แบ่งปันต่อครับ
Luke 7:24 เมื่อผู้สื่อข่าวทั้งสองของยอห์นไปแล้ว พระองค์จึงตรัสกับประชาชนถึงยอห์นว่า “ท่านทั้งหลายได้ออกไปในถิ่นทุรกันดารเพื่อดูอะไร มิใช่ดูต้นอ้อไหวโดยถูกลมพัดนะ
Luke 7:25 ถ้าอย่างนั้นท่านทั้งหลายได้ไปดูอะไร ดูคนนุ่งห่มผ้าเนื้ออ่อนนิ่มหรือ ดูเถิด คนนุ่งห่มผ้างดงามและอยู่อย่างฟุ่มเฟือยย่อมอยู่ในราชสำนัก
Luke 7:26 แต่ท่านทั้งหลายออกไปดูอะไร ดูผู้เผยพระวจนะหรือ แน่ทีเดียว และเราบอกท่านว่า ท่านนั้นเป็นผู้ประเสริฐยิ่งกว่าผู้เผยพระวจนะเสียอีก
Luke 7:27 คือยอห์นนี้แหละที่พระคัมภีร์กล่าวถึงว่า เราใช้ทูตของเราไปข้างหน้าท่าน ผู้นั้นจะเตรียมมรรคาของท่านไว้ข้างหน้าท่าน
Luke 7:28 เราบอกท่านทั้งหลายว่า ในบรรดาคนที่บังเกิดจากผู้หญิงมานั้น ไม่มีผู้ใดใหญ่กว่ายอห์น แต่ว่าผู้ที่ต่ำต้อยที่สุดในแผ่นดินของพระเจ้าก็ใหญ่กว่ายอห์นเสียอีก”
Luke 7:29 (ฝ่ายคนทั้งปวงเมื่อได้ยินรวมทั้งพวกเก็บภาษีด้วยก็ได้รับว่าพระเจ้ายุติธรรม โดยที่เขาได้รับบัพติศมาของยอห์นแล้ว
Luke 7:30 แต่พวกฟาริสีและพวกบาเรียนไม่ยอมรับพระประสงค์ของพระเจ้าสำหรับเขา โดยที่มิได้รับบัพติศมาจากยอห์น)
Luke 7:31 “เหตุฉะนั้นเราจะเปรียบคนยุคนี้เหมือนกับอะไรดี
Luke 7:32 เปรียบเหมือนเด็กนั่งที่กลางตลาด ร้องแก่เพื่อนว่า ‘พวกฉันได้เป่าปี่ให้พวกเธอ และเธอมิได้เต้นรำ พวกฉันได้พิลาปร่ำไห้ และพวกเธอมิได้ตีอกชกหัว’
Luke 7:33 ด้วยว่ายอห์นผู้ให้รับบัพติศมาก็ไม่ได้รับประทานขนมปังหรือดื่มเหล้าองุ่น และท่านทั้งหลายว่า ‘มีผีเข้าสิงอยู่’
Luke 7:34 ฝ่ายบุตรมนุษย์มาทั้งกินและดื่ม และท่านทั้งหลายว่า ‘ดูเถิด นี่เป็นคนกินเติบและขี้เมา เป็นมิตรสหายกับคนเก็บภาษีและคนนอกรีต’
Luke 7:35 แต่พระปัญญาก็ปรากฏว่าชอบแล้ว โดยบรรดาผลแห่งพระปัญญานั้น”
Luke 7:24 เมื่อผู้สื่อข่าวทั้งสองของยอห์นไปแล้ว พระองค์จึงตรัสกับประชาชนถึงยอห์นว่า “ท่านทั้งหลายได้ออกไปในถิ่นทุรกันดารเพื่อดูอะไร มิใช่ดูต้นอ้อไหวโดยถูกลมพัดนะ
Luke 7:25 ถ้าอย่างนั้นท่านทั้งหลายได้ไปดูอะไร ดูคนนุ่งห่มผ้าเนื้ออ่อนนิ่มหรือ ดูเถิด คนนุ่งห่มผ้างดงามและอยู่อย่างฟุ่มเฟือยย่อมอยู่ในราชสำนัก
Luke 7:26 แต่ท่านทั้งหลายออกไปดูอะไร ดูผู้เผยพระวจนะหรือ แน่ทีเดียว และเราบอกท่านว่า ท่านนั้นเป็นผู้ประเสริฐยิ่งกว่าผู้เผยพระวจนะเสียอีก
Luke 7:27 คือยอห์นนี้แหละที่พระคัมภีร์กล่าวถึงว่า เราใช้ทูตของเราไปข้างหน้าท่าน ผู้นั้นจะเตรียมมรรคาของท่านไว้ข้างหน้าท่าน
Luke 7:28 เราบอกท่านทั้งหลายว่า ในบรรดาคนที่บังเกิดจากผู้หญิงมานั้น ไม่มีผู้ใดใหญ่กว่ายอห์น แต่ว่าผู้ที่ต่ำต้อยที่สุดในแผ่นดินของพระเจ้าก็ใหญ่กว่ายอห์นเสียอีก”
