วันจันทร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2553

A) Word of God : การใช้ชีวิตดั่งทหารที่มีวินัย


                อีกภาพหนึ่งของการอยู่ร่วมกัน คือภาพของทหารที่อยู่ในกองทัพ  ทหารเมื่อมาอยู่รวมกัน พวกเขาต้องมีวินัย  รู้สายการบังคับบัญชา  ไม่ใช่ต่างคนต่างทำอะไรก็ได้  ฉะนั้นภาพต่อมาที่ผมเห็นตอนนี้ในการอยู่ร่วมกัน คือภาพของการอยู่ร่วมกัน เป็นระเบียบเรียบร้อย  ดังนั้นเราคงต้องสร้างคริสตจักรของเราให้เป็นดังนี้เช่นกัน  มีความเป็นระเบียบ มีหัวหน้าชัดเจน รู้ว่าใครเป็นผู้นำ รู้ว่าจะตามใคร  มีภาระกิจร่วมกัน           

หน้าที่ของทหาร = สู้รบ   พระเจ้าประสงค์จะให้เราสู้รบได้ดี   ไม่มีใครที่ออกไปสู้รบแล้ว ต้องห่วงการทำมาหากิน

1Tim 1:18 ทิโมธีบุตรเอ๋ย คำกำชับนี้ข้าพเจ้าได้ให้ไว้กับท่านตามคำพยากรณ์ซึ่งมาล่วงหน้าเล็งถึงท่าน เพื่อข้อความเหล่านั้นท่านจะได้เข้าสู้รบได้ดี

1Cor 9:7 ใครบ้างที่เป็นทหารไปในการศึกสงคราม และต้องกินเสบียงของตัวเอง หรือใครบ้างที่ทำสวนปลูกต้นองุ่น และมิได้กินผลองุ่นในสวนนั้น หรือใครบ้างที่เลี้ยงสัตว์และมิได้กินน้ำนมของฝูงสัตว์นั้น

G4754 στρατεύομαι strateuomai (strat-yoo'-om-ai) v.
1. to serve in a military campaign
2. (figuratively) to execute the apostolate (with its arduous duties and functions), to contend with carnal inclinations
[middle voice from the base of G4756]
KJV: soldier, (go to) war(-fare)
Root(s): G4756

                คุณสมบัติทหาร คือความอดทน  ทนความยากลำบากได้
2Tim 2:3 ฉะนั้นท่านจงทนการยากลำบากดุจทหารที่ดีของพระเยซูคริสต์

2Tim 2:4 ไม่มีทหารคนใด เมื่อเข้าประจำการแล้ว จะไปห่วงใยกับการทำมาหากินของเขาในชีวิตนี้ เพื่อผู้ที่ได้เลือกเขาให้เป็นทหารนั้นจะได้ชอบใจ

G4757 στρατιώτης stratiotes (strat-ee-o'-tace) n.
1. a camper-out, i.e. a (common) warrior
{literally or figuratively}
[from a presumed derivative of the same as G4756]
KJV: soldier

                ตอนนี้ก็พูดถึงเรื่องเพื่อนทหาร  ให้เราคิดถึงคนที่ทำงานร่วมกับเรา เขาเป็นเหมือนดั่งเพื่อนทหารที่อยู่ในกองทัพเดียวกันกับเรา คือทหารของพระเยซูคริสต์

Phlm 1:2 และถึงนางอัปเฟียผู้เป็นที่รัก และอารคิปปัสผู้เป็นเพื่อนทหารด้วยกันกับเรา และถึงคริสตจักรที่อยู่ในบ้านของท่าน

Phil 2:25 ข้าพเจ้าคิดแล้วว่า จะต้องให้เอปาโฟรดิทัสน้องชายของข้าพเจ้า ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมงานและเพื่อนทหารของข้าพเจ้า และเป็นผู้นำข่าวของพวกท่าน และได้ปรนนิบัติข้าพเจ้าในยามขัดสน มาหาท่านทั้งหลาย

G4961 συστρατιώτης sustratiotes (soos-trat-ee-o'-tace) n.
1. a co-campaigner
2. (figuratively) an associate in Christian toil
[from G4862 and G4757]
KJV: fellowsoldier
Root(s): G4862, G4757

            ให้เราขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับเขา  พี่น้องคิดถึงใครได้บ้างครับที่อยู่รอบตัวท่าน  พระคัมภีร์สอนเราว่า เขาเป็นเพื่อนทหารด้วยกันกับเรา  เรามีศัตรูตัวเดียวกันคือมาร  ให้เราสู้รบกับศัตรูนั้นด้วยความเชื่อมั่นที่มีในองค์พระเยซูคริสต์  ให้เราอยู่ในแถวเดียวกันดั่งทหาร ให้เราเดินไปด้วยกัน  รับใช้ด้วยกัน  คริสตจักรเรากำลังประกาศพระนามพระเจ้า และกำลังประกาศศึกสงครามกับผีมารซาตาน  เราจะช่วยกัน อธิษฐานเผื่อกัน  กอดคอไปด้วยกัน  ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันเหมือนทหารที่อยู่ค่ายเดียวกัน  เอเมน!


วันเสาร์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2553

A) Word of God : การอยู่ร่วมกันเป็นชุมชน

          วันนี้มีความคิดที่จะแบ่งปันลักษณะแบบอย่างที่พระเจ้่าได้ให้ไว้กับเราสำหรับชุมชนคริสเตียน  เพราะว่าเมื่อคนมาอยู่รวมกัน โดยปกติในสังคมทั่วไปมักสร้างปัญหาขึ้น ยิ่งมีคนมากเท่าไรก็ยิ่งมีปัญหามากขึ้นเป็นเงาตามตัว เหมือนสังคมไทยเราในปัจจุบันนี้  สำหรับชุมชนคริสเตียนพระเจ้าให้แบบอย่างไว้อย่างไรบ้าง  เพื่อเราจะสามารถอยู่ร่วมกันได้โดยไม่มีปัญหาและสามารถเป็นพรต่อคนทั้งหลายทั่วไปด้วย เราจะมาลองสำรวจพระคัมภีร์ดูนะครับ

         ผมเชื่อว่ารูปแบบหนึ่งที่พระเจ้่าวางไว้ให้คือเรื่องอวัยวะในพระกาย (อาจมีรูปแบบอื่นๆอีกเช่น รูปแบบกองทัพ รูปแบบครอบครัว ฯลฯ) ดังที่ปรากฏใน  โรม 12   1โครินธ์ 12  เอเฟซัส 4

         ในโรม บทที่ 12 ตั้งแต่ข้อ 1-2 พระเจ้าได้บอกว่า ให้เราถวายตัวเราเสียก่อน เพื่อจะได้ไม่มีตัวตนของเราในการตัดสินใจสิ่งอื่นใด สิ่งใดที่เราตัดสินใจทำ เราล้วนถวายตัวให้พระเจ้าแล้ว การตัดสินใจ การกระทำของเราล้วนปรารถนาอยู่ในน้ำพระทัยพระเจ้าทั้งสิ้น  ในข้อ 3 ความคิดของเราก็เช่นกัน ต้องไม่คิดถือตัว ต้องไม่คิดว่าเราแน่ เราเก่ง เราดียอดเยี่ยม แต่คิดให้ถ่อมสุขุม สมกับขนาดความเชื่อของเรา   เพราะว่า ข้อ 4-5 ไ้ด้บอกว่าในร่างกายอันเดียวนั้น มีอวัยวะหลายอย่าง  ไม่เหมือนกัน พระกายพระเยซูองค์เดียว แต่มีอวัียวะในพระกายหลายอย่าง ไม่เหมือนกัน   นี่เองพระคัมภีร์จึงบอกให้เราถวายตัวก่อน เพื่อเราจะไม่มีตัวตนเราอีกต่อไป  เพื่อเราจะได้คิดถ่อมใจได้   หลังจากนั้น ข้อ 6-8 จึงพูดถึงของประทานหลายอย่างที่แตกต่างกัน

