วันเสาร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2554

คำแบ่งปันจากพระวจนะ 29 ต.ค. 11

     สวัสดีครับ วันนี้เริ่มบันทึกวีดีโอคำแบ่งปันพระวจนะจากที่คจ.ได้แจกให้เมื่ออาทิตย์ที่แล้วนะครับ (เผยแพร่วันเสาร์ที่ 29 ก็แสดงว่าวันพรุ่งนี้มีประชุมปกติครับ) อัดเองครับ มือสมัครเล่นเพื่อพี่น้องทั้งหลายที่อยู่ต่างจังหวัด อยู่ในกทม. ปริมณฑล หรือติดน้ำท่วมอยู่ในเวลานี้ครับ ขอพระเจ้าเสริมกำลังทุกท่านครับ

ชีวิตพระเยซูคริสต์ : ตักเตือนคนที่ขาดความเชื่อและมีทิฐิชั่ว

ต่อครับ ลูกา 9:37-45

37 ต่อมาวันรุ่งขึ้นเมื่อพระองค์กับเหล่าสาวกลงมาจากภูเขาแล้ว มีคนมากมายมาพบพระองค์ 38 ดูเถิด มีชายคนหนึ่งในหมู่ประชาชนนั้นร้องว่า "อาจารย์เจ้าข้า ขอพระองค์ทรงโปรดทอดพระเนตรบุตรชายของข้าพเจ้า เพราะว่าข้าพเจ้ามีบุตรคนเดียว 39 และ ดูเถิด ผีมักจะเข้าสิงเขา เด็กก็โห่ร้องขึ้นทันที ผีทำให้เด็กนั้นชักดิ้น น้ำลายฟูมปาก ทำให้ตัวฟกช้ำ ไม่ใคร่ออกจากเขาเลย 40 ข้าพเจ้าได้ขอเหล่าสาวกของพระองค์ให้ขับมันออกเสีย แต่เขากระทำไม่ได้" 41 พระเยซูตรัสตอบว่า "โอ คนในยุคที่ขาดความเชื่อและมีทิฐิชั่ว เราจะต้องอยู่กับเจ้าทั้งหลายและอดทนเพราะพวกเจ้านานเท่าใด จงพาบุตรของท่านมาที่นี่เถิด" 42 เมื่อเด็กนั้นกำลังมา ผีก็ทำให้เขาล้มชักดิ้นใหญ่ แต่พระเยซูตรัสสำทับผีโสโครกนั้นและทรงรักษาเด็กให้หาย แล้วส่งคืนให้บิดาเขา 43 คนทั้งปวงก็ประหลาดใจนักเพราะฤทธิ์เดชอันใหญ่ยิ่งของพระเจ้า แต่เมื่อเขาทั้งหลายยังประหลาดใจอยู่เพราะเหตุการณ์ทั้งปวงซึ่งพระเยซูได้ทรงกระทำนั้น พระองค์จึงตรัสแก่เหล่าสาวกของพระองค์ว่า 44 จงให้คำเหล่านี้เข้าหูของท่าน เพราะว่าบุตรมนุษย์จะต้องถูกมอบไว้ในมือมนุษย์ 45 แต่คำเหล่านั้นสาวกหาได้เข้าใจไม่ ความก็ถูกซ่อนไว้จากเขา เพื่อเขาจะไม่ได้เข้าใจ และเขาไม่กล้าถามพระองค์ถึงคำนั้น


     นี่เป็นอีกเหตุการณ์หนึ่งเกี่ยวกับคนถูกผีเข้าที่มาขอให้พระเยซูช่วยขับผีให้เพราะพวกสาวกขับไม่ออก สาวกนี้อาจเป็นสาวกคนอื่นๆนอกเหนือจากพวกสาวก 12 คนก็เป็นได้ พวกสาวก 12 คนนั้น พระเยซูได้ส่งไปประกาศแผ่นดินพระเจ้าและกระทำการอัศจรรย์ในพระนามพระเยซูเจ้ามาก่อนหน้านี้ แต่พวกสาวกที่กล่าวถึงตรงนี้อาจเป็นพวกสาวกอีกกลุ่มหนึ่งก็ได้ที่อยู่ใกล้ชิดพระเยซู เพราะสาวกคือผู้ที่เป็นลูกศิษย์ เป็นผู้ติดตาม ได้เรียนรู้ ได้เห็นการอัศจรรย์ต่างๆนานา ในบทที่ 8 ก็ได้เห็นการขับผี รักษาโรค และทำให้คนที่ตายแล้วเป็นขึ้นมาจากความตาย แต่กลัีบไม่สามารถอธิษฐานขับผีได้  พระเยซูจึงบอกว่า "ขาดความเชื่อและมีทิฐิชั่ว"


     "ขาดความเชื่อ" ทั้งๆที่อยู่กับพระเยซูได้เห็นสิ่งต่างๆบังเกิดขึ้นผ่านกิจการที่พระเยซูคริสต์ไ้ด้ทำ ความเชื่อเป็นคุณสมบัติที่สำคัญของผู้เชื่อ พระวจนะได้บอกไว้ว่า  Rom 1:17 เพราะ​ว่า​ใน​ข่าว​ประเสริฐ​นั้น ความ​ชอบธรรม​ของ​พระ​เจ้า​ก็​ได้​สำแดง​ออก โดย​เริ่มต้น​ก็​ความ​เชื่อ สุดท้าย​ก็​ความ​เชื่อ ตาม​ที่​พระ​คัมภีร์​มี​เขียน​ไว้​ว่า คน​ชอบธรรม​จะ​มี​ชีวิต​ดำรง​อยู่​โดย​ความ​เชื่อ   ชีิวิตคริสเตียนเป็นชีวิตที่อาศัยความเชื่อ  คนทั่วไปจะบอกว่า ทำให้เห็นก่อนแล้วจะเชื่อ  แต่พระคัมภีร์ว่า  เชื่อก่อนแล้วจึงจะเห็น  เมื่อเราอ่านพระคัมภีร์เราจะเห็นพระวจนะที่หนุนใจให้เรามีความเชื่อในตอนต่างๆ  ขอบคุณพระเจ้าที่ให้เรามีีความเชื่อ เชื่อในพระเจ้าผู้ทรงยิ่งใหญ่ เขื่อในพระเจ้าที่ทรงดูแลเราตลอดเวลา  แม้ไม่เห็นแต่เชื่อก็เป็นสุข  ยอห์น 20:29  พระ​เยซู​ตรัส​กับ​เขา​ว่า “เพราะ​ท่าน​ได้​เห็น​เรา​ท่าน​จึง​เชื่อ​หรือ ผู้​ที่​ไม่​เห็น​เรา​แต่​เชื่อ​ก็​เป็น​สุข”

     "มีทิฐิชั่ว" คือ คนที่อยู่ในยุคหรือรุ่นที่บิดเบี้ยวไป แปลความผิดๆ มีสิ่งเจือปนในชีวิต นี่คือสิ่งที่พระเยซูพูด เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับคนในสมัยยุคพระเยซู  มาดูคำนี้ในที่อื่นๆบ้างครับ   Acts 13:8 แต่​เอ​ลี​มาส​คน​ทำ​วิทยาคม (​เพราะ​ชื่อ​ของ​เขา​หมาย​อย่าง​นั้น​) ได้​คัดค้าน​ขัดขวาง​บารนาบัส​กับ​เซาโล​ หวัง​จะ​ไม่ให้​ผู้ว่า​ราชการ​เมือง​เชื่อ​     ตรงนี้บอก คัดค้านขัดขวาง     Acts 13:10 และ​พูด​ว่า “เจ้า​เป็น​คน​เต็ม​ไป​ด้วย​อุบาย และ​ใจ​ร้าย​ทุก​อย่าง ลูก​ของ​มาร​ร้าย เป็น​ศัตรู​ต่อ​บรรดา​ความ​ชอบธรรม เจ้า​จะ​ไม่​หยุด​พยายาม​ทำ​ทางตรง​ของ​พระ​เจ้า​ให้​เขว​ไป​หรือ​   ตรงนี้ใช้คำว่า ทำให้เขว   จากตัวอย่างคำนี้ในพระคัมภีร์ตอนอื่นๆ คงพอทำให้เข้าใจสิ่งที่พระเยซูกำลังบอกเรื่องลักษณะของคนในยุคพระเยซูได้บ้าง   ถามว่าคนในยุคเรามีลักษณะเช่นนั้นบ้างหรือไม่ พยายามทำให้เรื่องแห่งความจริงไขว้เขวไป  ทำให้ความจริงเรื่องพระคริสต์บิดเบือนไป  หรืออาจจะเป็นเรื่องอื่นๆก็ตามแต่ ทำให้ความจริงบิดเบี้ยวไป  ถ้าลักษณะคนเป็นอย่างนี้ แน่นอนเขาไม่มีทางขับผีออกได้ ไม่เพียงไม่เชื่อในฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า แต่ยังมีลักษณะบางอย่างในชีวิตที่คิด ทำให้เรื่องต่างๆบิดเบี้ยวไปอีกด้วย

     คนของพระเจ้าต้องเป็นคนที่สัตย์ซื่อ ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมอันใด ดำเนินชีวิตตรงไปตรงมา ไม่มีเล่ห์เพทุบาย ไม่เป็นคนที่ทำให้ความจริงของพระเจ้าเขวไป ขอพระเจ้าชำระล้างชีวิตของเราทั้งหลายให้สะอาดทุกคน ให้กระแสน้ำที่มาท่วมประเทศไทยเป็นเหมือนสายน้ำที่มาชำระล้างสิ่งสกปรกโสโครกออกไปจากชีวิตคนไทยทุกคนในพระนามพระเยซูคริสต์เจ้า อาเมน.

วันเสาร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2554

คำแบ่งปันจากพระวจนะ

ทดสอบครับ สำหรับใช้เวลาน้ำท่่วมไปไหนไม่ได้ ก็ดูกัีนทางนี้ละครับ(ถ้ามีไฟฟ้าใช้นะครับ) ทุกวันอาทิตย์  แต่ถ้าวันอาทิตย์โบสถ์เปิดนมัสการได้ ก็จะนำมาลงไว้วันเสาร์สำหรับท่่านที่มาโบสถ์ไม่ได้นะครับ



ชีวิตพระเยซูคริสต์ : จำแลงพระกาย

ต่อครับ

Luke 9:28 ภายหลัง​พระ​องค์​ได้​ตรัส​คำ​เหล่า​นั้น​ประมาณ​แปด​วัน ​พระ​องค์​จึง​ทรง​พา​เปโตร ​ยอห์น​ และ​ยากอบ​ขึ้น​ไป​บน​ภูเขา​เพื่อ​จะ​อธิษฐาน​
Luke 9:29 เมื่อ​พระ​องค์​กำลัง​อธิษฐาน​อยู่ วรรณพ​ระ​พักตร์​ของ​พระ​องค์​ก็​เปลี่ยนไป และ​ฉลอง​พระ​องค์​ก็​ขาว​เป็น​มัน​ระยับ​
Luke 9:30 ดู​เถิด มี​สอง​คน​สนทนา​อยู่​กับ​พระ​องค์ คือ​โมเสส​และ​เอลียาห์​
Luke 9:31 ผู้​มา​ปรากฏ​ด้วย​ศักดิ์ศรี และ​กล่าวถึง​การ​จาก​ไป​ของ​พระ​องค์ ซึ่ง​จะ​สำเร็จ​ใน​กรุง​เยรูซาเล็ม​
Luke 9:32 ฝ่าย​เปโตร​กับ​คน​ที่​อยู่​ด้วย​นั้น​ก็​ง่วง​เหงา​หาวนอน แต่​เมื่อ​เขา​ตา​สว่าง​ขึ้น​แล้ว เขา​ก็​ได้​เห็น​พระ​สิริ​ของ​พระ​องค์ และ​เห็น​สอง​คน​นั้น​ที่​ยืน​อยู่​กับ​พระ​องค์​
Luke 9:33 เมื่อ​สอง​คน​นั้น​กำลัง​ลา​ไป​จาก​พระ​องค์ เปโตร​จึง​ทูล​พระ​เยซู​ว่า “​พระ​อาจารย์​เจ้า​ข้า ซึ่ง​เรา​อยู่​ที่นี่​ก็​ดี ให้​พวก​ข้า​พระ​องค์​ทำ​เพิง​สาม​หลัง​สำหรับ​พระ​องค์​หลัง​หนึ่ง สำหรับ​โมเสส​หลัง​หนึ่ง สำหรับ​เอลียาห์​หลัง​หนึ่ง” เปโตร​ไม่​รู้สึกตัว​ว่า​ได้​พูด​อะไร​
Luke 9:34 เมื่อ​เขา​กำลัง​พูด​คำ​เหล่า​นี้ มี​เมฆ​มา​คลุม​เขา​ไว้ และ​เมื่อ​เขา​อยู่​ใน​เมฆ​นั้น​เขา​ก็​กลัว​
Luke 9:35 มี​พระ​สุรเสียง​ออกมา​จาก​เมฆ​นั้น​ว่า “ผู้​นี้​เป็น​บุตร​ของ​เรา เป็น​ผู้​ถูก​เลือกสรร​ไว้ จง​เชื่อ​ฟัง​ท่าน​เถิด”
Luke 9:36 เมื่อ​พระ​สุรเสียง​นั้น​สงบ​แล้ว ​พระ​เยซู​ทรง​สถิต​อยู่​องค์​เดียว เขา​ทั้ง​สาม​ก็​นิ่ง​อยู่ และ​ใน​กาลครั้ง​นั้น​เขา​มิได้​บอก​เหตุการณ์​ซึ่ง​เขา​ได้​เห็น​แก่​ผู้ใด​

     ภายหลังจากที่พระองค์ตรัสคำเหล่านั้นได้แปดวัน คำเหล่านั้นคือคำกล่าวก่อนหน้านี้ที่พระองค์พูดถึงการสิ้นพระชนม์ การถูกฝัง และการฟื้น พอมาถึงตรงนี้ที่พระเยซูได้ไปอธิษฐานกับพวกสาวกสามคน มีสองคนมาปรากฏคือโมเสสและเอลียาห์ได้พูดสิ่งที่ต่อเนื่องกันกับสิ่งที่พระคัมภีร์ได้บันทึกไว้ คือเรื่องการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูซึ่งจะสำเร็จในกรุงเยรูซาเล็ม

     สองคนที่มาปรากฏคือโมเสสกับเอลียาห์ สองคนนี้สำคัญอย่างไร โมเสสเป็นผู้ที่พระเจ้าใช้ให้พาชนชาติอิสราเอลออกจากอียิปต์ เปรียบเป็นภาพการพาคนออกมาจากอาณาจักรแห่งการเป็นทาสในอียิปต์ เอลียาห์เป็นบุคคลที่พระเจ้าใช้ในการทำการอัศจรรย์มากมาย ที่มีชื่อเสียงที่สุดเห็นจะเป็นการเรียกไฟจากสวรรค์ลงมาเผาเครื่องบูชาในการเผชิญหน้ากับพวกพระบาอัล นอกจากนั้นเอลียาห์ยังเป็นคนที่พระเจ้ารับขึ้นไปบนสวรรค์ทั้งเป็น และให้ฤทธิ์เดชแบบเอลียาห์ตกอยู่บนเอลีชาต่อไปด้วย

     บุคคลที่มาสนทนากับพระเยซูคริสต์ล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลที่พระเจ้าใช้ทำการต่างๆในโลกอย่างยิ่งใหญ่ และสองคนนี้ได้มาสนทนากับพระเยซูถึงสิ่งที่่พระเยซูจะทำอย่างยิ่งใหญ่ต่อไปคือด้วยความตายขององค์พระเยซูคริสต์ จะเห็นว่าขณะพระองค์กำลังอธิษฐาน วรรณพระพักตร์ของพระองค์ก็เปลี่ยนไป ในขณะใกล้ชิดสนิทสนมกับพระบิดา ในช่วงเวลาแห่งการอธิษฐานนั้นก็มีการสำแดงสิ่งต่างๆจากพระเจ้า เช่น สภาพกายของพระองค์เปลี่ยนไปเต็มด้วยสง่าราศี สภาพเครื่องนุ่งหมพระองค์เปลี่ยนไปขาวเป็นมันระยับ มีคนของพระเจ้าแต่โบราณมาปรากฏ ฯลฯ ซึ่งข้าพเจ้าเชื่อว่าสิ่งต่างๆในการสำแดงของพระเจ้าจะสำแดงแก่เราเช่นกันเมื่อเราอธิษฐานแสวงหาพระเจ้า

     เมื่อเปโตรตื่นขึ้นมาเห็นเหตุการณ์นี้ด้วยความตื่นเต้นด้วยความกลัว (มาระโก 9:6) จึงได้พูดบางสิ่งออกไปโดยไม่ได้กลั่นกรองออกมาจากสมอง นี่ก็เป็นข้อคิดให้เราได้เวลาเราตื่นเต้นไม่มีสติ เราอาจพูดอะไรบางอย่างออกไปได้โดยไม่รู้ตัวว่าได้พูดออกไปเหมือนเปโตรเช่นกัน

     เมื่อสนทนากันถึงเรื่องนี้พวกสาวกได้ทูลถามเรื่องเอลียาห์ พระเยซูได้ตรัสตอบใน มัทธิว 17:10-13 ได้บอกว่าเอลียาห์จะต้องมาก่อนพระเยซูตามพระธรรม มาลาคี 4:5 เอลียาห์ในตอนนี้คือยอห์นบัพติศโตนั่นเอง (เข้าใจว่ามาด้วยวิญญาณแบบเอลียาห์)

     และนี่เป็นข้อพระคัมภีร์อีกตอนที่เปโตรได้เขียนกล่าวถึงเหตุการณ์ในวันนั้น   2Pet 1:17 เพราะ​ว่า​คราว​เมื่อ​พระ​องค์​ได้​ทรง​รับ​เกียรติ​และ​สง่า​ราศี​จาก​พระ​บิดา และ​พระ​สุรเสียง​จาก​พระ​สิริ​อัน​ยิ่งใหญ่​ได้​มาถึง​พระ​องค์ ตรัส​แก่​พระ​องค์​ว่า “ท่าน​ผู้​นี้​เป็น​บุตร​ที่​รัก​ของ​เรา เรา​ชอบ​ใจ​ท่าน​ผู้​นี้​มาก”


     ขอพระเจ้าได้ประทานให้เราได้สัมผัส ได้เห็นสง่าราศีของพระเยซูคริสต์ในขณะที่เราทั้งหลายยังอยู่ในโลกนี้ ขอพระองค์มาสำแดงมาปรากฏมาหนุนใจเราทั้งหลาย ขอพระเจ้าช่วยให้เราเชื่อและขอบคุณพระเจ้าสำหรับสิ่งยิ่งใหญ่สง่าราศีของพระเจ้าที่รอเราอยู่ในอนาคต ขอพระเจ้าช่วยให้เราไม่ทิ้งความเชื่อ ขอให้เรามีความเชื่อยิ่งใหญ่ ขอบคุณพระเจ้าในทุกกรณี อาเมน.

