วันเสาร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ชีวิตพระเยซูคริสต์ : คำสอนว่าด้วยการดำเนินชีิวิต


     มาดูกันต่อครับ


Luke 6:37 “อย่า​วินิจฉัย​โทษ​เขา และ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​จะ​ไม่ได้​ถูก​วินิจฉัย​โทษ อย่า​กล่าวโทษ​เขา และ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​จะ​ไม่​ถูก​กล่าวโทษ จง​ยกโทษ​ให้​เขา และ​เขา​จะ​ยกโทษ​ให้​ท่าน​
Luke 6:38 จง​ให้​เขา และ​ท่าน​จะ​ได้รับ​ด้วย และ​ใน​ตัก​ของ​ท่าน​จะ​ได้รับ​ตวง​ด้วย​ทะนาน​ถ้วน​ยัด​สั่น​แน่น​พูน​ล้น​ใส่​ให้ เพราะ​ว่า​ท่าน​จะ​ตวง​ให้​เขา​ด้วย​ทะนาน​อัน​ใด ​พระ​เจ้า​จะ​ได้​ทรง​ตวง​ให้​ท่าน​ด้วย​ทะนาน​อัน​นั้น”
Luke 6:39 ​พระ​องค์​ตรัส​กับ​เขา​ทั้ง​หลาย​เป็น​คำ​อุปมา​ด้วย ว่า “คน​ตา​บอด​จะ​นำ​ทาง​คน​ตา​บอด​ได้​หรือ ทั้ง​สอง​จะ​ไม่​ตก​ลง​ไป​ใน​บ่อ​หรือ
Luke 6:40 ศิษย์​ไม่​ใหญ่​กว่า​ครู แต่​ศิษย์​ทุก​คน​ที่​ได้รับ​การ​ฝึกสอน​ครบ​แล้ว ​ก็​จะ​เป็น​เหมือน​ครู​ของ​ตน​
Luke 6:41 เหตุ​ไฉน​ท่าน​มองดู​ผง​ที่​ใน​ตา​พี่​น้อง​ของ​ท่าน แต่​ไม้​ทั้ง​ท่อน​ที่​อยู่​ใน​ตา​ของ​ท่าน ท่าน​ก็​ไม่​รู้สึก​
Luke 6:42 เหตุ​ไฉน​ท่าน​จึง​จะ​พูด​กับ​พี่​น้อง​ของ​ท่าน​ว่า ‘พี่​น้อง​เอ๋ย ให้​เรา​เขี่ย​ผง​ออก​จาก​ตา​ของ​เธอ’ แต่​ที่​จริง​ท่าน​เอง​ยัง​ไม่​เห็น​ไม้​ทั้ง​ท่อน​ที่​อยู่​ใน​ตา​ของ​ท่าน ท่าน​คน​หน้า​ซื่อ​ใจ​คด จง​ชัก​ไม้​ทั้ง​ท่อน​ออก​จาก​ตา​ของ​ท่าน​ก่อน แล้ว​ท่าน​จะ​เห็น​ได้​ถนัด จึง​จะ​เขี่ย​ผง​ออก​จาก​ตา​พี่​น้อง​ของ​ท่าน​ได้​
Luke 6:43 “ด้วย​ว่า​ต้นไม้​ดี​ย่อม​ไม่​เกิดผล​เลว หรือ​ต้นไม้​เลว​ย่อม​ไม่​เกิด​ผลดี​
Luke 6:44 เพราะ​ว่า​จะ​รู้จัก​ต้นไม้​ทุก​ต้น​ได้​ก็​เพราะ​ผล​ของ​มัน เพราะ​ว่า​เขา​ย่อม​ไม่​เ​ก็​บ​ผล​มะเดื่อ​จาก​ต้นไม้​มี​หนาม หรือ​ย่อม​ไม่​เ​ก็​บ​ผล​องุ่น​จาก​ต้น​ระกำ​
Luke 6:45 คน​ดี​ก็​ย่อม​เอา​ของ​ดี​ออก​จาก​คลัง​ดี​แห่ง​ใจ​ของ​ตน และ​คน​ชั่ว​ก็​ย่อม​เอา​ของ​ชั่ว​จาก​คลัง​ชั่ว​แห่ง​ใจ​ของ​ตน ด้วย​ใจ​เต็ม​ด้วย​อะไร​ปาก​ก็​พูด​ออกมา​อย่าง​นั้น