          ใน 1 โครินธ์ บทที่ 12 ก็เช่นกัน เปาโลพูดถึงของประทาน ในข้อ 1-3 ถ้าผู้ที่มีพระวิญญาณพระคริสต์อยู่ภายใน จะไม่สามารถทำอะไรที่ขัดกับวิญญาณพระคริสต์ได้   ข้อ 4-7 เรื่องของพระวิญญาณที่พระเจ้าให้กับเรา ก็มีหลายอย่างแตกต่างกันไป เช่น ของประทานต่างๆกัน  งานรับใช้ต่างๆกัน  กิจกรรมต่างๆกัน  การสำแดงของพระวิญญาณต่างๆกัน  แต่ทั้งหมดเหล่านี้มาจากพระวิญญาณองค์เดียวกัน  ดังนั้นเราต้องเข้าใจว่า เราในฐานะอวัยวะในพระกาย เราต้องรู้และตระหนักว่า เราแต่ละคนล้วนแล้วแต่มีบทบาท ความรับผิดชอบ ของประทาน  การรับใช้ ฯลฯ แตกต่างกันทั้งสิ้น เพราะเราเป็นอวัยวะที่ไม่เหมือนกัน  เช่นข้อ 8-10 บอกเราว่าของประทานมีแตกต่างกันดังที่ยกมาในข้อเหล่านี้ แต่ข้อ 11 บอกว่าพระวิญญาณประทานแก่แต่ละคนตามชอบพระทัย  เป็นพระวิญญาณประทานให้  ไม่ใช่เราสร้างขึ้นมาให้มีเอง  เป็นพระเจ้ากระทำตามที่พระองค์เห็นว่าสมควร    คริสเตียนหลายคนอาจลืมข้อนี้ไป แล้วเริ่มคิดเปรียบเทียบว่า ของประทานเรา งานรับใช้เรา กิจกรรมที่เราทำ การสำแดงพระวิญญาณของเรา  ดีกว่าของคนอื่น  อันตราย ความคิดแบบนี้อันตรายมาก  เขากำลังเย่อหยิ่ง เขากำลังแย่งเกียรติพระเจ้า เขากำลังกลายเป็นพวกมาร  ต้องกลับมาเป็นแบบที่โรม 12 บอกคือต้องถวายตัวแด่พระเจ้า  
          ตั้งแต่ข้อที่ 12 เป็นต้นไป จึงเริ่มต้นอธิบายภาพอวัยวะในพระกาย   กายเดียวแต่มีอวัยวะหลายส่วน  เราจะเป็นยิวหรือต่างชาติ ทาสหรือเป็นไท  เราก็มีพระวิญญาณองค์เดียวกันบัพติศมาเข้าเป็นกายเดียวกัน  ร่างกายมิไ้ด้ประกอบด้วยอวัยวะเดียวฉันใด คริสตจักรก็ไม่ได้ประกอบด้วยคนคนเดียวฉันนั้น  คริสตจักรประกอบไปด้วยคนหลายประเภท ทั้งที่มีของประทานบางอย่างและไม่มีของประทานบางอย่าง  ทั้งที่มีการสำแดงบางอย่างและไม่มีการสำแดงบางอย่าง  ทั้งที่รับใช้บางอย่างและไม่ได้รับใช้บางอย่าง  ทั้งที่ทำกิจกรรมบางอย่างและไม่ได้ทำกิจกรรมบางอย่าง  เราจะให้ทุกๆคนเป็นเหมือนเราไม่ได้  คริสตจักรก็ต้องประำกอบไปด้วยบุคคลหลายๆประเภท  เหมือนร่างกายประกอบไปด้วยอวัยวะหลายๆอวัยวะ  เราจะดูหมิ่นกันไม่ได้  เราจะคิดว่าคนอื่นนั้นไม่สำคัญไม่ได้ เราจะคิดว่าคนอื่นนั้นเป็นอวัยวะที่ด้อยค่าไม่ได้   ข้อ 18 กลับมาพูดอีกครั้งแล้วว่า พระองค์ตั้งอวัยวะคือเราไว้ในร่างกายตามชอบพระทัย  ดังนั้นที่เราเป็นเราแบบทุกวันนี้  เป็นเพราะพระเจ้าตั้งเราไว้  ถ้าท่านคิดจะให้ผมเป็นเหมือนผู้นำคนอื่นๆ ผมคงจะไม่สามารถเป็นแบบนั้นได้  เพราะพระเจ้าตั้งผมไว้อย่างนี้  ท่านทั้งหลายก็เช่นกัน  ข้อ 19 ถึงบอกว่า ถ้าอวัยวะทั้งหมดเป็นอวัยวะเดียว ร่างกายจะมีได้อย่างไร    แต่เรามีหลายอวัยวะ และต่างคนต่างจะมาพูดกันว่า เราไม่ต้องการเจ้า เราไม่ต้องการอวัยวะนี้  เราไม่ต้องการหู เราไม่ต้องการปาก เราไม่ต้องการเท้า เราไม่ต้องการใบหู  เราไม่ต้องการจมูก  เราไม่ต้องการกระเพาะอาหาร  เราไม่ต้องการตับ เราไม่ต้องการเล็บเท้า  ไม่ได้!  แม้ดูแล้วว่าอวัยวะนั้น อ่อนแอ  แต่เราก็ขาดอวัยวะนั้นไม่ได้  แม้ดูแล้วว่าอวัยวะนั้น มีเกียรติน้อย พระคัมภีร์บอกว่าเราก็ต้องทำให้อวัยวะนั้นมีเกียรติขึ้น  แม้ดูแล้วว่าอวัยวะนั้นไม่น่าดู แต่เราก็ต้องตกแต่งอวัยวะนั้นให้น่าดูขึ้น  พระเจ้าต้องการให้ทุกอวัยวะในร่างกายเสมอภาคกัน  ให้อวัยวะที่ต่ำต้อยเป็นที่นับถือมากขึ้น  สิ่งนี้แหละครับ ที่เราจะต้องทำในคริสตจักรของเรา ให้ทุกอวัยวะเสมอภาคกัน ให้ทุกอวัยวะไม่กินแหนงแคลงใจกัน ให้ทุกอวัยวะนับถือกัน ให้ทุกอวัยวะห่วงใยกัน  เจ็บก็เจ็บด้วยกัน ชื่นชมยินดีก็ชื่นชมยินดีด้วยกัน ฯลฯ   พอเข้าใจดังนั้นแล้ว ข้อ 27 จึงพูดต่อไปเรื่องของประทานต่างๆในคริสตจักรว่าไม่ใช่ทุกคนเป็นแบบนั้นทุกคน