วันเสาร์ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ชีวิตพระเยซูคริสต์ : ผู้ใดใคร่ตามพระเยซู ให้เอาชนะตัวเอง แบกกางเขนของตนทุกวัน และตามพระองค์ไป

รวมบทความชีวิตพระเยซูคริสต์
     ดูต่อครับ

Luke 9:21 ​พระ​องค์​จึง​กำชับ​สั่ง​เขา​มิ​ให้​บอก​ความ​นี้​แก่​ผู้ใด​
Luke 9:22 และ​ตรัส​ว่า “บุตร​มนุษย์​จะต้อง​ทน​ทุกข์​ทรมาน​หลาย​ประการ พวก​ผู้ใหญ่ พวก​มหา​ปุโรหิต​และ​พวก​ธรรมาจารย์​จะ​ไม่​ยอมรับ​พระ​องค์ ใน​ที่สุด​พระ​องค์​จะต้อง​ถึง​ถูก​ประหาร​ชีวิต แต่​ใน​วันที่​สาม​พระ​องค์​จะ​ทรง​ถูก​ชุบ​ให้​เป็น​ขึ้น​มา​ใหม่”
Luke 9:23 ​พระ​องค์​จึง​ตรัส​แก่​คน​ทั้ง​หลาย​ว่า “ถ้า​ผู้ใด​ใคร่​ตาม​เรา​มา ให้​ผู้​นั้น​เอาชนะ​ตัวเอง และ​รับ​กางเขน​ของ​ตน​แบก​ทุก​วัน และ​ตาม​เรา​มา
Luke 9:24 เพราะ​ว่า​ผู้ใด​ใคร่​จะ​เอา​ชีวิต​รอด ผู้​นั้น​จะ​เสียชีวิต แต่​ผู้ใด​จะ​เสียชีวิต​เพราะ​เห็น​แก่​เรา ผู้​นั้น​จะ​ได้​ชีวิต​รอด
Luke 9:25 เพราะ​ถ้า​ผู้ใด​จะ​ได้​สิ่งของ​สิ้น​ทั้ง​โลก แต่​ต้อง​เสีย​ตัว​ของ​ตนเอง​ผู้​นั้น​จะ​ได้​ประโยชน์​อะไร​
Luke 9:26 เพราะ​ถ้า​ผู้ใด​มี​ความ​อาย​เพราะ​เรา​และ​ถ้อยคำ​ของ​เรา บุตร​มนุษย์​ก็​จะ​มี​ความ​อาย​เพราะ​ผู้​นั้น เมื่อ​ท่าน​จะ​มา​ด้วย​พระ​สิริ​ของ​ท่าน​เอง ของ​พระ​บิดา และ​ของ​เหล่า​ทูตสวรรค์​บริสุทธิ์​
Luke 9:27 แต่​เรา​กล่าว​ความ​จริง​แก่​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ว่า มี​บาง​คน​ที่​ยืน​อยู่​ที่นี่​ซึ่ง​ยัง​จะ​ไม่​รู้​รส​ความ​ตาย จนกว่า​จะ​ได้​เห็น​แผ่นดิน​ของ​พระ​เจ้า”

     หลังจากพวกสาวกได้กล่าวถูกต้องว่าพระเยซูคริสต์คือผู้รับการเจิมของพระเจ้า และงานของพระผู้ไถ่ พระผู้ช่วยให้รอด คือเข้ามาในโลกเพื่อมารับโทษทัณฑ์ความผิดบาปมาเพื่อสิ้นชีวิตแทนคนทุกคนในโลกดังที่พระเยซูได้กล่าวไว้ในข้อ 22 พระเยซูเป็นบุตรหัวปี  Rom 8:29 เพราะ​ว่า​ผู้​หนึ่ง​ผู้ใด​ที่​พระ​องค์​ได้​ทรง​ทราบ​อยู่​แล้ว ผู้​นั้น​พระ​องค์​ได้​ทรง​ตั้ง​ไว้​ให้​เป็น​ตาม​ลักษณะ​พระ​ฉาย แห่ง​พระ​บุตร​ของ​พระ​องค์ เพื่อ​พระ​บุตร​นั้น​จะ​ได้​เป็น​บุตร​หัวปี​ท่ามกลาง​พวก​พี่​น้อง​เป็น​อัน​มาก​    ดังนั้นพระองค์จึงบอกไว้ในข้อ 23 ผู้ใดใคร่ตามพระองค์ไป ให้ผู้นั้นเอาชนะตัวเอง แบกกางเขนของตนทุกวัน (กางเขนของตนนะครับ ไม่ใช่กางเขนของคนอื่น และต้องแบกทุกวันด้วย) แล้วก็ตามพระองค์ไป

     กางเขนของพระเยซูคือการรับแบกความผิดบาปของคนทั้งโลก  กางเขนของท่านคืออะไร ท่านคงต้องคิดเองและถามพระเจ้า  เพราะกางเขนของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน หน้าที่ของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน เราจะเอามาทดแทนกันไม่ได้ พระเจ้าเรียกเรามาแต่ละคนไม่เหมือนกัน 1Cor 3:5 อปอล​โล​คือ​ผู้ใด ​เปาโล​คือ​ผู้ใด คือ​ผู้รับ​ใช้ ซึ่ง​ได้​สอน​พวก​ท่าน​ให้​เชื่อ เรา​แต่​ละ​คน​ได้รับ​ใช้​ตาม​ที่​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ได้​ทรง​กำหนดให้​

     ที่แน่ๆคือพระองค์เป็นบุตรหัวปีของเรา พระองค์เผชิญสิ่งใด พวกเราทั้งหลายคงเผชิญเหมือนดังสิ่งที่พระเยซูคริสต์ได้เผชิญเช่นกัน ข้อเตือนใจของพระเยซูคริสต์ตั้งแต่ข้อ 24 เป็นต้นไป ถ้าจะเอาชีวิตรอด ผู้นั้นจะเสียชีวิต แต่ผู้ใดจะเสียชีวิตเพราะเห็นแก่พระเยซู ผู้นั้นจะได้ชีวิตรอด เหมือนพระเยซูเสียชีวิตเพื่อให้คนในโลกได้รับความรอด สำหรับข้อความตอนนี้ก็เป็นตอนที่ชี้ให้เราเห็นว่า ถ้าเราทำสิ่งใดในโลกนี้ด้วยความเสียสละหรือแม้แต่กระทั่งเสียชีวิตจริงๆ แต่ในจิตวิญญาณของเขาได้รับความรอดแล้ว  แต่คนที่ไม่ได้แสวงหาพระคริสต์ หวังเพียงตนเองจะไ้ด้ชีวิตรอด หวังเพียงสิ่งของที่อยู่ในโลกนี้ แต่จิตวิญญาณของเขาจะเสียไป  เหมือนข้อต่อไปข้อ 25 ได้บอกให้เป็นข้อคิดว่า ถ้าเราแสวงหาสิ่งของสิ้นทั้งโลกนี้ ได้มีสิ่งของสิ้นทั้งโลกนี้ ได้เพียงของในโลก แต่ไม่ได้สะสมไว้สำหรับของที่อยู่เบื้องบน สะสมเพียงของที่อยู่ในโลกจะได้ประโยชน์อะไร

