วันเสาร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

A) Word of God : การแสดงออกของของประทานพระวิญญาณ


จากพระคำ1โครินธ์บทที่ 14 ทั้งบท เปาโลได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องการใช้ของประทานในที่ประชุม ข้าพเจ้าเข้าใจว่า การใช้ของประทานในที่ประชุมโครินธ์ในสมัยนั้นคงจะมีความวุ่นวายเป็นอย่างมาก เปาโลจึงสอนเกี่ยวกับเรื่องนี้

จาก 1 โครินธ์ บทที่ 14

พระคัมภีร์สอนให้เรามุ่งหาความรักและของประทานเผยพระวจนะ  ของประทานการเผยพระวจนะเป็นการรับคำมาจากพระเจ้าและมาเปิดเผยต่อคริสตจักรให้ได้รับความจำเริญขึ้น ดูเหมือนเป็นของประทานที่มีความสำคัญมาก เหมือนเช่นการพูดภาษาแปลกๆ ซึ่งเป็นการทูลต่อพระเจ้า  ทำให้ตนเองเจริญขึ้น  เว้นแต่จะมีการแปลภาษาแปลกๆ จะทำให้คริสตจักรจำเริญขึ้นเทียบได้กับของประทานการเผยพระวจนะ 
เปาโลได้สอนต่อไปว่า  ถ้ามาพบปะกันแล้วสื่อสารกันด้วยภาษาแปลกๆ จะเป็นประโยชน์อะไร เพราะฟังไม่รู้เรื่อง  การเผยพระวจนะนั้นเป็นการพูดกับมนุษย์ทำให้เขาเจริญขึ้น และเป็นที่หนุนจิตชูใจ  ทำให้คริสตจักรเจริญขึ้น

เมื่อเรากำลังแสวงหาของประทานฝ่ายพระวิญญาณ ก็จงอุตส่าห์ที่จะทำให้คริสตจักรเจริญขึ้น  อะไรที่ทำให้คริสตจักรเจริญขึ้น จงทำสิ่งนั้น  เมื่อจะอธิษฐาน ให้อธิษฐานด้วยพระวิญญาณและด้วยความคิด  คือทั้งอธิษฐานในภาษาแปลกๆและภาษามนุษย์ จะได้เกิดความเข้าใจว่ากำลังอธิษฐานสิ่งใด

ในชีวิตส่วนตัวเปาโล พูดภาษาแปลกๆมาก  แต่เมื่อมาอยู่ในคริสตจักร พอใจจะพูดบางคำที่ฟังแล้วรู้เรื่องมากกว่า  นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามีทั้งเรื่องส่วนตัวและเรื่องที่ใช้ส่วนรวม  สิ่งใดที่ไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม เพราะเขาไม่เข้าใจ ฟังไม่รู้เรื่อง ให้เก็บไว้ใช้ส่วนตัว เพื่อเสริมสร้างชีวิตคนนั้น  แต่สิ่งใดที่กระทำออกมาแล้ว มีผลต่อที่ประชุมส่วนรวม เขาเข้าใจได้  ก็สมควรกระทำออกมา
สรุปว่าจากเหตุนี้แสดงว่าเปาโลให้หลักการ 2 อย่างด้วยกัน คือของประทานที่เอาไว้ใช้ส่วนตัว เพื่อตนเองจำเริญขึ้น แต่เมื่อมาอยู่ในชุมชน เราจะทำสิ่งใด สิ่งนั้นต้องทำให้คริสตจักรจำเริญขึ้น  นี่คือความคิดแบบผู้ใหญ่

เปาโลได้สอนต่อไปเรื่องภาษาแปลกๆว่าเป็นsignแก่คนไม่เชื่อ เมื่อเขาเห็นต่างคนต่างพูด เขาจะคิดว่าที่ประชุมคลั่งไปแล้วเพราะไม่รู้พูดอะไร ฟังไม่รู้เรื่อง  ภาษาแปลกๆเป็นภาษาของคนที่เชื่อแล้ว  ในขณะที่การเผยพระวจนะเป็นsignแก่คนที่เชื่อแล้ว  เมื่อต่างคนต่างพูด ก็จะเตือนใจคนไม่เชื่อ และรู้ว่าพระเจ้าอยู่ท่ามกลางเขา   การเผยพระวจนะเป็นภาษาเหมาะสำหรับคนที่ยังไม่เชื่อ

เมื่อมาอยู่ในที่ประชุมที่ไม่มีระเบียบ จะทำอย่างไรกันดี สิ่งที่ควรทำคือทุกสิ่งที่ทำนั้นต้องทำให้คนในที่ประชุมจำเริญขึ้น  เปาโลได้แนะนำระเบียบในที่ประชุมว่า  ถ้าพูดภาษาแปลกๆ ต้องมีการแปล และพูดอย่างมากสามคน  ผู้เผยพระวจนะก็เช่นกันให้พูดอย่างมากสามคน  และให้คนอื่นวินิจฉัยข้อความนั้น

เปาโลให้ปฏิบัติตามระเบียบวินัย เพื่อป้องกันความสับสนวุ่นวาย  เปาโลบอกว่าคนที่ถือตนเป็นผู้เผยพระวจนะหรืออยู่ฝ่ายพระวิญญาณ  ควรยอมรับข้อความที่เปาโลเขียนมาถึงเรื่องระเบียบปฏิบัติในที่ประชุม  เพราะว่าพระเจ้าไม่ใช่พระเจ้าแห่งความวุ่นวาย  วิญญาณของพวกผู้เผยพระวจนะ ย่อมอยู่ในบังคับของผู้เผยพระวจนะ  แสดงว่าต้องควบคุมตัวเองได้

ตอนท้ายเปาโลยังได้บอกว่าจงปรารถนาการเผยพระวจนะ ส่วนการพูดภาษาแปลกๆก็อย่าห้ามเลย  เพราะการเผยพระวจนะเป็นการสื่อสารที่คนสามารถเข้าใจได้  ดังนั้นสมควรเผยพระวจนะ และเผยได้อย่างมากสามคน ส่วนการพูดภาษาแปลกๆมีสองแบบ คือภาษาแปลกๆส่วนตัวใช้ทูลต่อพระเจ้า อธิษฐานภาษาแปลกๆพร้อมๆกันเหมือนกจ.2ในห้องชั้นบนนั้น ตรงนี้บอกว่าก็อย่าห้ามเลย  และจะมีเวลาที่ใช้ภาษาแปลกๆแบบที่เป็นของประทานซึ่งต้องมีการแปลภาษาแปลกๆนั้น เพื่อให้ผู้ฟังเกิดความเข้าใจในสิ่งที่พระเจ้าต้องการสื่อสาร  ตอนนี้ก็บอกเช่นกันว่าอย่างมากให้พูดได้สามคน

เรื่องแบบนี้ยังมีอีกมากครับในพระคัมภีร์ โดยเฉพาะในยุคนี้ที่พระวิญญาณบริสุทธิ์กำลังทำการของพระองค์อย่างมากมาย  เราสมควรเปิดใจออก ยอมรับการเคลื่อนไหวของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ขณะเดียวกันกับที่จัดระเบียบที่ประชุมในเรื่องการเคลื่อนไหวของพระวิญญาณหรือของประทาน ตามแบบที่อ.เปาโลได้สั่งสอนในพระธรรม1โครินธ์14นี้ครับ


1 ความคิดเห็น: