วันอังคารที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

A) Word of God : ความจริงเกี่ยวกับผู้ที่ล่วงหลับ


                วันนี้ได้ไปแบ่งปันพระวจนะไว้อาลัยสำหรับสมาชิกเราผู้ซึ่งได้จากเราไป ไปอยู่กับพระเยซูคริสต์บนเมืองฟ้า  จาก 1 เธสะโลนิกา 4:13-17  และก็รู้สึกประทับใจพระเจ้า อดขอบคุณพระเจ้าไม่ได้ ที่ให้สัญญาไว้กับผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้  พี่น้องลองดูนะครับ
:13 เหตุผลที่เขียนพระคัมภีร์ตอนนี้เพือพี่น้องได้ฟังจะได้ทราบความจริง เรื่องคนที่ล่วงหลับไปแล้ว ในภาษาอังกฤษใช้คำว่า ignore แปลว่า ทำเพิกเฉย ไม่รับรู้อะไร  ข้อนี้กำลังบอกเราว่า ไม่อยากให้เราignore ไม่รับรู้อะไรเกี่ยวกับคนที่ล่วงหลับไปแล้ว  พระคัมภีร์ใช้คำว่าคนที่ล่วงหลับ  ไม่ได้ใช้คำว่าคนที่ตาย  คำพูดนี้ก็เป็นคำพูดที่สำคัญมาก อธิบายสถานะของคนที่มีความเชื่อในองค์พระเยซูคริสต์ที่จากเราไป ว่าเป็นเพียงการเปลี่ยนสภาพของเขา เหมือนคนที่นอนหลับไป  พี่น้องลองนึกดูว่าการนอนหลับแล้วตื่นนั้นเป็นอย่างไร  ก็จะเป็นเหมือนการที่เราไม่ได้รับรู้สิ่งใดยามเรานอนหลับใช่หรือไม่  คนที่จากเราไปก็เป็นเช่นนั้น เหมือนเขาหลับ ไม่ได้รับรู้สิ่งใดอีกต่อไป  และเมื่อเขาเห็นสภาพแวดล้อมเปลี่ยนไป นั่นคือเป็นเหมือนเขาตื่นขึ้นมา  เขามาอยู่ในสภาวะอีกแบบหนึ่งแล้ว  เขาหลับเมื่อเขาตาย เขาตื่นมาอยู่ในสภาพแวดล้อมใหม่ จิตวิญญาณของเขาอยู่กับองค์พระเยซูคริสต์ เขาคงจะเห็นทูตสวรรค์ของพระเจ้าเป็นร้อยเป็นพันที่นั่น  นี่คือสภาพใหม่ของคนของพระเจ้าที่จะพบ  พระคัมภีร์ถึงบอกว่า เพื่อเราจะไม่โศกเศร้า  เหมือนคนที่ไม่มีความหวัง เพราะว่าไม่เหมือนกันเลย   คนที่เชื่อพระเจ้า เมื่อเขาตื่นขึ้นมาจากหลับ เขาได้ถึงเวลาแห่งการพักสงบในพระเจ้าแล้ว  ไม่มีสิ่งใดที่เราจะต้องทุกข์ใจสำหรับผู้นั้นที่จากเราไปเลย  ถ้าจะมีความทุกข์ใจก็คงเป็นเรื่องที่เราไม่ได้มีเขาเป็นคู่ชีวิตอีกต่อไปแล้วในโลกนี้  แต่สักวันหนึ่งเราก็จะได้พบกันอีกเป็นแน่ แต่ด้วยสถานะใหม่แล้ว ไม่ใช่เป็นแบบสามีและภรรยา  แต่เป็นดั่งทูตของพระเจ้า (มก.12:25)
:14 เราจะเป็นเหมือนเช่นพระเยซูคริสต์ พระเยซูสิ้นพระชนม์ พระคัมภีร์ใช้คำว่าตาย แต่สำหรับคริสเตียนพระคัมภีร์ใช้คำว่าล่วงหลับ  พระเยซูได้ทำสำเร็จแล้ว เป็นผลแรก  พระองค์สิ้นพระชนม์ ตายจริงๆ พระคัมภีร์ไทยคิงเจมส์ใช้คำว่า Matt 27:50 ฝ่ายพระเยซู เมื่อพระองค์ร้องเสียงดังอีกครั้งหนึ่ง ก็ทรงปล่อยพระวิญญาณจิตออกไป
