พระวจนะสำหรับคริสตชน
ข้อนี้บอกว่าความรักไม่มีวันสูญสิ้น สิ่งอื่นๆอาจสูญสิ้นไปเมื่อเราพบพระเจ้าหน้าต่อหน้าแล้ว เช่นการใช้ของประทานต่างๆ วิชาความรู้ต่างๆ สิ่งสำคัญในการดำเนินชีวิตของเราคือ ความเชื่อ ความหวังใจ ความรัก แต่ความรักใหญ่สุดเพราะไม่มีวันสูญสิ้น เมื่อไปอยู่กับพระองค์บนสวรรค์ เราก็ยังมีความรักอยู่ แต่เราไม่ต้องใช้ความเชื่อ ความหวังใจแล้ว เพราะเราพบพระเจ้าหน้าต่อหน้าแล้ว
สรุป ความเชื่อในพระเจ้า ต้องเชื่อว่าพระองค์ทรงพระชนม์อยู่จริงๆ พระองค์เฝ้าพิทักษ์รักษาดูแลเรา เราต้องเป็นคนที่แสวงหาพระองค์ด้วยความขยันขันแข็ง มีปฏิสัมพันธ์กับพระองค์ตลอดเวลา แล้วพระองค์จะประทานบำเหน็จรางวัลให้กับเรา แล้วพบกันในครั้งหน้าครับ ว่าด้วยเรื่องพิธีล้างชำระ
นี่เป็นเรื่องต่อมาที่ฮีบรูได้พูดถึง ถัดมาจากการกลับใจจากการประพฤติที่นำไปสู่ความตายแล้ว สิ่งที่ต้องมีในชีวิตของผู้เชื่อก็คือเรื่องความเชื่อในพระเจ้า
พระคัมภีร์บอกว่าเริ่มก็โดยความเชื่อ จบลงก็โดยความเชื่อ คริสเตียนจึงมีการดำเนินชีวิตโดยความเชื่อตลอดไป
Rom 1:17 เพราะว่าในข่าวประเสริฐนั้น ความชอบธรรมของพระเจ้าก็ได้สำแดงออก โดยเริ่มต้นก็ความเชื่อ สุดท้ายก็ความเชื่อ ตามที่พระคัมภีร์มีเขียนไว้ว่า คนชอบธรรมจะมีชีวิตดำรงอยู่โดยความเชื่อ
ความเชื่อนี้ใช้ในขณะที่เราดำเนินชีวิตอยู่ในโลกนี้เท่านั้น เมื่อเราออกจากโลกนี้ไปพบพระเจ้าแล้ว เราไม่จำเป็นต้องใช้ความเชื่ออีกต่อไป เราพบพระพักตร์พระเจ้าหน้าต่อหน้าอยู่แล้ว
1Cor 13:8 ความรักไม่มีวันสูญสิ้น แม้การเผยพระวจนะก็จะเสื่อมสูญไป แม้การพูดภาษาแปลกๆ นั้น ก็จะมีเวลาเลิกกัน แม้วิชาความรู้ก็จะเสื่อมสูญไป
1Cor 13:9 เพราะความรู้ของเรานั้นไม่สมบูรณ์ และการเผยพระวจนะนั้นก็ไม่สมบูรณ์
1Cor 13:10 แต่เมื่อความสมบูรณ์มาถึงแล้ว ความบกพร่องนั้นก็จะสูญไป
1Cor 13:11 เมื่อข้าพเจ้ายังเป็นเด็ก ข้าพเจ้าพูดอย่างเด็ก คิดอย่างเด็ก ใคร่ครวญหาเหตุผลอย่างเด็ก แต่เมื่อข้าพเจ้าเป็นผู้ใหญ่ ข้าพเจ้าก็เลิกอาการเด็กเสีย
1Cor 13:12 เพราะว่าบัดนี้เราเห็นสลัวๆ เหมือนดูในกระจก แต่เวลานั้นจะได้เห็นพระพักตร์ชัดเจน เดี๋ยวนี้ความรู้ของข้าพเจ้าไม่สมบูรณ์ เวลานั้นข้าพเจ้าจะรู้แจ้งเหมือนพระองค์ทรงรู้จักข้าพเจ้า
1Cor 13:13 ดังนั้นยังตั้งอยู่สามสิ่ง คือความเชื่อ ความหวังใจ และความรัก แต่ความรักใหญ่ที่สุด
ข้อนี้บอกว่าความรักไม่มีวันสูญสิ้น สิ่งอื่นๆอาจสูญสิ้นไปเมื่อเราพบพระเจ้าหน้าต่อหน้าแล้ว เช่นการใช้ของประทานต่างๆ วิชาความรู้ต่างๆ สิ่งสำคัญในการดำเนินชีวิตของเราคือ ความเชื่อ ความหวังใจ ความรัก แต่ความรักใหญ่สุดเพราะไม่มีวันสูญสิ้น เมื่อไปอยู่กับพระองค์บนสวรรค์ เราก็ยังมีความรักอยู่ แต่เราไม่ต้องใช้ความเชื่อ ความหวังใจแล้ว เพราะเราพบพระเจ้าหน้าต่อหน้าแล้ว
แต่ว่าตอนนี้เราอยู่ในโลก เราจำเป็นต้องดำเนินชีวิตด้วยความเชื่อ ถ้าไม่ได้ดำเนินชีวิตด้วยความเชื่อ จะไม่เป็นที่พอพระทัยพระเจ้า
Heb 11:6 แต่ถ้าไม่มีความเชื่อแล้ว จะเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้าก็ไม่ได้เลย เพราะว่าผู้ที่จะมาเฝ้าพระเจ้าได้นั้น ต้องเชื่อว่าพระองค์ทรงดำรงพระชนม์อยู่ และพระองค์ทรงเป็นผู้ประทานบำเหน็จให้แก่ทุกคนที่แสวงหาพระองค์
