ผมได้ดูคำสอนของดร.โรเบิร์ตซึ่งอัดไว้เมื่อปี 2008 เห็นว่าน่าจะเป็นประโยชน์ จึงสรุปมาให้ท่านได้รับทราบด้วย ซึ่งในตอนท้ายผมจะสรุปว่า คริสตจักรเราเป็นหรือไม่เป็นแบบที่ดร.โรเบิร์ตได้สอนไว้
คำสอนนี้สอนโดย ดร.โรเบิร์ต ไฮด์เลอร์ ซึ่งเป็นผู้นำร่วมใน Glory of Zion church ในด้านของประทานอาจารย์ ร่วมกับอัครทูตชัคเพียซ ท่านได้เล่าให้ฟังเกี่ยวกับตำนานของถุงหนัง คริสตจักรแบบอัครทูตและคริสตจักรแบบศิษยาภิบาล
· ท่านเล่าว่าคริสตจักรในคศ. 325 เริ่มเข้าสู่ความตาย (ความตายคืออะไร เดี๋ยวท่านจะแบ่งปันต่อไป) และพอคศ.500 ก็เข้าสู่ยุคมืด หนึ่งพันปี ถึงปีคศ. 1500 พระวิญญาณจึงเริ่มเคลื่อนไหวในโลกนี้
· ท่านสอนว่า เราจะเข้าใจงานที่พระเจ้าทำในโลกนี้ ต้องเข้าใจประวัติศาสตร์ คริสตจักรสมัยแรกเติบโตอย่างรวดเร็วในวันเพนเตคอส
· ใน 1 ปี มีสมาชิกเพิ่มมากขึ้นถึง หนึ่งหมื่นคน ในเยรูซาเล็ม การเจริญเติบโตเกิดขึ้นในทุกที่ที่ตั้งคริสตจักร กจ.19 บุกเบิกคริสตจักรในเอเฟซัส 2 ปี ทั่วทั้งเมืองนั้นได้ยินข่าวประเสริฐ คริสตจักรเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว จนมีผลกระทบกับคนที่ทำกิจการรูปไดอานา (ภาษาอังกฤษ) คนมาเชื่อ จนมีผลกระทบ
· คศ. 112 มีเสียงบ่นว่า คริสเตียนเต็มไปหมด วัดวาอารามร้าง
· คริสตจักรในยุคแรกไม่เหมือนคริสตจักรใดในยุคนี้ เพราะคริสตจักรในยุคแรกไม่มีโบสถ์ ไม่มีธรรมมาสถ์ ไม่มีหนังสือเพลง ไม่มีใครผูกเนคไท ไม่มีเอกสารพิมพ์ ฯลฯ
· คริสตจักรในยุคแรก เป็นคริสตจักรที่เต็มด้วยความยินดี พบกันตามบ้าน ตามเฉลียงพระวิหาร เต้นโลดสรรเสริญพระเจ้า พระสิริพระเจ้าอยู่ท่ามกลางเขา การอัศจรรย์อยู่ท่ามกลางเขา คริสตจักรที่เต็มไปด้วยความรัก เช่น เป็นอาหารมื้อแห่งความรัก
· นี่คือคริสตจักรที่คว่ำโลกในยุคนั้น
· เมื่อครบศตวรรษแรก คริสตจักรได้แผ่ไปทั่วโลกที่รู้จักในสมัยนั้น กจ.บทที่ 5 พวกปุโรหิตก็บ่นว่า พวกคริสเตียน
· กจ. 17 บอกว่าคนคว่ำโลก เข้ามาในเมืองนี้แล้ว
· ในที่สุดคริสตจักรมีอิทธิพลชนะเหนือโรมัน แต่ คศ. 325 คริสตจักรเริ่มตกต่ำและคศ. 500 สูญพันธุ์
· จักรพรรดิ์คอนสแตนติน ครองราชญ์ในปีคศ.312 และบอกว่าพระองค์เป็นคริสเตียน และไม่ให้มีการข่มเหงคริสเตียน แต่คอนสแตนติน ควบคุมคริสตจักร และตั้งตัวเป็นมหาปุโรหิตของคริสตจักร ปีคศ. 325 ก็เรียกคริสเตียนประชุม เป็นครั้งแรก เรียกว่า การประชุมสภาไนเซีย การเปลี่ยนแปลงที่คอนสแตนตินได้สร้างขึ้นมา เช่น คริสตจักรตามบ้านผิดกฏหมาย ต้องมาประชุมในโบสถ์ , การนมัสการต้องเปลี่ยนจากความชื่นชมยินดี เฉลิมฉลอง มาเป็น การนมัสการแบบเงียบๆ ศักดิ์สิทธิ์ เต็มไปด้วยพิธีกรรมทางศาสนา คริสเตียนธรรมดาห้ามมีส่วน ในการขับผี วางมือ ฯลฯ มีการสร้างกลุ่มนักบวชขึ้นมา หรือบรรพชิต ขึ้นมา และตัดคริสตจักรออกจากการเชื่อมโยงกับยิว ไปสู่การเชื่อมโยงกับพวกเพแกน(พวกที่ไม่ได้เชื่อในพระเจ้า) พระวิญญาณก็ออกจากคริสตจักรไป 1000 ปี ในศต.14 พระเจ้าเริ่มเคลื่อนไหวในคริสตจักร ศต.16 เริ่มปฏิรูปคริสตจักร 17 ปฏิรูป 18 กลับคืนสู่สภาพที่ดี 19 ฤทธิ์เดชกลับสู่คริสตจักร
· ยุคนี้เป็นยุคที่น่าตื่นเต้นที่สุดในประวัติศาสตร์ พระเจ้ากำลังเตรียมคริสตจักรของพระองค์กลับไปสู่สภาพเดิม เป็นถุงหนังใหม่
· พระเจ้าอยากเทน้ำองุ่นใหม่ แต่พระเจ้าต้องการถุงหนังใหม่ ถุงหนังใหม่มีความเหนียวและยืดหยุ่น สามารถรองรับน้ำองุ่นใหม่ได้ พระเยซูจะไม่เทเหล้าองุ่นใหม่ลงไปในถุงหนังเก่า ซึ่งถุงหนังนั้นคือคริสตจักร
· พระเจ้าจะสร้างถุงหนังอย่างไร ในอฟ.4 พระเจ้าให้มีคน 5 ประเภท เป็นองค์ประกอบในถุงหนังใหม่
· ทั้ง 5 ทำงานประสานกัน
· ผู้ประกาศ นำคนมาหาพระเจ้าด้วยหมายสำคัญ ชื่นชมยินดีในคนใหม่ และไปหาคนใหม่
· ศิษยาภิบาล ทำหน้าที่สำหรับคนที่ต้องการคนดูแล ปกป้อง เอาใจใส่ (ปัญหาคือคนเป็นทารกยาวนาน)
· ผู้เผยพระวจนะ ให้นิมิตและทิศทางของผู้เชื่อในอนาคต จากพระเจ้า ให้มีความเชื่อเคลื่อนไปข้างหน้า แต่เขาไม่รู้ว่าจะเคลื่อนไปอย่างไร
· อาจารย์ เข้ามาในบทบาทนี้เพื่อสอนและฝึกอบรม อธิบายความจริงให้เข้าใจ ให้รู้ว่าจะเคลื่อนไปอย่างไร
· อัครทูต เข้ามาจัดระเบียบและส่งคนออกไป อัครทูตเห็นทั้งกระบวนการตั้งแต่เชื่อใหม่และพัฒนามาเรื่อย และส่งเขาออกไปในการรับใช้
· เมื่อเขาสะดุดล้มลง ศิษยาภิบาล ก็เข้าไปอุ้มเขาขึ้นมา หนุนใจว่าคุณจะทำได้ดีในครั้งต่อไป เสริมกำลังเขา
· ผู้เผยพระวจนะ ก็เข้ามาบอกว่าคุณยังมีการทรงเรียก สมาชิกคนนั้นก็เริ่มมีความเชื่อที่จะก้าวไป
· ครูก็เข้ามา อธิบายว่าในอดีตผิดพลาดอย่างไร
· และในที่สุดอัครทูตก็เข้ามา ส่งเขาออกไปลองใหม่
· โดยขบวนการเหล่านี้ คริสเตียนก็โตขึ้น
· ทั้ง 5 ทำงานด้วยกัน ก็จะทำให้ถุงหนังใหม่ครบถ้วน
· มีประสบการณ์ในความไพบูลย์ของพระเยซูคริสต์
· ความบริบูรณ์ของพระเยซูคือเหล้าองุ่นที่เทเข้ามาในคริสตจักร
· คริสตจักรในสหรัฐ มีฆราวาส มาคริสตจักรทุกอาทิตย์ ไม่ได้ถูกฝึกสอนให้รับใช้
· แล้วก็มีศิษยาภิบาลเป็นผู้รับใช้ในคริสตจักร นั่นเป็น คริสตจักรแบบศิษยาภิบาล pastoral model church นี่เป็นคริสตจักรที่เรารู้จักทั่วไป
· คนเข้ามาจะถามว่าใครเป็นศิษยาภิบาล แต่ไม่สามารถฟอร์มเป็นถุงหนังใหม่ได้ คริสตจักรในสหรัฐเป็นถุงหนังเก่า
· สหรัฐเป็นถุงหนังการประกาศที่ใหญ่ที่สุดในโลก 190 ล้านคน มีเพียง จีน อินเดีย และอินโดนีเซีย ที่มีจำนวนมากกว่า
· ถุงหนังเก่าไม่ได้ผลอีกต่อไปในสหรัฐ
· เขากำลังเข้าสู่ยุคอัครทูตยุคที่สอง การปกครองโดยอัครทูตและของประทานทั้งห้า
· เป็นเรื่องที่ยากมากที่จะเอาคำสอนใส่เข้าไปในโครงสร้างเดิม
· Pastoral church เป็นรูปแบบหนึ่ง แตกต่างจาก Apostolic church
· เอารูปแบบศิษยาภิบาล เข้าไปในรูปแบบอัครทูต มันจะไม่เข้ากัน
· คริสตจักรที่มีรูปแบบแบบศิษยาภิบาล จะแก้ไขปัญหาสมาชิก สมาชิกเป็นฆราวาสเท่านั้น
· คริสตจักรที่มีรูปแบบแบบอัครทูต จะนำโดยนิมิต ให้สมาชิกตระหนักถึงการทรงเรียกในชีวิตเขา ถ้าเราไม่ได้ทำตามการทรงเรียก จะไม่มีวันอิ่มใจ ทำให้สมาชิกรู้ว่าเขาคือผู้รับใช้พระเจ้า
นั่นคือทั้งหมดที่ผมสรุปโดยย่อๆที่ท่านได้สอนครับ ที่นี่ผมก็เอารูปแบบที่เราเป็นในคริสตจักรของเรามาเปรียบเทียบดู แล้วก็ได้ข้อสรุปว่า เราเป็นคริสตจักรแบบอัครทูต คริสตจักรของเราถูกสร้างในรูปแบบอัครทูตมานานแล้ว
1. คริสตจักรที่ทุกคนมีส่วนร่วม ทุกคนเป็นผู้รับใช้
2. คริสตจักรที่มีนิมิต นิมิตเป็นตัวขับเคลื่อนคริสตจักร
3. คริสตจักรที่ทุกคนรับใช้ตามของประทาน
4. คริสตจักรแห่งการประกาศและพันธกิจ
5. คริสตจักรแห่งการสามัคคีธรรม แบบคริสตจักรสมัยแรก
6. คริสตจักรแห่งการสร้างผู้นำ
7. คริสตจักรแห่งการอธิษฐานและนมัสการ
8. คริสตจักรแห่งพระวิญญาณ เปิดโอกาสให้พระวิญญาณเคลื่อนไหวในคริสตจักรได้
9. คริสตจักรแห่งการสอนพระวจนะ
9 ข้อนี้ มีอยู่ในคำสอนของคริสตจักรของเราอยู่แล้ว และเราก็เป็นดังนั้น เราจะต้องรักษาไว้ และทำให้บริบูรณ์ขึ้น ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคกี่สมัย แต่สำหรับข้อที่ 10 เป็นต้นไป นั่นเป็นสิ่งใหม่ ที่กำลังเกิดขึ้นในคริสตจักรของเรา
10. คริสตจักรที่เชื่อมต่อกับอิสราเอล ไม่ตัดขาดแบบสมัยแรกที่คอนสแตนตินได้ทำให้คริสตจักรถูกตัดขาดออกจากอิสราเอล ซึ่งสิ่งนี้ เชื่อว่าเรากำลังรื้อฟื้นอยู่ เราเห็นความสำคัญของแผ่นดินอิสราเอลที่พระเจ้าทรงเลือกสรรไว้ เราอธิษฐานเผื่อ เราเริ่มจับมือร่วมโครงการต่างๆกับอิสราเอล ฯลฯ
11. คริสตจักรที่รับใช้ด้วยของประทานทั้ง 5 ผู้ประกาศ ศิษยาภิบาล ผู้เผยพระวจนะ อาจารย์ อัครทูต สิ่งนี้เรายังไม่ได้เป็น แต่เรามีแนวคิดแบบนี้และเรากำลังมุ่งไปสู่จุดนั้น
12. คริสตจักรที่ร่วมรับใช้ด้วยกันในพระวรกาย แม้ว่าจะมาจากต่างคริสตจักร นั่นคือสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ ทั้งในประเทศไทยไทยและในโลก
ขอบคุณพระเจ้าสำหรับคำสอนนี้ หวังใจว่าท่านที่ได้อ่านบล็อกนี้จะทราบแล้วว่า คริสตจักรของเราเป็นอย่างไร และเรากำลังก้าวไปสู่ทิศไหน พบกันใหม่ครั้งหน้าครับ ชาโลม!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น