     ดังนั้นถ้าเรายอมสละชีวิตเรา สละความเหนื่อยยากของเรา สละบางสิ่งบางอย่างในชีวิตเรา เพื่อผู้อื่นจะได้ชีิวิตนั่นก็เป็นสิ่งที่มีคุณค่ามาก ข้อ 26 ได้บอกต่อว่า ในชีวิตคริสเตียนของเรา ถ้าเราอายมนุษย์ ไม่กล้ายอมรับต่อหน้าคนทั้งปวงว่าพระเยซูคริสต์เป็นพระเจ้า ไม่กล้ากล่าวยอมรับพระคริสต์ต่อหน้าคนทั้งปวง พระคัมภีร์ข้อนี้บอกว่า พระองค์จะไม่กล่าวยอมรับเราต่อหน้าพระบิดาด้วย

อธิษฐาน : ข้าแต่พระคริสต์เจ้า ขอพระองค์ประทานกำลังเข้มแข็งให้กับคริสเตียนทุกคนในสภาวะการณ์เช่นยามนี้ ที่คนไทยทุกคนจะต้องช่วยเหลือกัน ขอพระเจ้าละลายใจคนไทยทุกคนให้เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตน ให้เขาทั้งหลายได้เห็นประชาชนในยามทุกข์ยากและร่วมมือกัน ไม่แบ่งพรรคแบ่งพวกอีกต่อไป และขอประทานช่องทางให้สมาชิกทั้งหลายมีส่วนช่วยเหลือสังคมในจุดต่างๆได้ ขอพระเจ้าเป็นกำลังเป็นเรี่ยวแรงเป็นผู้ปลอบประโลมพี่น้องบางส่วนที่ประสบภัยน้ำท่วมอยู่ในเวลานี้ด้วย ในพระนามพระเยซูคริสต์เจ้า อาเมน... 



วันเสาร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ชีวิตพระเยซูคริสต์ : พระเยซูคือผู้ใด - พระคริสต์ ผู้รับการเจิม

รวมบทความชีวิตพระเยซูคริสต์

     แบ่งปันพระคัมภีร์ต่อครับ



Luke 9:18 เมื่อ​พระ​องค์​กำลัง​อธิษฐาน​อยู่​แต่​ลำพัง เหล่า​สาวก​อยู่​กับ​พระ​องค์ ​พระ​องค์​จึง​ตรัส​ถาม​เขา​ว่า “คน​ทั้ง​ปวง​พูด​กัน​ว่า​เรา​เป็น​ผู้ใด”
Luke 9:19 เหล่า​สาวก​ทูล​ตอบ​ว่า “เขา​ว่า​เป็น​ยอห์น​ผู้ให้​รับ​บัพติศมา บาง​คน​ว่า​เป็น​เอลียาห์ แต่​คน​อื่น​ว่า​เป็น​คน​หนึ่ง​ใน​พวก​ผู้เผย​พระ​วจนะ​โบราณ​เป็น​ขึ้น​มา​ใหม่”
Luke 9:20 ​พระ​องค์​จึง​ตรัส​ถาม​เขา​ว่า “แล้ว​พวก​ท่าน​เล่า​ว่า​เรา​เป็น​ใคร” เปโตร​ทูล​ตอบ​ว่า “เป็น​พระ​คริสต์​​ของ​พระ​เจ้า”

     พระเยซูมีเวลาที่จะอธิษฐานตามลำพังเสมอเพื่อสนทนากับพระบิดา แล้วพระองค์ตรัสถามพวกสาวกว่า "คนทั้งปวงพูดกันว่าเราเป็นผู้ใด" ซึ่งเราได้ดูเหตุก่อนหน้านี้ถึงข้อสงสัยว่า พระเยซูคือผู้ใด  วันนี้เรามาดูคำตอบกันครับ สิ่งที่เปโตรตอบได้นั้นคือคำตอบทีถูกต้อง เปโตรตอบว่า "เป็นพระคริสต์ของพระเจ้า"  ภาษาอังกฤษคือ  The Christ of God  ภาษากรีกคือ τὸν χριστὸν τοῦ θεοῦ.


     Χριστός Christos (khris-tos') พระคริสต์แปลว่า (ตามตัวอักษร) ผู้รับการเจิม , (ทับศัพท์) พระคริสต์ , (อย่างเหมาะสม)พระมาซีฮา , ผู้รับการเจิมของพระเจ้าของอับราฮาม อิสอัค และยาโคบ , (หน้าที่) พระผู้ไถ่ พระผู้ช่วยให้รอด
      θεός theos (theh-os') พระเจ้า (โดยปริยาย)ผู้พิพากษา


     พระเยซูถามว่าพระองค์คือผู้ใด เปโตรตอบว่าคือ Chirstos ของ Theos ผู้รับการเจิมของพระเจ้า เป็นพระผู้ไถ่ พระผู้ช่วยให้รอดของพระเจ้า มาเพื่อช่วยคนทั้งหลายที่ต้อนรับพระองค์ให้รอดพ้นจากความผิดบาป     Luke 2:11 เพราะ​ว่า​ใน​วันนี้​พระ​ผู้ช่วย​ให้​รอด​ของ​ท่าน​ทั้ง​หลาย คือ​พระ​คริสต​เจ้า มา​บังเกิด​ที่​เมือง​ดาวิด​   นี่เป็นคำพูดของทูตสวรรค์ที่มาแจ้งข่าวดีแก่คนเลี้ยงแกะ