Luke 7:29 (ฝ่ายคนทั้งปวงเมื่อได้ยินรวมทั้งพวกเก็บภาษีด้วยก็ได้รับว่าพระเจ้ายุติธรรม โดยที่เขาได้รับบัพติศมาของยอห์นแล้ว
Luke 7:30 แต่พวกฟาริสีและพวกบาเรียนไม่ยอมรับพระประสงค์ของพระเจ้าสำหรับเขา โดยที่มิได้รับบัพติศมาจากยอห์น)
Luke 7:31 “เหตุฉะนั้นเราจะเปรียบคนยุคนี้เหมือนกับอะไรดี
Luke 7:32 เปรียบเหมือนเด็กนั่งที่กลางตลาด ร้องแก่เพื่อนว่า ‘พวกฉันได้เป่าปี่ให้พวกเธอ และเธอมิได้เต้นรำ พวกฉันได้พิลาปร่ำไห้ และพวกเธอมิได้ตีอกชกหัว’
Luke 7:33 ด้วยว่ายอห์นผู้ให้รับบัพติศมาก็ไม่ได้รับประทานขนมปังหรือดื่มเหล้าองุ่น และท่านทั้งหลายว่า ‘มีผีเข้าสิงอยู่’
Luke 7:34 ฝ่ายบุตรมนุษย์มาทั้งกินและดื่ม และท่านทั้งหลายว่า ‘ดูเถิด นี่เป็นคนกินเติบและขี้เมา เป็นมิตรสหายกับคนเก็บภาษีและคนนอกรีต’
Luke 7:35 แต่พระปัญญาก็ปรากฏว่าชอบแล้ว โดยบรรดาผลแห่งพระปัญญานั้น”
หลังจากศิษย์ของยอห์นไปแล้ว พระเยซูได้ถามคนที่เหลืออยู่ว่า ท่านทั้งหลายเข้าไปในถิ่นทุรกันดารเพื่อจะดูอะไร ถิ่นทุรกันดารก็คือถิ่นที่ยอห์นอยู่ ดูใน มาระโก 1:1-15 และใน ลูกา 1:12-80 ส่วนคำว่าดูในข้อที่ 24 และ 25 นั้น คนละคำกัน ดูในข้อ 24 คือดูอย่างใกล้ชิด ขณะที่ข้อ 25 เป็นคำว่าดูอย่างปกติ
ท่านทั้งหลายไปดูอย่างใกล้ชิดทำไม ดูใกล้ชิดแสดงว่าต้องสนใจอย่างมาก เหมือนกับเราเวลาถ่ายรูประยะใกล้ เราต้องซูมเข้าไปใกล้ชิดเฉพาะเจาะจงเพื่อจะถ่ายรูป ไม่เหมือนการถ่ายรูปมุมปกติทั่วไปที่ไม่ได้โฟกัสไปที่ใด ในภาพยอห์นตอนนี้ก็คงเช่นกัน พระเยซูคงจะถามว่าท่านไปในถิ่นทุรกันดาร ดูอย่างมีวัตถุประสงค์ ดูอย่างจดจ่อ มีจุดโฟกัสที่สนใจ ไม่ใช่ไปดูต้นอ้อไหวแน่ ไม่ได้ไปดูคนสวมผ้าอ่อนนุ่มซึ่งไม่ได้อยู่ในถิ่นทุึรกันดารแต่อยู่ในวัง
ท่านทั้งหลายไปดูใกล้ชิดดูอะไร ไปดูยอห์น ผู้เผยพระวจนะหรือ ใช่ ตามที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ พระเยซูบอกว่ายอห์นใหญ่กว่าผู้เผยพระวจนะ เพราะเป็นผู้ที่มาเตรียมทางให้พระเยซู พระคัมภีร์ใช้คำว่า "ทูต" หรือผู้ส่งข่าวสาร เตรียมใจคน บอกให้รู้ว่าพระมาซีฮาจะมาแล้ว ลูกา 1:76-77 เตรียมทางแห่งความรอด พี่น้องต้องทราบความคิดของคนยิวก่อนว่า พวกเขารอคอยพระซีฮา(พระเมสสิยาห์) ยอห์น 4:35 หรือพระคริสต์แปลว่าผู้รับการเจิม เขารอคอยเพราะในเวลานั้นเขาอยู่ภายใต้การปกครองของโรมัน เขาไฝ่ฝันถึงผู้รับการเจิมที่จะมาปลดปล่อยพวกเขาจากอำนาจของโรมัน แต่การรอคอยของเขานั้น เขารอคอยพระเมสสิยาห์ที่จะมาเป็นกษัตริย์ปกครองแผ่นดิน เขาไม่คิดถึงพระเมสสิยาห์ที่จะมาเป็นแบบพระคริสต์ที่มาเกิดในรางหญ้า เป็นคนธรรมดา ฯลฯ ด้วยเหตุนี้ชาวยิวในสมัยอดีตจนถึงสมัยปัจจุบันจึงปฏิเสธพระคริสต์และจับพระองค์ไปตรึงไว้ที่ไม้กางเขน เพราะเขาคิดไม่ถึง เขาไม่เข้าใจพระเจ้าที่จะมาในสภาพของผู้ต่ำต้อย
พระเมสสิยาห์ที่จะมาเป็นกษัตริย์ปกครองแผ่นดินจะมาแน่ นั่นคือการเสด็จมาครั้งที่สองของพระเยซูคริสต์ แต่ชาวยิวตาไม่เปิดออกรับความจริงเรื่องนี้ แม้ยอห์นมาเป็นทูต ผู้ส่งข่าวสารนำหน้า ตามที่พระคัมภีร์ได้กล่าวไว้แล้วใน อิสยาห์ 40:3 ว่าพระเจ้าจะให้เขาเป็นผู้ที่มานำ้หน้า แล้วพระเมสสิยาห์จะมา และจะให้คนทั้งหลายรับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ในขณะที่ยอห์นให้รับบัพติศมาด้วยน้ำแสดงถึงการกลับใจใหม่ แต่ชาวยิวจำนวนมากก็ไม่ฟัง และปฏิเสธพระคริสต์
เมื่อผมเขียนมาถึงตรงนี้ ผมนึกถึงเพลงภาษาอังกฤษ จำไม่ค่อยได้แล้ว ร้องมาตั้งแต่เชื่อใหม่ๆ greater is he that is in me(3x) than he that is in the world.
1John 4:4 Ye G5210 are G2075 of G1537 God G2316, little children G5040, and G2532 have overcome G3528 them G846: because G3754 greater G3187 is he that is G2076 in G1722 you G5213, than G2228 he that is in G1722 the world G2889.
1John 4:4 ลูกทั้งหลายเอ๋ย ท่านเป็นฝ่ายพระเจ้า และได้ชนะเขาเหล่านั้น เพราะว่าพระองค์ผู้ทรงอยู่ในท่านทั้งหลายเป็นใหญ่กว่าผู้นั้นที่อยู่ในโลก
ใครที่อยู่ในเราที่ใหญ่กว่าผู้ที่อยู่ในโลก พระวิญญาณบริสุทธิ์ครับที่อยู่ในเรา ใหญ่กว่าผีมารซาตานที่อยู่ในโลก นี่ละมั๊งที่พระเยซูบอกว่า แม้ผู้ที่เล็กน้อยที่สุดในแผ่นดินพระเจ้าก็ใหญ่กว่ายอห์นเสียอีก เพราะเขาเหล่านั้นมีพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระวิญญาณของพระเจ้าที่อยู่ภายใน
ข้อ 29 ข้อ 30 เป็นการตอบสนองของประเภทคนสองประเภท ข้อ 30 พวกฟาริสีและพวกบาเรียน พวกที่ทำทีเคร่งในหลักธรรม ทำทีดูสูงส่ง รับไม่ได้กับคำสอนของยอห์นที่มาบอกถึงพระคริสต์ที่จะมาในสภาพต่ำต้อย
แล้วพระเยซูก็เปรียบกับคนในยุคสมัยนั้นว่า เปรียบเหมือนเด็กที่ทำอะไรก็อยากให้คนทำตาม เป่าปี่ก็หวังให้คนเต้นรำ ร้องไห้ก็หวังว่าจะมีคนร้องไห้ด้วย พอยอห์นมา ไม่กินขนมปัง ไม่ดื่มเหล้าองุ่นก็ต่อว่า พระเยซูมาทั้งกินทั้งดื่มก็ต่อว่า แต่ว่าโดยสติปัญญา สิ่งที่ทำนั้นก็ชอบธรรมแล้ว สิ่งใดก็ตามที่เราทำแล้ว ชันสูตรแล้ว โดยพระวจนะ ไม่มีสิ่งใดผิด ก็ทำเถิด
ดังนั้นสำหรับผมแล้ว ผมก็จะทำทุกสิ่งโดยใจวินิจฉัยผิดถูกชอบชั่วดีตามหลักพระวจนะ ผมไม่ต้องการทำสิ่งใดตามใจของใคร หรือทำตามแบบใคร แต่ผมรับผิดชอบคริสตจักรและทำทุกสิ่งตามพระทัยพระคริสต์ อาเมน..
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น