ฮักกัย 2:6-9
6 พระเจ้าจอมโยธาตรัสดังนี้ว่า อีกสักหน่อยเราจะเขย่าท้องฟ้าและโลก ทะเลและแผ่นดินแห้งอีกครั้งหนึ่ง
7 เราจะเขย่าประชาชาติทั้งสิ้น เพื่อทรัพย์สมบัติของประชาชาติทั้งสิ้นจะได้เข้ามา เราจะบรรจุนิเวศนี้ให้เต็มด้วยสง่าราศี พระเจ้าจอมโยธาตรัสดังนี้แหละ
8 เงินเป็นของเรา และทองคำเป็นของเรา พระเจ้าจอมโยธาตรัสดังนี้แหละ
9 พระเจ้าจอมโยธาตรัสว่า สง่าราศีของพระนิเวศครั้งหลังนี้จะยิ่งกว่าครั้งเดิมนั้น พระเจ้าจอมโยธาตรัสว่า และเราจะให้เกิดความสมบูรณ์พูนสุขในสถานที่นี้'"
ฮักกัย 2:6-9 เป็นข้อพระคัมภีร์ที่ผมมีความสงสัยครับว่าพระนิเวศครั้งหลังดังที่พระวจนะตอนนี้พูดไว้คือครั้งไหน “สง่าราศีของพระนิเวศครั้งหลังนี้จะยิ่งกว่าครั้งเดิมนั้น” พระคัมภีร์ในตอนนี้ที่ฮักกัยเขียนนั้นได้มีพระนิเวศในครั้งที่สองที่สร้างขึ้นมาใหม่ พระเจ้าได้ตรัสกับฮักกัยและฮักกัยได้เร่งเร้าให้ชาวยิวบูรณะปรับปรุงพระนิเวศขึ้นมาใหม่ ในบทที่หนึ่ง ชาวยิวมัวแต่สาละวนอยู่กับเรื่องบ้านของตนโดยไม่ได้นึกถึงพระนิเวศพระเจ้า ข้อ 3 ในบทที่ 2 พระเจ้าก็บอกว่ามองดูแล้ว สง่าราศีของพระนิเวศเทียบกับครั้งเดิมไม่ได้เลย ตอนที่ผมไปอิสราเอลนั้น ได้มีโอกาสไปเยี่ยมสถาบันพระนิเวศหลังที่สามที่เขาคิดจะสร้างในอนาคต ในสถาบันมีภาพพระนิเวศครั้งแรกกับครั้งที่สองให้เห็น เปรียบกันไม่ได้เลยครับ เช่น พระนิเวศหลังแรกในสมัยกษัตริย์โซโลมอนนั้นมีความงดงาม มีความมั่งคั่งปรากฏให้เห็น เช่นคันประทีปทองคำในพระนิเวศครั้งแรกนั้น มีถึงสิบหรือสิบเอ็ดคันประทีป ในขณะที่พระนิเวศครั้งที่สองนั้นมีเพียงคันประทีปเดียว พระนิเวศครั้งแรกนั้นมีความโอ่อ่าตระการตามาก
นี่เป็นภาพคันประทีปในพระนิเวศครั้งแรก จะเห็นว่ามีหลายคัน
ดังนั้นแล้วในตอนนี้ที่พูดถึงพระนิเวศ ย่อมไม่ใช่ครั้งที่หนึ่งแน่นอน เพราะครั้งที่หนึ่งเป็นครั้งที่พระคัมภีร์อ้างถึงว่า ครั้งหลังนี้จะมีสง่าราศีมากยิ่งกว่าครั้งเดิมซึ่งก็คือครั้งที่หนึ่ง ส่วนครั้งที่สองก็คงไม่ใช่เพราะครั้งที่สองก็เทียบไม่ได้เท่ากับครั้งเดิมนั้น หรือว่าจะเป็นครั้งที่สามที่คิดจะสร้างขึ้นมาใหม่ ผมเชื่อว่าก็คงไม่ได้มีความมั่งคั่งไพบูลย์เท่าครั้งแรกในสมัยกษัตริย์โซโลมอนแน่อน แล้วจะเป็นครั้งไหน จะเป็นพระนิเวศในสวรรค์สถานได้หรือไม่ พระคัมภีร์ก็บอกว่าจะไม่มีพระนิเวศหรือพระวิหาร พระเจ้าและพระเมษโปดกจะเป็นพระวิหารเอง ในวิวรณ์21:22
มีอีกตอนหนึ่งที่พระเยซูได้ตรัสไว้ คือ ยอห์น 2:19-21
19 พระเยซูจึงตรัสตอบเขาทั้งหลายว่า "ถ้าทำลายวิหารนี้เสีย เราจะยกขึ้นในสามวัน"
20 พวกยิวจึงทูลว่า "พระวิหารนี้เขาสร้างถึงสี่สิบหกปีจึงสำเร็จ และท่านจะยกขึ้นใหม่ในสามวันหรือ"
21 แต่พระวิหารที่พระองค์ตรัสถึงนั้นคือพระกายของพระองค์