    กลับมาที่คำพูดคำตอบของเปโตร ในพระธรรมมัทธิว  Matt 16:17 ​พระ​เยซู​ตรัส​กับ​เขา​ว่า “ซีโมน​บุตร​โย​นาห์​เอ๋ย ท่าน​ก็​เป็น​สุข​เพราะ​ว่า​มนุษย์​มิได้​แจ้ง​ความ​นี้​แก่​ท่าน แต่​พระ​บิดา​ของ​เรา​ผู้​ทรง​สถิต​ใน​สวรรค์​ทรง​แจ้ง​ให้​ทราบ​    เป็นพระบิดาสำแดงความจริงนี้ให้แก่เปโตรได้ทราบ

     คนจะรู้ความจริงนี้ได้จึงต้องได้รับการเปิดเผยให้ทราบ    Rom 16:25 จง​ถวาย​พระ​เกียรติ​แด่​พระ​องค์​ผู้​ทรง​ฤทธิ์ อาจ​ให้​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ตั้ง​มั่นคง​ตาม​กิตติคุณ ซึ่ง​ข้าพเจ้า​ได้​ประกาศ​นั้น และ​ตาม​ที่​ได้​ประกาศ​เรื่อง​พระ​เยซู​คริสต์​ ตาม​การ​เปิด​เผย​ข้อความ​อัน​ล้ำ​ลึก ซึ่ง​ได้​ปิดบัง​ไว้​ตั้งแต่​อดีต​กาล​
Rom 16:26 แต่​มา​บัดนี้​ได้​เปิด​เผย​ให้​ปรากฏ​แล้ว และ​โดย​คัมภีร์​ผู้เผย​พระ​วจนะ​ทรง​ให้​ชน​ชาติ​ทั้ง​ปวง​เห็น​ประจักษ์ ตาม​ซึ่ง​พระ​เจ้า​ผู้​ทรง​ดำรง​ถาวร ได้​ทรง​บัญชา​ไว้​เพื่อให้​เขา​ได้​เชื่อ​
Rom 16:27 โดย​พระ​เยซู​คริสต์​ ขอ​พระ​สิริ​จง​มี​แด่​พระ​เจ้า​ผู้​ทรง​สัพพัญญู​แต่​องค์​เดียว​สืบๆ ไป​เป็น​นิตย์ อาเมน​    พระวจนะของพระองค์เป็นความจริงเปิดเผยข้อล้ำลึกให้คนทั้งปวงได้ทราบว่า พระเยซูมาเป็นพระผู้ช่วยให้รอด

     ส่วนพระเจ้าของยุคนี้ได้ปิดบังตาใจของคนไว้เพื่อไม่ให้เขาถึงความรอด  2Cor 4:4 ส่วน​คน​ที่​ไม่​เชื่อ​นั้น ​พระ​ของ​ยุค​นี้​ได้​กระทำ​ใจ​ของ​เขา​ให้​มืด​ไป เพื่อ​ไม่ให้​เขา​ได้​เห็น​ความ​สว่าง​ของ​ข่าว​ประเสริฐ เรื่อง​พระ​สิริ​ของ​พระ​คริสต์​ผู้​เป็น​พระ​ฉาย​ของ​พระ​เจ้า​  เราถึงต้องอธิษฐานต่อสู้กับสิ่งที่ปิดบังตาใจ ขอพระเจ้าช่วยเปิดเผยพระองค์เองให้คนเหล่านี้ได้มาถึงความจริงของพระเจ้าว่า พระเยซูคริสต์เป็นพระเจ้าผู้รับการเจิมมาช่วยคนในโลกมนุึษย์ให้รอดพ้นจากความผิดบาป

อธิษฐาน : ข้าแต่พระเจ้าของโปรดเปิดเผยสำแดงพระองค์เองให้คนทั้งหลายได้รู้จักพระเยซูคริสต์ผู้เป็นความจริง ขอเร้าใจพวกข้าพระองค์ทั้งหลายให้มีความกล้าหาญนำข่าวประเสริฐไปสู่คนทั้งหลายด้วยคำสั่งสอนและด้วยการกระทำหมายสำคัญการอัศจรรย์ ขอเชื่อพึ่งในพระองค์ว่าจะทรงอยู่ด้วยกับพวกข้าพระองค์ตลอดไป ขอบคุณพระองค์ ขอบคุณพระคริสต์ พระผู้ไถ่ พระผู้ช่วยให้รอด ผู้รับการเจิมเสด็จเข้ามาในโลกเพื่อช่วยคนทั้งหลายให้รับความรอด และขอทรงโปรดรักษาพวกข้าพระองค์ทั้งหลายไว้ในความจริงจนกว่าจะถึงวันที่พระองค์จะเสด็จกลับมารับพวกเราไปอยู่กับพระองค์ ในพระนามพระเยซูคริสต์เจ้า อาเมน...





วันเสาร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ชีวิตพระเยซูคริสต์ : กระทำตามสิ่งที่พระเยซูบอกให้ทำด้วยความเชื่อ

รวมบทความชีวิตพระเยซูคริสต์

     จากเหตุการณ์ครั้งก่อนๆ พระเยซูทำพระราชกิจอยู่ที่เก-ราซา(ฝั่งขวาล่างของรูปGadara)รักษาคนเจ็บป่วย ขับผี ฯลฯ และพระเยซูได้ส่งสาวกไป 12 คน ไปสั่งสอนและกระทำการอัศจรรย์เช่นพระเยซูคริสต์ เมื่อพวกเขากลับมาแล้ว และได้เล่าถึงบรรดาการที่เขาได้กระทำแล้ว พระองค์จึงพาเขาไปต่อที่เบธไซดา (อยู่ริมทะเลสาบด้านภาพบนขวาBethsaida)





