เขียนแชร์ไว้ในfacebookคำนี้ Save the World เลยเกิดแรงบันดาลใจเกี่ยวกับคำนี้ เราจะทำอะไรกันได้บ้างเพื่อช่วยกันSave the World ลองมาฟังเพลงนี้ ที่พวกเขามาร่วมกันร้องหลังจากผ่านไป 25 ปี เพื่อแผ่นดินไหวที่ไฮติ ซึ่งมีคนเสียชีวิตไปประมาณ 2แสนคน เมื่อปีที่แล้ว
อีกเพลงหนึ่งของคนไทย เนื้อเพลงส่วนหนึ่ง ให้จักรวา่ลแห่งนี้มีแต่ความรัก
อีกเพลง Stay Strong Japan สำหรับสึนามิที่ประเทศญี่ปุ่น
สำหรับสึนามิที่ญี่ปุ่น The Power in You
ภาพเหตุการณ์ในญี่ปุ่นแสดงถึงความมีระเบียบวินัยที่เราควรดูเอาไว้เป็นตัวอย่าง
อึ้ง! หนูน้อย 4 เดือนถูกสึนามิพัดร่าง 3 วัน ยังรอดชีวิต
อึ้ง! หนูน้อย 4 เดืิอนถูกสึนามิพัดร่าง 3 วัน ยังรอดชีวิต
Mthai news: เสียงร้องไห้ของเด็กทารก ท่ามกลางซากปรักหักพังและและเศษหิน ในแถบอิชิโนมากิ แทบไม่น่าเชื่อว่า เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย จะพบกับร่างของเด็กน้อยที่ยังคงมีชีวิตอยู่ โดยพวกเขาพยายามดึงแผ่นกระดานที่ทับร่าง และโคลนเพื่อดึงตัวออกมาจนปลอดภัย ท่ามกลางความดีใจของหน่วยกู้ภัย ที่เห็นแววตาของเด็กน้อยดวงแข็งรายนี้
ทารกเพศหญิงวัย 4 เดือน ถูกน้ำพัดแยกจากครอบครัว ขณะเกิดสึนามิเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา 3 วันถัดไป ครอบครัวต่างหมดความหวังที่เด็กน้อยจะรอดชีวิต แต่เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ผู้เป็นพ่อรีบคว้าตัวลูกน้อยความดีใจ ที่รู้ว่า ลูกของตนยังมีชีวิตมาได้ราวปาฏิหาริย์
ชื่นชม วิธีเอาตัวรอด และวินัยของชาวญี่ปุ่น หลังเกิดสึนามิ
ชื่นชม วิธีเอาตัวรอด และระเบียบวินัยของชาวญี่ปุ่น หลังเกิดสึนามิ
Mthai news: หลังจากที่เกิดแผ่นดินไหวจนเกิดโศกนาฏกรรม สึนามิครั้งใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น มีการเผยแพร่ภาพความเสียหายไปทั่วโลก แต่ภาพภาพอีกมุมหนึ่ง ยังแสดงให้เห็นถึงความมีระเบียบวินัยและความพร้อมที่จะรับมือกับเหตุแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้น
อย่างเช่นเด็กน้อยชาวญี่ปุ่นทั้ง 6 คน ใช้โต๊ะเรียนของตัวเองเป็นที่กำบังตัว หากเกิดแผ่นดินไหว ซึ่งคุณครูต่างแนะนำและให้ความรู้ถึงวิธีการป้องกันเพื่อเอาตัวรอดหากเกิดสถานการณ์คับขัน
นอกจากนี้ ชาวญี่ปุ่นรายหนึ่ง เล่าว่า ลูกชาย 2 ขวบของเธอ ที่อยู่ในสถานรับเลี้ยงเด็กกรุงโยโกฮามา โดยผู้ปกครองสามารถมองเห็นลูกๆได้จากกล้องที่ดูผ่านเว็บไซต์ จนวันที่ 11มี.ค. แม่ของสามี เห็นครูคนหนึ่งรายล้อมด้วยเด็กๆ เมื่อเวลาผ่านไป พวกเด็กๆหล่านั้นก็หลบอยู่ใต้โต๊ะเพื่อป้องกันตัวซึ่งในตอนนั้น แม่สามีไม่รู้เลยว่าเกิดแผ่นดินไหวขึ้น
หลังจากนั้น คุณครูใช้ผ้าห่มพันรอบๆตัวเด็กเอาไว้ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยมากที่สุด ก่อนที่เด็กทั้งหมดจะถึงมือผู้ปกครองอย่างปลอดภัย
นอกจากนี้ ความเป็นระเบียบวินัยของชาวญี่ปุ่นก็เป็นที่น่าชื่นชม หลังจากที่เกิดเหตุเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ทุกคนต่างตื่นตกใจ แต่ก็ยังคงยืนรอคิวเพื่อโทรศัพท์ติดต่อกับทางญาติๆ โดยไม่มีใครเอะอะโวยวาย และเกิดความโกลาหลแต่อย่างใด
ทุกคนสอบถามเรื่องราวของครอบครัวคนอื่นๆว่า มีใครได้รับอันตรายบ้างหรือไม่
เด็กนักเรียนและผู้หญิงได้รับการช่วยเหลือให้อยู่ในสภาพที่ปลอดภัย
และถึงแม้ว่ารถไฟใต้ดินจะไม่สามารถทำงานได้ ทุกคนต่างนั่งรอความหวังอย่างเป็นระเบียบ ไม่มีการนั่งขวางทางเดินแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าบางคนจะปลอดภัย แต่เพื่อนร่วมชาติของเขายังคงเผชิญกับสิ่งเลวร้ายที่สุดในชีวิต ทั้งบ้านเรือนพังเสียหาย คนรักจากไปอย่างไม่มีวันกลับ ร่างของคนในครอบครัวจากไปพร้อมกับสายน้ำ ซึ่งขณะนี้ยังไม่รู้ชะตากรรมว่า คนที่เขารักจะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ได้เพียงแต่หวังว่า ปาฏิหาริย์จะเกิดขึ้นกับพวกเขาบ้าง
แด่...หัวใจอันทระนงของ 'ชาวอาทิตย์อุทัย' |
โดย ASTVผู้จัดการรายวัน | 20 มีนาคม 2554 19:26 น. |
|
|
|
|
|
กระแสธารความห่วงใยจากมหาชนทั่วโลก ยังคงหลั่งไหลมาสู่ดินแดนอาทิตย์อุทัยอย่างไม่ขาดสาย หลังเกิดมหันตภัยอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เหตุแผ่นดินไหว คลื่นยักษ์สึนามิซัดถล่ม และล่าสุดการระเบิดของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ส่งผลให้มีชาวญี่ปุ่นจำนวนมหาศาลต้องจบชีวิตลง
ภาพของอุปกรณ์เครื่องใช้ ข้าวปลาอาหาร ทุนทรัพย์เล็กๆ น้อยๆ และแรงกำลังของเจ้าหน้าที่จากประเทศต่างๆ ซึ่งได้รับอนุญาตจากเจ้าภาพ ถูกส่งมายังผู้ประสบภัย กลายเป็นสิ่งเรียกน้ำตาได้อย่างดีให้แก่ผู้พบเห็น เพราะมันคือเครื่องบ่งชี้ได้อย่างดีว่า แม้แต่เส้นอาณาเขตที่กั้นอยู่ก็ไม่สำคัญเท่ากับ จิตสำนึกของความเป็นคนได้
แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับพลังใจจากภายในตัวของชาวญี่ปุ่นเอง ใบหน้าที่ยังคงนิ่งเฉย และยอมรับต่อสถานการณ์ความเป็นจริงอย่างเข้มแข็ง บ่งบอกว่าพวกเขาไม่ยอมจำนนต่อโชคชะตา และพร้อมที่จะยิ้มเดินหน้าต่อไป เพื่อให้ญี่ปุ่นกลับมาเป็นเหมือนเดิม โดยไม่ต้องร้องขอความเห็นใจจากใคร กลายเป็นสัญลักษณ์สำคัญที่ทำให้คนทั่วโลกต่างยกย่องหัวใจดวงน้อยๆ ของคนที่นี่นั้น ไม่ธรรมดาจริงๆ
