วันเสาร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2554

ชีวิตพระเยซูคริสต์ : สิทธิอำนาจมีในพระเยซูคริสต์

     สวัสดีครับ เรากำลังอยู่ในลูกาบทที่ 4 อยู่ครับ พระเยซูคริสต์ได้เริ่มต้นทำพระราชกิจของพระองค์ หลังจากผ่านบททดสอบโดยมารซาตานมาได้ ครั้งที่ผ่านมาเราได้เห็นพระราชกิจแห่งพระวจนะของพระองค์ สำหรับครั้งนี้เมื่ออ่านดูจากข้อที่เหลืออยู่ของบทที่ 4 เราจะเห็นสิทธิอำนาจที่มีในพระเยซูคริสต์เหนือผีมารซาตาน ในการทำพระราชกิจของพระองค์


Luke 4:31 ​พระ​องค์​เสด็จ​ลง​ไป​ถึง​เมือง​คาเปอร​นาอุม​แคว้น​กาลิลี และ​ได้​ทรง​สั่ง​สอน​เขา​ทั้ง​หลาย​ใน​วันสะบาโต​
Luke 4:32 คน​ทั้ง​ปวง​ก็​อัศจรรย์​ใจ​ด้วย​การ​สอน​ของ​พระ​องค์ เพราะ​คำ​ของ​พระ​องค์​ประกอบด้วย​สิทธิอำนาจ 
Luke 4:33 มี​คน​หนึ่ง​ใน​ธรรม​ศาลา​ที่​มี​ผี​โสโครก​เข้า​สิง เขา​ร้อง​เสียง​ดัง​ว่า​
Luke 4:34 “ไฮ้ ​พระ​เยซู​ชาว​นาซาเร็ธ ท่าน​มา​ยุ่ง​กับ​เรา​ทำไม ท่าน​มา​ทำลาย​พวก​เรา​หรือ เรา​รู้​ว่า​ท่าน​เป็น​ผู้ใด ท่าน​คือ​องค์​บริสุทธิ์​ของ​พระ​เจ้า”
Luke 4:35 ​พระ​เยซู​จึง​ตรัส​ห้าม​มัน​ว่า “จง​นิ่ง​เสีย ออกมา​จาก​เขา​ซี” เมื่อ​ผี​นั้น​ได้​ทำ​ให้​เขา​ล้ม​ลง​ท่ามกลาง​ประชุม​ชน แล้ว​ก็​ออกมา​จาก​เขา​แต่​มิได้​ทำ​อันตราย​เขา​เลย​
Luke 4:36 คน​ทั้ง​ปวง​ก็​ประหลาด​ใจ​นัก พูด​กัน​ว่า “คน​นี้​เป็น​อย่างไร​หนอ เพราะ​ว่า​ท่าน​ได้​สั่ง​ผี​โสโครก​ด้วย​สิทธิอำนาจ​และ​ด้วย​ฤทธิ์​เดช พวก​มัน​ก็​ออกมา”
Luke 4:37 กิตติศัพท์​ของ​พระ​องค์​จึง​ได้​เลื่อง​ลือ​ไป​ทุก​ตำบล​ที่​อยู่​รอบ​นั้น​ 
Luke 4:38 ฝ่าย​พระ​องค์​ทรง​ลุก​ขึ้น​ออก​จาก​ธรรม​ศาลา เสด็จ​เข้า​ไป​ใน​เรือน​ของ​ซีโมน แม่​ยาย​ซีโมน​ป่วย​เป็น​ไข้​หนัก เขา​ทั้ง​หลาย​จึง​อ้อน​วอน​พระ​องค์​ให้​ช่วย​หญิง​นั้น​
Luke 4:39 ​พระ​องค์​ทรง​ยืน​อยู่​ข้าง​คน​เจ็บ ทรง​ขนาบ​ไข้ ไข้​ก็​หาย และ​ใน​ทันใด​นั้น​แม่​ยาย​ของ​ซีโมน​ก็​ลุก​ขึ้น​ปรนนิบัติ​พระ​องค์​กับ​พวก​ของ​พระ​องค์ 
Luke 4:40 ครั้น​เวลา​ตะวัน​ยอ​แสง ใคร​มี​คน​เจ็บ​เป็น​โรค​ต่างๆ ​ก็​พา​มา​หา​พระ​องค์ ​พระ​องค์​ก็​ทรง​วาง​พระ​หัตถ์​ถูกต้อง​เขา​ทุก​คน ให้​เขา​หาย​โรค​
Luke 4:41 ผี​ก็​ออกมา​จาก​คน​หลาย​คน​ด้วย ร้อง​ว่า “ท่าน​เป็น​พระ​บุตร​ของ​พระ​เจ้า” ฝ่าย​พระ​องค์​ก็​ทรง​ขนาบ​มัน และ​ไม่ให้​มัน​พูด เพราะ​ว่า​มัน​รู้​แล้ว​ว่า​พระ​องค์​ทรง​เป็น​พระ​คริสต์​ 
Luke 4:42 ครั้น​รุ่ง​เช้า ​พระ​องค์​เสด็จ​ออกไป​ยัง​ที่​เปลี่ยว ประชาชน​เที่ยว​เสาะหา​พระ​องค์ ครั้น​พบ​แล้ว​ก็​หน่วง​เหนี่ยว​พระ​องค์​ไว้ ไม่ให้​ไป​จาก​เขา​
Luke 4:43 แต่​พระ​องค์​ตรัส​แก่​เขา​ว่า “เรา​ต้อง​ไป​ประกาศ​ข่าว​ประเสริฐ​แห่ง​แผ่นดิน​ของ​พระ​เจ้า​แก่​เมือง​อื่น​ด้วย เพราะ​ว่า​ที่​เรา​ได้รับ​ใช้​มา ​ก็​เพราะ​เหตุ​นี้​เอง”
Luke 4:44 ​พระ​องค์​ทรง​ประกาศ​ใน​ธรรม​ศาลา​ทั่ว​ยูเดีย​ 

     ข้อ 31 หลังจากที่พระองค์ผ่านการถูกผลักตกหน้าผาที่เมืองนาซาเร็ธ พระองค์ได้ดำเนินไปที่เมืองคาเปอรนาอูม ไม่ห่างกันมากนัก


     ท่านจะเห็นเมืองนาซาเร็ธอยู่ทางด้านบนจากแผนที่นี้ และถัดขึ้นไปอีกคือเมืองคาเปอรนาอูมซึ่งอยู่ริมฝั่งทะเลสาบกาลิลี

กลับไปดูบทความที่ผมเล่าสมัยไปอิสราเอลที่เมืองนาซาเร็ธ http://ppexplore.blogspot.com/2009/09/14.html
และอีกที่ที่ไปคือคาเปอรนาอูม http://ppexplore.blogspot.com/2009/09/15.html

     ลองชมกันดูนะครับว่า นาซาเร็ธและคาเปอรนาอูม สมัยศตวรรษที่ 21 เป็นอย่างไรบ้าง เมื่อเทียบกับสมัยพระเยซูอยู่จะเป็นสภาพอย่างไร  แน่นอนครับ ไม่มีรถ เดินอย่างเดียว และใช้เรือมาตามทะเลสาบ สภาพดินอิสราเอลไม่เป็นเหมือนบ้านเราด้วย ส่วนมากเป็นทะเลทราย แถบด้านบนของอิสราเอลนี้ที่ท่านได้เห็นยังมีสภาพเป็นดินบ้าง แต่ทางส่วนล่างของอิสราเอลเป็นทะเลทราย

     พระเยซูได้เดินทางจากนาซาเร็ธมาคาเปอรนาอูมซึ่งอยู่ริมทะเลสาบ(มธ.4:13) และเข้าไปในธรรมศาลาเช่นเคย(มก.1:21) พระคัมภีร์บันทึกไว้ว่าพระองค์สั่งสอนด้วยสิทธิอำนาจ คำของพระองค์ประกอบด้วยสิทธิอำนาจ  ผมเชื่อว่าถ้อยคำที่เราพูดที่เราประกาศจะประกอบด้วยสิทธิอำนาจเช่นกัน เมื่อเราดำเนินชีวิตในพระคริสต์  ชีวิตพระเยซูสะอาด บริสุทธิ์ เต็มด้วยความชอบธรรม ใจพระองค์เต็มด้วยความกรุณาและสงสารประชากรของพระองค์  สิ่งนี้ย่อมประกอบทำให้คำพูดคำสอนของพระองค์นั้นมีสิทธิอำนาจ สร้างความแปลบปลาบใจให้กับผู้ฟังเป็นแน่

     คนหนึ่งในธรรมศาลามีผีโสโครกเข้าสิง มันได้ฟังพระวจนะ แล้วทนไม่ได้ร้องออกมา "พระเยซู ท่านมายุ่งกับเราทำไม"  เมื่อผมประกาศ ขับผี หลายๆครั้ง ผมใช้พระวจนะครับ ผมเชื่อในฤทธิ์เดชแห่งพระวจนะ ครั้งหนึ่งขับผีไม่ยอมออก ก็ใช้วิธีอ่านพระคัมภีร์ให้คนถูกผีสิงฟัง แล้วผีก็คลายฤทธิ์ที่ควบคุมมนุษย์อยู่  อีกครั้งหนึ่งตอนที่ผมยังไม่เชื่อ ไปฟังอาจารย์เทศน์ในงานประกาศ เมื่ออาจารย์ท่านนั้นเริ่มเทศน์ ผีที่สิงอยู่ในคนก็เริ่มทุรนทุราย ผมเชื่อว่าพระวจนะของพระเจ้าเป็นฤทธิ์เดชจริงๆครับ โรม1:16 "เพราะว่าข่าวประเสริฐเป็นฤทธิ์เดชของพระเจ้า"

     เราจะเห็นว่าพระเยซูห้ามไม่ให้ผีพูด เพราะยังไม่ถึงเวลาของพระองค์ พระองค์มีเวลาของพระองค์ มีเวลาแห่งการเริ่มต้นรับใช้ มีเวลาที่จะเปิดเผยตนเองว่าพระองค์คือผู้ใด  ข้อ 36 คนทั้งปวงก็ประหลายใจเพราะสิ่งที่พระเยซูทำ สั่งผีด้วยสิทธิอำนาจและฤทธิเดช  ผมเคยแบ่งปันไปแล้วเรื่องนี้ ลองตามกลับไปดูครับ

     ถัดจากนั้น พระองค์ไปที่บ้านของซีโมนเปโตร (บ้านที่สร้างโบสถ์คร่อมลงไปจากลิงค์ด้านบน) ใจเมตตาสงสารของพระองค์ พระองค์ทรงรักษาคนเจ็บคนป่วย ไม่เพียงแม่ยายของเปโตร แต่คนมากมายที่มีโรคภัยไข้เจ็บพากันมาหาพระองค์ด้วย

     ถัดมาเราได้เห็นแบบอย่างแห่งการรับใช้การปรนนิบัติของพระองค์ พระองค์มีเวลาปลีกตนเองไปอธิษฐานแสวงหาพระบิดาเสมอ  ดังนั้นการรับใช้ของเราเช่นกัน ไม่ว่าเราจะรับใช้มากน้อยขนาดไหน เราต้องมีเวลาสัมพันธ์สนิทกับพระเยซูคริสต์ พระวิญญาณบริสุทธิ์ด้วย

     หวังว่าสิ่งที่แบ่งปันในวันนี้จะเป็นข้อคิดสำหรับท่านทั้งหลายนะครับ สิทธิอำนาจที่เราได้เห็นในวันนี้นั้น มีอยู่ในพระคริสต์ เมื่อเรารับพระคริสต์เรารับสิทธิอำนาจในพระนามพระเยซูคริสต์เข้ามาด้วย เมื่อเราห้ามผีมารซาตาน เราห้ามมันด้วยสิทธิอำนาจในพระนามพระเยซูคริสต์ เราไม่ได้มีอะไรดีในตัวเราเอง แต่ที่เรามี คือในพระนามพระเยซูคริสต์เจ้าของเรา อาเมน....

วันจันทร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2554

เทศกาลอยู่เพิง - ค่ายเยาวชนและครอบครัว

     เรากำลังจะได้เดินทางไปร่วมค่ายความรักผูกพัน ค่ายประจำปี 2011 กันแล้ว วันที่ 5-8 พ.ค. 2011 สำหรับคนที่ไม่สามารถไปค่ายได้ เรามีรอบนมัสการที่คลองเตยเวลาเดิมนะครับ

     เมื่อเห็นต่างคนต่างครอบครัวพากันออกเดินทางจากภูมิลำเนาของตนเอง ไปอยู่ในที่พักที่ขอนแก่นและมาร่วมชุมนุมกันที่หอประชุมกาญจนาภิเษกแล้ว ก็ทำให้นึกถึงเทศกาลอยู่เพิงที่คนยิวจะต้องออกจากท้องถิ่นของตนเองและไปพักกันในเพิงที่ทำไว้ เพื่อรำลึกถึงการที่พระเจ้าได้ช่วยคนอิสราเอลออกมาจากการเป็นทาสที่อียิปต์ ผมได้ถ่ายรูปเป็นบางภาพสมัยที่ไปอิสราเอลไว้ด้วยครับ



     ไปทางไหน ก็เห็นมีเต็นท์อย่างนี้แหละครับเต็มไปหมดตามถนนหนทาง ตามเมืองต่างๆ
อยู่เพิงในพระคัมภีร์คือคำนี้ครับ
H5521 סוּכָּה cukkah (sook-kaw') n-f.
1. a hut or lair
[fem of H5520]
KJV: booth, cottage, covert, pavilion, tabernacle, tent.
Root(s): H5520

ภาษาอังกฤษเขาใช้คำว่า tabernacle แปลว่า ปะรำ กระโจม ที่พักอาศัยชั่วคราว


     นี่อีกเมืองหนึ่งที่ไปนะครับ เจ้าของบ้านกำลังอธิบายเรื่องราวในพระคัมภีร์ให้เราฟังในเต็นท์ของเขา ซึ่งตั้งอยู่ข้างบ้านของเขานั่นเองครับ


เต็นท์ชั่วคราวของเขาตกแต่งไว้ซะสวยงามเลยครับ

     ที่นี้มาดูในพระคัมภีร์บ้าง แต่ละตอนพูดถึงเทศกาลอยู่เพิงไว้อย่างไร


Lev 23:34 “จง​กล่าว​แก่​คน​อิสราเอล​ว่า ใน​วันที่​สิบ​ห้า​เดือน​ที่​เจ็ด​นี้ เป็น​วัน​เทศกาล​อยู่​เพิงถวาย​แด่​พระ​เจ้า​สิ้น​เจ็ด​วัน​

Deut 16:13 “ท่าน​จง​ถือ​เทศกาล​อยู่​เพิงเจ็ด​วัน เมื่อ​ท่าน​เ​ก็​บ​รวบรวม​พืชผล​ของ​ท่าน​จาก​ลาน​นวด​ข้าว และ​จาก​บ่อ​ย่ำ​องุ่น​ของ​ท่าน​แล้ว​
Deut 16:14 ​ใน​การ​เลี้ยง​นั้น​ท่าน​จง​ปีติ​ร่า​เริง ทั้ง​ท่าน​และ​บุตร​ชาย​หญิง​ของ​ท่าน และ​ทาส​ชาย​หญิง​ของ​ท่าน ทั้ง​คน​เลวี​และ​คน​ต่างด้าว ทั้ง​เด็ก​กำพร้า และ​แม่ม่าย​ซึ่ง​อยู่​ใน​เมือง​ของ​ท่าน​
Deut 16:15 ท่าน​จง​ถือ​เทศกาล​นั้น​แด่​พระ​เยโฮวาห์​พระ​เจ้า​ของ​ท่าน​เจ็ด​วัน ณ สถานที่​ซึ่ง​พระ​เยโฮวาห์​ทรง​เลือก​ไว้ เพราะ​ว่า​พระ​เยโฮวาห์​พระ​เจ้า​ของ​ท่าน​จะ​ทรง​อำนวย​พระ​พร​แก่​พืชผล​ของ​ท่าน และ​แก่​ผลงาน​ที่​มือ​ท่าน​กระทำ เพื่อ​ว่า​ท่าน​จะ​มี​แต่​ความ​ปีติ​ยินดี 
Deut 16:16 “บรรดา​ผู้ชาย​ทั้งสิ้น​จะต้อง​เข้า​มา​เฝ้า​พระ​เยโฮวาห์​พระ​เจ้า​ของ​ท่าน​ปี​ละ​สาม​ครั้ง ณ สถานที่​ซึ่ง​พระ​องค์​ทรง​เลือก​ไว้ คือ ณ เทศกาล​กิน​ขนม​ปัง​ไร้​เชื้อ เทศกาล​สัปดาห์ และ​เทศกาล​อยู่​เพิง อย่า​ให้​เขา​ไป​เฝ้า​พระ​เจ้ามือ​เปล่าๆ 
Deut 16:17 ให้​ทุก​คน​ถวาย​ตาม​ความ​สามารถ​ของ​เขา ตาม​ส่วน​พระ​พร​ที่​พระ​เยโฮวาห์​พระ​เจ้า​ของ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ประทาน​แก่​ท่าน​ 

     สำหรับคนยิว พระเจ้าให้พวกเขามาเฝ้าพระเจ้าปีละสามครั้ง คือ เทศกาลขนมปังไร้เชื้อ เทศกาลสัปดาห์ และเทศกาลอยู่เพิง

     เอามาแค่สองตอนเท่านั้นนะครับ  สำหรับชาวยิวแล้ว อยู่กันยาวจริงๆถึงเจ็ดวัน ดูจากพระคัมภีร์ตอนนี้แล้วจะเต็มไปด้วยความยินดีนะครับ  สรรเสริญพระเจ้า เราก็จะไปเข้าค่ายฯด้วยความยินดีเช่นกัน ไปพักสงบ ไปแสวงหาพระเจ้า ไปนมัสการพระเจ้า และฟังพระสุรเสียงของพระเจ้าด้วยกัน อาเมน..

วันเสาร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2554

ชีวิตพระเยซูคริสต์ : พระราชกิจแห่งพระวจนะ

     จากที่เราได้เห็นในสัปดาห์ก่อนว่าพระเยซูทรงถูกทดลองโดยมารซาตานก่อนจะเริ่มต้นพระราชกิจ เปรียบเหมือนกับชีวิตเราที่ผมเคยแบ่งปันไปแล้วว่า พระเจ้าให้เราครอบครองดูแลสรรพสิ่งทั้งปวงในโลกนี้ (ปฐก. 1:28) แต่ก่อนจะปกครองดูแลได้ ก็มีบทพิสูจน์ที่ต้องผ่านก่อน ในปฐมกาลบทที่ 3 แต่ว่าอาดัมและฮาวาไม่ผ่าน สิทธิในการมีอำนาจเหนือโลกนี้จึงตกไปเป็นของซาตาน  พระเยซูเข้ามาในโลกเพื่อจะไถ่และทำให้แผนการของพระบิดาสำเร็จ ความจริงแล้วน้ำพระทัยของพระเจ้าพระบิดาไม่เคยเปลี่ยนแปลง พระองค์ต้องการให้มนุษย์ที่พระองค์ทรงสร้างปกครองดูแล แต่มนุษย์ดินคนแรกเป็นมนุษย์ดินคืออาดัมไม่สำเร็จ ไม่ผ่าน พระเจ้าจึงใช้มนุษย์จากสวรรค์อีกผู้หนึ่งมาทำให้สำเร็จ (1 คร.15:47) มนุษย์จากสวรรค์ก็ต้องผ่านบททดสอบเช่นกัน การทดลองจากผีมารซาตาน การสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน ล้วนแล้วแต่เป็นบททดสอบที่พระเยซูจะต้องรับไว้ทั้งสิ้น สรรเสริญพระเจ้าที่พระเยซูผ่านบททดสอบนี้ อำนาจการปกครองดูแลโลกมนุษย์นี้จึงมาจากพระองค์ (มธ.28:18) และถูกส่งมอบไว้ให้กับเราผู้เชื่อไปทำให้สำเร็จ จุดเริ่มต้นการไถ่ การปกครองดูแลสรรพสิ่งในโลกเริ่มต้นมาจากพระองค์ และเราเหล่าผู้เชื่อ เราต้องทำให้สิ่งที่พระเยซูเริ่มต้นไว้นั้นให้สำเร็จ (มธ.28:19-20)

     อารัมภบทมาเสียยาวเลยครับ กลับมาดูตัวอย่างจากชีวิตพระเยซูคริสต์กันต่อครับ พระเยซูคริสต์มีชัยชนะเหนือบททดสอบต่างๆได้ด้วยพระวจนะ  และเมื่อพระองค์เริ่มพระราชกิจของพระองค์ พระองค์ก็เริ่มพระราชกิจแห่งการสั่งสอนพระวจนะเช่นกัน


Luke 4:14 ​พระ​เยซู​ได้​เสด็จ​กลับไป​ด้วย​ฤทธิ์​เดช​แห่ง​พระ​วิญญาณ​ยัง​แคว้น​กาลิลี และ​กิตติศัพท์​ของ​พระ​องค์​เลื่อง​ลือ​ไป​ตาม​ถิ่น​โดยรอบ​

     จากข้อนี้จะเห็นว่าเมื่อพระเยซูผ่านการทดลองบททดสอบหนึ่ง พระเยซูเสด็จกลับไปด้วยฤทธิ์เดชแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์  ดังนั้นการที่เราทั้งหลายผ่านการทดสอบผ่านการทดลอง จะเป็นเหตุให้เราทั้งหลายนั้นมีความเข้มแข็งในฤทธิ์เดชแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์มากขึ้นครับ ขอพระเจ้าทรงนำท่านและช่วยท่านทั้งหลายให้ผ่านบททดสอบการทดลองต่างๆด้วยพระวจนะ เหมือนเช่นที่พระเยซูคริสต์ได้ทำ (จากบทความครั้งที่ผ่านมา)


Luke 4:15 ​พระ​องค์​ทรง​สั่ง​สอน​ใน​ธรรม​ศาลา​ของ​เขา และ​ได้รับ​ความ​สรรเสริญ​จาก​คน​ทั้ง​ปวง​ 
Luke 4:16 แล้ว​พระ​องค์​เสด็จ​มาถึง​เมือง​นาซาเร็ธ เป็น​ที่​ซึ่ง​พระ​องค์​ทรง​เจริญ​วัย​ขึ้น ​พระ​องค์​เสด็จ​เข้า​ไป​ใน​ธรรม​ศาลา​ใน​วันสะบาโต​ตาม​เคย และ​ทรง​ยืน​ขึ้น​เพื่อ​จะ​อ่าน​พระ​ธรรม​
Luke 4:17 เขา​จึง​ส่ง​พระ​คัมภีร์​อิสยาห์​ผู้เผย​พระ​วจนะ​ให้แก่​พระ​องค์ เมื่อ​พระ​องค์​ทรง​คลี่​หนังสือ​นั้น​ออก ​ก็​ค้นพบ​ข้อ​ที่​เขียน​ไว้​ว่า 
Luke 4:18 ​พระ​วิญญาณ​แห่ง​พระ​เป็นเจ้า​ทรง​อยู่​เหนือ​ข้าพเจ้า  เพราะ​ว่า​พระ​องค์​ได้​ทรง​เจิม​ตั้ง​ข้าพเจ้า​ไว้  เพื่อ​นำ​ข่าว​ดี​มายัง​คน​ยากจน  ​พระ​องค์​ได้​ทรง​ใช้​ข้าพเจ้า​ให้​ร้อง​ประกาศ​อิสรภาพ​แก่​บรรดา​เชลย  ให้​ประกาศ​แก่​คน​ตา​บอด​ว่า​จะ​ได้​เห็น​อีก  ให้​ปล่อย​ผู้​ถูก​บีบ​บังคับ​เป็น​อิสระ  
Luke 4:19 และ​ให้​ประกาศ​ปี​แห่ง​ความ​โปรด​ปราน​ของ​พระ​เป็นเจ้า  


     เราจะเห็นว่าหลังจากนั้นพระองค์เริ่มพระราชกิจของพระองค์ด้วยการสั่งสอนในธรรมศาลาของคนยิว ธรรมศาลาเป็นที่รวบรวมคนมาอ่านพระคัมภีร์อธิษฐานสำหรับคนที่อยู่ห่างไกลจากกรุงเยรูซาเล็ม และพระองค์ได้เข้าไปอ่านพระคัมภีร์ที่นั่น และพบพระคัมภีร์จากพระธรรมอิสยาห์ 61:1-2 พระองค์ได้อ่านในตอนนี้

Luke 4:20 แล้ว​พระ​องค์​ทรง​ม้วน​หนังสือ​ส่งคืน​ให้แก่​เจ้าหน้าที่ แล้ว​ทรง​นั่ง​ลง และ​ตา​ของ​คน​ทั้ง​ปวง​ใน​ธรรม​ศาลา​ก็​เพ่ง​ดู​พระ​องค์​
Luke 4:21 ​พระ​องค์​จึง​เริ่ม​ตรัส​แก่​เขา​ว่า “คัมภีร์​ตอนนี้​ที่​ท่าน​ได้​ยิน​กับ​หู​ของ​ท่าน​ก็​สำเร็จ​ใน​วันนี้​แล้ว”

     แล้วพระเยซูก็บอกว่าพระคัมภีร์ตอนที่อ่านนี้ได้สำเร็จในวันนี้แล้ว คือที่พวกเขาได้เห็นพระเยซูมา และพระคัมภีร์ตอนนี้คือสิ่งที่พระเยซูทำ  นี่เองจึงเป็นเหตุให้ปีนี้ผมอยากจะขอพระเจ้าใช้คริสตจักรของเราทำให้พระวจนะตอนนี้สำเร็จเช่นกัน เหมือนที่ผมเทศนาไปแล้วตอนคริสต์มาสและนำมาลงบล็อกที่ผ่านมาเอาไว้

Luke 4:22 คน​ทั้ง​ปวง​ก็​กล่าว​ชมเชย​พระ​องค์ และ​ประหลาด​ใจ​ด้วย​ถ้อยคำ​อัน​ประกอบด้วย​คุณ ซึ่ง​ออกมา​จาก​พระ​โอษฐ์​ของ​พระ​องค์ และ​ว่า “คน​นี้​เป็น​บุตร​ของ​โยเซฟ​มิใช่​หรือ”

     ตอนนี้เป็นตอนที่ผมประหลาดใจมาก การพูดเพียงสั้นๆในข้อ 21 นั้น เป็นเหตุให้คนทั้งปวงประหลาดใจและกล่าวชมเชยพระองค์ได้เชียวหรือนี่ ถ้าพระเยซูกล่าวสั้นๆแค่นี้จริง หรือว่าพระองค์พูดยาวกว่านี้แต่พระคัมภีร์บันทึกสาระสำคัญไว้แค่นี้ อย่างไรก็ตามแต่ สิ่งที่พระเยซูพูดนั้นเป็นเหมือนถ้อยคำที่เต็มไปด้วยพระคุณ ผมไม่ทราบว่าเป็นอย่างไร ถ้อยคำนั้นจะเป็นเหมือนเสียงที่อ่อนละมุนหนุนจิตชูใจคน ถ้อยคำนั้นจากพระธรรมอิสยาห์ได้ช่วยสร้างกำลังใจให้กับคนที่ฟังอยู่หรือไม่  อย่างไรก็ตามยังมีคนพูดประมาทพระองค์ว่า "คนนี้เป็นบุตรของโยเซฟมิใช่หรือ"   สิ่งที่ออกมาจากคำพูดของพระองค์ก็เพียงมาจากลูกของช่างไม้เท่านั้น

Luke 4:23 ​พระ​องค์​จึง​ตรัส​แก่​เขา​ว่า “ท่าน​ทั้ง​หลาย​คง​จะ​กล่าว​คำ​สุภาษิต​ข้อ​นี้​แก่​เรา​เป็น​แน่ คือ​ว่า ‘หมอ​จง​รักษา​ตัวเอง​เถิด คือ​บรรดา​การ​ซึ่ง​เรา​ได้​ยิน​ว่า ท่าน​ได้​กระทำ​ใน​เมือง​คาเปอร​นาอุม​จง​กระทำ​ใน​เมือง​ของ​ตน​ที่นี่​ด้วย’ ”
Luke 4:24 ​พระ​องค์​ตรัส​อีก​ว่า “เรา​บอก​ความ​จริง​แก่​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ว่า ไม่​มี​ผู้เผย​พระ​วจนะ​คน​ใด​ได้รับ​การ​ต้อนรับ​ใน​เมือง​ของ​ตน
Luke 4:25 แต่​เรา​บอก​ความ​จริง​แก่​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ว่า มี​หญิง​ม่าย​หลาย​คน​ใน​พวก​อิสราเอล ใน​คราว​เอลียาห์​เมื่อ​ท้องฟ้า​ปิด​เสีย​ถึง​สาม​ปี​กับ​หก​เดือน จึง​เกิด​กันดาร​อาหาร​มาก​ทั่ว​แผ่นดิน
Luke 4:26 และ​เอลียาห์​มิได้​รับ​ใช้​ให้​ไป​หา​หญิง​ม่าย​คน​ใด เว้น​แต่​หญิง​ม่าย​คน​หนึ่ง​ใน​บ้าน​ศา​เร​ฟัท​แขวง​เมือง​ไซ​ดอน
Luke 4:27 และ​มี​คน​โรค​เรื้อน​หลาย​คน​ใน​พวก​อิสราเอล​ใน​คราว​เอลีชา​ผู้เผย​พระ​วจนะ แต่​ไม่​มี​ผู้ใด​ได้รับ​การ​รักษา​ให้​หาย​โรค​นั้น​เลย เว้น​แต่​นา​อา​มาน​ชาว​ซีเรีย”
Luke 4:28 เมื่อ​คน​ทั้ง​ปวง​ใน​ธรรม​ศาลา​ได้​ยิน​ดังนั้น​ก็​โกรธ​ยิ่ง​นัก​
Luke 4:29 จึง​ลุก​ขึ้น​ผลัก​พระ​องค์​ออก​จาก​เมือง​ พา​ไป​ยัง​แง่​ของ​เงื้อม​เขา​ที่​เมือง​ของ​เขา​ซึ่ง​ตั้งอยู่​บน​เนิน​นั้น หมาย​จะ​ผลัก​พระ​องค์​ลง​ไป​
Luke 4:30 แต่​พระ​องค์​ทรง​ดำเนิน​ผ่าน​ท่ามกลาง​เขา​พ้น​ไป​ 