          ที่นี้ใน เอเฟซัส บทที่ 4 พูดถึงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน  ทำอะไรทำด้วยกัน ประสานกัน เหมือนอวัยวะที่มีข้อต่อเส้นเอนต่างๆยึดเหนี่ยวกันเอาไว้

          ก็เชื่อว่าพระเจ้าจะสร้างคริสตจักรนี้ขึ้นมาเป็นคริสตจักรที่มีการประสานอวัยวะในพระกาย ทุกคนในคริสตจักรดำเนินชีวิตร่วมกันด้วยความสุข  ทุกคนในคริสตจักรจะทำหน้าที่ของตนเองตามที่พระเจ้ามอบหมายให้ ขอพระเจ้าได้รับพระเกียรติทั้งสิ้น อาเมน.

วันเสาร์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2553

A) Word of God : The glory of this latter house

สง่าราศีของพระนิเวศครั้งหลัง




ฮักกัย 2:6-9

6 พระเจ้าจอมโยธาตรัสดังนี้ว่า อีกสักหน่อยเราจะเขย่าท้องฟ้าและโลก ทะเลและแผ่นดินแห้งอีกครั้งหนึ่ง

7 เราจะเขย่าประชาชาติทั้งสิ้น เพื่อทรัพย์สมบัติของประชาชาติทั้งสิ้นจะได้เข้ามา เราจะบรรจุนิเวศนี้ให้เต็มด้วยสง่าราศี พระเจ้าจอมโยธาตรัสดังนี้แหละ

8 เงินเป็นของเรา และทองคำเป็นของเรา พระเจ้าจอมโยธาตรัสดังนี้แหละ

9 พระเจ้าจอมโยธาตรัสว่า สง่าราศีของพระนิเวศครั้งหลังนี้จะยิ่งกว่าครั้งเดิมนั้น พระเจ้าจอมโยธาตรัสว่า และเราจะให้เกิดความสมบูรณ์พูนสุขในสถานที่นี้'"



ฮักกัย 2:6-9 เป็นข้อพระคัมภีร์ที่ผมมีความสงสัยครับว่าพระนิเวศครั้งหลังดังที่พระวจนะตอนนี้พูดไว้คือครั้งไหน “สง่าราศีของพระนิเวศครั้งหลังนี้จะยิ่งกว่าครั้งเดิมนั้น” พระคัมภีร์ในตอนนี้ที่ฮักกัยเขียนนั้นได้มีพระนิเวศในครั้งที่สองที่สร้างขึ้นมาใหม่ พระเจ้าได้ตรัสกับฮักกัยและฮักกัยได้เร่งเร้าให้ชาวยิวบูรณะปรับปรุงพระนิเวศขึ้นมาใหม่ ในบทที่หนึ่ง ชาวยิวมัวแต่สาละวนอยู่กับเรื่องบ้านของตนโดยไม่ได้นึกถึงพระนิเวศพระเจ้า ข้อ 3 ในบทที่ 2 พระเจ้าก็บอกว่ามองดูแล้ว สง่าราศีของพระนิเวศเทียบกับครั้งเดิมไม่ได้เลย ตอนที่ผมไปอิสราเอลนั้น ได้มีโอกาสไปเยี่ยมสถาบันพระนิเวศหลังที่สามที่เขาคิดจะสร้างในอนาคต ในสถาบันมีภาพพระนิเวศครั้งแรกกับครั้งที่สองให้เห็น เปรียบกันไม่ได้เลยครับ เช่น พระนิเวศหลังแรกในสมัยกษัตริย์โซโลมอนนั้นมีความงดงาม มีความมั่งคั่งปรากฏให้เห็น เช่นคันประทีปทองคำในพระนิเวศครั้งแรกนั้น มีถึงสิบหรือสิบเอ็ดคันประทีป ในขณะที่พระนิเวศครั้งที่สองนั้นมีเพียงคันประทีปเดียว พระนิเวศครั้งแรกนั้นมีความโอ่อ่าตระการตามาก