แน่นอนปฏิเสธไม่ได้ว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทำให้หัวใจของคนญี่ปุ่นเข้มแข็งเช่นนี้ แต่เป็นเพราะประสบการณ์ที่ต้องเผชิญมาอย่างหนักหน่วง เช่น สงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งญี่ปุ่นพ่ายแพ้อย่างยับเยิน หลายเมืองถูกเครื่องบินถล่มด้วยระเบิดมากมาย รวมถึงระเบิดปรมาณูที่เมืองฮิโรชิมาและนางาซากิ แถมประเทศยังต้องอยู่ภายใต้การปกครองของชาติตะวันตกอีก กลายเป็นบทเรียนสำคัญที่ทำให้พวกเขารู้ว่าล้มไม่ได้ และถึงจะล้มก็ต้องพยายามลุกขึ้นให้เร็วที่สุด
ดังคำอธิบายของนักวิชาการด้านญี่ปุ่นศึกษา ปิยะ เดชะศิริ ผู้ช่วยผู้จัดการแผนก บริหารงานบุคคลและธุรการ บริษัท แคมพลาส (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเล่าว่า ญี่ปุ่นถือเป็นประเทศที่มีความเป็นชาตินิยมสูงมากๆ เพราะทุกคนต่างก็มีความเชื่อว่า ตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของประเทศชาติ เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเกิดวิกฤตครั้งไหนๆ ญี่ปุ่นก็สามารถผ่านพ้นมาได้
“ช่วงที่แพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นเป็นหนี้ อยู่ในสภาวะหมดทางหนีทีไล่แล้ว ก็เลยมานั่งรวมพลังในการกอบกู้ประเทศขึ้นมา โดยที่ทุกคนมีหน้าที่ของตัวเองและปฏิบัติหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ค่าของเงิน เมื่อก่อน 1 ดอลลาร์จะแลกได้ประมาณ 240 เยน เมื่อญี่ปุ่นมีการพัฒนาเรื่องเทคโนโลยีขึ้นมาผลก็คือ ค่าเงินของญี่ปุ่นมันเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ จาก 240 เหลือไม่ถึง 100 เยนในปัจจุบัน ผลก็คือประเทศชาติอื่นที่จะเอาเงินไปแลก ได้เงินเยนน้อยลง เงินญี่ปุ่นก็แข็งขึ้นมามาก โดยผลกระทบเรื่องการส่งออกญี่ปุ่นเขาก็มีการพัฒนาตัวเองขึ้นมาให้มีค่าในการส่งออกไปขาย ทุกคนไม่ได้เห็นแก่ตัวเมื่อได้รับผลกระทบเพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันขึ้นมา”
ซึ่งกว่าจะผ่านจุดนั้นมาได้ ก็ต้องใช้ทั้งจิตวิญญาณ และระเบียบวินัยอย่างมหาศาลจึงบรรลุไปสู่เป้าหมายได้