ดูคำสอนของพระเยซูต่อครับ

:37-38 อยากได้รับสิ่งใด จงปฏิบัติสิ่งนั้นต่อคนอื่นด้วย
     แต่ในเรื่องการให้ เมื่อเราให้ผู้อื่น พระเจ้ากลับเป็นผู้ให้คืนตอบกลับแก่เรา คืนให้อย่างมากมายยัดสั่นแน่นพูนล้นใส่ให้

:39-40 ศิษย์เป็นเหมือนครู  ถ้าคนนำทางมองทางไม่ออก มองทางไม่เห็น เจอบ่อไม่หลบก็จะตกลงไปในบ่อ
     ถ้าครูของเราคือพระคริสต์ เราก็จะเป็นเหมือนพระคริสต์ด้วย อาเมน ฮาเลลูยา

:41-42 คนเรามักมองออกไปจากตัวเอง มองไปหาความผิดของผู้อื่น หาได้สำรวจความผิดในตนเองไม่        
     ข้อนี้จึงเตือนใจเราว่าก่อนที่เราจะต่อว่าพี่น้อง ก่อนที่เราจะมองหาความผิด ความบกพร่องของผู้อื่น จงมองดูตัวเราก่อนว่าตัวเราเป็นเช่นไร สำรวจตัวเราเองก่อนว่าเราเป็นเช่นพระคริสต์หรือไม่ เรามีความรัก เราให้อภัย เราซื่อตรง เราไม่คดโกง เรามีความชื่นชมยินดีในพระเจ้า ฯลฯ หรือไม่  ก่อนจะไปมองดูคนอื่นให้สำำรวจตัวเองเสียก่อน

:43-45 พูดถึงชีวิตของเราว่าเมื่อเรามีอะไรอยู่ในใจ เดี๋ยวสิ่งนั้นก็จะแสดงออกมาภายนอก เช่นในใจคิดอะไรอยู่ ปากก็จะพูดสิ่งนั้นออกมา   ดังนั้นถ้าเราให้พระคำพระเจ้าเต็มอยู่ในหัวใจของเรา เราจะไม่พูดสิ่งใดผิดพลาดไปเป็นแน่
     ต้นไม้ดีย่อมให้ผลดี เรามีพระคริสต์อยู่ในชีวิตเรา ผลที่แสดงออกมาภายนอกย่อมเป็นชีวิตพระคริสต์ด้วยแน่นอน

วันจันทร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2554

หัวข้อเขียนที่นิยมอ่าน


     หลังจากเริ่มบันทึกเรื่องราวต่างๆมาลงไว้ในบล็อกนี้ได้เกือบจะครบสองปีแล้ว ก็พบว่าเรื่องที่คนนิยมเข้ามาดูมากที่สุดคือเรื่อง พระคัมภีร์หนุนใจหรือให้แนวทาง  ซึ่งผมก็ไม่ได้คิดเลยว่าจะเป็นหัวเรื่องที่คนชอบเข้ามาแวะเวียนอ่านมากที่สุด ตอนที่เขียนนั้นก็ไม่ได้ทำเป็นระบบเป็นเรื่องต่างๆหัวข้อต่างๆเสียด้วยซ้ำ  ทำให้เกิดความคิดว่าน่าจะทำเป็นหมวดหมู่ข้อพระคัมภีร์ต่างๆที่หนุนใจหรือให้แนวทางแก่เราในด้านต่างๆเอาไว้ซึ่งเป็นข้อพระคัมภีร์ที่พระเจ้าให้มาสำหรับผมเป็นแนวทางในเรื่องต่างๆ

     อีกเรื่องที่คนชอบเข้ามาอ่านรองลงมาคือเรื่องในหมวด โลกอนาคต  ก็มีหลายเรื่องครับที่หาข้อมูลมาลงไว้ สำหรับในคริสตจักรอีกไม่นานคงได้ทำเป็นคำเทศน์และสารคดีเรื่องต่างๆไว้ใช้ประกาศแบ่งปันกับคนโดยทั่วไปครับ ไว้ทำเมื่อไรแล้วจะเอามาลงไว้ในนี้นะครับเพื่อเป็นฐานข้อมูล

     ถัดมาจากนั้นรองลงมาอีกก็คือเรื่องราวเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในโลกในช่วงที่ผ่านมา ก็คิดว่าอาจรวบรวมเป็นข้อมูลเอาไว้ให้คนทั้งหลายได้รับทราบก็เป็นได้ครับ

วันเสาร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ชีวิตพระเยซูคริสต์ : คำสอนให้มีความเมตตากรุณาปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างที่อยากให้เขาปฏิบัติต่อท่าน