เราต้องใช้ความเชื่อในการดำเนินชีวิตในขณะที่เรายังไม่ได้อยู่กับพระองค์หน้าต่อหน่า แต่เราก็ควรดำเนินชีวิตเหมือนพระองค์อยู่ด้วยกับเรา เหมือนพระองค์ดูแลเราตลอดเวลา เหมือนเราอยู่ในสายพระเนตรตลอดเวลา และสิ่งนี้ก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ เพียงแต่ว่าเรายังไม่ได้เห็นอย่างนั้นในฝ่ายกายภาพ แต่เราเห็นอย่างนี้ในฝ่ายวิญญาณของเรา ซึ่งเรื่องนี้เป็นการเห็นโดยความเชื่อ เป็นการเห็นด้วยจิตวิญญาณภายใน เป็นการเห็นในฝ่ายวิญญาณ เป็นการเชื่อในฝ่ายวิญญาณ ด้วยสายตาของมนุษย์ภายใน ไม่ใช่การเชื่อด้วยสมองของเรา
เชื่อว่าอะไรบ้างตามพระคัมภีร์ข้อนี้ เชื่อว่าพระองค์ทรงดำรงพระชนม์อยู่ เชื่อว่าพระองค์ประทานบำเหน็จให้แก่ทุกคนที่แสวงหาพระองค์
ในการดำเนินชีวิตของเรา เราต้องเชื่อว่าพระองค์มีชีวิตอยู่จริงๆ เราไม่ได้เชื่อว่าพระองค์ตายไปแล้ว แต่เราเชื่อในพระเยซูคริสต์ที่มีชีวิตจริงๆ และประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์มาอยู่ด้วยกับเรา อยู่ในเราทำให้เราเป็นลูกพระเจ้า รับการไถ่ให้รอดแล้ว ไม่ว่าเราจะทำอะไร เราอยู่ในสายพระเนตรของพระองค์ตลอดเวลา พระองค์เห็น นี่คือพระเจ้าที่มีชีวิตไม่ใช่พระเจ้าที่ตายแล้ว พระเจ้าที่ตายแล้วคุยด้วยไม่ได้ แต่พระเจ้าที่ยังมีชีวิตอยู่คุยด้วยได้ อธิษฐานด้วยได้ และพระองค์ฟังเรา ฟังทุกสิ่งและรู้ทุกสิ่งที่เราเผชิญในชีวิตของเรา เมื่อท่านขาดสิ่งใด ร้องขอต่อพระองค์ พระองค์จะฟังท่าน
Phil 4:4 จงชื่นชมยินดีในองค์พระผู้เป็นเจ้าทุกเวลา ข้าพเจ้าขอย้ำอีกครั้งว่า จงชื่นชมยินดีเถิด
Phil 4:5 จงให้จิตใจที่อ่อนสุภาพของท่านประจักษ์แก่คนทั้งปวง องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่ใกล้แล้ว
Phil 4:6 อย่าทุกข์ร้อนในสิ่งใดๆ เลย แต่จงทูลเรื่องความปรารถนาของท่านทุกอย่างต่อพระเจ้า ด้วยการอธิษฐาน การวิงวอน กับการขอบพระคุณ
Phil 4:7 แล้วสันติสุขแห่งพระเจ้าซึ่งเกินความเข้าใจ จะคุ้มครองจิตใจและความคิดของท่านไว้ในพระเยซูคริสต์
ไม่เพียงเชื่อว่าพระองค์ทรงพระชนม์อยู่ แต่เชื่อว่าพระองค์ประทานบำเหน็จให้กับผู้ที่แสวงหาพระองค์ด้วย บุคคลผู้แสวงหาพระองค์ พระองค์จะประทานรางวัลให้ ในภาษาคิงเจมส์แสวงหาหมายถึงขยันขันแข็งแสวงหาด้วย
Matt 6:33 แต่ท่านทั้งหลายจงแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้า และความชอบธรรมของพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มเติมสิ่งทั้งปวงเหล่านี้ให้
ณ เวลานี้ ท่านแสวงหาสิ่งใดอยู่ ท่านแสวงหาพระองค์ก่อนหรือไม่ เมื่อท่านแสวงหาพระองค์ก่อน ท่านจะทราบน้ำพระทัยพระเจ้าสำหรับชีวิตของท่าน ขอให้ท่านตอบสนองพระองค์ พระองค์จะนำท่านไปทีละก้าว อย่าวิตกกังวลในสิ่งใดเลย พระองค์ทรงดูท่านอยู่ พระองค์รู้ชีวิตของท่าน รู้ความเป็นอยู่ รู้คู่ครอง รู้การงาน รู้การเรียน รู้อนาคตของท่าน จงมอบทุกสิ่งไว้ในพระหัตถ์พระเจ้า พระองค์จะนำชีวิตท่านไปทีละก้าวๆ จนกว่าจะถึงวันนั้น วันที่เราทั้งหลายจะได้ไปอยู่กับพระองค์
สรุป ความเชื่อในพระเจ้า ต้องเชื่อว่าพระองค์ทรงพระชนม์อยู่จริงๆ พระองค์เฝ้าพิทักษ์รักษาดูแลเรา เราต้องเป็นคนที่แสวงหาพระองค์ด้วยความขยันขันแข็ง มีปฏิสัมพันธ์กับพระองค์ตลอดเวลา แล้วพระองค์จะประทานบำเหน็จรางวัลให้กับเรา แล้วพบกันในครั้งหน้าครับ ว่าด้วยเรื่องพิธีล้างชำระ
ขอบคุณคะ
ตอบลบ