     พระเยซูจึงพูดต่อว่าไม่มีผู้เผยพระวจนะคนใดได้รับการต้อนรับในเมืองของต้น  เมืองที่พระเยซูพูดอยู่นั้นคือเมืองนาซาเร็ธ  เมืองที่พระองค์เจริญวัย  ดังนั้นเมื่อเรารับพระวจนะ มีพระคัมภีร์ตอนหนึ่งที่ได้บอกเราว่าให้เรารับพระวจนะเหมือนรับคำที่มาจากพระเจ้า ไม่ได้เหมือนรับคำมาจากมนุษย์   1Thess 2:13 เรา​ขอบ​พระ​คุณ​พระ​เจ้า​เสมอ เพราะ​ว่า​เมื่อ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ได้รับ​พระ​วจนะ​ของ​พระ​เจ้า ซึ่ง​ท่าน​ได้​ยิน​จาก​เรา ท่าน​ไม่ได้​รับ​ไว้​อย่าง​เป็น​คำ​ของ​มนุษย์ แต่​ได้รับ​ไว้​ตาม​ความ​เป็น​จริง คือ​เป็น​พระ​วจนะ​ของ​พระ​เจ้า ซึ่ง​กำลัง​ทำงาน​อยู่​ภาย​ใน​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ที่​เชื่อ​

     พระองค์พูดต่อว่าเมื่อเอลียาห์และเอลีชาไปช่วยเหลือคน เขาทั้งสองไม่ได้รับการทรงนำให้ไปช่วยเหลือใครนอกจากชาวต่างชาติ  นี่เองเป็นเหตุให้คนยิวโกรธโมโห เพราะพวกเขารับความจริงไม่ได้ รับไม่ได้ว่าแทนที่พระเจ้าจะช่วยคนยิว แต่กลับไปช่วยคนต่างชาติจากตัวอย่างของเอลียาห์และเอลีชานี้

     คนยิวทั้งหลายโมโหโกรธาอย่างมากหมายจะผลักพระองค์ให้ตกหน้าผา เพราะพระเยซูพูดเหมือนหมิ่นประมาทพวกเขา ความจริงพระเจ้าช่วยทุกคนได้ ถ้าพวกเขามีความเชื่อ เหตุการณ์นี้เป็นตัวสะท้อนว่าพวกคนยิวไม่ได้วิงวอนอ้อนวอนขอพระเจ้าช่วยเหมือนสองคนนี้

     สิ่งประหลาดอัศจรรย์ใจเกิดขึ้นเมื่อข้อ 30 บอกว่า พระองค์ดำเนินผ่านเขาไป   ในท่ามกลางภาวะฝูงชนที่มากลุ้มรุมกับรอบพระองค์ พากันผลักพระองค์ไปถึงหน้าผา  แต่พระองค์เดินผ่านเขาไปเฉยๆได้ เหมือนกับพวกเขาชะงักงัน ไม่สามารถทำอะไรพระองค์ได้ เหมือนพวกเขาถูกสะกดนิ่งเอาไว้  สรรเสริญพระเจ้า

     ก็ขอจบตอนนี้เอาไว้เพียงแค่นี้นะครับ ครั้งหน้ามาดูต่อกันครับ

วันศุกร์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2554

เทคนิค(ทั่วไป)การผ่อนคลายตนเอง

     กำลังหาแนวทางในการผ่อนคลายตนเองจากสภาวะแวดล้อมที่ยุ่งอยู่กับการเรียน การงาน อาชีพ ความตึงเครียดในสภาวะปัญหาที่เกิดขึ้นกับตนเองของคนแต่ละคน ถ้าสำหรับผู้เชื่อแล้ว การไปร่วมค่ายความรักผูกพันธ์ ได้ออกจากบริบทสภาพแวดล้อมของสังคมเมือง ได้ฟื้นฟูสภาพจิตใจหรือสมองของเราได้ ลองสังเกตุดูตนเองสิครับ เมื่อได้ออกไปจากกรุงเทพฯแล้วรู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง  อย่าหักโหมกันเกินไปนะครับ แบ่งเวลาออกกำลังกาย พักผ่อน รีแล็กซ์ ฟังพระวจนะ นมัสการพระเจ้า ฯลฯ บ้าง

     ผมเอาบทความตอนหนึ่งของ ผศ.  นพ. พนม เกตุมาน   มาฝากครับ


เทคนิคการผ่อนคลายตนเอง

1.        ปรับเปลี่ยนวิธีคิด  คิดดี  มองตนเองดี  มองผู้อื่นดี  มองโลกในแง่ดี  หาความสุขได้จากทุกสถานการณ์

2.        มีวิธีการปลุกปลอบใจตนเอง  ให้กำลังใจตนเองได้

3.        มีที่ปรึกษา  เพื่อน  พ่อแม่ ครู  ที่สามารถระบายความทุกข์ใจได้

4.        มีมุมสงบ  พักผ่อนจิตใจ ธรรมชาติ ต้นไม้

5.        ฝึกสมาธิ สติ ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ  ผ่อนคลายตนเอง ก ารผ่อนลมหายใจ

6.        ออกกำลังกายสม่ำเสมอ  แบบแอโรบิค  ได้แก่  เดินหรือวิ่ง  จักรยาน  ว่ายน้ำ  เต้นแอโรบิค  วันละ  30  นาที   อย่างน้อย 3  ครั้งต่อสัปดาห์  

7.        การฝึกประสาทอัตโนมัติ เซาน่า  โดยการแช่ในน้ำเย็นจัด  สลับกับการอบไอน้ำร้อนจัด อย่างละ  10-20  นาที เพื่อให้ประสาทอัตโนมัติเกิดการเปลี่ยนแปลงตามอย่างรวดเร็ว  วิธีนี้ควรทำเมื่อร่างกายแข็งแรง

8.        นวดกล้ามเนื้อ  โดยผู้นวดที่ได้รับการฝึกอย่างดี  การนวดจะช่วยคลายกล้ามเนื้อที่มีการหดเกร็งปวด  ให้คลายออก  และความเครียดจะลดลง

9.        สร้างจินตนาการที่ทำให้ใจสงบ  ผ่อนคลาย  เช่น สถานที่ที่เคยไปพักผ่อน  ชายทะเล  ภูเขา

10.     การฟังเพลง/ดนตรี ที่ผ่อนคลาย  ดนตรีต้องมีลักษณะนุ่มนวล  จังหวะช้าๆไม่เกิน 60  ครั้งต่อนาที  ไม่ควรมีเนื้อร้อง  เสียงธรรมชาติ เช่นเสียงน้ำตก  เสียงคลื่น  เสียงนก  ก็สามารถทำให้ผ่อนคลายได้เช่นกัน

11.     กิจกรรมศิลปะ  งานประดิษฐ์  ศิลปะ  แกะสลัก  เครื่องปั้นดินเผา  กวี 

12.     กิจกรรมสนุก  เช่นรายการวิทยุ  โทรทัศน์ รายการตลก

13.     กีฬา แบบที่เล่นร่วมกับผู้อื่น กีฬาที่ได้ระบายอารมณ์ แต่มีกติกาปลอดภัย

14.     กลุ่มช่วยเหลือกันเอง  มีโอกาสระบายความทุกข์ใจ  และช่วยเหลือกันเอง มีความรู้สึกมีเพื่อนร่วมทุกข์ร่วมสุข  และให้กำลังใจและคำแนะนำแก่กัน


ไว้เดี๋ยวผมมีเวลา จะดูจากพระคัมภีร์มาแบ่งปันบ้างนะครับ

วันจันทร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2554

ศุกร์ประเสริฐ

พบบทความหนึ่งในbloggang.comครับ เอามาลงให้ดูครับ

------------------------------------------------------------------------------------------------------------

วันที่เขาตรึงพระเยซู ท่านได้อยู่ที่นั่นกับพระองค์หรือไม่?

เราจะเดินตามพระองค์ด้วยกัน จากห้องชั้นบนในอาหารมื้อสุดท้าย ตามเสด็จพระองค์ไปที่สวนเกทเสมนี แอบมองเวลาที่พระองค์ทรงถูกสอบสวน พิจารณาคดี และทรมานพระกาย เดินตามพระเยซูคริสต์ขณะที่พระองค์กำลังแบกกางเขน(ของเรา) ไปที่โกละโกธา จนถึงชั่วโมงสุดท้ายก่อนการสละพระชนม์ เพื่อเราบนไม้กางเขน

ที่ห้องชั้นบน..ในวันเริ่มต้นของเทศกาลปัสกา พระเยซูคริสต์ได้ทรงทำนายถึงการทรยศต่อพระองค์ของยูดาส ทรงสถาปนาพิธีมหาสนิท และทรงทำนายถึงการที่เปโตรจะปฏิเสธพระองค์ถึง 3 ครั้ง

จากห้องชั้นบนพระเยซูเสด็จออกไปนอกเมือง เพื่อใช้เวลาในการอธิษฐานในสวนเกทเสมนี ที่ซึ่งพระองค์ทรงอธิษฐานต่อพระบิดาว่า

"พระบิดาเจ้าข้า ถ้าพระองค์พอพระทัย ขอให้ถ้วยนี้เลื่อนพ้นไปจากข้าพระองค์เถิด แต่อย่างไรก็ดีอย่าให้เป็นไปตามใจข้าพระองค์ แต่ให้เป็นไปตามพระทัยของพระองค์เถิด"

สวนเกทเสมนีในปัจจุบันมีต้นมะกอกโบราณอยู่มากมาย บางต้นอาจเติบโตมาจากรากของต้นที่มีอยู่ตั้งแต่ในยุคของพระเยซู (ต้นไม้ทุกต้นรอบกรุงเยรูซาเล็มถูกตัดลงในยุคจักรวรรดิโรมันครอบครอง ประมาณ ค.ศ.70 ต้นมะกอกสามารถเติบโตขึ้นใหม่จากราก และมีชีวิตอยู่ได้นับพันปี)
ชื่อ "เกทเสมนี" (Gethsemane) มาจากภาษาฮีบรู Gat Shmanim



เหตุการณ์ที่น่าสนใจที่สุดในช่วงนี้ คือ พระเสโท(เหงื่อ)ของพระเยซูที่เป็นเหงื่อโลหิต


ลูกา สาวกของพระเยซูคริสต์ที่เป็นแพทย์ เป็นเพียงผู้เดียวที่ได้บันทึกชัดเจน ถึงเหงื่อของพระองค์ที่ได้หลั่งลงบนดิน เหมือนเลือดหยดใหญ่ ในศัพท์ทางการแพทย์ปัจจุบันเรียกอาการนี้ว่า Hemohidrosis หรือ Hematidrosis ซึ่งพบในผู้ที่เกิดอาการเครียดอย่างรุนแรง ทำให้หลอดเลือดฝอยรอบๆต่อมเหงื่อ เกิดความเปราะบาง ปริแตก จนทำให้เลือดซึมไปปนกับเหงื่อของพระองค์ อาการที่เกิดขึ้นนี้ทำให้เกิความอ่อนเพลียอย่างมาก และอาจทำให้ช็อก จนเสียชีวิตได้

หลังจากที่พระองค์อธิษฐานเพียงลำพังแล้ว พระองค์ได้ทรงถูกจับกุมไปยังบ้านของคายาฟาส มหาปุโรหิตประจำการ ขณะที่เหล่าสาวกต่างหนีกระจัดกระจายไป ที่บ้านของคายาฟาส พระองค์ทรงถูกตบตี ถ่มน้ำลาย และสบประมาทอย่างรุนแรง
ศาลสูงของยิวพิจารณาโทษประหาร แต่ในทางกฎหมายสิทธิในการลงโทษจะต้องเป็นของศาลกรีกเท่านั้น
พระองค์จึงถูกนำไปให้ปีลาต ที่ศาลปรีโทเรียมตอนเช้าตรู่ ที่นั่นปีลาตจำต้องตัดสินประหารชีวิตพระองค์ โดยการตรึงที่กางเขน ในข้อหาหมิ่นประมาทพระเจ้า โดยการอ้างตนเองเป็นพระบุตรของพระเจ้า

ต่อไปเป็นช่วงเวลาที่สำคัญยิ่ง เป็นช่วงเวลาแห่งความทนทุกข์ทรมานร่างกายอย่างแสนสาหัสของพระเยซูคริสต์ที่รักของเรา



พระองค์ทรงถูกโบยตีด้วยแส้

ไม่มีใครทราบได้ว่าทหารโรมันจะยึดถือตามกฏของยิวในการลงโทษพระเยซูหรือไม่ ยิวมีกฎหมายโบราณว่า ห้ามเฆี่ยนเกิน 40 ครั้ง พวกฟาริสีที่เคร่งครัดมักจะลงโทษเฆี่ยนเพียง 39 ครั้ง เพื่อจะได้ไม่ผิดกฏของตนหากมีการนับพลาด!