     แบ่งปันต่อครับ


Luke 6:27 “แต่​เรา​บอก​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ที่​กำลัง​ฟัง​อยู่​ว่า จง​รัก​ศัตรู​ของ​ท่าน จง​ทำ​ดี​แก่​ผู้​ที่​เกลียด​ชัง​ท่าน​
Luke 6:28 จง​อวย​พร​แก่​คน​ที่​แช่ง​ด่า​ท่าน จง​อธิษฐาน​เพื่อ​คน​ที่​เคี่ยวเข็ญ​ท่าน​
Luke 6:29 ผู้ใด​ตบ​แก้ม​ของ​ท่าน​ข้าง​หนึ่ง จง​หัน​อีก​ข้าง​หนึ่ง​ให้​เขา​ด้วย และ​ผู้ใด​ริบ​เอา​เสื้อ​คลุม​ของ​ท่าน​ไป ถ้า​เขา​จะ​เอา​เสื้อ​ด้วย​ก็​อย่า​หวง​ห้าม​
Luke 6:30 จง​ให้แก่​ทุก​คน​ที่​ขอ​จาก​ท่าน และ​ถ้า​ใคร​ได้​ริบ​ของ​ของ​ท่าน​ไป อย่า​ทวง​เอา​คืน​
Luke 6:31 จง​ปฏิบัติ​ต่อ​ผู้อื่น​อย่าง​ที่​ท่าน​ปรารถนา​ให้​เขา​ปฏิบัติ​ต่อ​ท่าน
Luke 6:32 “แม้ว่า​ท่าน​ทั้ง​หลาย​รัก​ผู้​ที่​รัก​ท่าน จะ​ทรง​นับว่า​เป็น​คุณ​อะไร​แก่​ท่าน ถึงแม้​คน​บาป​ก็​ยัง​รัก​ผู้​ที่​รัก​เขา​เหมือน​กัน​
Luke 6:33 ถ้า​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ทำ​ดี​แก่​ผู้​ที่​ทำ​ดี​แก่​ท่าน จะ​ทรง​นับว่า​เป็น​คุณ​อะไร​แก่​ท่าน เพราะ​ว่า​คน​บาป​ก็​กระทำ​เหมือน​กัน​
Luke 6:34 ถ้า​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ให้ยืม​เฉพาะ​แต่​ผู้​ที่​ท่าน​หวัง​จะ​ได้​คืน​จาก​เขา​อีก จะ​ทรง​นับว่า​เป็น​คุณ​อะไร​แก่​ท่าน ถึงแม้​คน​บาป​ก็​ยัง​ให้​คน​บาป​ยืม โดย​หวัง​ว่า​จะ​ได้รับ​คืน​จาก​เขา​เท่ากัน​
Luke 6:35 แต่​จง​รัก​ศัตรู​ของ​ท่าน​ทั้ง​หลาย และ​ทำ​การ​ดี​ต่อ​เขา จง​ให้​เขา​ยืม​โดย​ไม่​หวัง​ที่​จะ​ได้​คืน​อีก บำเหน็จ​ของ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​จึง​จะ​มี​บริบูรณ์ และ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​จะ​เป็น​บุตร​ของ​พระ​เจ้า​สูงสุด เพราะ​ว่า​พระ​องค์​ยัง​ทรง​โปรด​แก่​คน​อกตัญญู​และ​คน​ชั่ว​
Luke 6:36 ท่าน​ทั้ง​หลาย​จง​มี​ความ​เมตตา​กรุณา เหมือน​อย่าง​พระ​บิดา​ของ​ท่าน​มี​พระ​ทัย​เมตตา​กรุณา​

     คำสอนของพระเยซูในข้อ 31 บอกเราว่า  "จง​ปฏิบัติ​ต่อ​ผู้อื่น​อย่าง​ที่​ท่าน​ปรารถนา​ให้​เขา​ปฏิบัติ​ต่อ​ท่าน"  ยกตัวอย่างเช่น

     ต้องการให้ศัตรูรักท่าน ก็ต้องรักศัตรู  ต้องการเปลี่ยนใจคนที่เกลียดชังท่าน ก็ต้องรักเขา คือว่าอยากให้เขาทำอะไรแก่เรา  เราต้องทำสิ่งนั้นก่อน

     คนที่แช่งด่า คนที่เคี่ยวเข็ญท่าน อยากเปลี่ยนให้เขาอวยพรท่าน ก็ต้องอวยพรเขาก่อน

     ต้องการให้เขาให้แก่เรา เราก็ต้องให้แก่เขาก่อน เช่น ตบแก้ม ให้แก้มอีกข้าง  เรื่องเกี่ยวกับร่างกายของเราต้องการให้เขาทำอะไรแก่เรา เราก็ให้สิ่งนั้นก่อน ในที่นี้คงไม่ได้หมายถึงต้องการให้เขาทำร้ายร่างกายท่าน ก็ต้องทำร้ายร่างกายเขาก่อน  คงไม่ใช่สิ่งนี้  แต่หมายถึงในทางกลับกัน อยากให้เขาทำดี อยากให้เขาปรารถนาดี อยากให้เขาเป็นมิตร อยากให้เขาพูดคุยกับท่านด้วยดี  อยากให้เขามีมิตรไมตรี ฯลฯ เราก็ควรทำสิ่งนั้นก่อน  อยากจะยกตัวอย่างของนักศึกษาพยาบาลที่มาขอคำปรึกษาจากผมเนื่องด้วยว่า นักศึกษาในหอพักนั้นไม่มีใครพูดคุยด้วยกับเขา เพราะเข้าใจเขาผิด ทำอย่างไรดี  ผมตอบไปว่าทำดีตอบแก่คนที่เคี่ยวเข็ญท่าน   แม้เขาไม่คุย แต่เราก็คุย ทักทาย ปฏิบัติอย่างดีต่อเขา แม้เขาไม่ปฏิบัติต่อเรา ทั้งหอพักเลยนะครับที่ทำเช่นนี้กับเขา  หลังจากนั้นเขาก็ทำตามที่ผมแนะนำ  ขอบคุณพระเจ้า ได้ผล เปลี่ยนจิตเปลี่ยนใจคนในหอพักนั้นให้เข้าใจเขา ไม่เข้าใจผิด และกลับมาเป็นเพื่อนเหมือนเดิม

     หรือเรื่องเกี่ยวกับเครื่องนุ่งห่ม เครื่องใช้ข้าวของของท่านก็เช่นกัน แบบเดียวกัน

     พระเจ้าได้พูดต่อไปว่า ถ้าเราทำดี แก่ผู้ที่ทำดีต่อเรา  ให้ยืมเมื่อหวังจะได้คืน ฯลฯ จะเป็นคุณอะไรแก่เรา จะมีประโยชน์อะไรแก่เรา คนทั่วๆไปก็ทำเช่นนี้เหมือนกัน

     สรุปความจากพระคัมภีร์ตอนนี้ ในข้อ 34 จากทั้งหมดที่กล่าวมา  จงรักศัตรู ทำการดีต่อเขา และจงให้โดยไม่หวังจะได้คืน  แล้วบำเหน็จของพระเจ้าจะมีแก่เราในสวรรค์ แล้วท่านทั้งหลายจะเป็นบุตรของพระเจ้า เพราะพระลักษณะของพระเจ้าคือมีความเมตตากรุณา ถ้าเราได้กระทำดังนี้แล้ว เราจะเป็นลูกของพระเจ้าที่มีพระลักษณะเหมือนพระเจ้า คือมีความเมตตากรุณา

วันเสาร์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ชีวิตพระเยซูคริสต์ : คำสอนเรื่องบำเหน็จมีบริบูรณ์ในสวรรค์


     แบ่งปันต่อครับ เรื่องการเปรียบเทียบภาพในวันนี้กับวันนั้น วันนี้คือเวลาที่เรามีความสุขสบายแต่ปราศจากพระเจ้าในวันนั้นคือวันที่เราจะทุกข์ระทม หรือว่าในเวลานี้ที่เรามีความทุกข์ลำบากต่างๆแต่เรามีพระเจ้าอยู่กับเรา ในวันนั้นเราจะได้บำเหน็จ

    

Luke 6:20 ​พระ​องค์​ทอด​พระ​เนตร​แลดู​เหล่า​สาวก​ของ​พระ​องค์​ตรัส​ว่า “ท่าน​ทั้ง​หลาย​ที่​เป็น​คน​ยากจน​ก็​เป็น​สุข เพราะ​ว่า​แผ่นดิน​ของ​พระ​เจ้า​เป็น​ของ​ท่าน
Luke 6:21 “ท่าน​ทั้ง​หลาย​ที่​อด​อยาก​เวลา​นี้​ก็​เป็น​สุข เพราะ​ว่า​ท่าน​จะ​ได้​อิ่ม​หนำ “ท่าน​ทั้ง​หลาย​ที่​ร้องไห้​เวลา​นี้​ก็​เป็น​สุข เพราะ​ว่า​ท่าน​จะ​ได้​หัวเราะ
Luke 6:22 “ท่าน​ทั้ง​หลาย​จะ​เป็น​สุข เมื่อ​คน​ทั้ง​หลาย​จะ​เกลียด​ชัง​ท่าน และ​จะ​ไล่​ท่าน​ออก​จาก​พวก​เขา และ​จะ​ประณาม​ท่าน และ​จะ​เหยียด​ชื่อ​ของ​ท่าน​ว่า​เป็น​คน​ชั่ว​ช้า เพราะ​ท่าน​เห็น​แก่​บุตร​มนุษย์
Luke 6:23 ​ใน​วัน​นั้น​ท่าน​ทั้ง​หลาย​จง​ชื่น​ชม และ​เต้น​โลด​ด้วย​ความ​ยินดี​เพราะ ดู​เถิด บำเหน็จ​ของ​ท่าน​มี​บริบูรณ์​ใน​สวรรค์ เพราะ​ว่า​บรรพ​บุรุษ​ของ​เขา ได้​กระทำ​อย่าง​นั้น​แก่​พวก​ผู้เผย​พระ​วจนะ​เหมือน​กัน
Luke 6:24 “แต่​วิบัติ​แก่​เจ้า​ทั้ง​หลาย​ที่​มั่ง​มี เพราะ​ว่า​เจ้า​ได้รับ​สิ่ง​ที่​เล้าโลม​ใจ​แล้ว​
Luke 6:25 “วิบัติ​แก่​เจ้า​ทั้ง​หลาย​ที่​อิ่ม​หนำ​เวลา​นี้ เพราะ​ว่า​เจ้า​จะ​อด​อยาก “วิบัติ​แก่​เจ้า​ทั้ง​หลาย​ที่​หัวเราะ​เวลา​นี้ เพราะ​ว่า​เจ้า​จะ​เป็น​ทุกข์​และ​ร้องไห้
Luke 6:26 “วิบัติ​แก่​เจ้า​ทั้ง​หลาย เมื่อ​คน​ทั้ง​หลาย​จะ​ยอ​ว่า​เจ้า​ดี เพราะ​บรรพ​บุรุษ​ของ​เขา​ได้​กระทำ​อย่าง​นั้น​แก่​ผู้เผย​พระ​วจนะ​เท็จ​เหมือน​กัน​

     ในเวลานี้ที่พระคัมภีร์บอกสำหรับคนที่ยากจน อดอยาก ร้องไห้ เป็นเรื่องเกียวกับความเป็นอยู่ อารมณ์ความรู้สึก ฯลฯ จะกลับได้แผ่นดินพระเจ้า จะได้อิ่มหนำ จะได้หัวเราะ   ถ้าในเวลานี้ท่านถูกเกลียดชัง ถูกไล่ ถูกประนาม ถูกเหยียดชื่อ เป็นเรื่องความขัดแย้งเกี่ยวกับความเชื่อและคนอื่นๆในโลกไม่พอใจท่าน ข่มเหงท่าน ฯลฯ  พระคัมภีร์บอกต่อไปในข้อ 23 ว่า "ในวันนั้น" หมายถึง วันนั้นที่เราได้ไปอยู่กับพระคริสต์บนสวรรค์

     ในเวลานี้เราอาจเผชิญสิ่งต่างๆนานาสารพัด แต่ในวันนั้นเราจะได้พบกับสิ่งต่างๆที่พระเจ้าจัดเตรียมไว้ให้ท่าน  วันนั้นเราจะมีความชื่นชมยินดี เต้นโลดสรรเสริญพระเจ้าในบำเหน็จที่พระเจ้าประทานให้กับเรา

     คำนี้ครับ "บำเหน็จ"  G3408 μισθός misthos (mis-thos') n.
1. payment for service (good or bad)
{literally or figuratively}
[apparently a primary word]
KJV: hire, reward, wages
[?]

     เอาคำนี้ในที่ต่างๆมาให้ดูครับ


Matt 5:12 จง​ชื่น​ชม​ยินดี เพราะ​ว่า​บำเหน็จ​ของ​ท่าน​มี​บริบูรณ์​ใน​สวรรค์ เพราะ​เขา​ได้​ข่ม​เหง​ผู้เผย​พระ​วจนะทั้ง​หลาย ที่​อยู่​ก่อน​ท่าน​เหมือน​กัน​

Matt 6:1 “จง​ระวัง อย่า​กระทำ​ศาสนกิจ​เพื่อ​อวด​คน​อื่น ถ้า​ทำ​อย่าง​นั้น​ท่าน​จะ​ไม่ได้​รับ​บำเหน็จ​จาก​พระ​บิดา​ของ​ท่าน​ผู้​ทรง​สถิต​ใน​สวรรค์ 

Matt 10:42 และ​ถ้า​ผู้ใด​จะ​เอา​น้ำ​เย็น​สัก​ถ้วย​หนึ่ง ให้​คน​เล็กน้อย​เหล่า​นี้​คน​ใด​คน​หนึ่ง​ดื่ม เพราะ​เป็น​ศิษย์​ของ​เรา เรา​บอก​ความ​จริง​แก่​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ว่า คน​นั้น​จะ​ขาด​บำเหน็จ​ก็​หา​มิได้” 

Luke 6:35 แต่​จง​รัก​ศัตรู​ของ​ท่าน​ทั้ง​หลาย และ​ทำ​การ​ดี​ต่อ​เขา จง​ให้​เขา​ยืม​โดย​ไม่​หวัง​ที่​จะ​ได้​คืน​อีก บำเหน็จ​ของ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​จึง​จะ​มี​บริบูรณ์ และ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​จะ​เป็น​บุตร​ของ​พระ​เจ้า​สูงสุด เพราะ​ว่า​พระ​องค์​ยัง​ทรง​โปรด​แก่​คน​อกตัญญู​และ​คน​ชั่ว​

John 4:36 คน​เกี่ยว​ก็​กำลัง​ได้รับ​ค่าจ้าง และ​กำลัง​ส่ำ​สม​พืชผล​ไว้​สำหรับ​ชีวิต​นิรันดร์ เพื่อ​ทั้ง​คน​หว่าน​และ​คน​เกี่ยว​จะ​ชื่น​ชม​ยินดี​ด้วย​กัน​

  • ในภาษากรีก คำนี้เป็นคำเดียวกัน บำเหน็จ กับ ค่าจ้าง

1Cor 3:8 คน​ที่​ปลูก​และ​คน​ที่​รด​น้ำ​ก็​เป็น​พวก​เดียว​กัน แต่​ทุก​คน​ก็​จะ​ได้​ค่าจ้าง​ตาม​การ​ที่​ตน​ได้​กระทำ​ไว้​

1Cor 3:14 ถ้า​การ​งาน​ของ​ผู้ใด​ที่​ก่อ​ขึ้น​ทน​อยู่​ได้ ผู้​นั้น​ก็​จะ​ได้​ค่าตอบแทน​

  • นี่ก็เช่นกันเป็นคำเดียวกันในภาษากรีก  ค่าตอบแทน

2John 1:8 ท่าน​ทั้ง​หลาย​จง​ระวัง​ตัว​ให้​ดี เพื่อ​ท่าน​จะ​ได้​ไม่​สูญเสีย​สิ่ง​ที่​ท่าน​ได้​กระทำ​มา​แล้ว แต่​อาจจะ​ได้รับ​บำเหน็จ​เต็มที่​

  • ข้อนี้บอกให้ระวังตัวจากผู้ล่อลวงและปฏิปักษ์พระคริสต์

Rev 11:18 เหล่า​ประชาชาติ​มี​ความ​โกรธ​แค้น แต่​พระ​นิเคราะห์ของ​พระ​องค์​ก็​มาถึง​แล้ว​ ถึง​เวลา​ที่​พระ​องค์​จะ​ทรง​พิพากษา​คน​ทั้ง​หลาย​ที่​ตาย​ไป​แล้ว​ และ​ถึง​เวลา​ประทาน​บำเหน็จ​แก่​ผู้รับ​ใช้​ของ​พระ​องค์ คือ​พวก​ผู้เผย​พระ​วจนะ​และ​ธรรมิก​ชน​ทั้ง​ปวง และ​แก่​คน​ทั้ง​หลาย​ที่​ยำเกรง​พระ​นาม​ของ​พระ​องค์​ทั้ง​ผู้ใหญ่​ผู้น้อย และ​ถึง​เวลา​แล้ว​ ที่​พระ​องค์​จะ​ทรง​ทำลาย​คน​ที่​ทำลาย​แผ่นดิน​โลก” 

Rev 22:12 “ดู​เถิด เรา​จะ​มา​ใน​เร็วๆ นี้ และ​จะ​นำ​บำเหน็จ​ของ​เรา​มา​ด้วย เพื่อ​ตอบ​แทน​การ​กระทำ​ของ​ทุก​คน

     ต่อมาพระคัมภีร์ได้พูดถึง เวลานี้สำหรับคนที่มั่งมี ได้รับสิ่งที่เล้าโลมใจในเวลานี้ อิ่มหนำ หัวเราะ ได้รับการยอว่าตัวเองดี  แต่ในเวลานั้นวิบัติจะเกิดขึ้นกับพวกเขา พวกเขาจะอดอยาก เป็นทุกข์และร้องไห้