Luke 9:10 ครั้น​อัครทูต​กลับ​มา​แล้ว เขา​ทูล​พระ​องค์​ถึง​บรรดา​การ ซึ่ง​เขา​ได้​กระทำ​นั้น ​พระ​องค์​จึง​พา​เขา​ไป​แต่​ลำพัง​ถึง​เมือง​ที่​เรียก​ว่า​เบธ​ไซ​ดา​
Luke 9:11 แต่​เมื่อ​ประชาชน​รู้​แล้ว​จึง​ตาม​พระ​องค์​ไป ​พระ​องค์​ทรง​ต้อนรับ​เขา ตรัส​สั่ง​สอน​เขา​ถึง​แผ่นดิน​ของ​พระ​เจ้า และ​ทุก​คน​ที่​ต้อง​การ​ให้​หาย​โรค​พระ​องค์​ก็​ทรง​รักษา​ให้​
Luke 9:12 ครั้น​กำลัง​จะ​เย็น​แล้ว สาวก​สิบ​สอง​คน​มา​ทูล​พระ​องค์​ว่า “ขอ​ให้​ประชาชน​ไป​ตาม​บ้าน​ไร่​บ้าน​นา​ที่​อยู่​แถบ​นี้ หา​ที่​พัก​นอน​และ​หา​อาหาร​รับประทาน​เพราะ​ที่​เรา​อยู่​นี้​เป็น​ที่​เปลี่ยว”
Luke 9:13 แต่​พระ​องค์​ตรัส​แก่​เขา​ว่า “พวก​ท่าน​จง​เลี้ยง​เขา​เถิด” เขา​ทูล​ว่า “เรา​ไม่​มี​อะไร​มาก มี​แต่​ขนม​ปัง​ห้า​ก้อน​กับ​ปลา​สอง​ตัว เว้นเสียแต่​เรา​จะ​ไป​ซื้อ​อาหาร​สำหรับ​คน​ทั้ง​ปวง​นี้”
Luke 9:14 เพราะ​ว่า​คน​เหล่า​นั้น​นับ​แต่​ผู้ชาย​ประมาณ​ห้า​พัน​คน ​พระ​องค์​จึง​สั่ง​เหล่า​สาวก​ของ​พระ​องค์​ว่า “จง​ให้​คน​ทั้ง​ปวง​นั่ง​ลง​เป็น​หมู่ๆ ราว​หมู่​ละ​ห้า​สิบ​คน”
Luke 9:15 เขา​จึง​กระทำ​ตาม คือ​ให้​คน​ทั้ง​ปวง​เอน​กาย​ลง​
Luke 9:16 เมื่อ​พระ​องค์​ทรง​รับ​ขนม​ปัง​ห้า​ก้อน​กับ​ปลา​สอง​ตัว​นั้น​แล้ว ​ก็​แหงน​พระ​พักตร์​ดู​ฟ้า​สวรรค์​ขอ​พร แล้ว​หัก​ส่ง​ให้แก่​เหล่า​สาวก ให้​เขา​แจก​แก่​ประชาชน​
Luke 9:17 เขา​ได้​กิน​อิ่ม​ทุก​คน แล้ว​เขา​เ​ก็​บ​เศษ​อาหาร​ที่​ยัง​เหลือ​นั้น​ได้​สิบ​สอง​กระบุง​

     จะสังเกตุว่าตอนแรกพระคัมภีร์บอกว่าพระเยซูพาไปเบธไซดาแต่เพียงลำพัง แสดงว่าไม่มีประชาชนอยู่ด้วย มีเพียงพวกสาวกเหล่าอัครทูต ข้าพเจ้าเชื่อว่าพระองค์ใช้เวลาสั่งสอนตามลำพังกับพวกสาวกของพระองค์ เล่าเหตุการณ์เรื่องต่่างๆที่เกิดขึ้นหลังจากสาวก 12 คนออกไปตามที่พระเยซูใช้ให้ไปด้วยอำนาจและสิทธิอำนาจ (ฉบับไทยคิงเจมส์  ภาษาไทยฉบับ1971แปลไม่กระจ่างเท่าคิงเจมส์) ผมเคยแบ่งปันเรื่องนี้นานมาแล้วว่า dunamisหรืออำนาจ นั้นเป็นฤทธิ์เดชของพระเจ้าที่ให้กับเราแล้ว ให้เรามีอำนาจรักษาคนเจ็บคนป่วย ฯลฯ ส่วนสิทธิอำนาจหรือexousia นั้น บางครั้งภาษาไทยก็แปลเป็นอำนาจเหมือนกันในบางทีซึ่งฉบับ1971 แปลทั้งสองคำในตอนนี้ว่า อำนาจ  ส่วนฉบับไทยคิงเจมส์แปลตามฉบับคิงเจมส์ซึ่งแปลตามภาษากรีก exousiaในตอนนี้คือสิทธิอำนาจที่พระเจ้าให้กับเราแล้วเช่นเดียวกัีน ผมเคยอธิบายว่า ตำรวจกับรถบรรทุกขนาดต่างกัน แต่รถบรรทุกต้องหยุดให้เมื่อตำรวจยกมือให้หยุด เพราะตำรวจมีสิทธิอำนาจ เช่นเดียวกันนี่คือสถานะของเราที่มีสิทธิอำนาจเหนือผีร้ายทั้งปวง   Luke 10:19 ดู​เถิด เรา​ได้​ให้​พวก​ท่าน​มี​อำนาจ​เหยียบ​งู​ร้าย​และ​แมง​ป่อง และ​มี​อำนาจ​ใหญ่​ยิ่ง​กว่า​กำลัง​ศัตรู ไม่​มี​สิ่ง​หนึ่ง​สิ่ง​ใด​จะ​ทำ​อันตราย​แก่​ท่าน​ได้​เลย​     เรามีอำนาจเหยียบงูร้ายและแมงป่อง อำนาจในตอนนี้คือ exousia และมีอำนาจใหญ่ยิ่งกว่ากำลังศัตรู  อำนาจในตอนนี้คือ dunamis   ในภาษาอังกฤษคำนี้ก็เช่นกันแปลอย่างเดียวกันว่า power ซึ่งที่จริงควรจะเป็น authority และ power  ครับก็ให้ท่านทั้งหลายได้ดูเบื้องหลังคำ เพื่อท่านจะได้ลึกซึ้งในพระวจนะพระเจ้า และเข้าใจสถานะของเรามากขึ้น  คริสเตียนจึงควรดำเนินชีวิตให้ดีถวายพระเกีัยรติพระเจ้าเพื่อท่านจะได้มีความมั่นใจในอำนาจและสถานะที่พระเจ้าให้กับท่าน   ถ้าท่านไม่รักษาชีวิต ท่านจะมีความมั่นใจหรือ เมื่อท่านอธิษฐานเผื่อคนเจ็บป่วย หรือไปขับผี  เพราะว่าทุกสิ่งเราทำด้วยความเชื่อ ถ้าท่านไม่รักษาชีวิตของท่านไว้ให้อยู่ในอยู่โดยพระคุณของพระเจ้าตลอดเวลา แล้วท่านจะมีความเชื่อในฤทธิ์อำนาจการอัศจรรย์ของพระเจ้าหรือ เพราะบาปเป็นอุปสรรคขวางกั้นระหว่างท่านกับพระเจ้า ท่านจึงควรสำรวจตนเองเสมอ เผลอไปทำสิ่งใดผิดหรือเปล่า อธิษฐานสารภาพบาป ขอพระคุณพระเจ้าช่วยเหลือท่าน ชำระบาปท่าน และขอพระเจ้าช่วยท่าน เพื่อท่านจะไม่ทำสิ่งผิดนั้นอีกต่อไป  อย่าลืมว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้ต้องร่วมมือทั้งสองฝ่าย ฝ่ายพระเจ้าท่านขอพระเจ้าเมตตาช่วยท่าน แต่ฝ่ายท่านต้องร่วมมือด้วยความตั้งใจของท่านด้วยที่จะไม่ทำสิ่งผิดนั้นอีก