พระเยซูพูดถึงพระวิหารว่าถ้าถูกทำลาย พระองค์จะสร้างขึ้นมาใหม่ในสามวัน แต่พระวิหารที่พระเยซูพูดถึงนั้นคือพระกายของพระองค์เอง ชีวิตของพระองค์เองจะฟื้นคืนขึ้นมาใหม่ในสามวัน ดังนั้นนี่จึงเป็นสิ่งที่ผมเชื่อว่าพระนิเวศครั้งหลังที่พระคัมภีร์เดิมพูดถึงนั้นคือพระวิหารหรือคือพระเยซูคริสต์นั่นเอง อะไรจะทำให้เกิดความสมบูรณ์พูนสุขตามที่ฮักกัยได้กล่าวได้ ถ้าไม่ใช่โดยพระเยซู พระวิหารคือที่ทรงสถิตใช่หรือไม่ แต่เดี๋ยวนี้พระเยซูสถิตอยู่ในเราแล้ว และเราเป็นที่สถิตฝ่ายพระวิญญาณเป็นวิหารของพระเจ้า 1 โครินธ์ 3:16-17
16 ท่านทั้งหลายไม่รู้หรือว่าท่านเป็นวิหารของพระเจ้า และพระวิญญาณของพระเจ้าสถิตอยู่ในท่าน
17 ถ้าผู้ใดทำลายวิหารของพระเจ้า พระเจ้าจะทรงทำลายผู้นั้น เพราะวิหารของพระเจ้าเป็นที่บริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์ และท่านทั้งหลายเป็นวิหารนั้น
และนี่แหละครับคือความไพบูลย์ตามที่ฮักกัยได้กล่าวไว้ พระวิญญาณสถิตอยู่กับเรา มีความสมบูรณ์พูนสุขเมื่อชีวิตเรามีพระคริสต์อยู่ข้างในจิตวิญญาณของเรา เราเป็นวิหารของพระเจ้าซึ่งพระเจ้ากำลังสร้างขึ้นภายในเรา เรามีพระวิญญาณพระคริสต์อยู่ภายในทำให้เราอธิษฐานติดต่อกับพระเจ้าได้ แน่นอนสง่าราศีของพระนิเวศครั้งหลังนี้จะยิ่งใหญ่กว่าครั้งแรกแน่นอน พระนิเวศครั้งแรกเคลื่อนย้ายไปไหนไม่ได้ ต้องตั้งอยู่บนภูเขาศิโยนที่กรุงเยรูซาเล็ม แต่พระวิหารครั้งหลังนี้คือพวกเราทั้งหลายทุกคนที่มีพระวิญญาณพระคริสต์อยู่ภายใน เป็นตัวแทนพระคริสต์ไปทำให้เกิดความอุดมสมบูรณ์ในชีวิตมนุษย์ทั้งหลายที่ได้ยินพระกิตติคุณและเปิดใจออกต้อนรับพระคริสต์ และพระวิญญาณเข้าไปอยู่ภายในผู้นั้น ยิ่งผ่านวันเวลาไปนานเท่าใด ยิ่งมีจำนวนผู้เชื่อเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งมีความสมบูรณ์พูนสุขในคนทั้งหลายมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งมีสง่าราศีในพระเจ้ามากขึ้นเรื่อยๆ
ข้อ 7 ของฮักกัยบทที่ 2 ภาษาเดิม เพื่อความปรารถนาของประชาชาติจะได้เข้ามา ประชาชาติที่พระเจ้าเขย่าคือคนต่างชาติ ดังนั้นพระนิเวศนี้ที่กล่าวถึง ก็เป็นที่รวบรวมความปรารถนาของคนทุกทุกชนชาติเข้ามา พระนิเวศนี้หรือก็คือชีวิตของผู้เชื่อนั่นเอง ที่จะนำคนมากหลายเข้ามาร่วมกันในพระวิหารหลังนี้
ครับนี่คือบทสรุปของเรื่องนี้ครับ ที่ผมใช้เวลาใคร่ครวญ อธิษฐานยาวนานพอสมควร กว่าที่จะได้นำมาเขียนลงในบล็อกนี้ครับ
เห็นด้วยค่ะ... นิเวศครั้งหลังที่พระเจ้าจะสร้างและทำให้มีความสมบูรณ์พูนสุขนั้นก็คือ ชีวิตของผู้เชื่อนั่นเอง ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับชีวิตของผู้เชื่อและของเราทั้งหลายเองว่า จะยอมให้พระเจ้าเข้ามากระทำกิจในชีวิตเราหรือไม่ ถ้าเรายอมพระเจ้ามากเท่าไร พระองค์ก็จะกระทำกิจในชีวิตเรามากเท่านั้น สง่าราศี ความสมบูรณ์พูนสูขก็จะมีมากขึ้นในชีวิตของเราตามมาด้วย..
ตอบลบอ่านบทความนี้แล้วรู้สึกตื่นเต้นจังค่ะ... ทำให้เกิดความคิดว่า จะต้องหาเวลาศึกษาพระคัมภีร์ส่วนตัวให้มากขึ้น
ขอให้พระเจ้าได้รับพระเกียรติแต่เพียงผู้เดียวค่ะ
ขอบคุณ อ. สำหรับการแบ่งปันค่ะ
ตอบลบ