Presbyterian Church of India | 823,456 | Protestant |
St. Thomas Evangelical Church | 30,000 | Protestant |
Worldwide Faith Missions | 12,000 | Protestant |
Evangelical Church | 250,000 | Protestant |
New Apostolic Church[131] | 1,448,209 | Protestant |
India Pentecostal Church of God | 600,000 | Protestant |
New Life Fellowship Association[131] | 480,000 | Protestant |
Manna Full Gospel Churches[131] | 275,000 | Protestant |
Philadelphia Fellowship Church of India[131] | 200,000 | Protestant |
Unitarian Union of Northeast India | 10,000 | Unitarian |
Jehovah's Witnesses | 33,089[136] | Restorationism |
State | Population | Christian (%) | Christian (numbers) |
---|---|---|---|
India | 1,028,610,328 | 2.3 | 24,080,016 |
Mizoram | 889,000 | 90.5 | 804,545 |
Nagaland | 1,990,000 | 90.0 | 1,791,398 |
Meghalaya | 2,319,000 | 70.3 | 1,630,257 |
Manipur | 2,294,000 | 34.0 | 779,960 |
Goa | 1,343,998 | 26.0 | 349,439 |
Andaman and Nicobar Islands | 356,152 | 21.7 | 77,178 |
Kerala | 31,841,000 | 19.0 | 6,049,790 |
Arunachal Pradesh | 1,097,968 | 18.7 | 205,548 |
Puducherry | 974,345 | 7.0 | 67,688 |
Sikkim | 540,851 | 6.6 | 36,115 |
Tamil Nadu | 62,405,679 | 6.06 | 3,785,060 |
Jharkhand | 26,945,829 | 4.05 | 1,093,382 |
Assam | 26,655,528 | 3.7 | 986,589 |
Tripura | 3,199,203 | 3.2 | 102,489 |
Orissa | 36,804,660 | 2.4 | 897,861 |
Karnataka | 52,850,562 | 2.0 | 1,009,164 |
Andhra Pradesh | 76,210,007 | 1.5 | 1,181,917 |
Maharashtra | 96,878,627 | 1.09 | 1,058,313 |
ดูเปอร์เซ็นครับ ดูว่ารัฐไหน จำนวนคริสเตียนเป็นอย่างไร จะเห็นว่ารัฐTamil Nadu จำนวนคริสเตียนมากที่สุด รองลงมาคือรัฐKerala ที่ผมจะไปนี่แหละครับ
สังเกตุว่ารัฐTamil Naduอยู่ติดกับรัฐKeralaทางด้านขวา
สรุปว่าทริปที่เราไปคราวนี้ไปทางแถบที่มีความเจริญของคริสเตียนโดยเฉพาะรัฐTamil Nadu จำนวนคริสเตียนมากที่สุด แต่สำหรับรัฐKerala ที่เราจะไป มีจำนวนคริสเตียนหนาแน่นมากกว่ารัฐTamil Nadu แต่ถ้ามีจำนวนคริสเตียนเยอะที่สุดคงต้องเป็นซีกตะวันออกเฉียงเหนือครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น