“หากแปลความหมายจากภาษาญี่ปุ่น คนที่ไม่อยู่ในกฎระเบียบ เปรียบเหมือนตะปูที่ยื่นออกมา เมื่อใดก็ตามที่คุณเป็นเหมือนตะปูที่ยื่นออกมาจากไม้แล้ว คุณจะต้องถูกตอกกลับเข้าไป ในขณะที่ประเทศอื่นๆ ไม่ได้รู้สึกสักเท่าไหร่ มันทำให้เมื่อเกิดตะปูยื่นออกมาคือ สิ่งไม่ถูกต้อง สังคมก็เพิกเฉย แต่สังคมญี่ปุ่นบอกว่าไม่ใช่นะ ต้องถูกทุบกลับเข้าไป เมื่อทั้งหมดทั้งมวลรวมกันทุกคนรู้ว่าคือหน้าที่ในการฟันฝ่าอุปสรรคของประเทศชาติไปด้วยกัน
“อย่างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมา เมื่อมองย้อนกลับไปทุกคนรับรู้ว่าคือวิกฤตคือโศกนาฏกรรม แต่ว่าขณะเดียวกันมันคือโอกาสที่ญี่ปุ่นจะทำให้คนทั้งโลกเห็นว่า เขาอยู่กันได้นะ เขามีการแก้ปัญหา วางแผนการป้องกันไว้แล้ว เมื่อเกิดปัญหาเขาไม่มีความตระหนกตกใจ”
|
เช่นเดียวกับมุมมองของ ติ๊ก-กัญญารัตน์ จิรรัชชกิจ ดาราสาวและพิธีกรรายเซย์ไฮ ในฐานะทูตสันถวไมตรีของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งย้ำให้เห็นถึงจิตวิญญาณอันบริสุทธิ์นี้ไ ด้ซึมลึกเขาไปอยู่ในตัวตนของคนญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นความรักศักดิ์ศรี ความมีระเบียบต่อตัวเองต่อสังคม สังเกตได้จากการเข้าคิวของคนที่นั้น ซึ่งสะท้อนความเชื่อได้อย่างดีว่า คนญี่ปุ่นมองว่า การรอจะทำให้ได้ในสิ่งที่ปรารถนา หรือการไม่ยอมรับทิป เพราะถูกสอนให้รักศักดิ์ศรีและหน้าที่การงานของตนเอง
“เราไม่ได้เห็นว่าเขาสอนเด็กๆ ยังไง แต่ผู้ใหญ่เขาทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดี อย่างติ๊กไปเจอเจ้าของบริษัทอะไรก็ตาม ถ้าเขาเห็นขยะ เขาจะก้มเก็บเองโดยไม่สั่งให้ใครเก็บ และไม่ได้สั่งให้ลูกน้องเอาไปทิ้งนะ เขาจะเก็บไว้กับตัวเอง ถ้าไม่มีถังขยะตามทางเดิน เขาก็จะเอาไปทิ้งที่บ้านหรือที่ทำงาน”
แต่เหนือสิ่งอื่นใด การจะผ่านพ้นอุปสรรคไปให้ได้จะขาดสิ่งหนึ่งไปไม่ได้เป็นอันขาดนั่นก็คือ 'ศรัทธา'
….เป็นศรัทธาที่มีต่อตนเอง ต่อความเชื่อ และต่อสิ่งที่ตัวเองรัก เพราะนี่คือยาอย่างดีที่จะหล่อเลี้ยงขวัญและกำลังใจให้พวกเขาสามารถกลับมามีพลังได้เช่นเดิม
“คนที่นั่นเขามีศรัทธาและความเชื่อมั่นสูงมาก แม้แต่รัฐบาลเองซึ่งถูกโจมตีหลายเรื่อง แต่คนญี่ปุ่นเองก็เชื่อว่าทุกอย่างต้องฟันฝ่าไปได้ เพราะฉะนั้นเขาเองจะมีความเชื่อว่า ผู้นำของเขาจะเป็นกลไกสำคัญ ที่จะจัดการการแก้ไขปัญหา นอกเหนือจากบริบททางสังคมเขามีพลังที่เชื่อมโยงกันที่สำคัญที่จะไปสู่การแก้ปัญหาวิกฤตพร้อมกัน ที่ผ่านมาเขาผ่านจุดร่วมด้วย เหมือนประวัติศาสตร์ที่เขาภูมิใจว่าเคยผ่านมาได้ ครั้งนี้ก็จะผ่านไปได้ เด็กหรือคนรุ่นใหม่ได้ถูกสั่งสอนว่า เราเคยผ่านมาแล้วนะ ไม่ว่าต่อไปเราจะเกิดอะไรขึ้น เราก็พร้อม” ปิยะกล่าวสรุป
..........
แม้ตอนนี้ชาวญี่ปุ่นจะบาดเจ็บทั้งร่างกายและจิตใจเป็นอย่างมาก แต่การที่พยายามลุกขึ้นโดยไม่ยอมแพ้ต่อความโชคร้ายแม้แต่น้อย ก็คือคำตอบอย่างดีที่แสดงให้เห็นว่า ใจของคนที่นั่นช่างยิ่งใหญ่ขนาดไหน
และสิ่งเหล่านี้ได้กลายเป็นเครื่องเตือนใจชาวโลกว่า แม้ข้างหน้าจะมีขวากหนามขนาดไหน แต่ถ้าใจสู้สักอย่างก็ไม่ใช่เรื่องยากที่ฝ่าไปได้ ดั่งเช่นชาวอาทิตย์อุทัย
..........
'หัวใจนักสู้' ที่เรียกว่า 'คนญี่ปุ่น'
การต่อสู้กับความโหดร้ายของชีวิตนั้นไม่ใช่ที่ใครจะผ่านไปได้ ภาพบางอย่างอาจจะเป็นฝันร้ายที่ตามหลอกหลอนจิตใจ จนกระทั่งวันสุดท้ายของญี่ปุ่น และชาวญี่ปุ่นก็เช่นเดียวกัน เหตุการณ์ภัยพิบัติครั้งนี้คือฝันร้ายที่ทุกคนไม่อยากจะให้เกิดขึ้น แต่เมื่อต้องเผชิญแล้ว คำว่า 'สู้' คงเป็นคำตอบเดียวที่จะกล่าวขึ้นมาได้ และเรื่องราวต่อไปนี้ก็คือ การส่งเสียง 'สู้' เสียงเล็กๆ ของคนญี่ปุ่นที่จะทำให้กันได้ในยามที่ทุกคนต้องการกำลังใจอย่างสูงเช่นนี้
|
1. รอยยิ้ม
ภาพชุด 'รอยยิ้ม' เกือบร้อยภาพจากฝีมือการวาดของทาเคฮิโกะ อิโนะอุเอะ เจ้าของผลงาน ‘Slam Dunk’ อาจจะดูสิ่งธรรมดาๆ หากปรากฏขึ้นในยามปกติ แต่สำหรับยามวิกฤตที่ทุกคนกำลังอ่อนล้าเช่นนี้ รอยยิ้มเล็กๆ อาจจะมีค่ามหาศาลก็เป็นได้ แม้สิ่งนั้นจะเป็นเพียงแค่การ์ตูนลายเส้นเท่านั้นเอง แต่ทว่าทุกภาพกลับอัดแน่นไปด้วยพลังของความห่วงใยที่มีให้กัน ราวกับมีนัยที่จะบอกให้ทุกคนได้รู้ว่า 'ไม่เป็นไร จงยิ้มและก้าวต่อไปข้างหน้า' แค่นี้ก็คงเพียงพอแล้วที่ชาวญี่ปุ่นต้องการ (ติดตามผลงานของอิโนะอุเอะได้ที่ http://twitpic.com/48u69p)
|
2. กัมบาเระ
คำพูดหนึ่งที่ยังคงติดปากของคนญี่ปุ่นไม่ว่ายุคไหนสมัยไหน ก็คือ 'กัมบาเระ' ซึ่งแปลเป็นไทยง่ายๆ ว่า 'พยายามต่อไป' หรือ 'สู้ๆ' ซึ่งเหตุผลอาจจะเป็นเพราะคนที่นั่นต้องเผชิญโศกนาฏกรรมมาไม่รู้กี่หนแล้ว แน่นอนแม้นี่จะเพียงคำพูดสั้นๆ แต่เชื่อหรือไม่ว่า มันกลับมีคุณค่ามหาศาลอย่างยิ่งในช่วงวิกฤตนี้ เพราะบางทีคำพูดแค่นี้ อาจจะสร้างเรียกพลังใจที่เคยแตกสลายให้คืนกลับมาอีกครั้งได้ และที่สำคัญ นี่คือเครื่องสะท้อนจิตใจและตัวตนของคนญี่ปุ่นอย่างดีว่าพวกเขาห่วงเป็นใยเพื่อนร่วมชาติมากขนาดไหนอีกด้วย
|
3. น้ำกิน-น้ำใจ
หากเป็นประเทศอื่นอาจเกิดการตะลุมบอนกันแล้ว แต่สำหรับญี่ปุ่นแล้ว เรื่องน้ำใจถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุด อย่างเรื่องราวจากอินเทอร์เน็ตของผู้ชายไทยคนหนึ่ง ซึ่งเล่าประสบการณ์ช่วงที่อยู่ที่นั่นว่า แทบจะไม่มีน้ำกินเลย เพราะไปร้านไหนๆ ต่างก็ถูกกวาดซื้อไปหมด แต่อย่างน้อยเขาก็หวังพระเจ้าคงจะใจดีประทานน้ำให้แก่เขาสักนิด จึงได้เดินทางออกไปหาซื้อน้ำอีกรอบ ระหว่างนั้นก็เจอคนญี่ปุ่นที่ข้างทาง ซึ่งก็ถามเขาว่าจะไปไหน จึงตอบไปว่า ไปซื้อน้ำแล้วก็จากไป แน่นอนว่าผลที่เป็นไปอย่างที่คาด เขากลับบ้านมาอย่างเหนื่อยล้าและผิดหวัง แต่เมื่อตื่นเช้าขึ้นมากลับพบว่ามีน้ำอยู่ 4-5 ขวดบรรจุอยู่ในถุงอย่างดีพร้อมกับข้อความเล็กๆ แขวนไว้หน้าประตู ซึ่งก็เป็นน้ำจากคนญี่ปุ่นนั่นเอง
|
4. ห้องน้ำยามยาก
ไม่บ่อยนักที่ใครจะยอมให้คนอื่นเข้าไปใช้ห้องน้ำในบ้านตัวเอง แต่ไม่ใช่สำหรับผู้หญิงคนนี้แน่ๆ เพราะในยามที่รถไฟฟ้าต้องปิดให้บริการ ส่งผลให้ชาวญี่ปุ่นจำนวนมากต้องเดินเท้ากลับบ้าน หลายคนจึงปวดหนักปวดเบาเป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งก็มีหลายๆ บ้านใจดี ติดป้ายว่า 'เชิญใช้ห้องน้ำได้ค่ะ' แค่ป้ายเล็กๆ ก็ทำเอาคนน้ำตาไหลเป็นกองแล้ว
|
5. วีรบุรุษโรงไฟฟ้า
ในช่วงที่เกิดเหตุโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิดดูเหมือนทุกคนจะพยายามถอยหนีกันหมด แต่สำหรับผู้ชายวัย 59 ปีคนหนึ่งกลับยืนหยัดจะกู้วิกฤตชาติครั้งนี้ เพื่อยับยั้งการรั่วไหลของกัมมันตรังสีจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกุชิมะ โดยบุตรสาวของเขาได้ทวิตข้อความกินใจเอาไว้ว่า “พ่อพูดว่า อนาคตของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขึ้นอยู่กับวิธีจัดการกับวิกฤตครั้งนี้ของเรา พ่อต้องไปเพราะมันเป็นหน้าที่...ฉันไม่เคยภูมิใจในตัวพ่อเท่านี้มาก่อน”
ฯลฯ |
|
เราจะทำอะไรกันได้บ้างเพื่อช่วยกัน Save the World
ตอบลบชอบประโยคนี้และอยากให้ประโยคนี้ ถูกจุดประกายขึ้นในหัวใจของทุกคนบนโลกนี้..
และจะเริ่มต้นจากตัวเราและครอบครัวของเราก่อน(เริ่มต้นด้วยพันธกิจลดโลกร้อน)
ได้ 3 ประโยค คือ เราควรมีสติ เราควรมีระเบียบ และ เราควรมีวินัย..
ตอบลบ