     ที่นี้พอประชาชนรู้แล้วว่าพระเยซูคริสต์อยู่ที่ไหนพวกเขาก็ตามพระองค์ไป ขอบคุณพระเยซู ข้อ 11 พระองค์ไม่เคยปฏิเสธประชาชนที่มาหาพระองค์ พระองค์ต้อนรับพวกเขาอยู่เสมอ  เช่นกันครับพระองค์ไม่เคยปฏิเสธพวกท่าน ความต้องการ ความอ่อนแอ ความผิดบาป ฯลฯ พระองค์ช่วยได้ ที่นี่เราเห็นอีกครั้งแล้วว่าพระองค์สั่งสอนเรื่องแผ่นดินของพระเจ้าและรักษาโรคให้หาย เราเห็นอีกแล้วว่านี่คือตัวอย่างการรับใช้่แบบพระเยซูคริสต์ ทั้งสอนและกระทำ  เมื่อสัปดาห์ที่แล้วผมไปเทศน์ที่ปทุมฯ พระธรรมตอนที่ผมเทศน์ก็บอกพระราชกิจพระเยซูเช่นเดียวกัน คือ สั่งสอนและกระทำ  หวังใจว่านี่จะเป็นบทเรียนบทหนึ่งในการรับใช้พระเจ้าของท่านนะครับ ออกไปที่ใด ไปหาใคร สั่งสอนความจริงเรื่องแผ่นดินพระเจ้าและกระทำหมายสำคัญการอัศจรรย์ในพระนามพระเยซูคริสต์เจ้า

     ชีวิตและการรับใช้ต้องไปด้วยกันครับ ชีวิตดีเราจะมีความกล้าหาญในการทำทุักสิ่งเพื่อพระคริสต์ครับ เหมือนอย่างเหตุการณ์ในตอนนี้ ถ้าชีวิตเราดี เราก็จะมีความเชื่อ พระเยซูสั่งให้ทำอะไร เราจะมีความกล้าหาญที่จะทำด้วยความเชื่อ อย่างในตอนนี้พระเยซูบอกให้พวกเขาทำอะไร พวกเขาก็กระทำตาม ข้อ 15  พวกสาวกนั้นยังมีความคิดที่เป็นแบบมนุษย์อยู่ ในสภาพมนุษย์ที่มีความจำกัด เมื่อเห็นว่าเย็นลงแล้ว พวกสาวกก็บอกพระเยซูให้ส่งพวกเขากลับไปเพื่อพวกเขาจะได้หาที่พักนอนและหาอาหารทาน แต่พระเยซูบอกให้เลี้ยงพวกเขา พวกสาวกบอกว่าไม่มีอาหารมาก ขนมปังห้าก้อนกับปลาสองตัวเท่านั้น เว้นแต่จะไปซื้อมา  แต่พระเยซูบอกให้พวกเขานั่งลงเป็นหมู่ๆ หมู่ละห้าสิบคน ท่านจะเห็นว่าพระเยซูมีการบริหารงานจัดแจงงานให้เป็นกลุ่มๆ แทนที่จะให้ทั้งห้าพันคนนั่งลงแบบสะเปะสะปะ แต่พระเยซูให้นั่งลงเป็นกลุ่มๆทำไม เพื่อเป็นการง่ายในการแจกขนมปังและปลา เป็นการบริหารในการแจก ไม่แจกโดยไม่มีทิศทาง แต่แจกโดยมียุทธศาสตร์ในการแจก(ภาษาการบริหาร) แจกแล้วไม่สับสน แจกลงไปในกลุ่มห้าสิบคน ก็จะมีทั้งหมดร้อยกลุ่ม พวกสาวกก็จะแจกได้โดยใช้เวลาแป๊ปเดียวแทนที่จะต้องแจกกับทุกคนห้าพันคน ก็มาแจกให้กับกลุ่มร้อยกลุ่มแทน และในกลุ่มนั้นก็มาแจกจ่ายกันไปต่ออีกห้าสิบคน   ตัวอย่้างการบริหารงานเราก็ได้เห็นแล้วที่นี่

     ดังนั้นในการดำเนินงานคจ. ในการรับใช้ เราคงไม่สามารถใช้เพียงความเชื่ออย่างเดียว แต่ใช้ความเชื่อพร้อมด้วยการจัดแจงจัดการด้วยว่าจะทำอย่างไรต่อไป  ในการดำเนินการคจ.และในการรับใช้ของเรา เราต้องฟังเสียงผู้เลี้ยงคือพระเยซูด้วยว่าพระองค์ประสงค์จะให้เราทำอย่างไร เมื่อพระองค์บอกเราก็กระทำตามด้วยความเชื่อ ไม่ขาดความเชื่อ ทำตามสิ่งที่พระเยซูบอกให้ทำด้วยความเชื่อ

คำอธิษฐาน : ข้าแต่พระเยซูคริสต์เจ้า ขอบพระคุณพระองค์ที่พระองค์ทรงห่วงใยมนุษย์ทุึกคน พระองค์ทรงเฝ้าดูชีวิตของพวกเราทั้งหลายอยู่ ไม่มีสิ่งใดที่รอดพ้นสายพระเนตรของพระองค์ได้เพราะพระองค์ประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้อยู่ในเรา โดยพระคุณพระเจ้าข้าพเจ้าขอตั้งใจด้วยสุดกำลังที่จะดำเนินชีวิตด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรมตลอดไป ขอพระองค์ทรงเพิ่มพูนความเชื่อข้าพเจ้าให้มั่นคงไม่สั่้นคลอน ขอบคุณพระเจ้าขอนำหน้าข้าพระองค์ตลอดไป ข้าพเจ้าจะเชื่อและไว้วางใจในพระองค์ เมื่อพระองค์ตรัสบอก ข้าพระองค์จะเชื่อฟังและกระทำตาม ขอบพระคุณพระเยซูคริสต์เจ้าอาเมน

อีกครั้งหนึ่งให้ชมวีดีโอที่เคยมาฉายในคริสตจักรเรา