วันเสาร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ชีวิตพระเยซูคริสต์ : สำแดงหัวใจแห่งความรักแทนประมวลกฏ

      มาดูต่อครับว่าชีวิตพระเยซูคริสต์สำแดงสิ่งใดให้เราเห็น เป็นตัวอย่างแก่เราอีกบ้าง


Luke 6:1 ​ใน​วันสะบาโต​วัน​หนึ่ง ​พระ​องค์​กำลัง​เสด็จ​ไป​ที่​ใน​นา และ​พวก​ศิษย์​ของ​พระ​องค์​ก็​เด็ด​รวง​ข้าว​ขยี้​กิน
Luke 6:2 บาง​คน​ใน​พวก​ฟาริสี​จึง​กล่าว​ว่า “ทำไม​พวก​ท่าน​จึง​ทำ​การ​ซึ่ง​ต้องห้าม​ใน​วันสะบาโต”
Luke 6:3 ​พระ​เยซู​ตรัส​ตอบ​เขา​ว่า “ท่าน​ทั้ง​หลาย​ยัง​ไม่ได้​อ่าน​เรื่อง​นี้​อีก​หรือ ที่​ดาวิด​ได้​กระทำ​เมื่อ​อด​อยาก ทั้ง​ท่าน​และ​พรรค​พวก​ด้วย​
Luke 6:4 คือ​ท่าน​ได้​เข้า​ไป​ใน​พระ​นิเวศ​ของ​พระ​เจ้า และ​รับประทาน​ขนม​ปัง​หน้า​พระ​พักตร์ ทั้ง​ให้​พรรค​พวก​ด้วย ซึ่ง​กฎหมาย​ห้าม​ใคร​รับประทาน เว้น​แต่​พวก​ปุโรหิต​เท่านั้น”
Luke 6:5 ​พระ​องค์​จึง​ตรัส​กับ​เขา​ว่า “บุตร​มนุษย์​เป็น​เจ้า​เป็น​นาย​เหนือ​วันสะบาโต”
Luke 6:6 ​ใน​วันสะบาโต​อีก​วัน​หนึ่ง ​พระ​องค์​เสด็จ​เข้า​ไป​ใน​ธรรม​ศาลา​และ​สั่ง​สอน ที่​นั่น​มี​คน​หนึ่ง​มือ​ขวา​ลีบ​
Luke 6:7 ฝ่าย​พวก​ธรรมาจารย์​และ​พวก​ฟาริสี​คอย​ดู​พระ​องค์​ว่า ​พระ​องค์​จะ​ทรง​รักษา​เขา​ใน​วันสะบาโต​หรือ​ไม่ เพื่อ​จะ​หา​เหตุ​ฟ้อง​พระ​องค์​ได้​
Luke 6:8 แต่​พระ​องค์​ทรง​ทราบ​ความ​คิด​ของ​เขา จึง​ตรัส​แก่​คน​มือ​ลีบ​นั้น​ว่า “จง​ลุก​ขึ้น​มา​ยืน​อยู่​ข้างหน้า” เขา​ก็​ลุก​ขึ้น​ยืน​
Luke 6:9 แล้ว​พระ​เยซู​ตรัส​กับ​เขา​ทั้ง​หลาย​ว่า “เรา​จะ​ถาม​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ว่า ใน​วันสะบาโต​ควร​จะ​ทำ​การ​ดี​หรือ​ควร​จะ​ทำ​ร้าย จะ​ช่วยชีวิต​ดี​หรือ​จะ​ผลาญ​ชีวิต​เสีย​ดี”
Luke 6:10 ​พระ​องค์​จึง​ทอด​พระ​เนตร​ดู​ทุก​คน​โดยรอบ แล้ว​ตรัส​กับ​คน​มือ​ลีบ​นั้น​ว่า “จง​เหยียด​มือ​ออก​เถิด” เขา​ก็​กระทำ​ตาม และ​มือ​ของ​เขา​ก็​หาย​เป็น​ปกติ​
Luke 6:11 ฝ่าย​คน​เหล่า​นั้น​ต่าง​ก็​มี​ความ​เดือด​ดาล และ​ปรึกษา​กัน​ว่า​จะ​กระทำ​อย่างไร​แก่​พระ​เยซู​ได้​

     ขอคัดลอกมาจากในเว็บangelfireเรื่องวันสะบาโตก่อนนะครับ

สะบาโตคำนี้มาจาก ภาษาฮีบรู แปลว่า ``หยุดพัก'' ปรากฏครั้งแรกในปฐก.2:2-3 ที่บันทึกว่า พระเจ้าทรงสร้างโลก 6 วัน และหยุดพักในวันที่ 7 ต่อมาในสมัยของโมเสส พระเจ้าทรงประทานบัญญัติ 10 ประการ แก่ชนชาติอิสราเอล โดยบัญญัติข้อที่ 4 นั้น ทรงสั่งให้หยุดพักในวันที่ 7 (วันสะบาโต) โดยให้ถือว่าเป็นวันบริสุทธิ์ (อพย.20:8) ในสมัยที่ชาวอิสราเอลถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลยที่บาบิโลน วันสะบาโตก็มีความหมายเพิ่มขึ้นอีกคือ เป็นวันที่พวกเขาจะศึกษาพระบัญญัติของพระเจ้า แต่ตั้งแต่ปี 460 ก่อน ค.ศ.เป็นต้นมา มีการเข้มงวดเรื่องวันสะบาโตมากเกินไป จนถึงขนาดออกเป็นกฎหยุมๆ หยิมๆ แต่พระเยซูไม่ทรงเห็นด้วย เพราะพวกเขายึดถือกฎบัญญัติต่างๆ เพื่ออ้างว่าตนเป็นคนบริสุทธิ์ชอบธรรม แทนที่จะถ่อมตัวลงต่อพระเจ้า ทำให้วันสะบาโตกลายเป็นภาระ แทนที่จะเป็นพระพร (มก.2:27) คริสตชนในสมัยเริ่มแรก นมัสการพระเจ้าในวันสะบาโตซึ่งเป็นวันเสาร์ แต่ต่อมาพวกเขานมัสการพระเจ้าในวันอาทิตย์ด้วย เพราะพระเยซูทรงเป็นขึ้นจากตายในวันอาทิตย์ จึงถือเป็นวันที่เป็นพระพรมากที่สุด แต่เมื่อแยกตัวออกจากพวกยิว คริสตชนก็นมัสการพระเจ้าในวันอาทิตย์เท่านั้น (ดู คำว่า ``พำนัก'' และใน อพย.16:22-26; ยรม.17:27)


     จากที่นี้เราจะเห็นวันสะบาโตในระบบความคิดของคนยิวว่า คนยิวโดยเฉพาะพวกฟาริสียึดมั่นกับสะบาโตที่เต็มไปด้วยข้อกำหนดหยุมหยิมที่มนุษย์ตั้งขึ้นมาเอง แทนที่จะสนใจจิตวิญญาณของมนุษย์ เหมือนเหตุการณ์ในลูกาบทที่ 6 นี้ พวกเขามาถามพระเยซูเกี่ยวกับเรื่องธรรมเนียมปฏิบัติในวันสะบาโตแทนที่จะห่วงชีวิตมนุษย์  พระเยซูจึงได้นำข้อพระวจนะจาก 1 ซามูเอล 21:6 มาพูดถึงเรื่องของดาวิดและพรรคพวกที่ได้กินขนมปังหน้าพระพักตร์ในขณะที่พวกเขาอดอยาก ซึ่งตามกฏบัญญัติผู้ที่จะกินได้มีเพียงปุโรหิตเท่านั้น


     จิตวิญญาณ ความต้องการ หรือสิ่งใดก็ตามที่จะมาทำให้ชีวิตมนุษย์ได้รับการบรรเทาในยามที่มีความจำเป็น ก็เหมาะสมมากกว่าการยึดถือกฏบัญญัติโดยปราศจากจิตวิญญาณ  นี่แหละที่พระเยซูได้อธิบายไปในบทที่ 5 ตอนปลาย เรื่องน้ำองุ่นหมักใหม่ กับถุงหนังองุ่น  ซึ่งผมได้แบ่งปันไปครั้งที่แล้ว


     ผ่านเหตุการณ์นี้ไปอีกเหตุการณ์หนึ่งได้แก่เรื่องคนมือลีบที่พระเยซุได้ถามพวกธรรมาจารย์และฟาริสีว่า "ใน​วันสะบาโต​ควร​จะ​ทำ​การ​ดี​หรือ​ควร​จะ​ทำ​ร้าย จะ​ช่วยชีวิต​ดี​หรือ​จะ​ผลาญ​ชีวิต​เสีย​ดี"  


     นี่เป็นข้อคิดแก่พวกเราว่า หัวใจเราต้องสวมหัวใจแบบพระคริสต์ที่มีความรัก ความเมตตา ความสงสาร ความกรุณาแก่ทุกๆคน  เมื่อเราพบปะกับพี่น้อง ปฏิสัมพันธ์กัน ต้องถามใจเราเองว่าเราปฏิบัติต่อพี่น้องด้วยใจเมตตา ใจสงสาร ใจรัก ใจกรุณา ใจที่ให้โอกาสแก่ทุกคนแบบพระเยซูคริสต์หรือไม่

     ขอพระเจ้าอยู่ด้วยกับพี่น้องให้มีหัวใจแบบพระคริสต์เพื่อจะปฏิบัติต่อผู้คนต่างๆอย่างสมควรครับ


2Cor 3:6 ผู้​ทรง​โปรด​ประทาน​ให้​เรา​สามารถ​ที่​จะ​เป็น​พัน​ธกร​แห่ง​พันธสัญญา​ใหม่ อัน​มิใช่​ประมวล​กฎ​แต่​เป็นมา​โดย​พระ​วิญญาณ ด้วย​ว่า​ประมวล​กฎ​นั้น​ประหาร​ให้​ตาย แต่​ส่วน​พระ​วิญญาณ​ประทาน​ชีวิต 

วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

แบ่งปันเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในโลกช่วงจะสิ้นยุคเก่า


เอาพระวจนะที่เคยแบ่งปันมาลงไว้ตรงนี้เพื่อเป็นที่รวบรวมข้อเขียน บทความนี้เอาไว้แบ่งปันในคริสตจักรครับ ซึ่งก็รวบรวมเอามาจากที่เขียนไว้ในบล็อกนี้แหละครับ

จากพระธรรมมัทธิว บทที่ 24
3   เมื่อพระเยซูประทับบนภูเขามะกอกเทศ  พวกสาวกมาเฝ้าส่วนตัวกราบทูลว่า  "ขอทรงโปรดให้ข้าพระองค์ทั้งหลายทราบว่า  เหตุการณ์เหล่านี้จะบังเกิดขึ้นเมื่อไร  สิ่งไรเป็นหมายสำคัญว่าพระองค์จะเสด็จมา  และยุคเก่าจะสิ้นสุดลง"