นี่เป็นภาพคันประทีปในพระนิเวศครั้งแรก จะเห็นว่ามีหลายคัน

ดังนั้นแล้วในตอนนี้ที่พูดถึงพระนิเวศ ย่อมไม่ใช่ครั้งที่หนึ่งแน่นอน เพราะครั้งที่หนึ่งเป็นครั้งที่พระคัมภีร์อ้างถึงว่า ครั้งหลังนี้จะมีสง่าราศีมากยิ่งกว่าครั้งเดิมซึ่งก็คือครั้งที่หนึ่ง ส่วนครั้งที่สองก็คงไม่ใช่เพราะครั้งที่สองก็เทียบไม่ได้เท่ากับครั้งเดิมนั้น หรือว่าจะเป็นครั้งที่สามที่คิดจะสร้างขึ้นมาใหม่ ผมเชื่อว่าก็คงไม่ได้มีความมั่งคั่งไพบูลย์เท่าครั้งแรกในสมัยกษัตริย์โซโลมอนแน่อน แล้วจะเป็นครั้งไหน จะเป็นพระนิเวศในสวรรค์สถานได้หรือไม่ พระคัมภีร์ก็บอกว่าจะไม่มีพระนิเวศหรือพระวิหาร พระเจ้าและพระเมษโปดกจะเป็นพระวิหารเอง ในวิวรณ์21:22



มีอีกตอนหนึ่งที่พระเยซูได้ตรัสไว้ คือ ยอห์น 2:19-21

19 พระเยซูจึงตรัสตอบเขาทั้งหลายว่า "ถ้าทำลายวิหารนี้เสีย เราจะยกขึ้นในสามวัน"

20 พวกยิวจึงทูลว่า "พระวิหารนี้เขาสร้างถึงสี่สิบหกปีจึงสำเร็จ และท่านจะยกขึ้นใหม่ในสามวันหรือ"

21 แต่พระวิหารที่พระองค์ตรัสถึงนั้นคือพระกายของพระองค์

พระเยซูพูดถึงพระวิหารว่าถ้าถูกทำลาย พระองค์จะสร้างขึ้นมาใหม่ในสามวัน แต่พระวิหารที่พระเยซูพูดถึงนั้นคือพระกายของพระองค์เอง ชีวิตของพระองค์เองจะฟื้นคืนขึ้นมาใหม่ในสามวัน ดังนั้นนี่จึงเป็นสิ่งที่ผมเชื่อว่าพระนิเวศครั้งหลังที่พระคัมภีร์เดิมพูดถึงนั้นคือพระวิหารหรือคือพระเยซูคริสต์นั่นเอง อะไรจะทำให้เกิดความสมบูรณ์พูนสุขตามที่ฮักกัยได้กล่าวได้ ถ้าไม่ใช่โดยพระเยซู พระวิหารคือที่ทรงสถิตใช่หรือไม่ แต่เดี๋ยวนี้พระเยซูสถิตอยู่ในเราแล้ว และเราเป็นที่สถิตฝ่ายพระวิญญาณเป็นวิหารของพระเจ้า 1 โครินธ์ 3:16-17

16 ท่านทั้งหลายไม่รู้หรือว่าท่านเป็นวิหารของพระเจ้า และพระวิญญาณของพระเจ้าสถิตอยู่ในท่าน

17 ถ้าผู้ใดทำลายวิหารของพระเจ้า พระเจ้าจะทรงทำลายผู้นั้น เพราะวิหารของพระเจ้าเป็นที่บริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์ และท่านทั้งหลายเป็นวิหารนั้น

และนี่แหละครับคือความไพบูลย์ตามที่ฮักกัยได้กล่าวไว้ พระวิญญาณสถิตอยู่กับเรา มีความสมบูรณ์พูนสุขเมื่อชีวิตเรามีพระคริสต์อยู่ข้างในจิตวิญญาณของเรา เราเป็นวิหารของพระเจ้าซึ่งพระเจ้ากำลังสร้างขึ้นภายในเรา เรามีพระวิญญาณพระคริสต์อยู่ภายในทำให้เราอธิษฐานติดต่อกับพระเจ้าได้ แน่นอนสง่าราศีของพระนิเวศครั้งหลังนี้จะยิ่งใหญ่กว่าครั้งแรกแน่นอน พระนิเวศครั้งแรกเคลื่อนย้ายไปไหนไม่ได้ ต้องตั้งอยู่บนภูเขาศิโยนที่กรุงเยรูซาเล็ม แต่พระวิหารครั้งหลังนี้คือพวกเราทั้งหลายทุกคนที่มีพระวิญญาณพระคริสต์อยู่ภายใน เป็นตัวแทนพระคริสต์ไปทำให้เกิดความอุดมสมบูรณ์ในชีวิตมนุษย์ทั้งหลายที่ได้ยินพระกิตติคุณและเปิดใจออกต้อนรับพระคริสต์ และพระวิญญาณเข้าไปอยู่ภายในผู้นั้น ยิ่งผ่านวันเวลาไปนานเท่าใด ยิ่งมีจำนวนผู้เชื่อเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งมีความสมบูรณ์พูนสุขในคนทั้งหลายมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งมีสง่าราศีในพระเจ้ามากขึ้นเรื่อยๆ



ข้อ 7 ของฮักกัยบทที่ 2 ภาษาเดิม เพื่อความปรารถนาของประชาชาติจะได้เข้ามา ประชาชาติที่พระเจ้าเขย่าคือคนต่างชาติ ดังนั้นพระนิเวศนี้ที่กล่าวถึง ก็เป็นที่รวบรวมความปรารถนาของคนทุกทุกชนชาติเข้ามา พระนิเวศนี้หรือก็คือชีวิตของผู้เชื่อนั่นเอง ที่จะนำคนมากหลายเข้ามาร่วมกันในพระวิหารหลังนี้



ครับนี่คือบทสรุปของเรื่องนี้ครับ ที่ผมใช้เวลาใคร่ครวญ อธิษฐานยาวนานพอสมควร กว่าที่จะได้นำมาเขียนลงในบล็อกนี้ครับ

วันพฤหัสบดีที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2553

โปรดเฝ้าระวังและอธิษฐานเผื่อ

  • อธิษฐานเผื่อสถานการณ์บ้านเมืองของเราในเวลานี้
  • อธิษฐานขอให้สันติสุข ความสงบสุขเกิดขึ้นในประเทศไทย
  • อธิษฐานขอพระเจ้าปกคลุมดูแลสมาชิกทั้งหมด รักษาไว้ในความปลอดภัย
  • อธิษฐานขอพระเจ้าเปิดตาเปิดใจคนทั้งหลายในประเทศไทยให้มาถึงแผ่นดินของพระเจ้า
สำหรับอาทิตย์นี้ วันที่ 14 มีนาคม เรายังคงเปิดนมัสการตามปกติ สำหรับท่านทั้งหลายที่สามารถเดินทางมาคริสตจักรได้โดยไม่มีสิ่งใดติดขัดหรือขัดขวางการเดินทางของท่าน   แต่สำหรับท่านที่ไม่สามารถเดินทางมาได้ ให้นมัสการอธิษฐานที่บ้านของท่าน และสามารถติดตามรับชมการนมัสการ การเทศนา การสอนพระวจนะ ฯลฯ ได้ที่ http://www.hope.or.th/

วันเสาร์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2553

A) Word of God : พระคัมภีร์หนุนใจหรือให้แนวทาง

สัปดาห์นี้ว่าจะเขียนเรื่องพระวิหาร แต่ว่ายังไม่ได้บทสรุปสำหรับเรื่องนี้ จึงขอนำพระคัมภีร์ที่ใช้เป็นแนวทางในการรับใช้หรือแนะนำคนมาแบ่งปันไปพลางๆก่อนครับ



• นี่เป็นข้อพระคัมภีร์ที่ผมใช้สำหรับหลักการในการปกครองดูแลคริสตจักรร่วมกัน ในตอนนี้อัครทูต 12 คนไม่ได้มีใครเป็นหัวหน้าใคร แต่พวกเขาร่วมกันรับผิดชอบคริสตจักรที่พระเยซูแต่งตั้งให้พวกเขาดูแล ถ้าจะดูจากตอนนี้ จะมีก็เพียงบางคนที่พวกเขานับถือว่าเป็นหลัก คือ ยากอบ เคฟาส และยอห์นเท่านั้น คริสตจักรเราในปัจจุบันก็ทำเช่นนั้นทั้งในความหวังกรุงเทพฯเอง และความหวังในประเทศไทย ซึ่งผมเชื่อว่าถูกต้องตามพระคัมภีร์ที่สุดแล้วครับ

กาลาเทีย2:9 เมื่อยากอบกับเคฟาสและยอห์นผู้ที่เขานับถือว่าเป็นหลัก ได้เห็นพระคุณซึ่งประทานแก่ข้าพเจ้าแล้ว ก็ได้จับมือขวาของข้าพเจ้ากับบารนาบัส แสดงว่าเราเป็นเพื่อนร่วมงานกัน เพื่อให้เราไปหาคนต่างชาติ และท่านเหล่านั้นจะไปหาพวกที่ถือพิธีเข้าสุหนัต



• ข้อนี้ผมใช้เป็นข้อที่หนุนใจคนว่า แม้เราจะมีสมาชิกเหลือเท่าไหร่ แต่เราขอพระเจ้าให้สร้างขึ้นมาใหม่ได้ เพราะจากข้อนี้บอกว่า พระเจ้าทำให้สิ่งที่ปรากฏมาจากสิ่งที่ไม่ปรากฏให้เห็น แม้สมาชิกดูน้อย แต่พระเจ้าสามารถทำให้มีมากได้ แม้ตอนนี้ยังไม่มี แต่พระเจ้าทำให้มีมากในอนาคตได้

ฮีบรู11:3 โดยความเชื่อนี้เอง เราจึงเข้าใจว่า พระเจ้าได้ทรงสร้างกัลปจักรวาล ด้วยพระดำรัสของพระองค์ ดังนั้นสิ่งที่มองเห็นจึงเป็นสิ่งที่เกิดจากสิ่งที่ไม่ปรากฏให้เห็น



• ข้อนี้เพื่อใช้บอกสมาชิกว่า พระเจ้าให้เรานั้นมีเสรีภาพในการทำทุกสิ่ง แต่ต้องระมัดระวังไม่ใช้เสรีภาพที่พระเจ้าให้เรามี ไปทำให้คนที่มีความเชื่อน้อยต้องสะดุดไปเพราะสิ่งที่เราทำไปโดยไม่ระมัดระวัง

1โครินทร์8:9 แต่จงระวังอย่าให้เสรีภาพของท่านนั้น ทำให้คนที่มีความเชื่อน้อยหลงผิดไป



• นี่ก็เป็นพระคัมภีร์ที่คล้ายกัน จะทำสิ่งใด ต้องทำและเห็นแก่ประโยชน์ของผู้อื่นด้วย

1โครินทร์10:23-24 23 เราทำสิ่งสารพัดได้ไม่มีใครห้าม แต่ไม่ใช่ทุกสิ่งที่จะทำได้นั้นเป็นประโยชน์ เราทำสิ่งสารพัดได้ไม่มีใครห้าม แต่ไม่ใช่ทุกสิ่งที่จะทำให้เจริญขึ้น

24 อย่าให้ผู้ใดเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว แต่จงเห็นแก่ประโยชน์ของคนอื่น



• ข้อนี้เพื่อใช้บอกว่า มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เราไม่รู้ มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เรายังไม่เคยเห็น ดังนั้นระมัดระวัง ไม่ปิดใจต่อสิ่งใด ไม่ปิดใจต่อการที่พระเจ้ากระทำ เพราะในข้อนี้บอกว่า หลายๆสิ่งที่พระเยซูกระทำ ไม่ได้นำมาบันทึกไว้ในพระคัมภีร์ เขาบอกว่าถ้าบันทึกทุกสิ่ง คาดว่าหมดโลกนี้ก็ไม่พอไว้หนังสือที่บันทึกสิ่งที่พระเยซูคริสต์กระทำ

ยอห์น21:25 มีอีกหลายสิ่งที่พระเยซูได้ทรงกระทำ ถ้าจะเขียนไว้ให้หมดทุกสิ่งข้าพเจ้าคาดว่า แม้หมดทั้งโลกก็น่าจะไม่พอไว้หนังสือที่จะเขียนนั้น



• ส่วนข้อนี้ใช้บอกปรากฏการณ์ที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงกระทำ ซึ่งเรียกว่าการสำแดงของพระวิญญาณ ข้าพเจ้าใช้แนะนำ สำหรับคนที่รับการสำแดงของพระวิญญาณบริสุทธิ์ว่า ขอให้เรื่องนั้นเป็นประสบการณ์ส่วนตัวของเขากับพระเจ้าแล้วกัน พระวิญญาณบริสุทธิ์สำแดงเพื่อประโยชน์แก่ตัวผู้นั้น พระวิญญาณบริสุทธิ์สำแดงเพื่อเขาจะมีความมั่นใจในพระเจ้ามากขึ้น เพื่อเขาจะได้เชื่อว่าพระเจ้าอยู่กับเขาที่นั่น ฯลฯ ตัวผมเองก็มีการสำแดงจากพระเจ้าหลายสิ่งหลายอย่าง แต่เรื่องใดที่เห็นหลักการในพระคัมภีร์ชัดๆก็จะนำมาแบ่งปัน เพื่อหนุนใจผู้อื่นต่อไป ถ้าเรื่องใดยังไม่เห็นชัดเจนก็จะเก็บไว้เป็นเรื่องส่วนตัว

1โครินทร์12:7 การสำแดงของพระวิญญาณนั้นมีแก่ทุกคนเพื่อประโยชน์ร่วมกัน



• ข้อนี้ก็บอกว่า อย่าถือว่าตัวเองรู้แล้ว ระมัดระวัง พระคัมภีร์ข้อนี้บอกว่า คนนั้นยังไม่ได้รู้อะไรตามที่ควรจะรู้เลย ดังนั้น ข้อนี้คงบอกเราว่าต้องเปิดใจ อย่าคิดว่ารู้แล้ว

1โครินทร์8:2 ถ้าผู้ใดถือว่าตัวรู้สิ่งใดแล้ว ผู้นั้นยังไม่รู้ตามที่ตนควรจะรู้



ถ้าผมมีข้อพระคัมภีร์อื่นๆอีก ก็จะนำมาใส่ไว้ในบทความนี้นะครับ ขอพระเจ้าอวยพระพรทุกท่าน

  • เขียนเพิ่มครับ วันที่ 15 ก.พ. 11 หมู่นี้เจอขับผีบ่อย เลยนึกถึงข้อพระคัมภีร์ต่างๆ
1 ยอห์น 4:4  ลูกเล็กๆทั้งหลายเอ๋ย ท่านเป็นฝ่ายพระเจ้า และได้ชนะเขาเหล่านั้น เพราะว่าพระองค์ผู้ทรงอยู่ในท่านทั้งหลายเป็นใหญ่กว่าผู้นั้นที่อยู่ในโลก

เอเฟซัส 6:10-13  10 พี่น้องทั้งหลายของข้าพเจ้า สุดท้ายนี้ขอท่านจงมีกำลังขึ้นในองค์พระผู้เป็นเจ้า และในฤทธิ์เดชอันมหันต์ของพระองค์ 11 จงสวมยุทธภัณฑ์ทั้งชุดของพระเจ้าเพื่อจะต่อต้านยุทธอุบายของพญามารได้ 12 เพราะว่าเราไม่ได้ต่อสู้กับเนื้อหนังและเลือดแต่ต่อสู้กับเทพผู้ครอง ศักดิเทพ เทพผู้ครองพิภพในโมหะความมืดแห่งโลกนี้ ต่อสู้กับเหล่าวิญญาณที่ชั่วในสถานฟ้าอากาศ 13 เหตุฉะนั้นจงรับยุทธภัณฑ์ทั้งชุดของพระเจ้าไว้ เพื่อท่านจะได้ต่อต้านในวันอันชั่วร้ายนั้นและเมื่อเสร็จแล้วจะยืนมั่นได้

ยากอบ 4:7   7 เหตุฉะนั้น ท่านทั้งหลายจงน้อมใจยอมฟังพระเจ้า จงต่อสู้กับพญามาร และมันจะหนีไปจากท่าน

มาระโก 16:17-18    17 มีคนเชื่อที่ไหน หมายสำคัญเหล่านี้จะบังเกิดขึ้นที่นั้น คือเขาจะขับผีออกโดยนามของเรา เขาจะพูดภาษาแปลกๆ 18 เขาจะจับงูได้ ถ้าเขาดื่มยาพิษอย่างใด จะไม่เป็นอันตรายแก่เขา และเขาจะวางมือบนคนไข้คนป่วย แล้วคนเหล่านั้นจะหายโรค"

1 ยอห์น 2:14   14 ท่านทั้งหลายที่เป็นบิดา ข้าพเจ้าเขียนจดหมายถึงท่าน เพราะท่านทั้งหลายได้รู้จักกับพระองค์ผู้ทรงดำรงอยู่ตั้งแต่เดิม ท่านทั้งหลายที่เป็นคนหนุ่มๆ ข้าพเจ้าเขียนจดหมายถึงท่าน เพราะท่านทั้งหลายมีกำลังมาก และพระวจนะของพระเจ้าดำรงอยู่ในท่านทั้งหลาย และท่านได้ชัยชนะแก่มารชั่วร้ายแล้ว

1 ยอห์น 5:18  18 เราทั้งหลายรู้แล้วว่า คนใดที่บังเกิดจากพระเจ้าไม่ได้กระทำบาป แต่ว่าคนที่บังเกิดจากพระเจ้าได้ระวังรักษาตัว และมารชั่วร้ายนั้นไม่ได้แตะต้องคนนั้นเลย