วันเสาร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

A) Word of God : เลข 666

เรื่องเลข 666




ไหนๆก็พูดถึงสิ่งที่เป็นเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในยุคสุดท้ายไปแล้ว ก็เลยมาต่อกันที่เรื่องเลข666ต่อ ซึ่งจะมีเกิดขึ้นในช่วงท้ายยุคสุดท้ายนี่เอง



วิวรณ์13:11-18

11 แล้วข้าพเจ้าเห็นสัตว์ร้ายอีกตัวหนึ่งขึ้นมาจากแผ่นดินมีสองเขาเหมือนลูกแกะ และพูดเหมือนพญานาค

12 มันใช้อำนาจของสัตว์ร้ายตัวเดิมนั้นอย่างครบถ้วนและต่อหน้า มันทำให้โลกและคนที่อยู่ในโลกบูชาสัตว์ร้ายตัวเดิมนั้น ที่มีแผลปางตายแต่รักษาหายแล้ว

13 สัตว์ร้ายนี้แสดงหมายสำคัญใหญ่ จนกระทำให้ไฟตกลงมาจากฟ้าสู่แผ่นดินโลกประจักษ์แก่ตามนุษย์ทั้งหลาย

14 มันล่อลวงคนทั้งหลายที่อยู่ในโลกด้วยหมายสำคัญนั้น ซึ่งทรงยอมให้มันกระทำต่อหน้าสัตว์ร้ายตัวเดิมนั้น และมันสั่งให้คนทั้งหลายที่แผ่นดินโลก สร้างรูปจำลองให้แก่สัตว์ร้ายที่ถูกฟันด้วยดาบ แต่ยังไม่ตายนั้น

15 ทรงยอมให้มันมีอำนาจที่จะให้ลมหายใจแก่รูปสัตว์นั้น เพื่อให้รูปสัตว์ร้ายนั้นพูดได้ และให้มีอำนาจที่จะกระทำให้บรรดาคนที่ไม่ยอมบูชารูปสัตว์ร้ายนั้น ถึงแก่ความตายได้

16 และมันยังได้บังคับคนทั้งปวง ทั้งผู้ใหญ่ผู้น้อย คนมั่งมี และคนจน ไทและทาสให้รับเครื่องหมาย ไว้ที่มือขวาหรือที่หน้าผากของเขา

17 เพื่อไม่ให้ผู้ใดทำการซื้อขายได้ นอกจากผู้ที่มีเครื่องหมายนั้น ซึ่งเป็นชื่อของสัตว์ร้ายนั้น หรือเลขชื่อของมัน

18 ในเรื่องนี้จงใช้สติปัญญาให้ดี ถ้าผู้ใดมีความเข้าใจก็ให้คิดตรึกตรองเลขของสัตว์ร้ายนั้น เพราะว่าเป็นเลขของบุคคลผู้หนึ่ง เลขของมันคือหกร้อยหกสิบหก {สำเนาต้นฉบับบางฉบับว่า หกร้อยสิบหก}



• เลข666เป็นชื่อของสัตว์ร้ายนั้น และมันบังคับให้ทุกคนต้องรับเครื่องหมายของมันไว้ที่มือขวาหรือที่หน้าผากของเขา เพื่อไม่ให้ซื้อขายได้เว้นแต่มีเครื่องหมายนี้ สัตว์ร้ายนั้นก็ได้แก่ระบบของประเทศผู้มีอำนาจทางการค้า ฯลฯ พวกนักวิชาการพระคัมภีร์มักจะมองออกไปว่าเป็นแบบนี้ มันมีอำนาจทำให้ไฟตกจากฟ้าสู่แผ่นดินโลก สมมติว่าถ้าอนาคตข้างหน้า ทั้งโลกทำให้ทุกคนอยู่ภายใต้การควบคุมล่ะ มีการร่วมมือกันของประเทศต่างๆเป็นสหภาพ ใครจะไปไหน ก็จะรู้จากชิปที่ฝังไว้ และดาวเทียมที่แสกนหาคัวเราได้ตลอดเวลา รวมทั้งในอนาคตยังสามารถยิงแสงเลเซอร์ลงมาบนโลกได้ นี่ใช่อำนาจของคนผู้นี้หรือไม่ (666) มีอำนาจควบคุมทุกสิ่งบนโลก มีอำนาจสั่งทำลายทุกอย่างบนโลก ฯลฯ

• ซึ่งเลขเครื่องหมายนี้ ปัจจุบันเราพอจะมองออกว่าคืออะไร รหัสบาร์โค๊ดที่ไว้ใช้สำหรับซื้อขาย ปัจจุบันมีการฝังชิปไว้ที่มือ แทนการใช้เครดิตการ์ดรูดซื้อของ ถ้าเราไม่มีชิปตัวนี้ฝังไว้ เราก็จะซื้ออะไรไม่ได้ ดังนั้น เราคงต้องกลับไปใช้ชีวิตอยู่ในยุคที่สมถะแบบเศรษฐกิจพอเพียง แม้เราไม่ต้องยุ่งกับระบบของโลก แต่เราก็ยังสามารถมีชีวิตอยู่ได้



ลองชมสารคดีของต่างประเทศบางครับเรื่องเลข 666




• พวกซาตานมีการประทับตรา 666 ฝ่ายพระเยซูก็มีการประทับตราไว้ที่หน้าผากของผู้รับใช้พระเจ้าด้วย


วิวรณ์ 7:3

3 ว่า "จงอย่าทำอันตรายแผ่นดิน ทะเล หรือต้นไม้ จนกว่าเราจะได้ประทับตราไว้ที่หน้าผากผู้รับใช้ทั้งหลายของพระเจ้าเสียก่อน"

• จากพระธรรมตอนนี้ในบทที่ 7 เผ่าต่างๆของอิสราเอล ในข้อต่อๆมาและคนทุกชาติทุกภาษายืนอยู่หน้าพระที่นั่ง



วิวรณ์ 7:9

9 ต่อจากนั้นมา ข้าพเจ้าก็มองดู และ ดูเถิด คนมากมายเหลือคณนามาจากทุกเผ่าพันธุ์ ทุกชาติทุกภาษา คนเหล่านั้นสวมเสื้อสีขาว ถือใบตาลยืนอยู่หน้าพระที่นั่ง และต่อพระพักตร์พระเมษโปดก



• ข้าพเจ้าเชื่อเป็นมั่นคงว่าเราผู้เชื่อจะรอดพ้นจากการข่มเหงของเหล่าซาตานเป็นแน่ ถ้าเรารู้ตัว เตรียมการก่อนสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ระแวดระวัง เฝ้าสังเกตดูสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามคำพยากรณ์ ผมได้เอาข่าวสารต่างๆมาแบ่งปันให้พี่น้องได้รับทราบสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกของเราไปบ้างแล้วนะครับ ถ้าพระเจ้าทรงนำและประทานโอกาสให้ได้ข้อมูลต่างๆที่เป็นประโยชน์ต่อท่านทั้งหลาย จะเอามาลงให้ชมกันอีกครับ

ปล. หลังจากเขียนบล็อกตอนนี้ไปแล้ว ก็ได้มาเห็นบทความในเว็บของความหวังขอนแก่น เรื่องที่เกี่ยวข้องกับรหัส666 และเป็นบทความเชิงวิชาการดีด้วย จึงเอามาลงไว้ให้ชมเพิ่มครับ

วันเสาร์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

A) Word of God : Noah's Ark



เรือโนอาห์


ในสมัยอดีตกาลโลกเต็มไปด้วยความชั่วร้าย แผ่นดินโลกเต็มไปด้วยความบาป บุตรของพระเจ้าสมสู่อยู่กับบุตรของมนุษย์เกิดมาเป็นคนเนฟิล พระเจ้าจึงจะล้างโลกด้วยการให้น้ำท่วมโลก อย่างไรก็ตามพระเจ้าเห็นว่าโนอาห์ชอบธรรม เป็นคนดีพร้อม และพระเจ้าโปรดปราน จึงให้สร้างเรือขึ้นมาเพื่อให้คนที่เชื่อฟังพระเจ้าได้ขึ้นมาบนเรือและรับการช่วยให้รอดพ้นจากน้ำท่วมโลก ในจำนวนนั้นพระเจ้าก็ให้โนอาห์พาสัตว์ต่างๆขึ้นมาอยู่บนเรือด้วย 
ส่วนบรรดาทูตสวรรค์ต่างๆที่ได้ทำผิด ได้สมสู่อยู่กับมนุษย์ (ตามความเชื่อของคริสเตียนบางคณะว่า บุตรของพระเจ้าหมายถึงทูตสวรรค์) พระเจ้าก็ได้ขุมขังไว้ ยูดาห์ 1:6

ยังมีสิ่งต่างๆอีกมากมายเหลือเกินที่เรายังไม่รู้ รอไว้เมื่อเราจากโลกนี้ไปพบกับพระองค์บนเมืองฟ้าแล้วเราถึงจะรู้ หรือไม่ก็เมื่อพระองค์เสด็จกลับมารับเรา พระองค์จะเปิดเผยสิ่งต่างๆให้เราทราบ 1 โครินธ์ 13:12

เหตุการณ์ในสมัยจะสิ้นยุคเก่าจะเป็นแบบในสมัยของโนอาห์
มัทธิว 24:36-39
36 "แต่วันนั้น โมงนั้น ไม่มีใครรู้ ถึงบรรดาทูตสวรรค์หรือพระบุตรก็ไม่รู้ รู้แต่พระบิดาองค์เดียว

37 ด้วยสมัยของโนอาห์ ได้เป็นอย่างไร เมื่อบุตรมนุษย์เสด็จมา ก็จะเป็นอย่างนั้น
38 เพราะว่าเมื่อก่อนวันน้ำท่วมนั้น คนทั้งหลายได้กินและดื่มกัน ทำการสมรสและยกให้เป็นสามีภรรยากัน จนถึงวันที่โนอาห์เข้าในนาวา
39 และน้ำท่วมมากวาดเอาเขาไปสิ้น โดยไม่ทันรู้ตัวฉันใด เมื่อบุตรมนุษย์จะเสด็จมาก็จะเป็นฉันนั้น


สำหรับเรื่องเรือของโนอาห์ ก็เอาภาพมาให้ชมกันครับว่าเขาไปเจอมาที่ไหน

เรือนี้น่าจะมีชื่อว่าเรือแห่งความรอด เพราะได้รับเอาทุกคนที่เชื่อไปไว้ในนั้น ซึ่งก็มีเพียงครอบครัวของโนอาห์เท่านั้นที่เชื่อคำเตือนเรื่องน้ำท่วมโลก เรือของโนอาห์ในภาษาฮีบรูมีลักษณะเป็นกล่องตามภาษาเขียน ซึ่งลักษณะในการสร้างเรือก็เป็นแบบนั้นจริง

รูปภาพเรือบนภูเขา
 
 
 
รูปภาพถ่ายจากระยะไกล
 


ภาพวีดีโอการสำรวจเรือจากชุดสำรวจของจีนในปีนี้ ได้มีคนบรรยายภาษาอังกฤษแล้ว

เมื่อชมภาพทั้งหมดแล้ว ก็ต้องบอกว่าขอบคุณพระเจ้า  สิ่งที่พระเจ้าทำในอดีตยังหลงเหลือมาให้ชนรุ่นหลังได้เห็น  นี่เป็นความจริงดังที่ปรากฎในพระคัมภีร์ เรือที่สร้างขึ้นไปค้างบนเทือกเขาอารารัตดังที่บอกไว้ในพระคัมภีร์  ปฐมกาล 8:4

วันอาทิตย์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

A) Word of God : Matt24:29-30

มัทธิว 24:29-30

29   "แต่พอสิ้นความทุกข์ลำบากแห่งวันเหล่านั้นแล้ว  ดวงอาทิตย์จะมืดไป  และดวงจันทร์จะไม่ส่องแสง  ดวงดาวทั้งปวงจะตกจากฟ้า  และบรรดาสิ่งที่มีอำนาจในท้องฟ้าจะสะเทือนสะท้าน
30   เมื่อนั้นนิมิตแห่งบุตรมนุษย์  จะปรากฏขึ้นในท้องฟ้า  มนุษย์ทุกชาติทั่วโลกจะตีอกร้องไห้  บุตรมนุษย์เสด็จมาบนเมฆในท้องฟ้า  ทรงฤทธานุภาพและพระสิริเป็นอันมาก

นี่จะเป็นภาพที่จะเกิดขึ้นได้หรือไม่ พอเสร็จคำทำนาย 10 ประการนั้นแล้ว (สิ้นความทุกข์ลำบาก = tribulation) สิ่งที่เป็นAnimationในวีดีโอนี้จะเป็นจริงได้หรือไม่ ผมฟังไม่ออกครับว่าเขาพูดว่าอะไรเพราะเป็นภาษาญี่ปุ่น แต่เห็นว่าได้ความรู้สึกดี  เราจะได้ตระหนักและยิ่งเร่งทำการของพระเจ้ามากขึ้น  พระคัมภีร์ข้อนี้บอกว่า เมื่อนั้นนิมิตแห่งบุตรมนุษย์จะปรากฏขึ้นในท้องฟ้า  มนุษย์ทุกชาติทั่วโลกจะตีอกร้องไห้ ตรงนี้ผมสงสัยอีกแล้ว เพราะเมื่อดูจากภาษากรีกคือคำว่า Phule แปลว่า tribe หรือ kindred เมื่อไปดูจากแต่ละข้อของที่ใช้คำว่า Phule พบว่าใช้กับอิสราเอลทั้งสิ้น  ผมจึงสงสัยว่าตรงนี้จะหมายถึง Phule เผ่าของอิสราเอลหรือเปล่า  เพราะแน่นอนที่พวกเขาไม่เชื่อในคำพยากรณ์ที่กล่าวมาตั้งแต่สมัยพระคัมภีร์เดิมถึงพระมาซีฮา เขาไม่เชื่อว่าพระเยซูคือพระมาซีฮา ดังนั้นตอนนี้พระมาซีฮามาแล้ว พวกเขาจึงตีอกร้ำให้เพราะเหตุที่พวกเขาไม่เชื่อ




วันเสาร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

A) Word of God : น้ำท่วมโลก

จากสิ่งที่ให้ดูเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในช่วงสุดท้ายของยุคสุดท้ายนั้น จากสิ่งที่ได้ฟังคำบรรยายของ ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ก็ทำให้รู้ว่า นี่ไม่ใช่เรื่องไกลตัวเลย เป็นเรื่องใกล้ตัวเรานิดเดียวเอง อยู่ในช่วงชีวิตของเราด้วย  ไม่ได้เป็นเรื่องในอนาคต  ถ้าเรารู้ตัวล่วงหน้า จะได้เตรียมการรองรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต  พี่น้องลองตามเข้าไปดูในyoutubeครับ



นี่คือตอนแรก



นี่คือตอนสอง



นี่คือตอนสาม



นี่คือตอนสี่

A) Word of God : 10 คำทำนายสะท้านโลก

ผมได้เห็นวีดีโอชุดหนึ่งในyoutube เรื่อง 10 คำทำนายสะท้านโลก เห็นว่าน่าสนใจดี จึงได้เอามาเปิดให้ชมกันเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

จากเนื้อหาในวีดีโอชุดนี้ ได้นำเสนอเกี่ยวกับสิ่งที่พระคัมภีร์ได้บันทึกไว้ 10 ประการด้วยกัน คือ
1. ชนชาติอิสราเอลจะรวมตัวกันเป็นประเทศขึ้นใหม่  อสค. 37:15-23
2. จะมีผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นพระคริสต์ มธ. 24:5
3. จะเกิดสงครามและข่าวลือเรื่องสงคราม มธ. 24:6
4. จะเกิดแผ่นดินไหวในที่ต่างๆทั่วโลก มธ. 24:7
5. จะเกิดการกันดารอาหาร มธ. 24:7
6. จะมีผู้สอนคำสอนผิดเกิดขึ้นอย่างมากมาย มธ. 24:23-24
7. จะมีโรคระบาดและโรคร้ายที่รุนแรงเกิดขึ้นในโลก ลก. 21:11
8. ความรู้ของมนุษย์จะทวีมากขึ้น ดนล. 12:2-4
9. ความผิดบาปจะทวีความรุนแรงมากขึ้น มธ. 24:12 , 2 ทธ. 3:1-5
10. ข่าวประเสริฐเรื่องของพระเยซูคริสต์จะต้องกระจายไปทั่วโลกและวาระสุดท้ายของโลกก็จะมาถึง และพระเยซูคริสต์ก็จะเสด็จมา มธ. 24:14

คำทำนายทั้ง 9 ประการได้สำเร็จไปแล้ว มีเพียงประการที่ 10 เท่านั้นที่ยังไม่สำเร็จ ดังนั้นจึงจะเห็นได้ว่าช่วงชีวิตของเรานี้ เป็นช่วงที่น่าตื่นเต้นที่สุด เรากำลังอยู่ในช่วงสุดท้ายของยุคสุดท้ายแล้ว สิ่งที่ยังเหลืออยู่อีกประการเดียวนั้น คริสตจักรเราขอมีส่วนร่วมกับพี่น้องคริสเตียนทั้งหลายทั่วโลกในการทำให้คำทำนายนี้สำเร็จ

วันเสาร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

B) Revival : เรื่องการฟื้นฟู



พระเจ้าพูดกับข้าพเจ้าเรื่องเตรียมข้าพเจ้าไว้สำหรับการฟื้นฟูประเทศไทย  ความจริงการฟื้นฟูนั้นได้เกิดแล้ว  ข้าพเจ้าเพิ่งประจักษ์ความจริงนี้ในวันนี้   นี่อาจเป็นสาเหตุที่เพื่อนผู้รับใช้ข้าพเจ้ามาเยี่ยมข้าพเจ้าในสัปดาห์ที่ผ่านมาก็เป็นได้  ทำให้ความจริงนี้ได้ปรากฏประจักษ์แก่ตาใจข้าพเจ้า   ท่านที่อยู่มานาน ยังจำได้ไหม ในคริสตจักรความหวังกรุงเทพฯ มีนิมิตที่พระเจ้าให้  เป็นนิมิตลูกไฟที่ลุกลามออกไปจากความหวังกรุงเทพฯ ลามออกไปในประเทศไทย และไปตามที่ต่างๆทั่วโลก  ไฟลามออกไปเรื่อยๆ  สิ่งที่พระเจ้าพูดด้วยกับข้าพเจ้านั้นได้สำเร็จไปแล้ว ข้าพเจ้าได้มีส่วนในพันธกิจกรุงเทพฯ  ไทย และทั่วโลก

ที่นี้สิ่งที่พระเจ้าพูดด้วยกับข้าพเจ้าในรอบใหม่นี้ ที่ให้จุดไฟเริ่มจากคนจำนวนน้อยจนลุกท่วมทั้งคริสตจักร  แล้วไฟเรื่องการประกาศนั้นลามออกไปนอกโบสถ์  ดังนั้นชัดเจนแล้วเรื่องน้ำพระทัยพระเจ้า  ที่ข้าพเจ้าฝากสมาชิกทั้งหลายคิดใคร่ครวญอธิษฐานถามพระเจ้าว่าเราควรจัดประกาศใหญ่หลายวันปีนี้หรือไม่    มีทั้งข้อคิดเห็นสมาชิก มีทั้งสิ่งที่พระเจ้าดลใจข้าพเจ้า    สรุปเราจะขอพระเจ้ามาทำการขับเคลื่อนคริสตจักรเรา ให้ไฟของพระเจ้าลุกท่วมทั้งคริสตจักรเรื่องฤทธิ์เดช เต็มล้นในพระวิญญาณ  แล้วลามออกไปนอกคริสตจักร   ประกาศคริสต์มาสเป็นน้ำพระทัยพระเจ้าที่จะประกาศออกไปนอกโบสถ์ให้คนจำนวนมากได้ยินข่าวดีเรื่องการมาเกิดขององค์พระเยซูคริสต์    แน่นอนเราจะใช้โอกาสคริสต์มาสนี้ประกาศออกไปแก่สังคมโดยทั่วไป เป็นประกาศส่วนตัว และเราจะจัดงานประกาศสักคืนให้ตรงกับวันคริสต์มาส เชิญคนเข้ามารับความรอด เป็นประกาศส่วนรวม  และเราจะจุดไฟการอธิษฐานเผื่อ  เราจะประกอบด้วยฤทธิ์เดชที่มาจากเบื้องบนตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เราจะอธิษฐานเตรียมแผ่นดินไทยนี้ให้พร้อมรับการเสด็จมาเยี่ยมเยียนของพระเจ้า  ขอพระเจ้าเปิดตาเปิดใจคนไทย  เมื่อเราเป็นพยานจะง่ายเพราะเราอธิษฐานขอพระเจ้าเตรียมใจเขาไว้แล้ว  เราจะขอแคร์ทุกแคร์ได้เริ่มต้นทูลวิงวอนเพื่อดวงวิญญาณคนไทยจะรับความรอด  อาเมนไหมครับ!