1.      วีดีทัศน์ 10 คำทำนายสะท้านโลก

1. ชนชาติอิสราเอลจะรวมตัวกันเป็นประเทศขึ้นใหม่  อสค. 37:15-23
2. จะมีผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นพระคริสต์ มธ. 24:5
3. จะเกิดสงครามและข่าวลือเรื่องสงคราม มธ. 24:6
4. จะเกิดแผ่นดินไหวในที่ต่างๆทั่วโลก มธ. 24:7
5. จะเกิดการกันดารอาหาร มธ. 24:7
6. จะมีผู้สอนคำสอนผิดเกิดขึ้นอย่างมากมาย มธ. 24:23-24
7. จะมีโรคระบาดและโรคร้ายที่รุนแรงเกิดขึ้นในโลก ลก. 21:11
8. ความรู้ของมนุษย์จะทวีมากขึ้น ดนล. 12:2-4
9. ความผิดบาปจะทวีความรุนแรงมากขึ้น มธ. 24:12 , 2 ทธ. 3:1-5
10. ข่าวประเสริฐเรื่องของพระเยซูคริสต์จะต้องกระจายไปทั่วโลกและวาระสุดท้ายของโลกก็จะมาถึง และพระเยซูคริสต์ก็จะเสด็จมา มธ. 24:14

คำทำนายทั้ง 9 ประการได้สำเร็จไปแล้ว มีเพียงประการที่ 10 เท่านั้นที่ยังไม่สำเร็จ

2.      แบ่งปันสรุปสิ่งที่จะเกิดขึ้น และที่จะเกิดในช่วงสุดท้ายรุนแรงขึ้น

1.      คนมาอ้างนามว่าตัวเขาเป็นพระคริสต์
2. ข่าวลือเรื่องสงคราม
3. การต่อสู้กันระหว่างประชาชาติและราชอาณาจักร
4. การกันดารอาหารและแผ่นดินไหว
5. การอายัดกันและกัน
6. ประชาชาติเกลียดชัง
7. คนเป็นอันมากจะถดถอย
8. ผู้เผยพระวจนะปลอม ล่อลวงคนให้หลง
9. ความรักของคนส่วนมากจะเยือกเย็นลง
10. ความอธรรมแผ่กว้างออกไป
11. ข่าวประเสริฐเรื่องแผ่นดินพระเจ้าจะได้ประกาศออกไปทั่วโลก
12. เกิดสิ่งอันน่าสะอิดสะเอียนตั้งอยู่ในสถานที่บริสุทธิ์
13. เกิดความทุกข์ลำบากยิ่งใหญ่
14. มีพระคริสต์เทียมเท็จ ผู้ทำนายเทียมเท็จหลายคนเกิดขึ้น ทำหมายสำคัญการอัศจรรย์ ล่อลวงแม้ผู้ที่พระเจ้าทรงเลือกสรรให้หลง
15. เป็นเหมือนสมัยของโนอาห์

 คำเผยพระวจนะ 15 อย่างนี้มาจากมัทธิวบทที่ 24

 อื่นๆอีก เช่น ชนชาติอิสราเอลจะรวมตัวกันเป็นประเทศใหม่ , จะมีโรคระบาดและโรคร้ายที่รุนแรงเกิดขึ้นในโลก , ความรู้ของมนุษย์จะทวีมากขึ้น

 มีที่เขียนเป็นความรู้เชิงวิทยาศาสตร์ เช่น เรื่องโลกร้อน , เรื่องพายุสุริยะระดมถล่มโลก , เรื่องน้ำทะเลสูงขึ้นท่วมที่ดินชายฝั่งหายไป แผ่นที่โลกเปลี่ยน ที่อยู่อาศัยเปลี่ยน เพียงแต่ว่าสิ่งนี้ไม่ใช่ความรู้เท่านั้นแต่เกิดขึ้นจริง

 นอกจากนั้นที่ผมเขียนไว้ในบล็อกไปแล้ว เช่น เรื่องปฏิปักษ์พระคริสต์มาทำการอัศจรรย์ต่างๆนานา , เรื่องสงครามโลกครั้งที่3 , เรื่องเลข666ที่จะบังคับให้อยู่ในร่างกายเรา ถ้าไม่มีก็ซื้อขายไม่ได้

v สุดท้ายก็คงเป็นเรื่องการทำลายโลกธาตุนี้ด้วยไฟ หรือที่คาดเดาว่าเป็นอุกกาบาตพุ่งชนโลก

ถ้าดูจากทั้งหมดนี้ มีอะไรบ้างที่เป็นไปได้ ลองเลือกมาเรียงให้ดู  ทั้งนี้ยังมีอีกหลายอย่างที่กล่าวถึงในพระคัมภีร์ที่ยังไม่ได้เขียนที่นี่นะครับ
1.      สงครามโลก  ถ้ามีเกิดขึ้นครั้งนี้คงเป็นสงครามเทคโนโลยี  สงครามชีวภาพ  แบบที่เราไม่เคยเจอมาก่อน
2.      การกันดารอาหารที่จะมีการทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ เพราะประชากรในโลกมากขึ้น แต่อาหารกลับน้อยลง เพราะเอามาทำเชื้อเพลิงส่วนหนึ่ง
3.      แผ่นดินไหวที่จะยิ่งทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นไปอีก จากสภาวะเปลือกโลกที่ไม่คงตัว อันเนื่องมาจากปัจจัยภายในโลก และปัจจัยจากนอกโลก
4.      มีโรคระบาดและโรคร้ายชนิดใหม่ๆรุนแรงมากขึ้นไปอีก
5.      ความเป็นอยู่ในโลกจะยิ่งทวีความยากลำบากมากขึ้นในการดำรงชีวิต ทั้งจากภัยธรรมชาติ  จากสิ่งที่มนุษย์กระทำให้เกิดขึ้นเอง  ผู้คนอยู่ในโลกแออัดมากขึ้น การดำรงชีพยากมากขึ้น
6.      คริสเตียนที่อยู่ในโลกจะลำบากมากขึ้นจากการถูกบังคับให้ประทับตรา 666
7.      ฯลฯ จากสิ่งที่เราเห็นในพระคัมภีร์ แต่ดูแล้วน่าจะเป็นเรื่องที่พระเจ้าทำในหนังสือวิวรณ์  เกี่ยวกับตรา แตร ขัน ในสองช่วง  ช่วงแรกและช่วงหลังซึ่งน่าจะเกี่ยวกับคนที่ไม่เชื่อที่เหลืออยู่ในโลกมากกว่า  วิวรณ์ 6:16-17  วิวรณ์ 7:3 บอกเราว่าอย่าทำอันตรายแก่ต้นไม้ ฯลฯ จนกว่าจะได้ประทับตราไว้ที่หน้าผากผู้รับใช้เสียก่อน

3.      ภาวะโลกร้อน น้ำในโลกเพิ่มขึ้น

ภาพรวม  ต้นไม้ในโลกหายไป การใช้พลังงานในโลกเพิ่มขึ้น  กลายมาเป็นก๊าซคาร์บอนไดออกไซค์  ก่อให้เกิดสภาวะเรือนกระจก  อุณหภูมิสูงขึ้น น้ำแข็งขั้วโลกละลายยิ่งไปเร่งให้แก๊สมีเธนออกมา  โลกต้องปรับตัวให้สมดุลย์ และเกิดแผ่นดินไหวถี่มากขึ้น

แก๊สมีเธน   แก๊สที่เกิดจากการหมักหมม สะสมของสัตว์ ต้นไม้ ฯลฯ  ทางขั้วโลกเหนือสมัยก่อนแกนโลกเปลี่ยนฉับพลัน  สัตว์จึงตายฉับพลัน ฝังไว้ใต้ดินเกิดเป็นแก๊สมีเธน  และมีน้ำแข็งขั้วโลกคลุมไว้อีกที  พอน้ำแข็งขั้วโลกละลาย แก๊สมีเธนซึ่งมีถึง 400 กิ๊กกะตัน  1 กิ๊กกะตัน = 1,000 ล้านตัน  400 กิ๊กกะตัน = 4 แสนล้านตัน จึงออกมา   แก๊สมีเธนก่อให้เกิดสภาวะเรือนกระจกและรุนแรงมากกว่าคาร์บอนไดอ็อกไซค์ 20 เท่า

โลกร้อนขึ้น น้ำแข็งขั้วโลกละลาย อีก 2 ปีจะมีการเดินเรือทะเลจากยุโรปมาเอเชีย มาญี่ปุ่น จีน แทนที่จะอ้อมไปทางใต้ ก็วิ่งผ่านด้านขั้วโลกได้เลย

ตัวอย่างน้ำที่มีมากขึ้นจากอุณหภูมิที่สูงขึ้น
แอนดิส อเมริกาใต้  ธารน้ำแข็งหนา 1 กม. เมื่อ 40 ปีที่แล้วละลายหมด
อลาสก้า  ธารน้ำแข็งหนา 800 เมตรละลาย
ออสเตรีย  ธารน้ำแข็งกลายเป็นทะเลสาบ
น้ำแข็งบนเทือกเขาหิมาลัย ละลาย ต่อไปน้ำในแม่น้ำโขงจะแห้ง  อนาคตน้ำจืดจะไม่พอใช้
ขั้วโลกใต้ น้ำแข็งหลุดออกมา 1 ใน 10 ของที่มีอยู่จริง  

ดังนั้นน้ำในโลกจึงเพิ่มสูงขึ้นในอัตราเร่ง

แผนที่แสดงน้ำท่วม
อเมริกา  น้ำท่วมขนาดนี้ประมาณ 15 เมตร
แต่ว่า 120 ปี ขึ้น 20 ซม. 15 เมตรจะใช้เวลานานขนาดไหน  แต่ก่อนคิดกันว่าขึ้น 6-7 เมตรภายในปลายศตวรรษนี้
แต่เดี๋ยวนี้ สำหรับประเทศไทย คิดว่าสูงขึ้น 7 เมตรพอ  ภายใน 30 ปี น้ำจะขึ้นสูงท่วมทั่วภาคกลาง  จากแผนที่องค์การนาซ่า

ตัวอย่างน้ำขึ้นสูง เกาะวานูอาตู ใกล้นิวซีแลนด์ขอย้ายเพราะน้ำท่วมใต้ถุนบ้านแล้ว
บังคลาเทศ ซึ่งเป็นที่ต่ำ  ประชากร 400 ล้านคนต้องอพยพ

จะรับมืออย่างไร
ประเทศเนเธอร์แลนด์ จะสร้างบ้านบนแพ  เพราะว่าสูบน้ำออกจากเขื่อนที่กั้นน้ำทะเลไว้ไม่ค่อยไหวแล้ว
ประเทศญี่ปุ่น  จะสร้างใต้ทะเล
ประเทศไทย เคยคิดจะสร้างเขื่อนแต่ต้องใช้งบประมาณมหาศาลจนทำให้ไม่มีเงินเหลือไปพัฒนาอย่างอื่นได้  และยากเกินไปด้วยในการสร้าง  น่าจะย้ายเมืองมากกว่ามาเป็นที่อีสานใต้  เพราะบริเวณนั้นไม่มีรอยเลื่อน

แผนที่โลกจะเปลี่ยน
เพราะว่าโลกจะปรับตัวให้สมดุลย์  น้ำที่ละลายนั้นจะไปเพิ่มที่มหาสมุทรแปซิฟิก  โลกจะขาดความสมดุลย์จึงต้องปรับตัวโดยเปลี่ยนแกนโลกไปอยู่ที่อื่น เหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีต  ประเทศไทยอาจจะกลายเป็นประเทศที่มีหิมะก็ได้ขึ้นอยู่กับแกนโลกเปลี่ยนไปเป็นอย่างไร
ปัจจุบันเปลือกโลกเริ่มเคลื่อนไหว  แปซิฟิกเคลื่อนไหวดันเข้าไปตามลูกศร  เปลือกโลกส่วนที่อยู่ทางแคลิฟอร์เนียจะแยก จะเกิดช่องว่างขึ้น

อดีตสิ่งนี้เคยเกิดมาแล้ว และปัจจุบันมนุษย์ไปเร่งทำให้เกิดเร็วขึ้น
นาซ่าคิดจะไปสร้างเมืองนอกโลก อยู่ในอวกาศ ใน 20 ปี สิ่งนี้จะเริ่มเกิด  มนุษย์ต้องเปลี่ยนไปใช้พลังงานแสงอาทิตย์

การที่โลกจะปรับตัวให้กลับมาเป็นเหมือนสมัยก่อน  มนุษย์บนโลกต้องน้อยลง ต้องเลิกใช้น้ำมัน  ต้องเลิกตัดต้นไม้  ปล่อยให้ต้นไม้เติบโตเพิ่มพูนขึ้น อาศัยเวลาสัก 1000 ปีจึงจะกลับมาอยู่ในสภาพเดิมได้   ทุกสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้นั้นมาจากสาเหตุที่โลกร้อน

เพิ่มเติมข้อมูล 


Dan 9:26 หลังจากหกสิบสองสัปดาห์แล้ว พระเมสสิยาห์ก็จะถูกตัดออก แต่มิใช่เพื่อตัวท่านเอง และประชาชนของประมุขผู้หนึ่งที่จะมานั้นจะทำลายกรุงและสถานบริสุทธิ์เสีย ที่สุดปลายของมันจะมาถึงด้วยน้ำท่วม และจนสงครามสิ้นสุดลงก็มีการรกร้างกำหนดไว้

4.      ภาวะความไม่มีเสถียรภาพของเปลือกโลก   บอกเหตุสิ้นยุค

สิ่งนี้องค์การนาซ่ายังไม่ได้เปิดเผยข้อมูล แต่ดร.ก้องภพ อยู่เย็น ซึ่งทำงานที่นั่น ได้นำข่าวมาบอกเรื่องการค้นพบระบบสุริยะเหมือนระบบของเราอีก 20 ระบบ  มีดวงอาทิตย์เหมือนบ้านเราอีก 20 ดวง ซึ่งการเกิดจุดดับสำหรับดวงอาทิตย์ของเราทำให้เกิดลมสุริยะมากระทบโลก ส่งผลให้ระบบการสื่อสารภายในโลกเสียหาย และยังส่งผลให้เปลือกผิวโลกมีการขยับเขยือน  ยิ่งมีดวงอาทิตย์ของระบบสุริยะอื่นๆอีก ถ้าเกิดในช่วงเวลาใกล้กันจะยิ่งมีผลกระทบกับโลก
ยกตัวอย่างแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นปีนี้เป็นบางเหตุการณ์ เช่น เฮติ ชิลี ฟิลิปปินส์ เม็กซิโก อินโดนีเซีย จีน เป็นต้น
ต้องดูอัตราการเกิดแผ่นดินไหวหลังจากนี้ว่ามีอัตราการเกิดถี่ต่อเนื่องกันหรือเปล่า รุนแรงมากขึ้นหรือเปล่า แสดงว่าทฤษฏีนี้เป็นความจริง

คาดการณ์แผ่นดินไหว
9 ก.ย. 1.00 น. 7.5-8.5
21 ก.ย. 17.00 น.  7.0-7.5
7 ต.ค.  11.00 น. 8.0-9.0
http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9530000125111 แผ่นดินไหวที่ไครสเชิรช์ นิวซีแลนด์ 7.0 วันที่ 4 ก.ย.




5.      แผนภูมิช่วงเวลาต่างๆ พร้อมแสดงสิ่งที่จะเกิดขึ้น



       คำพยากรณ์ต่างๆเกิดขึ้น   ช่วง 7 ปีกลียุค           ช่วงพันปี                  ท้องฟ้าใหม่      
                                                                                                 และแผ่นดินโลกใหม่

ทำไมถึงคิดว่าช่วงกลียุคหรือช่วงทุกข์ลำบากใหญ่ยิ่งคือ 7 ปี  เพราะสัปตะสุดท้ายยังไม่เริ่ม สัปตะ = 7  วันแทนปี  7 วัน = 7 ปี
สัปตะสุดท้ายจะเริ่มขึ้นเมื่อพระวิหารถูกสร้างเสร็จ

มัทธิว 24:21-22
21   ด้วยว่าในคราวนั้นจะเกิดความทุกข์ลำบากใหญ่ยิ่ง  อย่างที่ไม่เคยมีตั้งแต่เริ่มโลกมาจนถึงทุกวันนี้  และในเบื้องหน้าจะไม่มีต่อไปอีก
22   ถ้ามิได้ทรงให้วันเหล่านั้นย่นสั้นเข้า  จะไม่มีมนุษย์รอดได้เลย  แต่เพราะทรงเห็นแก่ผู้เลือกสรร  จึงทรงให้วันเหล่านั้นย่นสั้นเข้า

v  7 ปีนั้นจะเป็น 7 ปีแห่งความทุกข์ลำบากใหญ่ยิ่ง  อ่านได้จากหนังสือวิวรณ์  สำหรับคริสเตียนที่รักษาชีวิตไว้อย่างดีเผชิญกลียุคเป็นเวลา สามปีครึ่ง (ให้วันเหล่านั้นย่นสั้นเข้า)

v  พยาน 2 คน เป็นพยานสามปีครึ่ง  (อาจเป็นโมเสสกับเอลียาห์ หรือ อิสราเอลกับคริสตจักร)

วิวรณ์ 11:1-13
1   ท่านผู้หนึ่งจึงเอาไม้อ้อท่อนหนึ่งให้ข้าพเจ้ารูปร่างเหมือนไม้วัด  แล้วสั่งข้าพเจ้าว่า  "จงลุกขึ้นไปวัดพระวิหารของพระเจ้า  และแท่นบูชาและคำนวณคนทั้งหลายซึ่งนมัสการในนั้น
2   แต่ไม่ต้องวัดลานชั้นนอกพระวิหารนั้น  เพราะว่าที่นั่นได้มอบให้แก่คนต่างชาติแล้ว  และเขาจะเหยียบย่ำวิสุทธนคร  ตลอดสี่สิบสองเดือน
3   และเราจะให้ฤทธิ์อำนาจแก่พยานทั้งสองของเรา  เพื่อให้เผยพระวจนะตลอดพันสองร้อยหกสิบวัน  และให้เขาแต่งตัวด้วยผ้ากระสอบ
4   พยานทั้งสองนั้นคือต้นมะกอกเทศสองต้น  และคันประทีปสองคันที่ตั้งอยู่เบื้องหน้าพระเจ้าผู้ทรงเป็นเจ้าแห่งแผ่นดินโลก
5   ถ้าผู้ใดทำร้ายพยานทั้งสองนั้น  ไฟก็จะพลุ่งออกจากปากเผาผลาญศัตรูผู้นั้น  ถ้าผู้ใดทำร้ายพยานทั้งสอง  ผู้นั้นก็จะต้องตาย
6   พยานทั้งสองมีฤทธิ์ปิดท้องฟ้าได้  เพื่อไม่ให้ฝนตกในระหว่างวันเหล่านั้นที่เขากำลังเผยพระวจนะ  และมีฤทธิ์ทำให้น้ำกลายเป็นเลือดได้  และมีฤทธิ์บันดาลให้ภัยพิบัติต่างๆกระหน่ำโลกกี่ครั้งก็ได้ตามความปรารถนา
7   และเมื่อเสร็จสิ้นการเป็นพยานแล้ว  สัตว์ร้ายที่ขึ้นมาจากบาดาลก็จะสู้รบกับเขา  จะชนะเขาและจะฆ่าเขาเสีย
8   และศพของเขาจะอยู่ที่ถนนในมหานครนั้น  ซึ่งตามอุปมาเรียกว่าเมืองโสโดม  และเมืองอียิปต์  อันเป็นเมืองซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าของเขาถูกตรึง
9   คนหลายชาติ  หลายเผ่า  หลายภาษา  หลายประชาชาติ  จะเพ่งดูศพเขาตลอดสามวันครึ่ง  และจะไม่ยอมให้เอาศพนั้นใส่อุโมงค์เลย
10   คนทั้งหลายซึ่งอยู่ในแผ่นดินโลกจะยินดีเพราะเขาและจะสนุกสนานรื่นเริง  จะให้ของขวัญแก่กัน  เพราะว่าผู้เผยพระวจนะทั้งสองนี้ได้ทรมานคนเหล่านั้นที่อยู่ในโลก"
11   เมื่อเวลาผ่านไปสามวันครึ่งแล้ว  ลมปราณจากพระเจ้าก็เข้าสู่ศพของเขาอีก  และเขาก็ลุกขึ้นยืน  คนทั้งหลายที่ได้เห็นเขาก็มีความหวาดกลัวเป็นอันมาก
12   คนทั้งหลายได้ยินพระสุรเสียงดังมาจากสวรรค์  ตรัสแก่เขาว่า  "จงขึ้นมาที่นี่เถิดและพวกศัตรูก็เห็นเขาขึ้นไปในหมู่เมฆสู่สวรรค์
13   และในเวลานั้นก็เกิดแผ่นดินไหวใหญ่  และเมืองนั้นก็ถล่มลงเสียหนึ่งในสิบส่วน  มีคนตายเพราะแผ่นดินไหวเจ็ดพันคน  และคนที่เหลืออยู่นั้นมีความหวาดกลัวยิ่ง  และได้ถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าแห่งสวรรค์

ผู้ที่คอยหน่วงเหนี่ยว

2 เธสะโลนิกา 2:1-12
2Thess 2:1 บัดนี้ พี่น้องทั้งหลาย เรื่องการซึ่งพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราจะเสด็จมา และที่พระองค์จะทรงรวบรวมเราทั้งหลายไปเป็นของพระองค์นั้น เราขอวิงวอนท่านว่า
2Thess 2:2 อย่าให้ใจของท่านหวั่นไหวง่าย หรือเป็นทุกข์ร้อนไป ไม่ว่าจะเป็นโดยทางวิญญาณ หรือโดยทางคำพูด หรือโดยทางจดหมายเป็นเชิงว่ามาจากเรา อ้างว่าวันของพระคริสต์มาถึงแล้ว
2Thess 2:3 อย่าให้ผู้หนึ่งผู้ใดล่อลวงท่านโดยทางหนึ่งทางใดเลย เพราะว่าวันนั้นจะไม่มาถึง เว้นแต่จะมีการล้มลงเสียก่อน และคนแห่งการบาปนั้นจะประจักษ์แจ้ง คือลูกแห่งความพินาศ
2Thess 2:4 ผู้กีดกั้นขัดขวางและยกตัวขึ้นต่อสู้อะไรๆที่ได้ชื่อว่าเป็นพระเจ้า หรืออะไรๆที่เขาไหว้นมัสการนั้น แล้วมันก็นั่งในพระวิหารของพระเจ้าเหมือนอย่างพระเจ้า ประกาศตัวว่าเป็นพระเจ้า
2Thess 2:5 ท่านทั้งหลายจำไม่ได้หรือว่าเมื่อข้าพเจ้ายังอยู่กับท่าน ข้าพเจ้าได้บอกเรื่องนี้ให้ท่านทราบแล้ว
2Thess 2:6 และท่านก็รู้จักผู้นั้นที่กำลังหน่วงเหนี่ยวมันไว้ในขณะนี้ เพื่อมันจะปรากฏออกมาได้ต่อเมื่อถึงเวลาของมัน
2Thess 2:7 เพราะว่าอำนาจลึกลับนอกกฎหมายนั้นก็เริ่มทำงานอยู่แล้ว เพียงแต่ผู้ที่คอยหน่วงเหนี่ยวเดี๋ยวนี้นั้นจะยังหน่วงเหนี่ยวอยู่ จนกว่าผู้ที่คอยหน่วงเหนี่ยวนั้นจะถูกพาออกไปเสีย
2Thess 2:8 ขณะนั้นคนนอกกฎหมายนั้นจะปรากฏตัวขึ้น และองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงประหารมันด้วยลมพระโอษฐ์ของพระองค์ และจะทรงผลาญให้สูญไปด้วยการปรากฏแห่งการเสด็จมาของพระองค์
2Thess 2:9 คือผู้นั้นที่มาโดยการดลบันดาลของซาตาน พร้อมกับบรรดาการอิทธิฤทธิ์และหมายสำคัญ และการมหัศจรรย์แห่งความเท็จ
2Thess 2:10 และอุบายอธรรมทั้งหลายสำหรับคนเหล่านั้นที่พินาศอยู่ เพราะเขาทั้งหลายไม่ได้รับความรักแห่งความจริงไว้เพื่อจะรอดได้
2Thess 2:11 เพราะเหตุนี้พระเจ้าจึงทรงให้ความลุ่มหลงมาครอบงำเขา ให้เขาเชื่อสิ่งที่เท็จ
2Thess 2:12 เพื่อคนทั้งหลายที่ไม่เชื่อความจริง แต่ยินดีในการไม่ชอบธรรม จะได้ถูกลงพระอาชญาทุกคน

6.      เหตุการณ์ก่อนพระเยซูจะมา(ภาพจำลองอุกกาบาตชนโลก)

มัทธิว 24:29-31
29   "แต่พอสิ้นความทุกข์ลำบากแห่งวันเหล่านั้นแล้ว  ดวงอาทิตย์จะมืดไป  และดวงจันทร์จะไม่ส่องแสง  ดวงดาวทั้งปวงจะตกจากฟ้า  และบรรดาสิ่งที่มีอำนาจในท้องฟ้าจะสะเทือนสะท้าน
30   เมื่อนั้นนิมิตแห่งบุตรมนุษย์  จะปรากฏขึ้นในท้องฟ้า  มนุษย์ทุกชาติทั่วโลกจะตีอกร้องไห้  บุตรมนุษย์เสด็จมาบนเมฆในท้องฟ้า  ทรงฤทธานุภาพและพระสิริเป็นอันมาก
31   พระองค์ทรงใช้เหล่าทูตสวรรค์ของพระองค์  มาด้วยเสียงแตรอันดังยิ่งนัก  ให้รวบรวมคนทั้งปวงที่พระองค์ทรงเลือกสรรไว้แล้ว  ทั้งสี่ทิศนั้น  ตั้งแต่ที่สุดฟ้าข้างนี้จนถึงที่สุดฟ้าข้างโน้น

7.      การมารับขึ้น

1 เธสะโลนิกา 4:13-18
1Thess 4:13 แต่พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าไม่อยากให้ท่านไม่ทราบถึงเรื่องคนเหล่านั้นที่ล่วงหลับไปแล้ว เพื่อท่านจะไม่เป็นทุกข์โศกเศร้าอย่างคนอื่นๆที่ไม่มีความหวัง
1Thess 4:14 เพราะถ้าเราเชื่อว่าพระเยซูทรงสิ้นพระชนม์ และทรงคืนพระชนม์แล้ว เช่นเดียวกันบรรดาคนที่ล่วงหลับไปในพระเยซูนั้น พระเจ้าจะทรงนำคนเหล่านั้นมากับพระองค์ด้วย
1Thess 4:15 ในข้อนี้เราขอบอกให้ท่านทราบตามพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้าว่า เราผู้ยังเป็นอยู่และเหลืออยู่จนถึงองค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จมา จะล่วงหน้าไปก่อนคนเหล่านั้นที่ล่วงหลับไปแล้วก็หามิได้
1Thess 4:16 ด้วยว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าเองจะเสด็จมาจากสวรรค์ ด้วยเสียงกู่ก้อง ด้วยสำเนียงของเทพบดี และด้วยเสียงแตรของพระเจ้า และคนทั้งปวงที่ตายแล้วในพระคริสต์จะเป็นขึ้นมาก่อน
1Thess 4:17 หลังจากนั้นเราทั้งหลายซึ่งยังเป็นอยู่และเหลืออยู่ จะถูกรับขึ้นไปในเมฆพร้อมกับคนเหล่านั้น เพื่อจะได้พบองค์พระผู้เป็นเจ้าในฟ้าอากาศ อย่างนั้นแหละเราก็จะอยู่กับองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นนิตย์
1Thess 4:18 เหตุฉะนั้นจงปลอบใจกันและกันด้วยถ้อยคำเหล่านี้เถิด

8.      เหตุการณ์ช่วงต่างๆหลังจากเราถูกรับขึ้นไปแล้ว

v  หลังจากนั้นอีกสามปีครึ่ง
Zech 14:4 ในวันนั้นพระบาทของพระองค์จะยืนอยู่ที่ภูเขามะกอกเทศ ซึ่งอยู่หน้าเมืองเยรูซาเล็มด้านตะวันออก และภูเขามะกอกเทศนั้นจะแยกออกตรงกลางจากทิศตะวันออกไปทิศตะวันตก โดยมีหุบเขากว้างมากคั่นอยู่ ภูเขาครึ่งหนึ่งจึงจะถอยไปทางเหนือ และอีกครึ่งหนึ่งจะถอยไปทางใต้

v  หลังจากนั้นพระเยซูมาที่ภูเขามะกอกเทศเพื่อทำสงคราม   ก่อนโยนพวกผีมารซาตานเข้าไปในที่คุมขัง ขังไว้พันปี  พญามารอยู่ในเหวที่ไม่มีก้นเหว  ส่วนสัตว์ร้ายและผู้พยากรณ์เท็จอยู่ในบึงไฟที่ไหม้ด้วยกำมะถัน

วิวรณ์ 19:19-20
Rev 19:19 และข้าพเจ้าเห็นสัตว์ร้ายนั้น และบรรดากษัตริย์บนแผ่นดินโลก พร้อมทั้งพลรบของกษัตริย์เหล่านั้น มาประชุมกันจะทำสงครามกับพระองค์ผู้ทรงม้า และกับพลโยธาของพระองค์
Rev 19:20 สัตว์ร้ายนั้นถูกจับพร้อมด้วยผู้พยากรณ์เท็จ ที่ได้กระทำการอัศจรรย์ต่อหน้าสัตว์ร้ายนั้น และใช้การอัศจรรย์นั้นล่อลวงคนทั้งหลายที่ได้รับเครื่องหมายของสัตว์ร้ายนั้น และบูชารูปของมัน สัตว์ร้ายและผู้พยากรณ์เท็จถูกทิ้งทั้งเป็นลงในบึงไฟที่ไหม้ด้วยกำมะถัน

วิวรณ์ 20:1-3
Rev 20:1 แล้วข้าพเจ้าเห็นทูตสวรรค์องค์หนึ่งลงมาจากสวรรค์ ท่านถือลูกกุญแจของเหวที่ไม่มีก้นเหวนั้นและถือโซ่ใหญ่
Rev 20:2 และท่านได้จับพญานาค ซึ่งเป็นงูดึกดำบรรพ์ ผู้ซึ่งเป็นพญามารและซาตาน และล่ามมันไว้พันปี
Rev 20:3 แล้วทิ้งมันลงไปในเหวที่ไม่มีก้นเหวนั้น แล้วได้ลั่นกุญแจประทับตรา เพื่อไม่ให้มันล่อลวงบรรดาประชาชาติได้อีกต่อไป จนครบกำหนดพันปีแล้วหลังจากนั้นจะต้องปล่อยมันออกไปชั่วขณะหนึ่ง

v  เหตุการณ์หลังพันปี มีการทำศึกสงครามกันอีกครั้ง ครั้งสุดท้าย และพญามารใช้วิธีการเดิมคือการล่อลวง คนที่อยู่ในโลก

วิวรณ์ 20:7-10
Rev 20:7 ครั้นพันปีล่วงไปแล้ว ก็จะปล่อยซาตานออกจากคุกที่ขังมันไว้
Rev 20:8 และมันจะออกไปล่อลวงบรรดาประชาชาติทั้งสี่ทิศของแผ่นดินโลก คือโกกและมาโกก ให้คนมาชุมนุมกันทำศึกสงคราม จำนวนคนเหล่านั้นมากมายดุจเม็ดทรายที่ทะเล
Rev 20:9 และคนเหล่านั้นยกขบวนออกไปทั่วแผ่นดินโลก และล้อมกองทัพของพวกวิสุทธิชน และเมืองอันเป็นที่รักนั้นไว้ แต่ไฟได้ตกลงมาจากพระเจ้าออกจากสวรรค์ เผาผลาญคนเหล่านั้น
Rev 20:10 ส่วนพญามารที่ล่อลวงเขาเหล่านั้นก็ถูกโยนลงไปในบึงไฟและกำมะถัน ที่สัตว์ร้ายและผู้พยากรณ์เท็จอยู่นั้น และมันต้องทนทุกข์ทรมานทั้งกลางวันและกลางคืนตลอดไปเป็นนิตย์

9.      คริสเตียนควรปฏิบัติตนอย่างไร ควรเตรียมพร้อมอย่างไร

มัทธิว 24:42-51

42   เหตุฉะนั้นท่านทั้งหลายจงเฝ้าระวังอยู่  เพราะท่านไม่รู้ว่า  องค์พระผู้เป็นเจ้าของท่านจะเสด็จมาเวลาไหน
43   จงจำไว้ว่า  ถ้าเจ้าของบ้านล่วงรู้ได้ว่าขโมยจะมายามไหน  เขาจะตื่นอยู่และระวัง  ไม่ให้ทะลวงเรือนของเขาได้
44   เหตุฉะนั้น  ท่านทั้งหลายจงเตรียมพร้อมไว้  เพราะในโมงที่ท่านไม่คิดไม่ฝันนั้น  บุตรมนุษย์จะเสด็จมา
45   "ใครเป็นทาสสัตย์ซื่อและฉลาด  ที่นายได้ตั้งไว้เหนือพวกบ่าวทาสสำหรับแจกอาหารตามเวลา
46   เมื่อนายมาพบเขากระทำอยู่อย่างนั้น  ทาสผู้นั้นก็จะเป็นสุข
47   เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า  นายจะตั้งเขาไว้ให้ดูแลบรรดาข้าวของของท่าน
48   แต่ถ้าทาสนั้นชั่วและคิดในใจว่า  "นายของข้ามาช้า"
49   แล้วจะตั้งต้นโบยตีเพื่อนทาสและกินดื่มอยู่กับเพื่อนขี้เมา
50   นายของทาสผู้นั้น  จะมาในวันที่เขาไม่คิดในโมงที่เขาไม่รู้
51   และจะทำโทษเขาถึงสาหัส  ทั้งจะขับไล่ให้เขาไปอยู่ในที่ของพวกคนหน้าซื่อใจคด  ซึ่งที่นั่นจะมีแต่การร้องไห้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน




มัทธิว 25:1-30

1   "เมื่อถึงวันนั้น  แผ่นดินสวรรค์จะเปรียบเหมือน  หญิงพรหมจารีสิบคนถือตะเกียงของตน  ออกไปรับเจ้าบ่าว
2   เป็นคนโง่ห้าคน  เป็นหญิงมีปัญญาห้าคน
3   ฝ่ายคนโง่นั้นเอาตะเกียงของตนไป  แต่หาได้เอาน้ำมันไปด้วยไม่
4   คนที่มีปัญญานั้นได้เอาน้ำมันใส่กาไปกับตะเกียงของตนด้วย
5   เมื่อเจ้าบ่าวยังช้าอยู่  ก็พากันง่วงเหงาและหลับไป
6   ครั้นเวลาเที่ยงคืนก็มีเสียงร้องมาว่า  "เจ้าบ่าวมาแล้ว  จงออกมารับท่านเถิด"
7   พวกหญิงพรหมจารีเหล่านั้นก็ลุกขึ้นตกแต่งตะเกียงของตน
8   พวกที่โง่นั้นก็พูดกับพวกที่มีปัญญาว่า  "ขอแบ่งน้ำมันของท่านให้เราบ้าง  ตะเกียงของเราจวนจะดับอยู่แล้ว"
9   พวกที่มีปัญญาจึงตอบว่า  "น่ากลัวน้ำมันจะไม่พอสำหรับเราและเจ้า  จงไปหาคนขาย  ซื้อสำหรับตัวเองจะดีกว่า"
10   เมื่อกำลังไปซื้อนั้นเจ้าบ่าวก็มาถึง  ผู้ที่พร้อมอยู่แล้ว  ก็ได้ไปกับท่านในการเลี้ยงเนื่องในงานสมรสแล้วประตูก็ปิด
11   ภายหลังหญิงพรหมจารีอีกห้าคน  ก็มาร้องว่า  "ท่านเจ้าข้าๆขอเปิดให้ข้าพเจ้าเข้าไปด้วย"
12   ฝ่ายท่านตอบว่า  "เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า  เราไม่รู้จักท่าน"
13   เหตุฉะนั้นจงเฝ้าระวังอยู่  เพราะท่านทั้งหลายไม่รู้กำหนดวันหรือโมงนั้น
14   "และยังเปรียบเหมือน  ชายผู้หนึ่งจะออกเดินทางไป  จึงเรียกพวกทาสของตนมาฝากทรัพย์สมบัติไว้
15   คนหนึ่งท่านให้ห้าตะลันต์  {เงินหนึ่งตะลันต์  มีค่าประมาณสองหมื่นบาทคนหนึ่งสองตะลันต์  และอีกคนหนึ่งตะลันต์เดียว  ตามความสามารถของแต่ละคนแล้วท่านก็ไป
16   คนที่ได้รับห้าตะลันต์นั้นก็เอาเงินนั้นไปค้าขายทันที  ได้กำไรเท่าตัว
17   คนที่ได้รับสองตะลันต์นั้นก็ได้กำไรเท่าตัวเหมือนกัน
18   แต่คนที่ได้รับตะลันต์เดียวได้ขุดหลุมซ่อนเงินของนายไว้
19   ครั้นอยู่มาช้านานนายจึงมาคิดบัญชีกับทาสเหล่านั้น
20   คนที่ได้รับห้าตะลันต์ก็เอาเงินกำไรอีกห้าตะลันต์มาชี้แจงว่า  "นายเจ้าข้า  ท่านได้มอบเงินห้าตะลันต์ไว้กับข้าพเจ้า  ดูเถิด  ข้าพเจ้าได้กำไรมาอีกห้าตะลันต์"
21   นายจึงตอบว่า  "ดีแล้ว  เจ้าเป็นทาสดีและสัตย์ซื่อ  เจ้าสัตย์ซื่อในของเล็กน้อย  เราจะตั้งเจ้าให้ดูแลของมาก  เจ้าจงปรีดีร่วมสุขกับนายของเจ้าเถิด"
22   คนที่ได้รับสองตะลันต์มาชี้แจงด้วยว่า  "นายเจ้าข้า  ท่านได้มอบเงินสองตะลันต์ไว้กับข้าพเจ้า  ดูเถิด  ข้าพเจ้าได้กำไรมาอีกสองตะลันต์"
23   นายจึงตอบว่า  "ดีแล้ว  เจ้าเป็นทาสดีและสัตย์ซื่อ  เจ้าสัตย์ซื่อในของเล็กน้อย  เราจะตั้งเจ้าให้ดูแลของมาก  เจ้าจงปรีดีร่วมสุขกับนายของเจ้าเถิด"
24   ฝ่ายคนที่ได้รับตะลันต์เดียวมาชี้แจงด้วยว่า  "นายเจ้าข้า  ข้าพเจ้ารู้อยู่ว่าท่านเป็นคนใจแข็ง  เกี่ยวผลที่ท่านมิได้หว่าน  เก็บส่ำสมที่ท่านมิได้โปรย
25   ข้าพเจ้ากลัวจึงเอาเงินตะลันต์ของท่านไปซ่อนไว้ใต้ดิน  ดูเถิด  นี่แหละเงินของท่าน"
26   นายจึงตอบว่า  "อ้ายข้าชั่วช้าและเกียจคร้าน  เจ้าก็รู้หรือว่าเราเกี่ยวที่เรามิได้หว่าน  เก็บส่ำสมที่เรามิได้โปรย
27   เหตุฉะนั้นเจ้าควรเอาเงินของเราไปฝากไว้ที่ธนาคาร  เมื่อเรามาจะได้รับเงินของเราทั้งดอกเบี้ยด้วย
28   เพราะฉะนั้น  จงเอาเงินตะลันต์เดียวนั้นจากเขาไปให้คนที่มีสิบตะลันต์
29   ด้วยว่าผู้ใดมีอยู่แล้วจะเพิ่มเติมให้ผู้นั้นจนมีเหลือเฟือ  แต่ผู้ที่ไม่มี  แม้ว่าซึ่งเขามีอยู่ก็จะต้องเอาไปจากเขา
30   เอาอ้ายข้าชาติชั่วช้าไปทิ้งเสียที่มืดภายนอก  ซึ่งที่นั่นจะมีการร้องไห้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน"

วันเสาร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ชีวิตพระเยซูคริสต์ : มาเพื่อเรียกคนที่รู้ตัวว่าไม่สบาย

     มาถึงบทที่ 5 ของพระธรรมลูกาแล้ว เราได้เห็นชีวิตของพระเยซูคริสต์ที่เป็นต้นแบบแก่ชีวิตเราในเรื่องใดมาแล้วบ้าง  การตอบสนองของบุคคล 2 แบบ ต่อข่าวที่ทูตสวรรค์นำมาแจ้ง  เห็นชีวิตวัยเด็กของพระเยซูคริสต์ความสนใจในพระวจนะเริ่มตั้งแต่วัยเด็กแล้ว  เราเห็นแบบอย่างชีวิตของพระเยซูก่อนจะเริ่มทำพระราชกิจว่าพระองค์กระทำในสิ่งที่มนุษย์ทั่วไปทำกัน แม้พระองค์จะเป็นพระเจ้า  เราเห็นชีวิตพระเยซูประกอบด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์และเผชิญการทดลองด้วยพระวจนะ  เราเห็นพระเยซูกระทำพระราชกิจแห่งพระวจนะ พระวจนะเกี่ยวกับพระราชกิจของพระองค์ในพระคัมภีร์เดิม พระองค์ทำให้สำเร็จทั้งสิ้น  และต่อมาเราเห็นสิทธิอำนาจในการทำสิ่งต่างๆมีในชีวิตพระเยซูคริสต์  พระองค์เริ่มเรียกคนต่างๆมาเป็นสาวกติดตามพระองค์  และเราได้เห็นว่าทุกคนเป็นที่ต้องการของพระเยซูทั้งสิ้น

     วันนี้มาต่อให้จบในบทที่ 5 นะครับ

Luke 5:29 ​เลวี​ได้​จัด​ให้​มี​การ​เลี้ยง​ใหญ่​ใน​เรือน​ของ​ตน เพื่อ​เป็น​เกียรติยศ​แก่​พระ​องค์ มี​คน​มาก​มาย​เป็น​คน​เ​ก็​บ​ภาษี​และ​คน​อื่นๆ มาร่วม​สำรับ​ด้วย​กัน​

Luke 5:30 ฝ่าย​พวก​ฟาริสี​และ​พวก​ธรรมาจารย์​ของ​เขา​กระซิบ​บ่น​ติ​พวก​ศิษย์​ของ​พระ​องค์​ว่า “เหตุ​ไฉน​พวก​ท่าน​มา​กิน​และ​ดื่ม​ด้วย​กัน​กับ​พวก​เ​ก็​บ​ภาษี​และ​พวก​คน​บาป”
Luke 5:31 ​พระ​เยซู​ตรัส​ตอบ​เขา​ว่า “คน​เจ็บ​ต้อง​การ​หมอ แต่​คน​สบาย​ไม่​ต้อง​การ​
Luke 5:32 เรา​มิได้​มา​เพื่อ​จะ​เรียก​คน​ที่​เห็น​ว่า​ตัว​ชอบธรรม แต่​มา​เรียก​คน​ที่​พวก​ท่าน​ว่า​นอก​รีต​ให้​กลับ​ใจ​เสีย​ใหม่”
Luke 5:33 เขา​ทั้ง​หลาย​ทูล​พระ​องค์​ว่า “พวก​ศิษย์​ของ​ยอห์น​ถือ​อด​อาหาร​เนืองๆ และ​อธิษฐาน​ถือ​เป็น​กิจวัตร และ​ศิษย์​ของ​พวก​ฟาริสี​ก็​ถือ​เหมือน​กัน แต่​ศิษย์​ของ​ท่าน​กิน​และ​ดื่ม”
Luke 5:34 ฝ่าย​พระ​เยซู​ตรัส​แก่​เขา​ว่า “ท่าน​จะ​ให้​สหาย​ของ​เจ้าบ่าว​อด​อาหาร เมื่อ​เจ้าบ่าว​ยัง​อยู่​กับ​เขา​กระนั้น​หรือ​
Luke 5:35 แต่​จะ​มี​วัน​หนึ่ง​เมื่อ​เจ้าบ่าว​จะต้อง​จาก​สหาย​ไป ใน​วัน​นั้น​สหาย​จะ​ถือ​อด​อาหาร”
Luke 5:36 ​พระ​องค์​ยัง​ตรัส​คำ​เปรียบ​ข้อ​หนึ่ง​แก่​เขา​ด้วย​ว่า “ไม่​มี​ผู้ใด​ฉีก​ท่อน​ผ้า​จาก​เสื้อ​ใหม่​มา​ปะ​เสื้อ​เก่า ถ้า​ทำ​อย่าง​นั้น​เสื้อ​ใหม่​นั้น​จะ​ขาด​เสีย​ไป ทั้ง​ท่อน​ผ้า​ที่​เอา​มา​จาก​เสื้อ​ใหม่​นั้น​ก็​จะ​ไม่​สม​กับ​เสื้อ​เก่า​ด้วย​
Luke 5:37 ไม่​มี​ผู้ใด​เอา​น้ำ​องุ่น​หมัก​ใหม่​มา​ใส่​ไว้​ใน​ถุง​หนัง​เก่า ถ้า​ทำ​อย่าง​นั้น​น้ำ​องุ่น​หมัก​จะ​ทำ​ให้​ถุง​หนัง​เก่า​ขาด​ไป และ​น้ำ​องุ่น​จะ​รั่ว ถุง​หนัง​ก็​จะ​เสีย​ไป​ด้วย​
Luke 5:38 แต่​น้ำ​องุ่น​หมัก​ใหม่​ต้อง​ใส่​ใน​ถุง​หนัง​ใหม่​
Luke 5:39 ไม่​มี​ผู้ใด​เมื่อ​กิน​เหล้า​องุ่น​เก่า​แล้ว จะ​อยาก​ได้​น้ำ​องุ่น​หมัก​ใหม่​เพราะ​เขา​ย่อม​ว่า ‘ของ​เก่า​นั้น​ดี​แล้ว​’ ”

     เลวีหรือมัทธิวคนเก็บภาษีคนนี้ ด้วยความดีใจที่ตัวเขาได้รับการปลดปล่อย มีชีวิตที่รู้ว่าตัวเขาเป็นที่ต้องการของคนทั้งหลายโดยเฉพาะเป็นที่ต้องการขององค์พระเยซูคริสต์ จึงได้เรียกเขาให้เป็นสาวกติดตามพระองค์ เขาได้จัดงานเลี้ยงขึ้น 

     และนี่เป็นที่มาของเหตุการณ์ตอนนี้ เลวีคนเก็บภาษีเป็นที่รังเกียจแก่คนทั่วไป พวกฟาริสีและธรรมาจารย์ไม่เข้าใจว่า ทำไมพระเยซูจึงมารับประทานอาหารด้วย  ฟาริสีและธรรมาจารย์เปรียบได้กับพวกนักการศาสนาซึ่งพระเยซูได้ตำหนิในพระธรรมมัทธิว บทที่ 23 สอนคนอื่นแต่ตนเองหาได้ทำไม่ การกระทำของเขาเป็นการอวดเท่านั้น ใช้กลักพระธรรมอย่างใหญ่ สวมเสื้อที่มีภู่ห้อยอันยาว ชอบไปในที่อันมีเกียรติ ชอบรับการคำนับ ชอบให้เรียกว่าอาจารย์ พระเยซูบอกว่าวิบัติแก่พวกเจ้า คนหน้าซื่อใจคด และมีคำอธิบายในบทนี้หลายตอนมาก 


     ด้วยเหตุนี้พระเยซูถึงพูดว่าคนสบายไม่ต้องการหาหมอ แต่คนเจ็บต้องการ  คนที่คิดว่าตัวเองไม่ป่วย สบายดี เป็นคนที่ไม่มีอะไรผิดปกติ ชีวิตไม่ขาดอะไร จิตวิญญาณสบายดี ตายแล้วก็ไปเกิดใหม่ ไปต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่ทำในโลกนี้ ฯลฯ คนแบบนี้จึงไม่เคยมาถึงพระเจ้าได้ ตราบใดที่เขาไม่รู้สึกว่าตนเองบกพร่อง

     ผมจึงคิดว่าการที่คริสเตียนควรตรวจสอบตนเองอยู่เสมอว่าชีวิตของเราผิดปกติหรือไม่ หิวกระหายหาพระเจ้าหรือไม่ ปรารถนาใกล้ชิดพระเจ้า ฯลฯ เป็นสิ่งที่ดี จะได้ระมัดระวังตัวเองไม่หลงไปดำเนินตามทางที่ผิด

     พระเยซูมาเพื่อเรียกคนที่รู้ตัวว่าผิดปกติในชีวิต ต้องการพระเจ้า ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองให้รอดได้ โดยพึ่งแต่กำลังของเราเอง ไม่สามารถช่วยให้รอดได้ ไม่มีความดีใดพาเราไปสวรรค์ เพราะแม้เราทำความดีมามากมาย แต่ทำผิดธรรมบัญญัติหนึ่งข้อ ก็เท่ากับทำผิดทั้งหมดแล้ว ด้วยเหตุนี้พระเยซูคริสต์จึงมา ประทานชีวิตพระองค์เองเป็นค่าไถ่คนเป็นอันมาก

     ต่อมาพวกเขามาทูลพระเยซูคริสต์อีกว่า ศิษย์ของยอห์น ของฟาริสี อดอาหาร ทำตามบทบัญญัติ แต่ศิษย์พระเยซูกินและดื่ม แต่พระเยซูตอบว่าพระองค์ยังอยู่กับสาวก ไม่ใช่เวลาที่จะทุกข์โศกเศร้า แต่เมื่อถึงเวลาพระองค์จากไป เมื่อนั้นแหละเป็นเวลาที่จะถืออดอาหาร

     พระเยซูกำลังเปรียบเทียบระหว่างบทบัญญัติซึ่่งเป็นเหมือนของเก่า มีธรรมเนียมปฏิบัติต่างๆ แต่พระเยซูมาเป็นเหมือนกับของใหม่ พระองค์ให้พระบัญญัตินั้นอยู่ในใจ พระองค์ให้พระวิญญาณบริสุทธิ์สถิตภายในผู้เชื่อทุกคนคอยสอนแนะนำสิ่งต่างๆให้กับผู้เชื่อ ด้วยเหตุนี้พระเยซูถึงเปรียบเทียบว่าของเก่าต้องคู่กับเก่า ใหม่ต้องคู่กับใหม่ จะเอาสิ่งใหม่ไปใส่ไว้ในของเก่าไม่ได้  ระบอบที่พระเยซูนำมาในโลกเป็นระบอบใหม่ โดยพระวิญญาณต้องมาคู่กับคนที่รับชีวิตใหม่  ระบอบเดิมตามธรรมบัญญัติก็ต้องมาคู่กับคนที่ยังอยู่ในระบอบเดิม คือยึดตามธรรมบัญญัติ

     ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่คนทั้งหลายต้องแสวงหาเอา ไม่มีใครบีบบังคับให้รับไว้ได้  ใครที่รู้ตัวว่าป่วยฝ่ายวิญญาณ รับเอาชีวิตใหม่จากพระเจ้า  ใครรู้ตัวว่าติดอยู่กับระบอบธรรมบัญญัติซึ่งประหารให้ตาย ต้องการระบอบใหม่ วิถีชีวิตใหม่ รับเอาจากพระเจ้า

     เขียนมาถึงตรงนี้แล้ว ไม่ใช่ว่าธรรมบัญญัตินั้นไม่ดีนะครับ  

Rom 7:12 เหตุ​ฉะนั้นธรรม​บัญญัติ​จึง​เป็น​สิ่ง​บริสุทธิ์ และ​ข้อบัญญัติ​ก็​บริสุทธิ์​ยุติธรรม​และ​ดี​งาม 
Rom 7:13 ถ้า​เช่นนั้น สิ่ง​ที่​ดี​กลับ​ทำ​ให้​ข้าพเจ้า​ต้อง​ตาย​หรือ หา​มิได้ บาป​ต่างหาก คือ​บาป​ซึ่ง​อาศัย​สิ่ง​ที่​ดี​นั้น​ทำ​ให้​ข้าพเจ้า​ต้อง​ตาย เพื่อ​จะ​ให้​ปรากฏ​ว่า​บาป​นั้น​เป็น​บาป​จริง และ​โดย​อาศัยธรรม​บัญญัติ​นั้น บาป​ก็​ปรากฏ​ว่า​ชั่ว​ร้าย​ยิ่ง​นัก​
Rom 7:6 แต่​บัดนี้​เรา​ได้​พ้น​จาก​ธรรม​บัญญัติ คือ​ได้​ตาย​จาก​ธรรม​บัญญัติ​ที่​ได้​ผูกมัด​เรา​ไว้ เพื่อ​เรา​จะ​ได้​ไม่​ประพฤติ​ตาม​ตัว​อักษร​ใน​ประมวลธรรม​บัญญัติ​เก่า แต่​จะ​ดำเนิน​ชีวิต​ใหม่​ตาม​ลักษณะ​พระ​วิญญาณ​ 

Gal 3:13 ​พระ​คริสต์​ทรง​ไถ่​เรา​ให้​พ้น​ความ​แช่ง​สาป​แห่งธรรม​บัญญัติ โดย​การ​ที่​พระ​องค์​ทรง​ยอม​ถูก​แช่ง​สาป​เพื่อ​เรา (​เพราะ​พระ​คัมภีร์​เขียน​ไว้​ว่า ทุก​คน​ที่​ต้อง​ถูก​แขวน​ไว้​บน​ต้นไม้​ต้อง​ถูก​สาปแช่ง )​

     ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่านครับ  ศุกร์นี้ 19.00-21.00 น. ห้อง 23 ผมจะนำอธิษฐานระลึกถึงพระคุณพระเจ้าในเทศกาลอยู่เพิง เชิญพี่น้องทุกท่านมาร่วมได้ครับ

วันเสาร์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ชีวิตพระเยซูคริสต์ : ทุกคนเป็นที่ต้องการ

     แบ่งปันต่อครับ




Luke 5:12 เมื่อ​พระ​เยซู ทรง​อยู่​ใน​เมือง​หนึ่ง นี่​แน่ะ​มี​คน​เป็น​โรค​เรื้อน​เต็ม​ทั้งตัว เมื่อ​เขา​เห็น​พระ​เยซู​ก็​ซบ​หน้า​ลง​ถึง​ดิน​อ้อน​วอน​ทูล​พระ​องค์​ว่า “​พระ​องค์​เจ้า​ข้า เพียงแต่​พระ​องค์​จะ​โปรด​ก็​จะ​ทรง​บันดาล​ให้​ข้า​พระ​องค์​หาย​โรค​ได้”
Luke 5:13 ​พระ​องค์​ทรง​ยื่น​พระ​หัตถ์​ถูกต้อง​เขา​แล้ว​ตรัส​ว่า “เรา​พอใจ​แล้ว จง​หาย​เถิด” ใน​ทันใด​นั้น​โรค​เรื้อน​ของ​เขา​ก็​หาย​
Luke 5:14 ​พระ​องค์​จึง​กำชับ​เขา​ไม่ให้​บอก​ผู้ใด และ​ตรัส​ว่า “แต่​จง​ไป​สำแดง​ตัว​แก่​ปุโรหิต และ​ถวาย​เครื่องบูชา​สำหรับ​คน​ที่​หาย​โรค​เรื้อน​แล้ว ตาม​ซึ่ง​โมเสส​ได้​สั่ง​ไว้ เพื่อ​เป็น​หลักฐาน​ต่อ​คน​ทั้ง​หลาย​ว่า​เจ้า​หาย​โรค​แล้ว”
Luke 5:15 แต่​กิตติศัพท์​ของ​พระ​องค์​ยิ่ง​เลื่อง​ลือ​ไป และ​ประชาชน​เป็น​อัน​มาก​มา​ชุมนุม​กัน​เพื่อ​จะ​ฟัง​พระ​องค์ และ​รับ​การ​รักษา​โรค​ต่างๆ ของ​เขา​
Luke 5:16 แต่​พระ​องค์​เสด็จ​ออกไป​ใน​ที่​เปลี่ยว​และ​ทรง​อธิษฐาน​
Luke 5:17 คราว​นั้น​วัน​หนึ่ง​เมื่อ​พระ​องค์​ทรง​สั่ง​สอน​อยู่ มี​พวก​ฟาริสี​และ​พวก​บาเรียน​นั่ง​อยู่​ด้วย เป็น​ผู้​มา​จาก​ทุก​หมู่​บ้าน​ใน​แคว้น​กาลิลี แคว้น​ยูเดีย​และ​จาก​กรุง​เยรูซาเล็ม ฤทธิ์​เดช​ของ​พระ​เป็นเจ้า​ก็​อยู่​ใน​พระ​องค์ เพื่อ​จะ​รักษา​เขา​ให้​หาย​โรค​
Luke 5:18 และ​ดู​เถิด มี​ผู้​หาม​คน​ง่อย​คน​หนึ่ง​นอน​บน​ที่​นอน และ​เขา​หา​ช่อง​ที่​จะ​หาม​คน​ง่อย​นั้น​เข้า​มา​วาง​ลง​ตรง​พระ​พักตร์​ของ​พระ​องค์​
Luke 5:19 เมื่อ​หา​ช่อง​เอา​เข้า​มา​ไม่ได้​เพราะ​คน​มาก เขา​จึง​ขึ้น​ไป​บน​ดาดฟ้า​หลังคา​ตึก หย่อน​คน​ง่อย​ลง​มา​ทั้ง​ที่​นอน ตาม​ช่อง​กระเบื้อง​ตรง​กลาง​หมู่​คน ต่อ​พระ​พักตร์​พระ​เยซู​
Luke 5:20 เมื่อ​พระ​องค์​ทรง​เห็น​ความ​เชื่อ​ของ​เขา​ทั้ง​หลาย ​พระ​องค์​จึง​ตรัส​กับ​คน​ง่อย​ว่า “บุรุษ​เอ๋ย บาป​ของ​เจ้า​ได้รับ​อภัย​แล้ว”
Luke 5:21 ฝ่าย​พวก​ธรรมาจารย์​และ​พวก​ฟาริสี​คิด​ใน​ใจ​ว่า “คน​นี้​ที่​พูด​หมิ่น​ประมาท​พระ​เจ้า​เป็น​ผู้ใด​เล่า ใคร​จะ​ยก​ความ​ผิด​บาป​ได้​เว้น​แต่​พระ​เจ้า​เท่านั้น”
Luke 5:22 แต่​เมื่อ​พระ​เยซู​ทรง​ทราบ​ความ​คิด​ของ​เขา ​พระ​องค์​จึง​ตรัส​แก่​เขา​ว่า “ไฉน​ท่าน​ทั้ง​หลาย​จึง​คิด​ใน​ใจ​อย่าง​นี้​
Luke 5:23 ที่​จะ​ว่า ‘บาป​ทั้ง​ปวง​ของ​เจ้า​ได้รับ​อภัย​แล้ว​’ และ​จะ​ว่า ‘จง​ลุก​ขึ้น​เดิน​ไป​เถิด’ นั้น ข้าง​ไหน​จะ​ง่าย​กว่า​กัน​
Luke 5:24 แต่​เพื่อ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​จะ​ได้​รู้​ว่า บุตร​มนุษย์​มี​สิทธิอำนาจ​ใน​โลก​ที่​จะ​โปรด​ยก​ความ​ผิด​บาป​ได้” (​พระ​องค์​จึง​ตรัส​สั่ง​คน​ง่อย​ว่า​) “เรา​สั่ง​เจ้า​ว่า จง​ลุก​ขึ้น​ยก​ที่​นอน​ไป​บ้าน​ของ​เจ้า​เถิด”
Luke 5:25 ​ใน​ทันใด​นั้น​เขา​จึง​ลุก​ขึ้น​ต่อ​หน้า​คน​ทั้ง​ปวง ยก​ที่​นอน​ซึ่ง​เขา​ได้​นอน​นั้น​กลับไป​บ้าน​ของ​ตน พลาง​ร้อง​สรรเสริญ​พระ​เจ้า​
Luke 5:26 คน​ทั้ง​ปวง​ก็​อัศจรรย์​ใจ​มาก​ยิ่ง​นัก และ​ได้​สรรเสริญ​พระ​เจ้า ต่าง​เต็ม​ไป​ด้วย​ความ​กลัว และ​พูด​ว่า “วันนี้​เรา​ได้​เห็น​สิ่ง​แปลก​ประหลาด”
Luke 5:27 ภายหลัง​เหตุการณ์​เหล่า​นั้น​พระ​องค์​ได้​เสด็จ​ออกไป และ​ทรง​เห็น​คน​เ​ก็​บ​ภาษี​คน​หนึ่ง​ชื่อ​เลวี​นั่ง​อยู่​ที่​ด่าน​ภาษี จึง​ตรัส​กับ​เขา​ว่า “จง​ตาม​เรา​มา​เถิด”
Luke 5:28 เขา​ก็​สละ​สิ่ง​สารพัด​ทิ้ง ลุก​ขึ้น​ตาม​พระ​องค์​ไป

     จากพระคำตอนนี้พระเยซูได้ปรนนิบัติรับใช้คนใีนอีกหลายเหตุการณ์ เช่น คนโรคเรื้อน (เพียงแต่พระองค์จะโปรด ก็จะทรงบันดาลให้ข้าพระองค์หายโรคได้) คนง่อยหามสี่ (พระเยซูเห็นความเชื่อของพวกเขา) เรียกคนเก็บภาษ๊ (คนที่สัีงคมรังเกียจ แต่เขายินดีตามพระองค์ไป)  บุคคลทั้งหลายเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นคนที่ไม่มีใครต้องการ 

     คนโรคเรื้อน ในพระคัมภีร์เดิมคนที่สังคมรังเกียจว่าเป็นมลทิน (ดูเลวีนิติ บทที่ 13) เขาต้องอยู่ภายนอกค่าย ไม่สามารถคบหาสมาคมกับใครได้  เมื่อคนโรคเรื้อนเข้ามาหาพระเยซู ขอพระเมตตา พระเยซูรักษาเขา

     คนง่อยคนที่ไม่สามารถทำอะไรได้ เดินไม่ได้ ประกอบอาชีพไม่ได้ ต้องพึ่งพาผู้อื่นอยู่เสมอ แต่พระเยซูก็รักเขา เมื่อพระองค์เห็นความเชื่อของเขา ที่พยายามเข้ามาหาพระองค์ เข้าทางประตูไม่ได้เพราะคนแน่น ก็เข้าทางหลังคา รื้อหลังคาออก  เพื่อนของเขาสี่คนนั้นต้องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เชื่อร่วมกับคนง่อย ยินดีช่วยเหลือคนง่อย รื้อหลังคาออก หย่อนเขาลงไป   การอัศจรรย์จะบังเกิดขึ้นในชีวิตเราได้ เราต้องมีความปรารถนาจะพบพระเยซู ต้องจัดการฝ่าฟันกับอุปสรรคต่างๆที่ขวางออกไปให้หมดสิ้นเหมือนชายคนง่อยนี้  ไม่ว่าจะอย่างไร จะขอพบพระเยซูให้ได้  ความหิวกระหายของเราเคยรุนแรงขนาดนี้ไหม ปรารถนาจะพบกับพระเยซูคริสต์  เขาได้รับการยกโทษบาปและรับการรักษาให้หายโรค

     คนเก็บภาษี ในบรรดาอาชีพที่ทำ นี่เป็นอีกอาชีพที่คนยิวรังเกียจเพราะคนเก็บภาษีชาวยิวถูกมองว่าเป็นพวกนอกคอก ในสายตาของชาวยิวพวกเขาเป็นคนที่นำความอับอายขายหน้ามาสู่ครอบครัว เจ้าหน้าที่ชาวโรมันจะว่าจ้างคนท้องถิ่นให้เป็นคนเก็บภาษีให้ เนื่องจากคนเก็บภาษีเหล่านี้ทำงานให้กับโรมันและมักจะรีดไถประชาชนอย่างไร้เหตุผล คนเก็บภาษีจึงมีชื่อเสียงไม่ดีและเป็นที่เกลียดชังของคนทั่วไป ทั้งยังถูกมองว่าเป็นคนขายชาติด้วย  
     นี่ก็เป็นอีกพวกหนึ่งที่ไม่มีใครต้องการ แต่สำหรับพระเยซูแล้ว ทุกคนมีคุณค่ายิ่งในสายพระเนตรพระเจ้า โดยเฉพาะเลวีคนนี้ ได้สละสิ่งสารพัดติดตามพระเยซูไป และมีชื่อว่ามัทธิว 1 ในสาวก 12 คนของพระเยซู

     ในท่ามกลางพวกเรา มีใครคิดแบบนี้บ้างไหม ดูตัวเองแล้วรู้สึกไม่ค่อยเห็นคุณค่าตนเอง คิดว่าไม่เป็นที่ต้องการของใครใคร แต่พระเยซูต้องการพวกเราทุกคน ไม่มีใครไม่เป็นที่ต้องการในสายพระเนตรพระเจ้า  ทุกคนพระเยซูรักและเมตตาสงสารทุกคนที่มีความต้องการ ต้องการการช่วยเหลือ ถ่อมใจยอมรับความอ่อนแอของตนเองและเข้ามาหาพระเมตตากรุณาของพระองค์  อาเมน.

     จากเหตุการณ์นี้เราจะเห็นว่า พระองค์ก็ทรงต้องการปลีกตัวไปใช้เวลาสนิทสนมกับพระบิดาด้วยการอธิษฐาน ดังนั้นถ้าเราใช้เวลาอธิษฐานกับพระองค์ เราจะได้รับการชูใจ ปลอบประโลมใจ จากองค์พระวิญญาณบริสุทธิ์ จะได้มีความคิดที่ถูกต้องตามแบบพระคัมภีร์

วันจันทร์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ชีวิตพระเยซูคริสต์ : เรียกคนมาเป็นสาวกพระคริสต์

     กลับมาจากค่ายกันแล้ว เรามาดูพระวจนะกันต่อครับ



Luke 5:1 ครั้ง​เมื่อ​ประชาชน​กำลัง​เบียดเสียด​พระ​องค์​เพื่อ​ฟัง​พระ​วจนะ​ของ​พระ​เจ้า ​พระ​องค์​ทรง​ยืน​อยู่​ที่​ฝั่ง​ทะเลสาบ​เยนเน​ซาเรท​


Luke 5:2 และ​พระ​องค์​ทรง​เห็น​เรือ​สอง​ลำ​จอด​อยู่​ริม​ฝั่ง​ทะเลสาบ​นั้น แต่​ชาวประมง​ขึ้น​จาก​เรือ​แล้ว​กำลัง​ซัก​อวน​อยู่​

Luke 5:3 ​พระ​องค์​จึง​เสด็จ​ลง​เรือ​ลำ​หนึ่ง เป็น​เรือ​ของ​ซีโมน ทรง​ขอ​ให้​เขา​ถอย​ไป​จาก​ฝั่ง​หน่อย​หนึ่ง แล้ว​พระ​องค์​ทรง​นั่ง​ลง​สอน​ประชาชน​จาก​เรือ​นั้น

Luke 5:4 เมื่อ​พระ​องค์​ตรัส​สอน​เสร็จ​แล้ว จึง​ตรัส​แก่​ซีโมน​ว่า “จง​ถอย​ออกไป​ที่​น้ำ​ลึก หย่อน​อวน​ลง​จับ​ปลา”

Luke 5:5 ซีโมน​ทูล​ตอบ​ว่า “​พระ​อาจารย์​เจ้า​ข้า ข้า​พระ​องค์​ทั้ง​หลาย​ทอด​อวน​คืน​ยัง​รุ่ง​ไม่ได้​อะไร​เลย แต่​ข้า​พระ​องค์​จะ​หย่อน​อวน​ลง​ตาม​พระ​ดำรัส​ของ​พระ​องค์”

Luke 5:6 เมื่อ​เขา​หย่อน​ลง​แล้ว​ก็​ล้อม​ปลา​ไว้​เป็น​อัน​มาก จน​อวน​ของ​เขา​กำลัง​ปริ​

Luke 5:7 เขา​จึง​ทำ​สำคัญ​แก่​เพื่อน​ที่​อยู่​ใน​เรือ​อีก​ลำ​หนึ่ง​ให้​มา​ช่วย เขา​ก็​มา​ช่วย แล้ว​ได้​ปลา​เต็ม​เรือ​ทั้ง​สอง​ลำ จน​เรือ​เพียบ​

Luke 5:8 ฝ่าย​ซีโมน​เปโตร​เมื่อ​เห็น​ดังนั้น ​ก็​กราบ​ลง​ที่​พระ​ชานุ​ของ​พระ​เยซู​ทูล​ว่า “​พระ​องค์​เจ้า​ข้า ขอ​เสด็จ​ไป​ให้​ห่าง​จาก​ข้า​พระ​องค์​เถิด เพราะ​ว่า​ข้า​พระ​องค์​เป็น​คน​บาป”

Luke 5:9 เพราะ​ว่า​เขา​กับ​คน​ทั้ง​หลาย​ที่​อยู่​ด้วย​กัน​ประหลาด​ใจ​ด้วย​ปลา​เป็น​อัน​มาก​ที่​เขา​จับ​ได้​นั้น​

Luke 5:10 ​ยากอบ​และ​ยอห์น​บุตร​ของ​เศเบ​ดี​ผู้ร่วมงาน​กับ​ซีโมน ​ก็​ประหลาด​ใจ​เหมือน​กัน ​พระ​เยซู​ตรัส​แก่​ซีโมน​ว่า “อย่า​กลัว​เลย ตั้งแต่​นี้​ไป​ท่าน​จะ​เป็น​ผู้​จับ​คน”

Luke 5:11 เมื่อ​เขา​นำ​เรือ​มาถึง​ฝั่ง​แล้ว เขา​ก็​สละ​สิ่ง​สารพัด​ทิ้ง ตาม​พระ​องค์​ไป​

     จากเหตุการณ์ถัดมาหลังจากพระเยซูไปรักษาแม่ยายของเปโตรแล้ว พระองค์ยังอยู่ในบริเวณแถบนั้น พระองค์มาที่ริมฝั่งทะเลสาบ ลักษณะการเรียกคนให้มาเป็นสาวกร่วมรับใช้กับพระองค์ พระองค์ใช้อาชีพที่เขาทำนั่นเองเป็นสื่อแห่งการเรียก
 
     พระองค์สอนจากบนเรือ แน่นอนด้วยภูมิประเทศแถบนั้นทำให้เสียงที่เปล่งออกมาได้ยินไปไกล เราเห็นเหตุการณ์ที่ต่อเนื่องมาจากก่อนหน้านี้ว่าประชาชนเบียดเสียดกันเพื่อจะฟังพระวจนะ การที่พระเยซูขึ้นไปอยู่บนเรือ ก็อาจเป็นได้ว่าเพื่อจะไม่ต้องเบียดเสียดกัน  พระเจ้าข้า! ถ้าเป็นได้ ขอพระองค์กระทำให้ใจคนทั้งหลายหิวกระหายหาพระวจนะของพระองค์ เพราะพระวจนะนั้นจะหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณของพวกเขา
 
     พระเยซูเรียกคน เรียกเปโตร พระเยซูใช้อาชีพของเปโตรเป็นสถานการณ์ที่สอนเปโตรให้รู้ว่าพระองค์เป็นพระเจ้า เพียงเปโตรทำตามสิ่งที่พระเยซูบอก สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ คือการจับปลา ที่จับไม่ได้แม้จับมาคืนยังรุ่ง สิ่งนี้ก็กลับเป็นไปได้ จับปลาได้มากมาย   สิ่งนี้ไม่ได้เป็นมาด้วยเหตุด้วยผล จับปลามาคืนยังรุ่งแต่จับปลาไม่ได้ แล้วจะจับปลาอีกได้อย่างไร อย่างไรก็ตามเราสังเกตอย่างหนึ่งได้ว่า เปโตรทำตามพระดำรัสของพระเยซู ให้ถอยออกไปที่น้ำลึกก็ไป ให้หย่อนอวนลงจับปลาก็หย่อน   สิ่งนี้เคยเกิดขึ้นกับเราบ้างไหม พระเจ้าดลใจเรา บอกกับเราให้เราทำในสิ่งที่ค้านกับเหตุและผล แต่เราทำตาม แล้วสิ่งอัศจรรย์ก็ได้บังเกิดขึ้น
 
     เราจะเห็นได้ว่าพระเยซูใช้เหตุการณ์จากอาชีพของพวกเขาเอง แสดงการอัศจรรย์ให้เห็น ทำให้เขาสำนึกบาปผิด สำนึกในพระคุณพระเจ้า เมื่อพระเยซูเรียก พวกเขาจึงติดตามพระองค์ทันที พระเยซูบอกให้พวกเขาหาคนดั่งหาปลา (มธ.4:19) พวกเขาชำนาญในการจับปลา รู้วิธี เดี๋ยวนี้พระเยซูต้องการให้หาคน เช่นเดียวกับที่เราเป็นผู้จับปลา
 
     ดังนั้นไม่ว่าท่านจะเป็นอะไร ทำงานอะไร พระองค์สามารถใช้ท่านได้จากตรงนั้นที่ท่านเป็นอยู่ เป็นครู เป็นคนขายอาหาร เป็นแม่บ้าน เป็นนักเรียน เป็นนิสิต เป็นนักบัญชี เป็นคนเก็บภาษี เป็นนักดนตรี เป็นนักกฏหมาย เป็นวิศวกร เป็นนักวิทยาศาสตร์ เป็นนักการภารโรง เป็นนักกีฬา เป็นนักร้อง เป็นนักแสดง เป็นข้าราชการ เป็นนักการธนาคาร  ฯลฯ พระองค์จะใช้ท่านเป็นผู้หาคนดั่งหา...... (อาชีพที่ท่านทำอยู่)
 
ปิดท้าย
 
     ท่านอาจจะเคยเห็นรูปปลาท้ายรถอยู่บ่อยๆ ท่านทราบหรือไม่ว่า รูปปลาเกี่ยวกับคริสเตียนอย่างไร
 
1. ศิลปะของคริสเตียนยุคแรก ใช้รูปปลาเป็นสัญลักษณ์แทน “พระคริสต์” เพราะเป็นที่ยอมรับกันว่าพระองค์ทรงเปรียบเสมือนชาวประมงฝ่ายวิญญาณที่นำความรอดมาสู่ผู้เชื่อทุกคน โดยปกติ ชาวประมงจะจับปลาเป็นแล้วมาทำให้กลายเป็นปลาตาย แต่องค์พระเยซูคริสต์ทรงเป็นชาวประมงฝ่ายวิญญาณที่จับปลาตาย (ฝ่ายวิญญาณ) แล้วช่วยให้รอดกลับกลายมาเป็นปลาเป็น (ฝ่ายวิญญาณ)!


2. ตัวอักษรในภาษากรีกที่ประกอบกันเข้าเป็นคำว่า “ปลา” (Fish) คือ “ΙΧΘυΣ” (ichthys) ซึ่งอักษรแต่ละตัวของคำว่า “ΙΧΘυΣ” นั้นถูกนำมาเป็นอักษรตัวแรกของศัพท์ 5 คำที่พรรณนาถึงองค์พระเยซูคริสต์ ซึ่งมีความหมายว่า …

“Jesus Christ, son of God, the savior.” (พระเยซูคริสต์ พระบุตรของพระเจ้า พระผู้ช่วยให้รอด!)

I = Ιησοῦς (อ่านว่า เยซุส) (Jesus) = พระเยซู

X = Χριστός (อ่านว่า คริสโตส) (Christ) =พระคริสต์

Θ = θεὸς (อ่านว่า เทโอส) (God) = พระเจ้า

υ = υἱὸς (อ่านว่า ฮวิโอส) (Son) =พระบุตร

Σ = σωτὴρ (อ่านว่า โซเทร์) (Savior) =ผู้ช่วยให้รอด

หมายเหตุ ตัวอักษร σ หากไปอยู่ท้ายคำจะเขียนเป็น Σ

3. ปลาเป็นสิ่งที่เป็นที่รู้จักคุ้นเคยกันดีของชาวอิสราเอล และเกี่ยวข้องกับพระคริสต์ตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์ในโลกนี้ อาทิ

1) พระเยซูทรงตั้งสาวกของพระองค์ให้เป็นผู้หาคนดั่งหาปลา (มธ.4:19;มก.1:17)

2) พระเยซูทรงหักขนมปัง 5 ก้อน และปลา 2 ตัว เลี้ยงคน 5,000 คน (มธ.14:19;มก.6:41)

3) พระเยซูทรงบัญชาให้สาวกหย่อนอวนลงจับปลาในที่น้ำลึก (ลก.5:4-7) จนได้ปลาเต็มเรือ 2 ลำ (ลก.5:7)

4) พระเยซูทรงบัญชาให้สาวกหย่อนอวนจับปลาอีกครั้ง หลังจากทรงเป็นขึ้นจากความตาย (ยน.21:6) และได้ปลาจำนวนมาก (ยน.21:8,11) และทรงหยิบปลาที่ย่างไว้แจกให้เหล่าสาวก (ยน.21:8,13)

5) พระเยซูทรงใช้ปลาเป็นตัวอย่างประกอบการสอนของพระองค์บ่อยครั้ง อาทิ

ก. เปรียบแผ่นดินสวรรค์เหมือนอวนที่ติดปลา (มธ.13:47)

ข. เปรียบว่าบุตรขอปลาพ่อจะให้งูหรือ? (มธ.7:10;ลก.11:11)

4. ปลาเป็นรหัสลับที่คริสเตียนใช้ติดต่อกันในสมัยแรก ๆ เพราะว่า ตั้งแต่ปี ค.ศ. 100 – ค.ศ. 313 การเป็น คริสตชนถือเป็นการผิดกฎหมายอย่างร้ายแรงและมีโทษถึงตาย เพราะฉะนั้น คริสตชนจึงต้องระมัดระวังเพื่อไม่ให้ศัตรูจับได้ว่าตนเป็นผู้ที่ศรัทธาในพระเยซูคริสต์ และพวกเขาสามารถแยกแยะได้ว่าใครคือพวกเดียวกับเขาก็โดยสัญลักษณ์รูปปลาซึ่งเป็นเหมือนรหัสลับในหมู่คริสตชนด้วยกัน

หวังว่าวันนี้ ทุกท่านจะเข้าใจแล้วนะครับว่า “ปลา” หรือสัญลักษณ์ “ ” นั้นเกี่ยวข้องกับคริสเตียนอย่างไร? และสัญลักษณ์ปลาของแท้สมบูรณ์แบบนั้นจะต้องมีตัวอักษรภาษากรีก 5 ตัวจารึกอยู่ข้างในดังนี้