     ขอพระเจ้ารักษาเราทุกคนไว้ และวางวิถีการดำเนินชีวิตของเราในวันนี้ให้ดี ทำทุกอย่างตามน้ำพระทัยพระเจ้า่ แม้บางสิ่งที่เราดำเนินอยู่นั้นจะยากลำบาก แต่ผลปลายทางในวันนั้นเราจะอยู่อย่างปลอดภัยและรับบำเหน็จรางวัลจากพระคริสต์ที่พระองค์เรียกให้เราไปรับ  ระยะเวลาแห่งการรับบำเหน็จรางวัลบนสวรรค์นั้นเป็นอนันต์ เทียบไม่ได้เลยกับความทุกข์ยากเล็กๆน้อยๆบนโลกนี้ เทียบระยะเวลาไม่กี่สิบปี

2Cor 4:17 เพราะ​ว่า​การ​ทุกข์​ยาก​เล็กๆ น้อยๆ ของ​เรา ซึ่ง​เรา​รับ​อยู่​ประเดี๋ยว​เดียว​นั้น จะ​ทำ​ให้​เรา​มี​ศักดิ์ศรี​ถาวร​มาก​หา​ที่​เปรียบ​มิได้​

วันเสาร์ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ชีวิตพระเยซูคริสต์ : ชีวิตแห่งการอธิษฐานเพื่อทราบน้ำพระทัยในการเลือกอัครทูต

     วันนี้มาดูต่อนะครับ



Luke 6:12 คราว​นั้น​พระ​เยซู​เสด็จ​ไป​ที่​ภูเขา​เพื่อ​จะ​อธิษฐาน และ​ได้​อธิษฐาน​ต่อ​พระ​เจ้า​คืน​ยัง​รุ่ง​
Luke 6:13 ครั้น​รุ่ง​เช้า​แล้ว ​พระ​องค์​ทรง​เรียก​สาวก​ของ​พระ​องค์ แล้ว​ทรง​เลือก​สิบ​สอง​คน​ออก​จาก​หมู่​สาวก​นั้น ที่​พระ​องค์​ทรง​เรียก​ว่า​อัครทูต​
Luke 6:14 คือ​ซีโมน​ที่​พระ​องค์​ทรง​ให้​ชื่อ​อีก​ว่า เปโตร อันด​รูว์​น้อง​ชาย​ของ​เปโตร ​ยากอบ​และ​ยอห์น​ ​ฟีลิป​และ​บาร​โธโล​มิว​
Luke 6:15 มัทธิว​และโธมัส ​ยากอบ​บุตรอัลเฟ​อัส ซีโมน​ที่​เรียก​ว่า​เศโล​เท​
Luke 6:16 ยูดาส​บุตร​ของ​ยากอบ​ และ​ยูดาส อิส​คาริโอท​ที่​เป็น​ผู้​อายัด​พระ​องค์​ไว้​นั้น​
Luke 6:17 แล้ว​พระ​องค์​กับ​อัครทูต​ก็​ลง​มา​ยืน ณ ที่​ราบ​แห่ง​หนึ่ง พร้อม​กับ​หมู่​สาวก​ของ​พระ​องค์ และ​ประชาชน​เป็น​อัน​มาก ซึ่ง​มา​จาก​ทั่ว​แคว้น​ยูเดีย กรุง​เยรูซาเล็ม​และ​จาก​ตำบล​ชายทะเล​ใน​เขต​เมือง​ไท​ระ และ​เมือง​ไซ​ดอน​เพื่อ​จะ​ฟัง​พระ​องค์ และ​ให้​พระ​องค์​ทรง​รักษา​โรค​ของ​เขา​
Luke 6:18 และ​บรรดา​คน​ที่​ต้อง​ทน​ทุกข์​เพราะ​ผี​โสโครก ​พระ​องค์​ก็​ทรง​รักษา​ให้​หาย​ด้วย​
Luke 6:19 ประชาชน​ต่าง​ก็​พยายาม​ที่​จะ​ถูกต้อง​พระ​องค์ เพราะ​ว่า​มี​ฤทธิ์​ซ่าน​ออก​จาก​พระ​องค์ รักษา​เขา​ให้​หาย​ทุก​คน​