แส้ (flagrum) ที่ใช้เฆี่ยนพระองค์นั้นเป็นแส้สั้นๆที่มีด้ามจับเป็นไม้ ร้อยด้วยสายหนังจำนวนมาก ในสายหนังแต่ละเส้นผูกชิ้นกระดูกเล็กๆหนึ่งชิ้น และเม็ดโลหะขนาดเล็กไว้เส้นละ 2 เม็ด การลงแส้ครั้งแรกจะมีเพียงรอยจากสายหนังเท่านั้นที่บาดลึกเข้าไปในผิวหนัง

การลงแส้อย่างรุนแรง และต่อเนื่อง บาดแผลจะถูกเปิดออก และลึกลงทุกครั้ง ลึกลงถึงเนื้อเยื่อ เริ่มทำให้เลือดซึมออกมาจากเส้นเลือดฝอย และเส้นเลือดดำบริเวณผิวหนัง ลึกลงเรื่อยๆจนเมื่อถึงเส้นเลือดแดงในกล้ามเนื้อ เลือดของพระองค์ก็พุ่งออกมา

ชิ้นกระดูกบนแส้เป็นตัวเปิดผิวหนังของพระองค์ เม็ดโลหะที่ปลายแส้เปิดแผลให้กว้าง และทำให้แผลลึกลงไปอีก ในที่สุดแผ่นหลังของพระองค์ก็แหลกออกเป็นเส้น ไม่มีชิ้นดี
จนนายทหารที่คุมเห็นว่าพระองค์ใกล้จะสิ้นพระชนม์ จึงสั่งให้หยุด

พระเยซูในสภาพที่อ่อนกำลังลงอย่างมากได้รับการปล่อยจากพันธนาการที่ผูกพระหัตถ์ของพระองค์ไว้ และล้มลงบนพื้นที่ชุ่มไปด้วยเลือดของพระองค์เอง


ทหารโรมันกำลังขบขันต่อ ยิวบ้านนอกที่อ้างตัวเป็นกษัตริย์ เอาผ้ามาคลุมพระองค์ เอาไม้มาให้ถือแทนคทา ยังขาดแต่เพียงมงกุฏ ที่จะทำให้ครบเครื่อง พวกเขาเอาหนามสานเป็นมงกุฎสวมให้กับพระองค์ มั่นใจได้ว่าคงไม่ใช่ค่อยๆสวมให้กับพระองค์ แต่คง"ยัด"ลงบนพระเศียรของพระองค์ พอสนุกได้ที่ก็เลิก กระชากเอาผ้าคลุมออกจากพระองค์ ความรู้สึกเมื่อแผลที่เลือดเริ่มแห้งติดกับผ้าพันแล้วถูกดึงออกอย่างไม่ระมัดระวังเป็นอย่างไร เราคงเคยมีประสบการณ์มาแล้ว แน่นอน เลือดที่กำลังจะแห้งต้องไหลออกมาอีก



การตรึงที่กางเขน



กางเขนประกอบด้วยไม้ 2 ชิ้นได้แก่ เสาดิ่ง (Stipes) และเสาขวาง (Patibulum) ที่ยึดอยู่บนเสาดิ่งห่างจากยอดเสาประมาณ 2-3 ฟุต ไม้กางเขนแบบที่เราคุ้นตากันนั้นเรียกว่า Latin Cross
แต่ในสมัยพระเยซูคริสต์นั้น ไม้กางเขนที่ให้จะเป็นแบบ Tau Cross
คำว่า Tau เป็นอักขระของกรีก เหมือนตัวที "T" ซึ่งเสาขวางจะยึดอยู่ที่ยอดของเสาดิ่ง

เสาดิ่งจะถูกยึดติดถาวรอยู่ที่แดนประหาร ส่วนเสาขวางน้ำหนักประมาณ 50 กิโลกรัมได้ถูกผูกเข้ากับไหล่ของพระเยซู และถูกบังคับให้เดินจากที่คุมขังมายังโกละโกธา

พระกายของพระองค์จะทนได้อย่างไร ในที่สุดพระองค์ก็ล้มลง นายทหารโรมันได้สั่งให้ ชายที่เชื่อกันว่ามีผิวดำชื่อซีโมน ชาวไซรีน เป็นผู้ที่แบกเสาขวางของกางเขนแทนพระเยซู ในที่สุดการเดินทางระยะประมาณ 600 เมตรก็สิ้นสุดลง

เมื่อการตรึงเริ่มต้นขึ้น ทหารได้เอาเหล้าองุ่นผสมมดยอบให้พระองค์ดื่มเพื่อเป็นลดความเจ็บปวด แต่พระองค์ทรงปฏิเสธ พระองค์ทรงถูกผลักให้นอนลงบนเสาขวางเหมือนนักโทษทั่วไป

ตะปูเหลี่ยมยาวประมาณ 5-7 นิ้วถูกตอกลงระหว่างกระดูก 2 ชิ้นบริเวณข้อมือของพระองค์ ไม่ใช่ตอกลงบนฝ่ามืออย่างที่เราเคยเข้าใจ การตอกลงบนฝ่ามือ เนื้อจะฉีกขาดออกทางนิ้วเมื่อรับน้ำหนักตัวของนักโทษ ความเข้าใจผิดนี้อาจเกิดจากตอนที่พระเยซูตรัสกับโธมัสว่า"ดูที่มือของเรา" นักกายวิภาคศาสตร์ทั้งในยุคปัจจุบัน และยุคโบราณ ต่างถือว่าข้อมือ เป็นส่วนหนึ่งของมือ
หลังจากตอกทั้งสองข้างเสาขวางและพระเยซูคริสต์ถูกยกขึ้นเพื่อตรึงบนเสาดิ่ง

ป้าย Titulus ที่ระบุข้อหาของพระองค์ว่า "พระเยซูชาวนาซาเร็ธ กษัตริย์ของชาวยิว"ถูกติดเหนือเสาดิ่งในที่ของมัน

เท้าซ้ายถูกวางซ้อนทับเท้าขวา ให้เข่าหย่อนเล็กน้อย ตะปูตัวใหญ่ตอกลงบนกลางเท้าทั้งสอง 



----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Praise the Lord. สรรเสริญพระเจ้า สรรเสริฐพระเยซูคริสต์ที่ประทานความรักมากมายให้แก่มนุษย์ทุกคนในโลกนี้ ด้วยชีวิตของพระองค์ ด้วยการยอมรับความเจ็บปวดก็เพื่อเรา



Phil 2:8 และ​เมื่อ​ทรง​ปรากฏ​พระ​องค์​ใน​สภาพ​มนุษย์​แล้ว ​พระ​องค์​ก็​ทรง​ถ่อม​พระ​องค์​ลง​ยอม​เชื่อ​ฟัง​จนถึง​ความ​มรณา กระทั่ง​ความ​มรณา​ที่​กางเขน​


1Pet 2:24 ​พระ​องค์​เอง​ได้​ทรง​รับ​แบก​บาป​ของ​เรา​ไว้​ใน​พระ​กาย​ของ​พระ​องค์ ที่​ต้นไม้​นั้น เพื่อ​ว่า​เรา​ทั้ง​หลาย​จะ​ได้​ตาย​จาก​บาป​ได้ และ​ดำเนิน​ชีวิต​ตาม​คลอง​ธรรม ด้วย​บาดแผล​ของ​พระ​องค์ ท่าน​ทั้ง​หลาย​จึง​ได้รับ​การ​รักษา​ให้​หาย


วันอาทิตย์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2554

พระเยซูทรงคืนพระชนม์

(เพิ่มจันทร์ที่ 25 เม.ย. 2011) เอารูปภาพที่อุโมงค์ฝังศพของจริงมาให้ดูครับ ตอนสมัยผมไปอิสราเอล


อุโมงค์ปัจจุบันเป็นอย่างนี้แหละครับ ก้อนหินที่ปิดปากอุโมงค์ไม่มีแล้ว

ป้ายนี้อธิบายว่าภายในอุโมงค์มีอะไรอยู่ตรงไหนบ้าง เราจะเข้าไปทางที่ 1 ครับ และก็ไปยืนดูได้บริเวณที่ 2 ครับ ดู 3-9 ในส่วนที่พระเยซูถูกวางไว้บริเวณนั้น

เมื่อเข้าไปข้างในตรงเบอร์ 2 ที่เรายืนจะเห็นป้ายติดว่า พระองค์ไม่ได้อยู่ที่นี่ เพราะพระองค์เป็นขึ้นจากความตายแล้ว


บริเวณที่วางพระศพ อุโมงค์ไม่ได้ใหญ่นะครับ น่าจะประมาณ 3x3 ม. น่ะครับ

ภาพนี้เอากล้องลอดลูกกรงไปถ่ายครับ

เวลาคนมาชมที่นี่ ก็คงต้องต่อคิวกันหน่อยละครับ

นอกจากนั้น แถบนั้นก็มีภูเขากระโหลกศรีษะด้วย ที่เขียนในพระคัมภีร์


(เพิ่มอาทิตย์ที่ 24 เม.ย. 2011) เราลองมาดู หากเว็บไซด์ยอดนิยม อย่าง Twitter อยู่ในสมัยเมื่อ 2 พันกว่าปีที่ผ่านมา จะเป็นอย่างไรกันบ้างนะ .. Follow Jesus !





สัปดาห์หน้าแล้วที่ทั้งโลกจะเฉลิมฉลองระลึกถึงวันที่พระเยซูทรงฟื้นคืนพระชนม์ เป็นความหวัง ความเชื่อ กำลังใจ ความชื่นชมยินดีแก่ผู้เชื่อทั้งหลาย


John 20:1 วันแรกของสัปดาห์เวลาเช้ามืด มารีย์ชาวมักดาลามาถึงอุโมงค์ฝังศพ เธอเห็นหินออกจากปากอุโมงค์อยู่แล้ว
John 20:2 เธอจึงวิ่งไปหาซีโมนเปโตรและสาวกอีกคนหนึ่งที่พระเยซูทรงรักนั้น และพูดกับเขาว่า "เขาเอาองค์พระผู้เป็นเจ้าออกไปจากอุโมงค์แล้ว และพวกเราไม่รู้ว่าเขาเอาพระองค์ไปไว้ที่ไหน"
John 20:3 เปโตรจึงออกไปยังอุโมงค์กับสาวกคนนั้น
John 20:4 เขาจึงวิ่งไปทั้งสองคน แต่สาวกคนนั้นวิ่งเร็วกว่าเปโตรจึงมาถึงอุโมงค์ก่อน
John 20:5 เขาก้มลงมองดูเห็นผ้าป่านวางอยู่ แต่เขาไม่ได้เข้าไปข้างใน
John 20:6 ซีโมนเปโตรตามมาถึงภายหลัง แล้วเข้าไปในอุโมงค์เห็นผ้าป่านวางอยู่
John 20:7 และผ้าพันพระเศียรของพระองค์ไม่ได้วางอยู่กับผ้าอื่น แต่พับไว้ต่างหาก
John 20:8 แล้วสาวกคนนั้นที่มาถึงอุโมงค์ก่อนก็เข้าไปด้วย เขาได้เห็นและเชื่อ
John 20:9 เพราะว่าขณะนั้นเขายังไม่เข้าใจข้อพระคัมภีร์ที่ว่า พระองค์จะต้องฟื้นขึ้นมาจากความตาย
John 20:10 แล้วสาวกทั้งสองก็กลับไปยังบ้านของตน
John 20:11 แต่ฝ่ายมารีย์ยืนร้องไห้อยู่นอกอุโมงค์ ขณะที่ร้องไห้อยู่เธอก้มลงมองดูที่อุโมงค์
John 20:12 และได้เห็นทูตสวรรค์สององค์สวมเสื้อขาวนั่งอยู่ ณ ที่ซึ่งเขาวางพระศพพระเยซู องค์หนึ่งอยู่เบื้องพระเศียร และองค์หนึ่งอยู่เบื้องพระบาท
John 20:13 ทูตทั้งสองพูดกับมารีย์ว่า "หญิงเอ๋ย ร้องไห้ทำไม" เธอตอบทูตทั้งสองว่า "เพราะเขาเอาองค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้าไปเสียแล้ว และข้าพเจ้าไม่ทราบว่าเขาเอาพระองค์ไปไว้ที่ไหน"
John 20:14 เมื่อมารีย์พูดอย่างนั้นแล้ว ก็หันกลับมาและเห็นพระเยซูประทับยืนอยู่ แต่ไม่ทราบว่าเป็นองค์พระเยซู
John 20:15 พระเยซูตรัสถามเธอว่า "หญิงเอ๋ย ร้องไห้ทำไม เจ้าตามหาผู้ใด" มารีย์สำคัญว่าพระองค์เป็นคนทำสวนจึงตอบพระองค์ว่า "นายเจ้าข้า ถ้าท่านได้เอาพระองค์ไป ขอบอกให้ดิฉันรู้ว่าเอาพระองค์ไปไว้ที่ไหน และดิฉันจะรับพระองค์ไป"
John 20:16 พระเยซูตรัสกับเธอว่า "มารีย์เอ๋ย" มารีย์จึงหันมาและทูลพระองค์ว่า "รับโบนี" ซึ่งแปลว่า อาจารย์
John 20:17 พระเยซูตรัสกับเธอว่า "อย่าแตะต้องเรา เพราะเรายังมิได้ขึ้นไปหาพระบิดาของเรา แต่จงไปหาพวกพี่น้องของเรา และบอกเขาว่า เราจะขึ้นไปหาพระบิดาของเราและพระบิดาของท่านทั้งหลาย และไปหาพระเจ้าของเราและพระเจ้าของท่านทั้งหลาย"
John 20:18 มารีย์มักดาลาจึงไปบอกพวกสาวกว่า เธอได้เห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าแล้ว และพระองค์ได้ตรัสคำเหล่านั้นกับเธอ
John 20:19 ค่ำวันนั้นซึ่งเป็นวันแรกของสัปดาห์ เมื่อสาวกปิดประตูห้องที่พวกเขาอยู่แล้วเพราะกลัวพวกยิว พระเยซูได้เสด็จเข้ามาประทับยืนอยู่ท่ามกลางเขา และตรัสกับเขาว่า "สันติสุขจงดำรงอยู่กับท่านทั้งหลายเถิด"
John 20:20 ครั้นพระองค์ตรัสอย่างนั้นแล้ว พระองค์ทรงให้เขาดูพระหัตถ์และสีข้างของพระองค์ เมื่อพวกสาวกเห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าแล้ว เขาก็มีความยินดี
John 20:21 พระเยซูจึงตรัสกับเขาอีกว่า "สันติสุขจงดำรงอยู่กับท่านทั้งหลายเถิด พระบิดาของเราทรงใช้เรามาฉันใด เราก็ใช้ท่านทั้งหลายไปฉันนั้น"
John 20:22 ครั้นพระองค์ตรัสดังนั้นแล้วจึงทรงระบายลมหายใจออกเหนือเขา และตรัสกับเขาว่า "ท่านทั้งหลายจงรับพระวิญญาณบริสุทธิ์เถิด
John 20:23 ถ้าท่านจะยกความผิดบาปของผู้ใด ความผิดบาปนั้นก็จะถูกยกเสีย และถ้าท่านจะให้ความผิดบาปติดอยู่กับผู้ใด ความผิดบาปก็จะติดอยู่กับผู้นั้น"
John 20:24 แต่ฝ่ายโธมัสที่เขาเรียกกันว่า ดิดุมัส ซึ่งเป็นสาวกคนหนึ่งในสิบสองคนนั้น ไม่ได้อยู่กับพวกเขาเมื่อพระเยซูเสด็จมา
John 20:25 สาวกอื่นๆจึงบอกโธมัสว่า "เราได้เห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าแล้ว" แต่โธมัสตอบเขาเหล่านั้นว่า "ถ้าข้าไม่เห็นรอยตะปูที่พระหัตถ์ของพระองค์ และไม่ได้เอานิ้วของข้าแยงเข้าไปที่รอยตะปูนั้น และไม่ได้เอามือของข้าแยงเข้าไปที่สีข้างของพระองค์แล้ว ข้าจะไม่เชื่อเลย"
John 20:26 ครั้นล่วงไปแปดวันแล้ว เหล่าสาวกของพระองค์อยู่ด้วยกันข้างในอีก และโธมัสก็อยู่กับพวกเขาด้วย ประตูปิดแล้ว พระเยซูเสด็จเข้ามาและประทับยืนอยู่ท่ามกลางเขาและตรัสว่า "สันติสุขจงดำรงอยู่กับท่านทั้งหลายเถิด"
John 20:27 แล้วพระองค์ตรัสกับโธมัสว่า "จงยื่นนิ้วมาที่นี่และดูมือของเรา จงยื่นมือออกคลำที่สีข้างของเรา อย่าขาดความเชื่อเลย แต่จงเชื่อเถิด"
John 20:28 โธมัสทูลตอบพระองค์ว่า "องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพระองค์ และพระเจ้าของข้าพระองค์"
John 20:29 พระเยซูตรัสกับเขาว่า "โธมัสเอ๋ย เพราะท่านได้เห็นเราท่านจึงเชื่อ ผู้ที่ไม่เห็นเราแต่เชื่อก็เป็นสุข"
John 20:30 พระเยซูได้ทรงกระทำหมายสำคัญอื่นๆอีกหลายประการต่อหน้าเหล่าสาวกของพระองค์ ซึ่งไม่ได้จดไว้ในหนังสือม้วนนี้
John 20:31 แต่การที่ได้จดเหตุการณ์เหล่านี้ไว้ก็เพื่อท่านทั้งหลายจะได้เชื่อว่า พระเยซูทรงเป็นพระคริสต์พระบุตรของพระเจ้า และเมื่อมีความเชื่อแล้ว ท่านก็จะมีชีวิตโดยพระนามของพระองค์









วันเสาร์ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2554

ชีวิตพระเยซูคริสต์ : ประกอบด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ เผชิญการทดลองด้วยพระวจนะ

     ในลูกาบทที่ 4 เรื่องนี้เป็นตอนที่่คริสเตียนทั้งหลายรู้จักดี คือตอนที่พระเยซูถูกทดลอง แต่พระองค์ยืนหยัดอย่างมั่นคงและตอบโต้ด้วยพระวจนะ


Luke 4:1 ​พระ​เยซู​ทรง​ประกอบด้วย​พระ​วิญญาณ​บริสุทธิ์ ได้​กลับไป​จาก​แม่น้ำ​จอร์แดน และ​พระ​วิญญาณ​ได้​ทรง​นำ​พระ​องค์​ไป​
Luke 4:2 ถึง​สี่​สิบ​วัน ใน​ถิ่น​ทุรกันดาร ทรง​ถูก​มาร​ทดลอง ใน​วัน​เหล่า​นั้น​พระ​องค์​มิได้​เสวย​อะไร​เลย และ​เมื่อ​สิ้น​สี่​สิบ​วัน​แล้ว ​พระ​องค์​ทรง​อยาก​พระ​กระยา​หาร​
Luke 4:3 มาร​จึง​ทูล​พระ​องค์​ว่า “ถ้า​ท่าน​เป็น​บุตร​ของ​พระ​เจ้า จง​สั่ง​ก้อน​หิน​นี้​ให้​กลาย​เป็น​พระ​กระยา​หาร”
Luke 4:4 ฝ่าย​พระ​เยซู​ตรัส​ตอบ​มาร​ว่า “มี​พระ​คัมภีร์​เขียน​ไว้​ว่า มนุษย์​จะ​บำรุง​ชีวิต​ด้วย​อาหาร​สิ่ง​เดียว​หา​มิได้” 
Luke 4:5 แล้ว​มาร​จึง​นำ​พระ​องค์​ขึ้น​ไป สำแดง​บรรดา​ราช​อาณาจักร​ทั่ว​พิภพ​ใน​ขณะ​เดียว​ให้​พระ​องค์​เห็น​
Luke 4:6 แล้ว​มาร​ได้​ทูล​พระ​องค์​ว่า “อำนาจ​ทั้งสิ้น​นี้ และ​ศักดิ์ศรี​ของ​ราช​อาณาจักร​นั้น​เรา​จะ​ยก​ให้แก่​ท่าน เพราะ​ว่า​มอบ​เป็น​สิทธิ์​ไว้​แก่​เรา​แล้ว และ​เรา​ปรารถนา​จะ​ให้แก่​ผู้ใด​ก็​จะ​ให้แก่​ผู้​นั้น​
Luke 4:7 เหตุ​ฉะนั้น​ถ้า​ท่าน​จะ​กราบ​นมัสการ​เรา สรรพ​สิ่ง​นั้น​จะ​เป็น​ของ​ท่าน​ทั้งหมด”
Luke 4:8 ฝ่าย​พระ​เยซู​ตรัส​ตอบ​มาร​ว่า “มี​พระ​คัมภีร์​เขียน​ไว้​ว่า จง​กราบ​นมัสการ​พระ​องค์​ผู้​เป็น​พระ​เจ้า​ของ​ท่าน  และ​ปรนนิบัติ​พระ​องค์​แต่​ผู้​เดียว”  
Luke 4:9 แล้ว​มาร​จึง​นำ​พระ​องค์​ไป​ยัง​กรุง​เยรูซาเล็ม และ​ให้​พระ​องค์​ประทับ​อยู่​ที่​ยอด​หลังคา​พระ​วิหาร แล้ว​ทูล​พระ​องค์​ว่า “ถ้า​ท่าน​เป็น​พระ​บุตร​ของ​พระ​เจ้า จง​โจน​ลง​ไป​จาก​ที่นี่​เถิด​
Luke 4:10 เพราะ​พระ​คัมภีร์​มี​เขียน​ไว้​ว่า ​พระ​เจ้า​จะ​รับสั่ง​ให้​เหล่า​ทูต​ของ​พระ​องค์​ใน​เรื่อง​ท่าน ให้​ป้องกัน​รักษา​ท่าน​ไว้  
Luke 4:11 และ เหล่า​ทูตสวรรค์ จะ​เอา​มือ​ประคอง​ชู​ท่าน​ไว้  มิ​ให้​เท้า​ของ​ท่าน​กระทบ​หิน”  
Luke 4:12 ​พระ​เยซู​จึง​ตรัส​ตอบ​มาร​ว่า “มี​คำ​กล่าว​ไว้​ว่า อย่า​ทดลอง​พระ​องค์​ผู้​เป็น​พระ​เจ้า​ของ​ท่าน” 
Luke 4:13 เมื่อ​มาร​ทำ​การ​ทดลอง​ทุก​อย่าง​สิ้น​แล้ว จึง​ละ​พระ​องค์​ไป​จนถึง​โอกาส​เหมาะ​ 

     ในการเข้าไปสู่สภาพการถูกทดลองนี้ จะสังเกตเห็นว่าชีวิตพระเยซูประกอบด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์หรือเต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์  ถ้าจะเปรียบเทียบกับชีวิตเรา ก็เหมือนชีวิตเราเต็มด้วยพระวิญญาณ แช่อยู่ในพระวิญญาณ ประกอบด้วยพระวิญญาณ ยอมอยู่ในการทรงนำด้วยพระวิญญาณ หรือพูดอีกนัยหนึ่งคือว่ามีชีวิตที่สัมพันธ์สนิทกับพระวิญญาณ   เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วเกิดอะไรขึ้นบ้าง

Acts 2:4 เขา​เหล่า​นั้น​ก็​ประกอบด้วย​พระ​วิญญาณ​บริสุทธิ์ จึง​ตั้ง​ต้น​พูด​ภาษา​อื่นๆ ตาม​ที่​พระ​วิญญาณ​ทรง​โปรด​ให้​พูด 

     พระวิญญาณบริสุทธิ์เสด็จมาเยี่ยมเยียนพวกสาวก 120 คน ที่อธิษฐานรอคอยพระสัญญาของพระบิดา ตามคำสั่งของพระเยซู พวกเขาประกอบด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ แล้วจึงตั้งต้นพูดภาษาแปลกๆตามที่พระวิญญาณนำให้พูด

Acts 4:8 ขณะนั้น​เปโตร​ประกอบด้วย​พระ​วิญญาณ​บริสุทธิ์​กล่าว​แก่​เขา​ว่า “ดูก่อน ท่าน​ผู้​ครอบ​ครอง​พล​เมือง​และ​พวก​ผู้ใหญ่​ทั้ง​หลาย​

     เมื่อเปโตรประกอบด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ จึงแสดงออกมาเป็นการกล่าวคำพูดโต้ตอบผู้มีอำนาจในเวลานั้นที่ไต่สวนเปโตร

Acts 4:31 เมื่อ​เขา​อธิษฐาน​แล้ว ที่​ซึ่ง​เขา​ประชุม​อยู่​นั้น​ได้​หวั่นไหว และ​คน​เหล่า​นั้น​ประกอบด้วย​พระ​วิญญาณ​บริสุทธิ์ ได้​กล่าว​พระ​วจนะ​ของ​พระ​เจ้า​ด้วย​ใจ​กล้า​หาญ​ 

     เมื่อพวกเขาฟังคำพูดเป็นพยานของเปโตรและยอห์น และอธิษฐานสรรเสริญพระเจ้า ที่ประชุมได้หวั่นไหว หมายถึงสถานที่ที่พวกเขาประชุมกันอยู่นั้นได้ถูกเขย่าแกว่งไปแกว่งมา(ตามภาษากรีก) เป็นแผ่นดินไหวหรือเปล่าก็ไม่ทราบ  พวกเขาได้ประกอบด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ และได้แสดงออกมาเป็นการกล่าวพระวจนะของพระเจ้าด้วยใจกล้าหาญ (เหตุการณ์นี้นึกถึงตอนที่ผมเรียนพระคัมภีร์ในต่างจังหวัด แล้วเมื่อนมัสการพระเจ้าแล้ว สัมผัสบรรยากาศสวรรค์ในที่ประชุม และเกิดความกล้าหาญอยากจะไปหยุดรถทุกคันที่วิ่งผ่านไปมาให้ฟังข่าวประเสริฐก่อน)

Acts 6:3 เหตุ​ฉะนั้น​พี่​น้อง​ทั้ง​หลาย​จง​เลือก​เจ็ด​คน​ใน​พวก​ท่าน ที่​มี​ชื่อเสียง​ดี​ประกอบด้วย​พระ​วิญญาณ​บริสุทธิ์​และ​สติปัญญา เรา​จะ​ตั้ง​เขา​ให้​ดูแล​การ​งาน​นี้​

     การเลือกคนเจ็ดคนเพื่อทำหน้าที่ในการปรนนิบัติธรรมิกชนทั้งหลาย จะเห็นว่าพวกเขาเลือกบุคคลที่ประกอบด้วยพระวิญญาณ มีสติปัญญา และมีชื่อเสียงดี

Acts 7:55 ฝ่าย​สเทเฟน​ป​ระ​กอบ​ด้วย​พระ​วิญญาณ​บริสุทธิ์ ได้​เขม้น​ดู​สวรรค์​เห็น​พระ​สิริ​ของ​พระ​เจ้า และ​พระ​เยซู​ทรง​ยืน​อยู่​เบื้อง​ขวา​พระ​หัตถ์​ของ​พระ​องค์​

     ขณะอยู่ในการข่มเหง สเทเฟนประกอบด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ เขาได้รับการสำแดงเห็นพระสิริ เห็นพระเยซูยืนอยู่เบื้องขวาพระหัตถ์พระบิดา เชื่อว่าสิ่งนี้ยิ่งทำให้เขามั่นใจว่าชีวิตเขาจะได้ไปอยู่กับพระองค์แน่ และจากเหตุการณ์ในตอนนี้ สเทเฟนอธิษฐานเหมือนพระเยซูคริสต์ก่อนจะสิ้นพระชนม์เลยครับ ในข้อต่อๆไป

Acts 11:24 ​บารนาบัส​เป็น​คน​ดี ประกอบด้วย​พระ​วิญญาณ​บริสุทธิ์​และ​ความ​เชื่อ จำนวน​คน​เป็น​อัน​มาก​ก็​เพิ่ม​เข้า​กับ​คน​ของ​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​

     พวกสาวกในกรุงเยซูซาเล็มใช้บารนาบัสไปอันทิโอกเพื่อไปหนุนใจเตือนใจคนที่นั่น เพราะเหตุที่บารนาบัสเป็นคนดี ประกอบด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์และความเชื่อ จำนวนคนมาเป็นสาวกก็เพิ่มขึ้นอีก

Acts 13:9 แต่​เซาโล​ที่​มี​ชื่อ​อีก​ว่า​เปาโล​ ประกอบด้วย​พระ​วิญญาณ​บริสุทธิ์​เขม้น​ดู​เอ​ลี​มาส​

     เปาโลมีชีวิตที่ประกอบด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ เขม้นดูเอลีมาสคนทำวิทยาคมที่คอยชัดขวางไม่ให้ผู้ว่าราชการเมืองเชื่อ ข้าพเจ้าเชื่อว่าสิ่งที่เปาโลพูดเป็นเหมือนพระเจ้าพูดกับเอลีมาส และพระเจ้าได้ทำให้ตาเอลีมาสบอดไป

Eph 5:18 และ​อย่า​เมา​เหล้า​องุ่น​ซึ่ง​จะ​ทำ​ให้​เสีย​คน แต่​จง​ประกอบด้วย​พระ​วิญญาณ​

     ตอนนี้เทศนาไปแล้วนะครับ ลักษณะของบุคคลสองประเภท ก. ประกอบด้วยเหล้าองุ่น ข. ประกอบด้วยพระวิญญาณ

     ถ้าจากตอนต้นของพระธรรมลูกาบทที่ 4 ที่่เราได้เห็นชีวิตของพระเยซูคริสต์ที่ประกอบด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ และพระวิญญาณได้นำพระเยซูเข้าไปในถิ่นทุรกันดาร เพื่อมารจะได้มาทดลอง

     สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับคริสเตียนทั้งหลายทุกคนไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่ง สถานะใดทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นสมาชิกหรือว่าเป็นอาจารย์ ไม่ว่าจะเป็นศิษยาภิบาลหรือว่าครูสอนพระคัมภีร์ ดูตัวอย่างจากพระเยซู พระองค์เป็นพระเจ้าและเป็นมนุษย์สมบูรณ์ ก็ยังถูกทดลองด้วย

     มารมาเพื่อลัก ฆ่า และทำลาย John 10:10 ขโมย​นั้น​ย่อม​มา​เพื่อ​จะ​ลัก​และ​ฆ่า​และ​ทำลาย​เสีย เรา​ได้มา​เพื่อ​เขา​ทั้ง​หลาย​จะ​ได้​ชีวิต และ​จะ​ได้​อย่าง​ครบ​บริบูรณ์​

     มารได้ชื่อว่าเป็นผู้ทดลอง  1Thess 3:5 เพราะ​เหตุ​นี้ เมื่อ​ข้าพเจ้า​อดทน​ต่อไป​อีก​ไม่ได้ ข้าพเจ้า​จึง​ได้​ใช้​คน​ไป​เพื่อ​จะ​ได้​รู้​ถึง​ความ​เชื่อ​ของ​ท่าน เกรง​ว่า​ผู้​ทดลอง​นั้น​ได้​ทดลอง​ท่าน​ด้วย​ประการ​หนึ่ง​ประการ​ใด แล้ว​งาน​ที่​เรา​ตรากตรำ​มา​จะ​เป็น​งาน​เปล่า​ประโยชน์​ไป 

     จงจำไว้ว่า ในสถานการณ์ต่างๆเหล่านั้น พระเจ้าจะช่วยท่าน     1Cor 10:13 ไม่​มี​การ​ทดลอง​ใดๆ เกิด​ขึ้นกับ​ท่าน นอกเหนือจาก​การ​ทดลอง​ซึ่ง​เคย​เกิด​กับ​มนุษย์​ทั้ง​หลาย ​พระ​เจ้า​ทรง​สัตย์​ธรรม ​พระ​องค์​จะ​ไม่​ทรง​ให้​ท่าน​ต้อง​ถูก​ทดลอง​เกิน​กว่า​ที่​ท่าน​จะ​ทน​ได้ และ​เมื่อ​ท่าน​ถูก​ทดลอง​นั้น ​พระ​องค์​จะ​ทรง​โปรด​ให้​ท่าน​มี​ทาง​ที่​จะ​หลีกเลี่ยง​ได้​ด้วย เพื่อ​ท่าน​จะ​มี​กำลัง​ทน​ได้ 

     กลับมาดูตัวอย่างจากพระเยซู พระองค์เผชิญกับผู้ทดลองอย่างไร ไม่ว่ามารจะหลอกล่อ ด้วยเรื่องส่วนตัวคือความหิวฝ่ายเนื้อหนังของพระเยซู หรือด้วยเรื่องจุดหมายปลายทางของพระเยซูที่พระบิดาใช้มา จะพูดอย่างไร    หรือแม้แต่กระทั่งจะใช้พระวจนะมาอ้างด้วยเช่นกัน  แต่พระเยซูยังคงยืนมั่นคงบนจุดยืนแห่งพระวจนะ  พระองค์ใช้พระวจนะทุกครั้งเป็นจุดยืนอันมั่นคง และนั่นเองเป็นตัวอย่างแห่งชัยชนะในชีวิตเราได้ เหมือนอย่างที่พระเยซูชัยชนะเหนือผู้ทดลองคือมาร

     ขอพระเจ้าอวยพระพรท่านทั้งหลายที่ได้เข้ามาอ่านให้ชีวิตของท่านทั้งหลายประกอบด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์และมีพระวจนะเป็นหลักยึดในชีวิตของท่านทั้งหลายทุกคนครับ

วันศุกร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2554

Hallelujah Songs

กำลังหาเพลงHallelujahอยู่ครับ แล้วก็พบว่ามีเพลงชื่อนี้เยอะมาก เลยเอามารวบรวมไว้ตรงนี้

ฮาเลลูยา มาจากตรงนี้ครับ วิวรณ์ บทที่ 19 ภาษาไทยเขียนว่า "อาเลลูยา"  อาเลลู = praise ye  ยา = Jah หรือ Yahweh = Jehovah   ในพระคัมภีร์เดิมคำนี้ราก มาจากภาษาฮีบรูสองคำ    G239 ἀλληλουϊα allelouia (al-lay-lou-ee"-ah) heb.
1. praise ye Jah!, an adoring exclamation
[of Hebrew origin (imperative of H1984 and H3050)]










วันพุธที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2554

“ยูริ กาการิน” ผู้แรกสู่อวกาศ ย่างก้าวที่มีชัยแต่กล้บจากไปอย่างปริศนา

(จากเว็บmanager.co.th)


ใช่ว่าไม่มีใครอาสารับหน้าที่นี้ แต่คนที่ตัดสินใจรับภารกิจเป็นมนุษย์คนแรก ที่ขึ้นไปสัมผัสอวกาศต้องมีความกล้าหาญอยู่ไม่น้อย เพราะผลลัพธ์อาจเป็นไปได้ว่า เขาคนนั้นจะไม่ได้กลับมาใช้ชีวิตบนโลกอีกเลย แต่ “ยูริ กาการิน” ก็ปลอดภัยกลับมา และเป็นแต้มต่อให้รัสเซียแซงหน้าสหรัฐฯ ไปอีกช่วงตัวในยุคสงครามเย็น 
     
       ก่อนที่จะส่งมนุษย์ขึ้นไปท่องอวกาศ มีสุนัข 48 ตัว ที่ขึ้นไปสัมผัสประสบการณ์นอกโลก แต่ 20 ตัวในจำนวนนั้นไม่ได้กลับผจญชีวิตบนโลกอีกเลย รวมถึง “เจ้าหมาไลกา” (Laika) สัตว์ตัวแรกที่ได้ขึ้นไปท่องอวกาศด้วย แต่นั่นก็ไม่ได้เป็นการหยุดยั้ง ยังมีความพยายามมากขึ้นไปอีกขั้น ในการส่งมนุษย์ขึ้นไปในอวกาศ
     
       ยูริ กาการิน (Yuri Gagarin) เป็น 1 ในอาสาสมัคร 20 คน ที่เข้าร่วมฝึกบินในโครงการลับ ที่ระบุเพียงว่าเป็นการฝึก “อุปกรณ์ประเภทใหม่” (new type of apparatus) โดยมีการฝึกในกรุงมอสโกว์และเมืองใกล้ๆ ของอดึตสหภาพโซเวียต และการมีการคัดตัวมาเรื่อยๆ จนเหลือเพียงเขา ที่ได้รับเลือกให้เป็นตัวจริงและเยอร์มาน ติตอฟ (Gherman Titov) เป็นตัวสำรอง
     
       วันสำคัญของวงการอวกาศ
       

       วันสำคัญมาถึงในวันที่ 12 เม.ย.1961 ทั้งกาการินและติตอฟตื่นแต่เช้าตรู่ เพื่อมุ่งหน้าสู่ฐานปล่อยจรวด และเวลา 09.07 น. ก็เป็นเวลาสำคัญของวงการอวกาศรัสเซียหรือสหภาพโซเวียตในขณะนั้น เมื่อกาการินทะยานฟ้าไปพร้อมกับยานวอสตอก 1 (Vostok 1) และได้ตะโกนคำว่า “ไปกันเลย!” ในภาษารัสเซียที่ออกเสียงว่า “โปเยคฮาลืย์!” (Poyekhali) หากแต่เอเอฟพีระบุว่าคำดังกล่าวยังถอดความได้ว่า “เรากำลังออกไปแล้ว!” ได้เช่นกัน
     
       หลังโคจรรอบโลก 108 นาทีกาการินได้กลับสู่ชั้นบรรยากาศโลก และดีดตัวออกจากยานที่ความสูง 7,000 เมตร ตามแผน และโดดร่มลงสู่พื้นโลกในเมืองซาราตอฟ (Saratov) ซึ่งอยู่ในรัสเซียตอนกลาง โดยผู้ที่พบเขาคนแรกเป็นชาวไร่ชื่อ อันนา ตักฮตาโรวา (Anna Takhtarova) และหลานสาววัย 4 ขวบคือ มาร์การิตา (Margarita)
     
       ภายหลังมาร์การิตาให้สัมภาษณ์สื่อท้องถิ่นว่า เธอเห็นตัวประหลาดสีส้มหัวใหญ่ๆ เดินตรงมาที่เธอและย่า แล้วย่าของเธอได้ช่วยกาการินถอดหมวกนิรภัยออก โดยกดปุ่มบางอย่าง และเมื่อเห็นใบหน้าที่ยิ้มให้อยู่เบื้องหน้า ทั้งย่าและหลานจึงได้เข้าใจว่าสิ่งที่ยืนอยู่ตรงหน้านั้นคือมนุษย์
     
       หากแต่เป็นเวลาหลายปี ที่สหภาพโซเวียตปกปิดเรื่องการกระโดดร่มลงพื้นโลก เพราะว่าตามกฎการบินของโลกในสมัยนั้น ผู้ที่จะนำยานพาหนะลงจอดได้ต้องได้รับการอนุญาตตามกฎหมาย 
     
       ลูกช่างไม้ได้ท่องอวกาศ
       

       กาการินเกิดเมื่อปี 1939 โดยเป็นลูกของช่างไม้ และในปี 1941 นาซีได้เข้ายึดครองหมู่บ้านของเขา ที่อยู่ทางตะวันตกของรัสเซีย เขาจึงไม่ได้ไปโรงเรียนจนถึงปี 1943 แต่หลังจากเรียนจบ 7 ปีในโรงเรียน เขาก็ได้รับการฝึกฝนเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับอาชีพในโรงงาน ไม่ต่างจากชาวโซเวียตอีกหลายล้านคนในยุคนั้น
     
       ด้วยความหลงใหลในเครื่องบินมาตั้งแต่เด็ก กาการินได้เข้าร่วมชมรมการบินเมื่ออายุ 20 ปี และต่อมาได้รับการฝึกให้เป็นนักบินสู้รบในโรงเรียนฝึกทหาร และได้สมัครเป็นตัวแทนมนุษย์อวกาศคนแรกในโครงการลับเมื่อปี 1959 แม้จะมีส่วนสูงเพียง 160 เซนติเมตร และได้รับเลือกด้วยเหตุผลว่า เขาเป็นมิตรกับทุกคนและมีบุคลิกที่เข้าถึงประชาชน 
     
       จากคำเปิดเผยของ บอริส วอลินอฟ (Boris Volynov) นักบินอวกาศรัสเซีย ผู้มีชีวิตร่วมสมัยกับกาการินกล่าวว่า บุคลิกของกาการินไม่ใช่ผู้นำ แต่เขาเป็นมิตรกับทุกคน และยังได้รับการปฏิบัติจาก เซอร์เกย์ โคโรยอฟ (Sergei Korolev) เจ้าพ่อแห่งวงการอวกาศรัสเซีย ผู้อยู่เบื้องหลังการส่งดาวเทียมสปุตนิก 1 (Sputnik1) และการส่งมนุษย์ขึ้นสู่อวกาศราวกับเป็นลูกชายตัวเอง
     
       ตายปริศนา
       

       หลังสร้างประวัติศาสตร์ให้วงการอวกาศได้เพียง 7 ปี กาการินก็จบชีวิตลง หลังประสบอุบัติเหตุจากซ้อมขับเครื่องบินรบเมื่อวันที่ 27 มี.ค.1968 โดยเครื่องเครื่องบินรบตระกูล “มิก” (Mig fighter) ที่เขาซ้อมรบร่วมกับครูฝึกคือ วลาดิมีร์ เซอร์ยอกิน (Vladimir Seryogin) ได้ตก ในแคว้นวลาดิมีร์ซึ่งอยู่นอกกรุงมอสโกว์
     
       อุบัติเหตุครั้งนี้ ไม่ได้รับการอธิบายอย่างชัดเจน บ้างว่าอุบัติเหตุดังกล่าวเกิดจากการเปลี่ยนระดับเพดานบินอย่างรวดเร็วเพื่อหลบหลีกสิ่งกีดขวาง บ้างว่าถูกโจมตีโดยอากาศยานอื่น บ้างก็ว่าขาดออกซิเจนในห้องโดยสาร
     
       นอกจากนี้ยังมีข้อสันนิษฐานว่า อุบัติเหตุดังกล่าวอาจเกิดมีสาเหตุจากนักบินร่วมของเขา หรืออาจเป็นคำสั่งของ เลโอนิด เบรซเนฟ (Leonid Brezhnev) ผู้นำโซเวียตคนใหม่ ที่อิจฉาความโด่งดังของเขา
     
       การเสียชีวิตของกาการิน ได้รับการบันทึกจากคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์ของสหภาพโซเวียต และสภารัฐมนตรีในวันที่ 28 พ.ย.1968 ว่าเป็นเรื่อง “ลับเฉพาะ” ซึ่งเอกสารของคณะกรรมการระบุว่า การซ้อมรบของกาการินและนักบินร่วมนั้น ได้นำเครื่องบินไปเผชิญกับภาวะวิกฤต และการหยุดทำงานกลางคันของเครื่องยนต์ ท่ามกลางสภาพอากาศอันย่ำแย่
     
       มีข้อสันนิษฐานมากมายเกี่ยวกับสาเหตุการตายของกาการิน แต่ทั้งหมดล้วนไม่มีหลักฐานรองรับ แต่ล่าสุดสำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ทางการของรัสเซียได้เปิดเผยเอกสารที่ไม่เป็นความลับอีกต่อไป ซึ่งระบุว่า ความตายอันเป็นปริศนาของเขานั้นเกิดการซ้อมรบเพื่อหลบบอลลูนตรวจสภาพอากาศอย่างฉับพลัน
     
       แม้สหภาพโซเวียตจะล้มสลายไปแล้ว แต่กาการินก็ยังกลายเป็นวีรบุรุษในยุคคอมมิวนิสต์ไม่กี่คน ที่ยังได้รับศรัทธาอย่างไม่เสื่อมคลาย สเปซเดลีรายงานว่า เมื่อปี 2010 ที่ผ่านมากาการินติดอันดับสูงของในการสำรวจบุคคลสำคัญ อันเป็นสัญลักษณ์ประจำชาติแห่งศตวรรษที่ 20 โดยได้รับความนิยมสูงสุดในกลุ่มตัวอย่างอายุระหว่าง 18-24 ปี.


       


ภาพยนตร์เรื่อง First Orbit ฉลอง 50 ปีการส่งมนุษย์อวกาศครั้งแรก (ความยาว 1 ชั่วโมง 39 นาที 15 วินาที)




วันเสาร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2554

ทูตสวรรค์ร้องเพลง

เคยเอามาใส่ไว้ในบล็อกตั้งแต่ปลายปี09 แต่สมัยนั้นยังไม่มีเทคโนโลยีเอาวีดีโอขึ้นเว็บ หรือเป็นเพราะว่าผมทำไม่เป็นก็ไม่รู้ และเป็นเว็บของtangelด้วย ซึ่งเป็นเว็บของคริสเตียนแบบyoutube

แต่คราวนี้เจอในyoutube เป็นวีดีโอเดียวกับที่ผมเคยเห็นในtangel เลยเอามาใส่ไว้ให้เห็นอีกครั้ง

อันนี้ข่าวเก่าครับ ลอกมาให้ดูกัน

     ได้ดูจากเว็บtangleของคริสเตียน คลิปนี้แล้วประทับใจมาก เสียงทูตสวรรค์ร้องเพลง เป็นข่าวในหนังสือพิมพ์เมืองแคนซัส เขาบอกว่าคนเจ็ดคนไปฝึกร้องเพลงประสานเสียงAcappellaอยู่ในโบสถ์ (แบบดนตรีในโบสถ์) ไม่มีเครื่องดนตรี  เขาได้อัดเสียงที่ฝึกร้องเอาไว้แล้วก็หยุดร้อง  เมื่อมาเปิดฟังมีเสียงทูตสวรรค์ร่วมร้องเพลงเป็นพันๆเสียงร่วมร้อง มีเสียงเครื่องดนตรีนานาชนิดด้วย เมื่อพวกเขาหยุดร้องไปแล้ว แต่ยังมีเสียงSoloของทูตสวรรค์ร้องอยู่   เสียงทูตสวรรค์ร้องเป็นพันๆเสียงนี้  Professor ทางด้านดนตรีบอกว่า เสียงแบบนี้ไม่มีมนุษย์คนใดร้องได้   เสียงสูงเกินกว่าเสียงมนุษย์จะไปถึง  และมนุษย์ไม่สามารถจะลากเสียงร้องยาวนานแบบนี้ได้ บอกได้อย่างเดียวว่า Supernatural ลองฟังดูครับ




ชีวิตพระเยซูคริสต์ : แบบอย่างชีวิต

จากลูกาบทที่ 3 ก่อนพระเยซูจะออกทำพระราชกิจ พระองค์พบยอห์น บัพติศโต


Luke 3:21 อยู่มาเมื่อคนทั้งปวงรับบัพติศมา และพระเยซูทรงรับด้วย ขณะเมื่อทรงอธิษฐานอยู่ ท้องฟ้าก็แหวกออก

จะเห็นว่าพระเยซูทรงรับบัพติศมาด้วย

Luke 3:22 และพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงรูปสัณฐานเหมือนนกพิราบได้ลงมาบนพระองค์ และพระสุรเสียงมาจากฟ้าสวรรค์ว่าท่านเป็นบุตรที่รักของเรา เราชอบใจท่านมาก” 



พระองค์ทำทุกสิ่งให้เป็นที่ชอบในสายตามนุษย์และสายตาพระเจ้า จาก ลูกา 2:52





พระเจ้าลงมายืนยันการรับบัพติศมาของพระเยซูคริสต์ทั้งพระวิญญาณบริสุทธิ์และพระบิดา



แบบอย่างชีวิตเป็นเรื่องสำคัญ ดูพระเยซูเป็นตัวอย่าง ทั้งๆที่พระองค์เป็นพระเจ้า แต่พระองค์ก็รับบัพติศมาจากยอห์นเหมือนดังเช่นคนอื่นที่รับกัน ซึ่งแสดงถึงการกลับใจใหม่

ในฐานะที่เราเป็นคริสเตียน เราก็ต้องสำแดงชีวิตออกมาจากภายในใจเราทั้งหลาย ให้ปรากฏแก่คนทั้งปวง

ในฐานะที่เราเป็นผู้รับใช้พระเจ้า เราต้องเป็นแบบอย่างในทุกสิ่ง เป็นแบบอย่างในการรับใช้ เป็นแบบอย่างในการเป็นผู้ปรนนิบัติคนทั้งปวง เหมือนเช่นที่พระเยซูเป็น ซึ่งเราจะค่อยๆดูกันไปจากพระธรรมลูกาฉบับนี้ครับ

จากพระวจนะพระเจ้า เรามาดูตอนที่พูดถึงแบบอย่างชีวิตบ้างครับ

Phil 3:17 ดูก่อน​พี่​น้อง​ทั้ง​หลาย ท่าน​จง​ร่วมกัน​ตาม​แบบอย่าง​ของ​ข้าพเจ้า ท่าน​มี​พวก​เรา​เป็น​ตัวอย่าง​แล้ว จง​ดู​คน​ที่​ประพฤติ​ตาม​แบบ​นั้น​

2Thess 3:9 มิใช่​เพราะ​เรา​ไม่​มี​สิทธิ์ แต่​ว่า​เพื่อ​ทำ​ตัว​เป็น​แบบอย่าง​ให้​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ทำ​ตาม​

1Tim 4:12 อย่า​ให้​ผู้ใด​หมิ่น​ประมาท​ความ​หนุ่ม​แน่น​ของ​ท่าน แต่​จง​เป็น​แบบอย่าง​แก่​คน​ที่​เชื่อ​ทั้ง​ปวง ทั้ง​ใน​ทาง​วาจา​และ​การ​ประพฤติ ใน​ความ​รัก ใน​ความ​เชื่อ และ​ใน​ความ​บริสุทธิ์​

Titus 2:7 ท่าน​จง​ประพฤติ​ตน​ให้​เป็น​แบบอย่าง​ใน​การ​ดี​ทุก​สิ่ง และ​ใน​การ​สอน​จง​สุจริต​และ​มี​ใจ​สูง​

1Pet 5:3 และ​ไม่ใช่​เหมือน​เป็น​เจ้านาย​ที่​ข่ม​ขี่​ผู้​ที่​อยู่​ใต้​อำนาจ แต่​เป็น​แบบอย่าง​แก่​ฝูง​แกะ​นั้น​

ทั้งหมดนั้นมาจากภาษากรีกคำเดียวกันครับ คือ G5179 τύπος tupos (too'-pos) n.

ชีวิตเราเป็นตัวอย่าง เป็นแบบอย่างให้คนทั้งหลายได้เห็นและเดินตาม  ถ้าชีวิตของเราเป็นชีวิตแบบพระเยซูคริสต์ เราก็มั่นใจได้ว่าทุกคนจะเติบโตขึ้นและเป็นต้นแบบแห่งชีวิตที่ชี้ไปถึงพระเจ้า ให้คนทั้งหลายได้เห็นและเดินตาม

1Cor 11:1 ท่าน​ทั้ง​หลาย​ก็​จง​ปฏิบัติ​ตาม​อย่าง​ข้าพเจ้า เหมือน​อย่าง​ที่​ข้าพเจ้า​ปฏิบัติ​ตาม​อย่าง​พระ​คริสต์​ 

ชีวิตของเราจึงสำคัญมากเป็นต้นแบบ ชี้ไปถึงพระเยซูคริสต์  เปาโลบอกว่าจงปฏิบัติตามอย่างข้าพเจ้า เหมือนที่ข้าพเจ้าปฏิบัติตามอย่างพระคริสต์  ดังนั้นอย่าบอกให้ใครเป็นเช่นพระคริสต์ แต่ตัวเราไม่ได้มีลักษณะเป็นเช่นพระคริสต์

พระคัมภีร์ที่เราได้ดูมาโดยตลอดในครั้งนี้นั้น ได้ทำให้เราเห็นว่าชีวิตและแบบอย่างเป็นเรื่องสำคัญ ชีวิตและแบบอย่างของเรา เหมือนเราเป็นอย่างพระคริสต์

เราต้องรับผิดชอบต่อพระเจ้านะครับ ว่าเรากำลังแสดงชีิวิตแบบไหนให้คนทั้งหลายเห็น เขาเห็นแล้วเขาประทับใจพระเจ้าหรือไม่ เขารู้ว่าเราเป็นลูกพระเจ้า และมีลักษณะชีวิตที่สมกับลักษณะของลูกพระเจ้าจริงๆ

มาดูในลูกาต่อครับ

Luke 3:23 ฝ่าย​พระ​เยซู เมื่อ​ทรง​เริ่ม​พระ​ราช​กิจ ​พระ​องค์​มี​พระ​ชนมายุ​ประมาณ​สามสิบ​พรรษา ตาม​ความ​คาดหมาย​ของ​คน​ทั้ง​หลาย เข้าใจ​ว่า​เป็น​บุตร​โยเซฟ ซึ่ง​เป็น​บุตร​เฮ​ลี​

พระองค์มีเวลาแห่งการเริ่มพระราชกิจ เมื่ออายุสามสิบปี  ดังนั้นทุกสิ่งที่เราทำ ก็ขอให้เป็นเวลาของพระเจ้าในชีวิตเราเช่นกันนะครับ ขอพระเจ้าอวยพระพรแก่ทุกท่านครับ

วันศุกร์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2554

ปรากฏการณ์ธรรมชาติน่าตื่นตาของโลก

พบเห็นสิ่งนี้ เอามาแบ่งปันให้ดูครับ สิ่งที่เราอาจไม่เคยรู้ว่ามีแบบนี้ด้วยหรือ จาก atcloud.com /ประภพ
ปรากฏการณ์ธรรมชาติ ดอกไม้น้ำแข็ง



Ice Flowers เป็นอีก 1 ปรากฏการณ์ธรรมชาติ ที่สร้างความตกตลึงให้แก่ผู้พบเห็น เนื่องจากมันจะเกิดขึ้นบนทะเลที่กลายเป็นน้ำแข็ง และเกิดมีเกร็ดน้ำแข็งที่ก่อตัวขึ้นมาเป็น ช่อดอกไม้สีขาง กลีบบางผุดขึ้นมาเต็มพื้นน้ำแข็ง

สาเหตุ ของการเกิด ปรากฏการณ์ธรรมชาติดอกไม้น้ำแข็ง

  * ปรากฏการณ์ธรรมชาติ ดอกไม้น้ำแข็ง เป็นหนึ่งในรูปแบบของแผ่นน้ำแข็ง ที่เพึ่งก่อตัวขึ้นใหม่
  * เมื่อไอน้ำอิ่มตัว ( Saturated Water Vapors ) ที่แทรกตัวขึ้นมาตามรอยแตกของแผ่นน้ำแข็ง
  * เมื่อไอน้ำอิ่มตัว สัมผัสกับอากาศเย็นจัดด้านบนก็จะเริ่มก่อตัวเป็นเกร็ดน้ำแข็ง
  * ส่วนเกลือบนที่อยู่บนผิวของเกร็ดน้ำแข็งก็จะเกิดการตกผลึก เป็นเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยบนผิวของเกร็ดน้ำแข็ง
  * ผลึกเกลือที่เกิดขึ้นจะเป็นเสมือนแกนให้ให้ไอน้ำอิ่มตัว ที่เหลือเกาะเป็นเกร็ดน้ำแข็งใหม่ขึ้นสลับไปมาจนซ้อนทับกันจนคล้าย กลีบดอกไม้






ปรากฏการณ์ธรรมชาติ หินเดินได้

Sailing Stones เป็น 1 ใน ปรากฏการณ์ธรรมชาติ ที่ยังคงเป็น ปริศนา ที่เกิดขึ้นที่ อุทยานแห่งชาติเดท วัลลี่ย์ (Death Valley National Park) ในรัฐแคลิฟอร์เนีย  (California) ประเทศสหรัฐอเมริกา
ส่งที่พบก็คือ จะพบร่องรอยการเคลื่อนที่ของก้อนหิน ที่ทิ้งไว้บนดินเหนียวที่แห้งเป็นทางยาว โดยปรากฏการณ์ธรรมชาติ นี้จะเกิดขึ้นทุก  2 - 3 ปี ครั้ง และหินบางก้อนก็ใช้เวลากว่า 3 - 4 ปีในการเคลื่อนที่
ปรากฏการณ์ ดินเดินได้ เกิดจากมนุษญ์ หรือ สัตว์ หรือไม่
จาก ลักษณะรูปร่างของร่องรอยการไถลของหินนั้นบ่งบอกได้ว่าหินก้อนนั้นต้อง เคลื่อนที่ในช่วงที่พื้นของเรซแทรค พลาย่านั้นถูกปกคลุมด้วยดินเหนียวอ่อนนุ่ม ถ้าเป็นฝีมือของคนหรือสัตว์จะต้องมีร่องรอยของการเหยียบย่ำรบกวนชั้นดิน เหนียวด้วย แต่ในบริเวณดังกล่าวไม่ปรากฏหลักฐานร่องรอยจากคนหรือสัตว์ที่จะช่วยให้หิน เคลื่อนที่เลย มีเพียงร่องรอยการไถลของหินเท่านั้น





ปรากฏการณ์ธรรมชาติ ไอส์เซอร์เคิ้ล ( Ice Circle )

Ice Circle ไอส์เซอร์เคิ้ล เป็น ปรากฏการณ์ธรรมชาติ ที่พบเห็นได้ยาก และสมมุติฐานที่เป็นที่ยอมรับกันถึงสาเหตุการเกิดปรากฏการณ์ธรรมชาติ ไอส์เซอร์เคิ้ล นี้เกิดจากการที่ ผิวน้ำเริ่มก่อตัวเป็น น้ำแข็งจากบริเวณกึ่งกลางของผิวน้ำ แล้วค่อยๆก่อตัวตามขอบเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และต้องประกอบกับแหล่งน้ำจะต้องไหลเอื่อยๆ เพื่อให้เกิด น้ำแข็ง สามารถก่อตัวบริเวณขอบ ขณะหมุนขยายตัวออกมาเรื่อยๆ จนไปชนกับขอบน้ำแข็งแผ่นอื่นๆ ไอส์เซอร์เคิ้ล บางแผ่นมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางถึง 150 เมตร อาดจะพบอยู่เดี่ยวๆ หรือเป็นกลุ่มก็ได้



ไอส์เซอร์เคิ้ล วงนี้ถ่ายที่ Norwalk เมื่อ 2003


ไอส์เซอร์เคิ้ล วงนี้ถ่ายที่ Amasa, Michigan in 2006

ปรากฏการณ์ธรรมชาติ เมฆจานบิน


Lenticular เป็นภาษาลาติน มีความหมายว่า รูปทรง เลนส์ (Lens - Shaped ) เมฆรูปทรงเลนส์ ( Lenticular cloud ) เป็น ปรากฏการณ์ธรรมชาติ แสนประหลาด และสวยงาม มันช่างดูคล้าย จานบิน ไม่มีผลิต และหากปรากฏการณ์ เมฆรูปทรงเลนส์ ก็ขึ้นในสมัยก่อน รูปภาพวัตถุบินลึกลับ ต่างที่มีการจารึกไว้ก็อาดเป็น ปรากฏการณ์นี้ก็เป็นไปได้

สาเหตุของการเกิด เมฆจานบิน

เมื่ออากาศชื้นอิ่มตัวพัดผ่านยอดเขาสูง หรือบริเวณภูเขา จะทำให้เ ิดการไหลของกระแสอากาศชื้น แบบลูกคลื่นขนาดใหญ่ หลายระลอกขึ้น เมื่ออากาศชื้นถูกพัดไหลขึ้นสูงขึ้นเรื่อย ตามระลอกคลื่นอุณหภูมิจะค่อยลดลงเรื่อยจนถึงจุดที่ทำให้ อากาศชื้นเริ่มกลั่นตัว ทำให้เกิด ปรากฏการณ์ เมฆจานบิน เมื่อเมฆไหลลงมาต่ำเรื่อยๆอุณหภูมิจะสูงขึ้น เมฆจะค่อยๆระเหยกับไปอยู่ในสภาพของอากาศชื้นอีกครั้ง



รูปทฤษฎี การเกิดปรากฏการณ์ เมฆจานบิน โดยความสูงที่จะเกิดปรากฏการณ์นี้จะอยู่ที่ระหว่าง 6,000 - 12,000 เมตร




ปรากฏการณ์ธรรมชาติ เมฆ สวยที่สุดในโลก


Mammatus Clouds เมฆ แมมมะทูส หรือ เมฆตะปุ่มตะปํ่า (Bumpy clouds) เป็น ปรากฏการณ์ธรรมชาติ ที่จะทำให้เมฆเกิด เป็นเซล เป็นปุ่มเล็กปุ่มน้อย คล้ายถุงห้อยลงมาจากท้องฟ้า โดยคำว่า  "mammatus" มาจากภาษาลาติน mamma แปลว่าเต้านม ซี่งมาจากการที่ก้อนเมฆมีลักษณะคล้าย เต้านมของวัว โดยแต่ละปุ่มมีขนาดใหญ่ 1 - 3 กิโลเมตร ยืนยาวลงมาประมาณ 0.5 กิโลเมตร เรียงรายยาวหลายร้อยกิโลเมตร ปรากฏการณ์ นี้อาดเกิดขึ้น 15 นาที ถึง 1 ชั่วโมง ปรากฏการณ์ เมฆ แมมมะทูส มีส่วนเชื่อมโยงกับ การเกิดพายุใหญ่ หรือก่อนเกิดพายุ ทอร์นาโด





ปรากฏการณ์ธรรมชาติ ทุ่งน้ำแข็ง นักบวชขาว ( Penitentes )

Penitentes เป็น ปรากฏการณ์ธรรมชาติ ที่เกิดจากรูปแบบการก่อตัวของหิมะ ที่พบได้ในบริเวณที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลมากๆ โดยมีรูปแบบเป็นแท่งสามเหลี่ยม เรียวยาวสูง ซึ่งสาเหตุของการเกิดปรากฏการณ์นี้ก็มีแสงอาทิตย์เป็นที่ทำให้เกิดรูปทรง ประหลาดนี้ โดย แสงอาทิตย์จะทำให้เกิด รอยบุ่มเป็นจุดๆ กระจายตัวไปทั่วทั้งพื้นหิมะ และรอยบุ่มนี้ก็จะมีแอ่งน้ำเล็กขังอยู่ และอ่างน้ำนี้เมื่อถูกแสงอาทิตย์ก็จะทำตัวคล้ายเลนส์ รวมแสงส่องลงไปลึกขึ้นๆ เรื่อยๆ จนเกิดเป็นทุ่งน้ำแข็ง นักบวชขาว อันเนื่องมาจากรูปทรงของ น้ำแข็ง นี้คล้ายกับหมวกของพวกนักบวชทรงแหลมสูง


รูปทุ่งน้ำแข็งนักบวชขาว Nieves Penitentes ที่ระดับความสูง  19,000 ฟุต บน Volcan Aucanquilcha( Note ชายในรูปที่ใส่เสื้อสีเหลืองมีความสูง 1.80 เมตร )
การค้นพบ ทุ่งน้ำแข็งนักบวชขาว
โดยทุ่งน้ำแข็ง นักบวชขาว นี้เป็นที่รู้จักของบุคคลภายนอกโดยจากงานเขียน ของดาวิน ในปี 1839 เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 1835 โดยเขาได้เดินทางจากเมือง Santiago de Chile ไปยังเมือง Argentinian city of Mendoza และระหว่างทางเขาก็ได้พบกับทุ่งน้ำแข็งนักบวชขาว เข้า และเขาได้อธิบายปรากฏการณ์นี้ ด้วยสมมุติฐานว่า เกิดจากลมจากเทือกเขาเอนดีส ( Andes ) และต่อมาในปี 1954-1965 Lliboutry ที่ได้ทำการศึกษา ปรากฏการณ์นี้มีกุญแจสำคัญคือ ความแตกต่างของการระเหยตัวของหิมะ ซึ่งเกิดจากการที่ ที่น้ำเกิดการกลั่นตัว ภายใต้จุดเยือกแข็ง จึงทำให้น้ำมีความบริสุทธิ์มาก และน้ำที่บริสุทธิ์มากก็ต้องการพลังงานที่สูงกว่าในการละลายตัว ทำให้เกิดบริเวณที่น้ำแข็งไม่บริสุทธิ์ เกิดการระเหยตัวเป็นแอ่งน้ำ เล็กๆกระจายตัวไปทั่วพื้นน้ำแข็? และละลายลึกลงเรื่อยๆ จนเกิดเป็นทุ่งน้ำแข็งนักบวชขาวขึ้น




ถามว่าทำไมจึงจึงเรียกว่า ทุ่งน้ำแข็งนักบวชขาว ที่มาก็คงมาจากลักษณะรูปทรงที่คล้ายหมวกที่นักบวช พวกนี้สวมใส่อยู่

ปรากฏการณ์ธรรมชาติ สายฟ้า แห่ง ภูเขาไฟ สวยที่สุดในโลก


Volcanic Lightning เป็น ปรากฏการณ์ธรรมชาติ อันมหัศจรรย์ ที่เกิดขึ้นระหว่างการเกิด ภูเขาไฟระเบิด จะเกิด พายุสายฟ้า ขึ้นในเถ้าภูเขาไฟที่กำลังพวยพุ่งขึ้นเหนือ ภูเขาไฟ โดยนักวิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถค้นพบสาเหตุ ของ ปรากฏการณ์ โวลเคนิก ไลทนิ่ง (Volcanic Lightning) โดยนักวิทยาศาสตร์ได้ตั้งสมมุติฐานว่า ปรากฏการณ์ โวลเคนิก ไลทนิ่ง นั้นน่าจะคล้ายการเกิด พายุสายฟ้า ( Thunderstorms ) และในการสัมนาเกี่ยวกับสภาวะอากาศ TPOD เมื่อ 17 กันยายน 2004 เหล่านักวิทยาศาสตร์ ได้สัมนากันว่าปรากฏการณ์นี้ อาดเกิดจากการที่อนุภาคของเถ้าภูเขาไฟเกิดการพุ่งชนกัน ทำให้เกิดไฟฟ้าสถิต ขึ้นในอนุภาคของเถ้าภูเขาไฟ และเป็นเหตุให้เกิดฟ้าผ่าขี้น ขณะเกิดภูเขาไฟระเบิด และเมื่อเร็วๆนี้ ก็มีสมมุติฐานใหม่ ว่าอาดเกิดจากที่เม็กม่า ได้ปลดปล่อยความชื้นออกมา



ทำไม การระเบิดของภูเขาบางครั้งจึงเกิด โวลเคนิก ไลทนิ่ง
Why ทำไม จึงเกิดปรากฏหการณ์ โวลเคนิก ไลทนิ่ง แค่บางครั้ง การระเบิดบางครั้งที่ปล่อยเถ้าภูเขาไฟจำนวนมาก แต่เกิดฟ้าผ่าเพียงเล็กน้อย หรือไม่เกิดฟ้าผ่าเลย แต่การระเบิดบางครั้งที่มีเถ้าภูเขาไฟน้อย แต่เกิดฟ้าผ่าจำนวนมาก หินภูเขาไฟที่พ่นออกมาสามารถอธิบายได้ว่าถ้าหินภูเขาไฟมีความต้านทานไฟฟ้า สูง จะมีโอกาศที่จะเกิด ปรากฎการณ์ โวลเคนิก ไลทนิ่ง มากขึ้น จึงอาดจะอธิบายได้จากอุปกรณ์ไฟฟ้าในบ้าน อย่างสายไฟไส้ทองแดง (ทองแดงมีความต้านทานไฟฟ้าต่ำ) สายไฟจะไม่เกิดความร้อนและ ประกายไฟขึ้น แต่ถ้ากระแสไฟฟ้าขนาดเท่ากันไรผ่าน ทังค์สแตน (ไส้หลอดไฟ) จะเห็นว่าไส้หลอดจะเกิดแสงสว่าง และความร้อนขึ้น



เหตุการณ์ ภูเขาไฟ Sakurajima ระเบิด เมื่อ 18 พฤษภาคม 1991 พร้อมกับการเกิด ปรากฏการณ์ โวลเคนิก ไลทนิ่ง (Volcanic Lightning) เครดิตรูปภาพโดย  Sakurajima Volcananological Observatory
ปรากฏการณ์ธรรมชาติ รุ้ง กินน้ำ สวยที่สุดในโลก




Rainbow รุ้งกินน้ำ เป็น ปรากฏการณ์ธรรมชาติ ที่เกิดจากการที่แสง ได้เกิดการหักเหของแสงที่เกิดขึ้นในระอองน้ำ สะท้อนออกมาทำให้เห็นสีของแสงทั้ง 7 สี คือ สี ม่วง คราม น้ำเงิน เขียว เหลือง ส้ม แดง


รุ้งกินน้ำ สองตัว ซ้อนกัน ภ่ายที่ทุ่งใน Whitestone , Alaska



รุ้งกินน้ำ สองตัวซ้อนกัน และมีเงาสะท้อนรุ้งกินน้ำในน้ำด้วย ภาพภ่ายที่ Kansas , สหรัฐอเมริกา


ภาพ รุ้งกินน้ำ สุดสวยน้ำอาดจะดูผิดธรรมชาติ เนื่องจากการใช้เทคนิคภ่ายที่เรียกว่า  " HDR Technique "


ปรากฏการณ์ธรรมชาติ กองทัพ คลื่น แห่ง แม่น้ำอเมซอน ( Pororoca )


Pororoca คือ ปรากฏการ์ณธรรมชาติ ที่จะเกิดประมาณ สองปีครั้ง ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ และมีนาคม จากการที่น้ำจากมหาสมุทรแอตแลนติก ( Atlantic Ocean ) ไหลย้อนขึ้นมาใน แม่น้ำอเมซอน ประเทศบราซิล และก่อให้เกิดปรากฏการณ์ธรรมชาติ คลื่นน้ำที่วิ่งต่อๆกันมา ยาวที่สุดในโลก บริเวณปากแม่น้ำ

ลักษณะ ของ กองทัพคลื่น แห่ง แม่น้ำอเมซอน โดยปรากฏการณ์นี้ได้ชื่อว่า " Pororoca " ซึ่งมาจากภาษา?ื้นเมืองของชนเผ่า Tupi ที่แปลว่า มหาเสียงกัมปนาท "great destructive noise" เนื่องจากเสียงจากการเกิดคลื่นนี้สามารถได้ยินล่วงหน้ากว่า 30 นาที ก่อนที่คลื่นจะเคลื่อนตัวมาถึง และมันยังทรงไปด้วยอนุภาพในการทำลายล้าง ทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้ามัน ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ใหญ่ บ้านชาวพื้นเมือง รวมถึงสิ่งมีชีวิตทุกอย่างที่หาญกล้าท้าทายมัน แต่ก็ยังมีมนุษย์ที่ไม่ยำเกรงมัน กับหลงไหลในพลกำลัง รวมตัวกันโต้คลื่นโดยเริ่มตั้งแต่ปี 1999 แต่นั้นก็เต็มไปด้วยอันตราย เนื่องจากคลื่นน้ำนั้น เต็มไปด้วย เศษไม้ ซุง ซึ่งพร้อมจะเข้ามากระแทรกนักโต้คลื่นได้ทุกเวลา จากการบันทึก นักโต้คลื่นชาวบราซิลเรี่ยน ชื่อว่า Picuruta Salazar สามารถโต้คลื่นได้เป็นระยะทางกว่า 12.5 กิโลเมตร เป็นเวลากว่า 37 นาที



ยังมีนักโต้คลื่น เป็นจำนวนมากที่หลงใหล ในคลื่น Pororoca และพร้อมจะเสี่ยงเพื่อสัมผัสมัน และทำให้มันได้รับระดับความน่ากลัว



คงไม่มีปรากฏการณ์ธรรมชาติ หรือสถานที่ไหนที่จะนำคุณมาพบ กองทัพ คลื่น ยาวที่สุดในโลก เช่น Pororoca

ปรากฏการณ์ธรรมชาติ ทะเลโฟม ( Whipping Cream Ocean )


Whipping Cream Ocean เป็น ปรากฏการณ์ธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นบริเวณชายฝั่งทางเหนือของ เมืองซิดนี่ย์ ( Sydney ) ที่ยัมบา ( Yamba ) ของ นิวเซาธ์เวลส์ ( New South Wales ) และได้แปรเปลี่ยนชายฝั่งเป็น คาปูชิโนใน ( Cappuccino Coast ) ฟองโฟนได้ กลืนกินทั้งหาด และอาคารสิ่งก่อสร้างไปกว่าครึ่งหลังที่ก่อสร้างอยู่ริมชายหาด ไม่เว้นแม้แต่ศูนย์หน่วยกู้ภัยชายหาดท้องถิ่น ฟองโฟนนี้นกินอาณาบริเวณออกไป กว่า 30 ไมล์จากชายฝั่ง

โดยนักวิทยาศาสตร์ได้อธิบายถึงสาเหตุของ ปรากฏการณ์ธรรมชาติ นี้ไว้ว่าเกิดจาก ความบังเอิญหลายอย่างที่ลงตัว ฟองโฟมเหล่านี้ไม่ได้เกิดสิ่ง สวยงาม แต่มันเกิดจาก สิ่งสกปรกต่างๆ ที่มนุษย์ได้สร้างขึ้น ทำให้ทะเลสกปรก , เกิดจากเกลือ , เกิดจากปฎิกริยาทางเคมี , การเน่าเปื่อยของซากพืช ซากสัตว์ในทะเล ปลา ที่เกิดจากน้ำเสียที่มนุษย์ได้สร้างขึ้น เมื่อทุกอย่างมารวมตัวกันด้วยส่วนผสมที่ลงตัว และมีคลื่นที่เคลื่อนตัวแล้วม้วนตัวลงก็จะทำให้เกิดฟอง และเมื่อคลื่นได้เคลื่อนมากระทบฝั่งจะคลายฟอง ออกมาสะสมอยู่ที่ริมชายหาดสะสมตัวขึ้นมากขึ้นเรื่อยๆ



เหล่าเด็กต่างสนุกสนาน ต่อปรากฏก รณ์ประหลาดนี้ และลงไปเล่นกันทั้งดำผลุดดำว่าย

ไม่เว้นแม้แต่วัยรุ่นสาวกลุ่มนี้ต่างก็แต่งชุดว่ายน้ำลงมาเล่นฟองโฟนกัน อย่างสนุกสนาน แต่ถ้ารู้ถึงสาเหตุของโฟมเหล่านี้แล้ว ก็ไม่รู้จะยังสนุกกันหรือไม่

ปรากฏการณ์ธรรมชาติ เสาเพลิงหมุน น่ากลัวที่สุด

Fire whirl เสาเพลิงหมุน หรือมีชื่อเรียกอย่างไม่เป็นทางการอื่นอีกเช่น ไฟปีศาจ ( Fire devil ) หรือ โทร์นาโดไฟ ( Fire tornado ) เป็น หนึ่งใน ปรากฏการณ์ธรรมชาติ ที่ยากยิ่งที่จะเกิดขึ้น และพบเห็นได้ เนื่องจากจะต้องอยู่ในสภาวะเฉพาะ ( คือจะต้องมีอุณหภูมิอากาศที่เหมาะสม และกระแสลมที่เหมาะสม เท่านั้น ) และเมื่อทุกอย่างเหมาะสม จะเกิด เสาเพลิงหมุนวน ในแนวดิ่ง ขึ้น

เหตุการณ์ เสาเพลิงหมุน ในอดีต สุดสพึง

1923 เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหว ครั้งใหญ่ในคันโต ( Great Kanto Earthquake ) ขึ้นที่ประเทศญี่ปุ่นเสาเพลิงหมุน ขนาดใหญ่ขึ้นโดยกินเวลา 15 นาทีและในเหตุการณ์แผ่นดินไหว และเพลิงไหม้ครั้งนี้ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 38,000 คน และทำให้เกิดเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ ไปทั้งเมือง ทำให้เกิด




รูปภาพ เมืองที่เหลือแต่เถ้าถ่านจาก มหาเพลิงไหม้ หลังจากเหตุการณ์ Great Kanto Earthquake