วันเสาร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

A) Word of God : การแสดงออกของของประทานพระวิญญาณ


จากพระคำ1โครินธ์บทที่ 14 ทั้งบท เปาโลได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องการใช้ของประทานในที่ประชุม ข้าพเจ้าเข้าใจว่า การใช้ของประทานในที่ประชุมโครินธ์ในสมัยนั้นคงจะมีความวุ่นวายเป็นอย่างมาก เปาโลจึงสอนเกี่ยวกับเรื่องนี้

จาก 1 โครินธ์ บทที่ 14

พระคัมภีร์สอนให้เรามุ่งหาความรักและของประทานเผยพระวจนะ  ของประทานการเผยพระวจนะเป็นการรับคำมาจากพระเจ้าและมาเปิดเผยต่อคริสตจักรให้ได้รับความจำเริญขึ้น ดูเหมือนเป็นของประทานที่มีความสำคัญมาก เหมือนเช่นการพูดภาษาแปลกๆ ซึ่งเป็นการทูลต่อพระเจ้า  ทำให้ตนเองเจริญขึ้น  เว้นแต่จะมีการแปลภาษาแปลกๆ จะทำให้คริสตจักรจำเริญขึ้นเทียบได้กับของประทานการเผยพระวจนะ 
เปาโลได้สอนต่อไปว่า  ถ้ามาพบปะกันแล้วสื่อสารกันด้วยภาษาแปลกๆ จะเป็นประโยชน์อะไร เพราะฟังไม่รู้เรื่อง  การเผยพระวจนะนั้นเป็นการพูดกับมนุษย์ทำให้เขาเจริญขึ้น และเป็นที่หนุนจิตชูใจ  ทำให้คริสตจักรเจริญขึ้น

เมื่อเรากำลังแสวงหาของประทานฝ่ายพระวิญญาณ ก็จงอุตส่าห์ที่จะทำให้คริสตจักรเจริญขึ้น  อะไรที่ทำให้คริสตจักรเจริญขึ้น จงทำสิ่งนั้น  เมื่อจะอธิษฐาน ให้อธิษฐานด้วยพระวิญญาณและด้วยความคิด  คือทั้งอธิษฐานในภาษาแปลกๆและภาษามนุษย์ จะได้เกิดความเข้าใจว่ากำลังอธิษฐานสิ่งใด

ในชีวิตส่วนตัวเปาโล พูดภาษาแปลกๆมาก  แต่เมื่อมาอยู่ในคริสตจักร พอใจจะพูดบางคำที่ฟังแล้วรู้เรื่องมากกว่า  นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามีทั้งเรื่องส่วนตัวและเรื่องที่ใช้ส่วนรวม  สิ่งใดที่ไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม เพราะเขาไม่เข้าใจ ฟังไม่รู้เรื่อง ให้เก็บไว้ใช้ส่วนตัว เพื่อเสริมสร้างชีวิตคนนั้น  แต่สิ่งใดที่กระทำออกมาแล้ว มีผลต่อที่ประชุมส่วนรวม เขาเข้าใจได้  ก็สมควรกระทำออกมา
สรุปว่าจากเหตุนี้แสดงว่าเปาโลให้หลักการ 2 อย่างด้วยกัน คือของประทานที่เอาไว้ใช้ส่วนตัว เพื่อตนเองจำเริญขึ้น แต่เมื่อมาอยู่ในชุมชน เราจะทำสิ่งใด สิ่งนั้นต้องทำให้คริสตจักรจำเริญขึ้น  นี่คือความคิดแบบผู้ใหญ่

เปาโลได้สอนต่อไปเรื่องภาษาแปลกๆว่าเป็นsignแก่คนไม่เชื่อ เมื่อเขาเห็นต่างคนต่างพูด เขาจะคิดว่าที่ประชุมคลั่งไปแล้วเพราะไม่รู้พูดอะไร ฟังไม่รู้เรื่อง  ภาษาแปลกๆเป็นภาษาของคนที่เชื่อแล้ว  ในขณะที่การเผยพระวจนะเป็นsignแก่คนที่เชื่อแล้ว  เมื่อต่างคนต่างพูด ก็จะเตือนใจคนไม่เชื่อ และรู้ว่าพระเจ้าอยู่ท่ามกลางเขา   การเผยพระวจนะเป็นภาษาเหมาะสำหรับคนที่ยังไม่เชื่อ

เมื่อมาอยู่ในที่ประชุมที่ไม่มีระเบียบ จะทำอย่างไรกันดี สิ่งที่ควรทำคือทุกสิ่งที่ทำนั้นต้องทำให้คนในที่ประชุมจำเริญขึ้น  เปาโลได้แนะนำระเบียบในที่ประชุมว่า  ถ้าพูดภาษาแปลกๆ ต้องมีการแปล และพูดอย่างมากสามคน  ผู้เผยพระวจนะก็เช่นกันให้พูดอย่างมากสามคน  และให้คนอื่นวินิจฉัยข้อความนั้น

เปาโลให้ปฏิบัติตามระเบียบวินัย เพื่อป้องกันความสับสนวุ่นวาย  เปาโลบอกว่าคนที่ถือตนเป็นผู้เผยพระวจนะหรืออยู่ฝ่ายพระวิญญาณ  ควรยอมรับข้อความที่เปาโลเขียนมาถึงเรื่องระเบียบปฏิบัติในที่ประชุม  เพราะว่าพระเจ้าไม่ใช่พระเจ้าแห่งความวุ่นวาย  วิญญาณของพวกผู้เผยพระวจนะ ย่อมอยู่ในบังคับของผู้เผยพระวจนะ  แสดงว่าต้องควบคุมตัวเองได้

ตอนท้ายเปาโลยังได้บอกว่าจงปรารถนาการเผยพระวจนะ ส่วนการพูดภาษาแปลกๆก็อย่าห้ามเลย  เพราะการเผยพระวจนะเป็นการสื่อสารที่คนสามารถเข้าใจได้  ดังนั้นสมควรเผยพระวจนะ และเผยได้อย่างมากสามคน ส่วนการพูดภาษาแปลกๆมีสองแบบ คือภาษาแปลกๆส่วนตัวใช้ทูลต่อพระเจ้า อธิษฐานภาษาแปลกๆพร้อมๆกันเหมือนกจ.2ในห้องชั้นบนนั้น ตรงนี้บอกว่าก็อย่าห้ามเลย  และจะมีเวลาที่ใช้ภาษาแปลกๆแบบที่เป็นของประทานซึ่งต้องมีการแปลภาษาแปลกๆนั้น เพื่อให้ผู้ฟังเกิดความเข้าใจในสิ่งที่พระเจ้าต้องการสื่อสาร  ตอนนี้ก็บอกเช่นกันว่าอย่างมากให้พูดได้สามคน

เรื่องแบบนี้ยังมีอีกมากครับในพระคัมภีร์ โดยเฉพาะในยุคนี้ที่พระวิญญาณบริสุทธิ์กำลังทำการของพระองค์อย่างมากมาย  เราสมควรเปิดใจออก ยอมรับการเคลื่อนไหวของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ขณะเดียวกันกับที่จัดระเบียบที่ประชุมในเรื่องการเคลื่อนไหวของพระวิญญาณหรือของประทาน ตามแบบที่อ.เปาโลได้สั่งสอนในพระธรรม1โครินธ์14นี้ครับ