     จะเห็นจากตอนนี้ว่าพระเยซูจะทำอะไร พระองค์แสวงหาการทรงนำก่อนเสมอ ภาพที่เราเห็นพระองค์ไปอธิษฐานตามลำพังอยู่บ่อยๆ ตอนนี้เป็นตอนที่พระองค์จะเลือกอัครทูตท่ามกลางสาวกหลากหลายคน เช่นกันเมื่อเราจะเลือกทีมงานมาทำงานด้วยกัน เราควรแสวงหาพระเจ้าเพื่อเราจะไม่เลือกผิด  ถามว่าแล้วพระเยซูเลือกยูดาสผู้อายัดพระเยซู พระองค์เลือกผิดหรือไม่ พระองค์เลือกไม่ผิดหรอกครับ พระองค์เลือกตามพระทัยพระบิดา เลือกมาแล้วก็ทำให้แผนการณ์แห่งการไถ่ของพระบิดาสำเร็จ

     ในตอนนี้ท่านจะเห็นว่าพระองค์เลือกอัครทูตจากหมู่สาวก สาวกมีหลายคน (Luke 10:1 ภายหลังเหตุการณ์เหล่านี้ องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตั้งสาวกอื่นอีกเจ็ดสิบคนไว้และใช้เขาออกไปทีละสองคนๆ ให้ล่วงหน้าพระองค์ไปก่อน ให้เข้าไปทุกเมืองและทุกตำบลที่พระองค์จะเสด็จไปนั้น              เราจะเห็นว่าพระองค์ส่งสาวกคนอื่นๆนอกจากอัครทูต 12 คนนี้ไปประกาศด้วย  ดังนั้นสาวกในตอนนั้นที่ติดตามพระเยซูอาจมีมากถึง 70+12=82 คนก็ได้)

     แล้วพระองค์จะเลือกใคร ถ้าเป็นเรา เราก็คงเลือกคนที่มีคุณสมบัติที่ดูน่าเชื่อถือในสัีงคม คนที่ในวงการสังคมให้การยอมรับ เราอาจไม่เลือกเปโตรที่เป็นชาวประมง แต่พระเยซูเลือก หลังจากที่พระองค์แสวงหาน้ำพระทัยพระบิดามาตลอดทั้งคืน  ท่านจะเห็นชื่อของเปโตรเอ่ยขึ้นก่อนชื่ออื่นๆเป็นชื่อแรก และชื่อที่ปิดท้ายคือชื่อของยูดาสอิศคาริโอทผู้ทรยศพระเยซู    

     ถัดมาจากเหตุการณ์นี้ พระเยซู อัครทูตและสาวกของพระองค์มาที่ราบแห่งหนึ่ง พร้อมๆกับประชาชนที่มาจากที่ต่างๆ  เหตุการณ์นี้เหมือนเหตุการณ์สมัยผมไปงานประกาศของอ.เวนครุก สนามกีฬา ที่จังหวัดเชียงใหม่เมื่อ 30 ปีก่อนเลยครับ งานประกาศนี้เป็นการประกาศด้วยฤทธิ์อำนาจการอัศจรรย์ และคนที่มาร่วมจากจำนวนน้อยในคืนแรกหลักพัน กลายมาเป็นหลักหลายหมื่นเมื่อสิ้นสุด 14 คืนแห่งการประกาศ และคนที่มาก็มาจากจังหวัดต่างๆไปทั่ว นั่งรถมากันเป็นคันๆ  นี่ก็คงเหมือนเหตุการณ์ทีกล่าวถึงในพระคัมภีร์ตอนนี้  คนที่มีความทุกข์ ความต้องการก็ปรารถนาจะรับการช่วยเหลือจากพระเจ้า ปรารถนาจะถูกต้องพระเยซูเพราะมีฤทธิ์ซ่านออกมาจากพระองค์รักษาพวกเขาให้หาย

     จากเหตุการณ์นี้มีพระเยซูผู้เดียวทำ แต่หลังจากนี้พระเยซูใช้อัครทูต 12 คนไปเป็นคู่ๆ และสาวกอีก 70 คนไปเป็นคู่ๆด้วยเช่นกัน

     ขอบคุณพระเจ้าวันนี้เราได้เห็นแบบอย่างการเลือกอัครทูต ผู้ที่พระเจ้าจะส่งไปด้วยกัน เราเห็นว่าพระองค์จะทำสิ่งใดพระองค์แสวงหาพระเจ้าพระบิดาเพื่อจะทราบน้ำพระทัยที่พระองค์จะทำเสมอ ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่านให้แสวงหาน้ำพระทัยพระเจ้าในการทำทุกสิ่งในชีวิตของท่านด้วยเช่นกันครับ