แสดงว่าวิญญาณจิตแยกออกจากร่างกายของพระองค์นั่นก็คือตายนั้นเอง  เราก็เช่นเดียวกันเมื่อเราสิ้นลม วิญญาณจิตของเราก็แยกออกจากร่าง นั่นแสดงว่าตายแล้ว  แต่เราจะไม่ตายอย่างนี้ตลอดไป เหมือนพระเยซูคริสต์ สามวันหลังจากนั้นพระองค์คืนพระชนม์ขึ้นมาอีก วิญญาณจิตกลับไปรวมกับร่างกาย เป็นกายแบบพระเยซูที่เราได้เห็นในพระคัมภีร์ สามารถเดินทางไปไหนโดยไม่ถูกจำกัดด้วยขอบเขตของคนในโลก   ชีวิตของพี่น้องที่ล่วงหลับไปก็เช่นกัน  เมื่อเขาล่วงหลับ วิญญาณจิตออกจากร่างกาย นั้นแสดงว่าตาย  เดี๋ยวนี้วิญญาณจิตของเขาอยู่กับองค์พระเยซูคริสต์  และพระองค์จะทำให้เขาเป็นขึ้นมาเหมือนอย่างที่พระเยซูเป็นขึ้นมา  จะมีวันหนึ่งเมื่อพระองค์เสด็จกลับมา ดวงวิญญาณจิตเหล่านี้จะกลับมาด้วย
:!5 ลำดับขั้นตอนจะเป็นดังนี้  เราผู้ยังเป็นอยู่บนโลกและรอคอย แสดงว่าคนคนนั้นต้องดำเนินชีวิตด้วยการรอคอยการเสด็จกลับมาขององค์พระผู้เป็นเจ้า  จะไม่ล่วงหน้าไปก่อนคนที่ล่วงหลับไปแล้ว 
:16 คนที่ล่วงหลับไปก่อนแล้วนั้นจะเป็นขึ้นมาก่อน ด้วยฤทธานุภาพของพระเจ้า   เป็นขึ้นมาก่อนหมายความว่า วิญญาณจิตของพวกเขาที่มาพร้อมกับพระเยซูคริสต์นั้น จะผนวกรวมกับร่างกายของพวกเขาเหมือนตอนที่พระเยซูเป็นขึ้นมา  ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด  จะถูกเผาไปแล้ว  จะถูกฝังเปื่อยเน่าไปแล้ว ฯลฯ ก็ตามแต่ โดยฤทธานุภาพของพระเจ้า ด้วยเสียงตรัสสั่ง เหมือนพระองค์ตรัสแล้วโลกก็บังเกิดขึ้นมาในแต่ละวัน  เช่นเดียวกันบรรดาธรรมิกชนผู้ล่วงหลับไปแล้วก็จะเป็นเช่นนั้น
:17 ต่อมาก็จะเป็นวาระของผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ จะลอยขึ้นไปในเมฆพบกับคนเหล่านั้นและพระเยซูคริสต์  และเราจะอยู่กับองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นนิตย์
:18 นี่เป็นพระคัมภีร์ที่ให้เรารู้เพื่อเราจะปลอบใจกันด้วยถ้อยคำเหล่านี้

                ถามว่าแล้วพบกันบนฟ้าแล้วจะเป็นอย่างไรต่อไป ต้องไปดูในพระคัมภีร์ตอนอื่นๆครับ  นั่นคงเป็นตอนเปลี่ยนถ่ายเข้าสู่ยุคใหม่แล้วครับ ยุคพันปีที่เราธรรมิกชนจะได้ปกครองโลกร่วมกันพระคริสต์เป็นระยะเวลาพันปี ส่วนคนที่ไม่เชื่อและพวกผีมารก็ถูกขุมขังไว้พันปี ก่อนจะปล่อยออกมารบกันครั้งสุดท้าย


1 ความคิดเห็น: